โฮมสเตย์กับเพื่อน ๆ บ้านเรียนที่จังหวัดสมุทรสงครามค่ะ



เราพักกันที่บ้านลาโภทัย มีบ้านทรงไทยหลังใหญ่ และหลังเล็ก ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 5 ไร่ อยู่ลึกเข้าไปจากตัวถนน ต้องเลี้ยวเข้าแยกตรงข้ามวัดแก่นจันทร์เจริญ อยู่ติดคลอง บรรยากาศดีค่ะ เจ้าของบ้านเด็ดผลไม้มาปอกให้พวกเราทานกันสด ๆ เลยค่ะ มีทั้งส้มโอ มะม่วง ฝรั่ง แล้วพวกเราก็ยังแอบชิมมะปรางบนต้นด้วยค่ะ






มีกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้ทำกันอย่างเช่นพายเรือ ขี่จักรยาน แต่จักรยานที่ลูกสาวกำลังขี่นั้นเป็นจักรยานสูบน้ำจากลำคลองมารดน้ำต้นไม้ค่ะ





เนื่องจากเรามีเด็กเล็กหลายคน จึงเห็นว่าไม่เหมาะในการไปแวะตลาดน้ำ เราก็เลยรอตกค่ำไปลงเรือตอนหกโมงเย็น
โดยเจ้าของบ้านพาไปลงเรือที่ท่าน้ำวัดบางพรหมที่อยู่ใกล้ ๆ ค่ะระหว่างทางคนเรือก็ชี้ชวนให้ดูวัด และสถานที่สำคัญไปด้วยค่ะ






ตลาดน้ำอัมพวา ยามค่ำคืน บางคนบอกว่าคราวหน้ามาพักตรงนี้เลยดีไหม จะได้ชิมขนมให้ครบทุกอย่างค่ะ






เรือแล่นผ่านตลาดน้ำ เพื่อพาไปดูหิ่งห้อย(เด็ก ๆ ได้ดูโปสเตอร์รายละเอียดของหิ่งห้อย และหนังสือมาบ้าง พอจะรู้ว่าหิ่งห้อยเป็นแมลงอยู่ในจำพวกด้วง ลูกสาวบอกเหมือนแมลงสาปเลยค่ะ มีหลายพันธุ์ มีวงจรชีวิตเหมือนผีเสื้อ คือ ไข่ หนอน ดักแด้ และตัวเต็มวัยค่ะ)

เราเห็นหิ่งห้อยเป็นเหมือนไฟกระพริบที่ติดตามต้นคริสมาสต์ค่ะ เราไม่สามารถถ่ายหิ่งห้อยติดได้จึงขอยืมรูปมาจากเวป //www.tonkeian.com/ ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้นะคะ
โดยปรกติตัวผู้จะให้แสงสว่างมากกว่า เพราะมีปล้องให้แสงสว่างมากกว่าค่ะ






ตอนสายของอีกวัน เราไปทัวร์วัดกันค่ะ เริ่มที่วัดบางกุ้งค่ะ คนเพียบค่ะ เพราะเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่มีการประชาสัมพันธ์เป็นอย่างดีค่ะ ในแผ่นพับบอกเราว่าแหล่งประวัติศาสตร์นี้ประกอบด้วย

1. อุโบสถปรกโพธิ์ ที่ชาวบ้านเรียกว่า "โบสถ์หลวงพ่อดำ(หลวงพ่อนิลมณี)" ที่มีลักษณะพิเศษคือ โบสถ์ทั้งหลังถูกปรกคลุม
ไปด้วยต้นไม้ถึง 4 ชนิด ด้วยกันคือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง
2. อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
3. สวนเทิดพระเกียรติ ร.9
4. สระน้ำโบราณ 400 ปี
5. โบราณวัตถุต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับค่ายบางกุ้ง
6. วังมัจฉาหน้าวัด







