|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร
เป็นคำที่พูดกันมาก แต่เข้าใจกันน้อย เอาไปใช้ในการแข่งขันกีฬาก็มี การแข่งขันนี้ป็นการแข่งขันกับใจตัวเอง ใช่ที่ใครอื่น คือ ตัว กับ ใจ การทำใจยอมรับผู้ที่ทำร้ายตนเอง ด้วยคำด่าบ้าง ด้วยการประทุษร้ายบ้าง โดยการไม่โต้ตอบ เป็นผู้สงบ เข้าใจในเหตุและผลของกรรมทั้งตนเองและผู้อื่นนั้นเป็นขันติอย่างยิ่ง ด้วยเพราะเหตุเห็นโทษและภัยอันจะเกิดทุกข์แก่ตนและผู้อื่นไม่มีวันจบสิ้น โดยการเป็นผู้แพ้ คือแพ้จากการโต้ตอบผู้อื่น โดยเป็นผู้สงบ ถึงแม้โลกจะติเตียนว่าเรานี้เป็นผู้แพ้ แต่เนื้อแท้แห่งธรรมเราหาได้แพ้ด้วยไม่ เราแพ้ผู้อื่นด้วยเพราะเหตุการชนะใจของตน ธรรมจึงสมมติว่านี่คือเป็นผู้ชนะ เป็นพระแท้ เป็นผู้มีใจอันประเสริฐ มีธรรมอันเป็นที่พึ่งแก่ตน ส่วนผู้ชนะที่ว่ามารนั้น ก็คือเราที่พ่ายแพ้ต่อกิเลสตนเอง ไม่สามารถข่มใจไว้ได้ ไม่สามารถทนต่ออารมณ์นั้นๆได้
โลกนี้ยังต้องแข่งขัน ใจเราก็ต้องแข่งขัน มีทั้ง ชนะ มีทั้ง แพ้
จะชนะก็ที่เรา จะแพ้ก็ที่เรา
จะชนะทางโลก หรือจะชนะทางธรรม
อยู่ที่เราเลือกจะ "ชนะ" หรือ "แพ้" --- "โลก" หรือว่า " ธ ร ร ม "
Create Date : 22 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 23:57:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 674 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
มีหลายเรื่องที่ควรสงสัย แต่เราไม่สงสัยในสิ่งต่างๆนั้นแล้ว เราศรัทธาแต่ในพระรัตนตรัย
..แม้เทวดา มารหรือพรหม จะมีหรือไม่มีอยู่จริง เราก็มีธรรม มีปัญญารู้ในสิ่งต่างๆนั้นด้วยตนเองแล้ว ทั้งปัญญา ทั้งศรัทธา เป็นสิ่งที่ท่านต้องสร้างให้เกิดขึ้นเอง ใครสร้างท่านไม่ได้
พระพุทธเจ้า พระองค์ดุจผู้บอกทางให้เท่านั้น จะเดินหรือไม่ เรามิได้กล่าวโทษตำหนิท่านแต่อย่างใดเลย ท่านเชื่อ ท่านก็เดิน ท่านไม่เชื่อก็ควรแล้ว ที่ท่านจะสงสัยควรแล้วที่ท่านจะปฏิบัติ เพื่อคลายความสงสัยนั้น
|
|
ขอบคุณ code และ ภาพ จากคุณ aggie_nan ตามลิงค์ที่อยู่ ด้านล่างครับ
|
|
|
|
|
|
|