แล้วเราก็ไปต่อกันที่วัดลอดโบสถ์(ขออภัยค่ะจขบ. เริ่มไมเกรนขึ้นจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว มิได้ถ่ายรูปหรือจดจำชื่อวัด ชื่อหลวงพ่อมาเลยค่ะ พยายามหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็ไม่พบ เพราะวัดนี้คนมาน้อยค่ะ) ชาวบ้านเชื่อว่าลอดแล้วจะโชคดี ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ ศักดิ์สิทธิ์มาก เลยอธิษฐานกันเป็นการใหญ่ค่ะ


จากนั้นคุณเก่งรองอบต.(ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ) ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ร่วมคณะ พาเราไปทานข้าวที่บ้านศิลปินท้องถิ่นท่านหนึ่งค่ะ แกทั้งวาดรูป แต่งโคลงกลอน ทำสวน และรวบรวมหนังสือไว้มากมายค่ะ นอกจากนั้นภรรยาแกยังทำอาหารตามสั่งขายด้วยค่ะ

บรรยากาศดีมาก ลูกสาวผู้อ่อนไหว บอกให้เราย้ายไปอยู่ในสวนกันบ้างได้ไหมแม่







ก่อนกลับเราถามทางคุณลุงกวีเอกแห่งสมุทรสงครามว่าจะไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งสยามที่จังหวัดราชบุรีต่อควรไปทางไหน แกบอกว่า "อย่าไปเลย ไปวัดประดู่ใกล้ ๆนี่ดีกว่า เดี๋ยวจะพาไป มีหุ่นเหมือนกัน มีพิพิธภัณฑ์สวยงาม" เราก็เลยไปวัดประดู่กันค่ะ

ที่พิพิธภัณฑ์จะมีมัคคุเทศน์น้อยพาเดินและอธิบายแต่ละจุด มีสองชั้นค่ะ ชั้นบนจะเป็นพระพุทธรูปทำด้วยหยกแท้ หุ่นพระเกจิอาจารย์ทำด้วยดินสอพองที่ปั้นโดยเจ้าอาวาสเอง และรูปสลักรัชกาลที่ 5 ทำด้วยไม้แก่นจันทร์ ข้างล่างจะเป็นหุ่นคนสำคัญของสมุทรสงครามเช่น แฝดสยามอิน-จัน สุนทราภรณ์ แม่นาก เป็นต้นค่ะ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้โบราณ เงินโบราณ ค่ะ





แล้วจขบ. ก็ไปไหนต่อไม่ไหว ด้วยปวดหัวตึ้บ จึงขอลาคณะมุ่งหน้ากลับบ้านค่ะ


ส่วนรายละเอียดประวัติวัดประดู่ จขบ. ขออนุญาตนำบทความตามรอย “สมเด็จพระสังฆราช” เสด็จวัดประดู่ชมเครื่องราชศรัทธา ร.5 โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2548 09:27 น. จากเวปไซต์www.konrakmeed.com มาประกอบนะคะ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

"เมื่อวันศุกร์ที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา....

พุทธศาสนิกชนชาวไทยคงปลาบปลื้มและปีติเป็นอย่างยิ่งกับภาพของ “สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก” ที่เสด็จ “วัดประดู่” ต.วัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ด้วยพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ อันเป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นถึงหลักชัยของชาวพุทธที่จะยังคงเป็นมิ่งขวัญต่อไปอีกนานเท่านาน


สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จพระดำเนินทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์เครื่องราชศรัทธา ร.5 ณ วัดประดู่ แน่นอนว่าการเสด็จวัดประดู่ของสมเด็จพระสังฆราชฯ ในครั้งนี้นั้น ได้ทำเกิดความสนใจเกิดขึ้นในจิตใจของชาวพุทธตามมาว่า วัดแห่งนี้มีอะไรดี วัดแห่งนี้มีอะไรซุกซ่อนอยู่ และวัดแห่งนี้มีแรงดึงดูดใจที่น่าสนใจอยู่ที่ตรงไหนบ้าง...

พระมหาสุรศักดิ์ อติสกโข เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันเล่าให้ฟังว่า วัดประดู่เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยสร้างวัดเมื่อ พ.ศ. 2320 ส่วนชื่อของวัดจากหลักฐานที่ปรากฏพบว่ามีแก่นไม้ประดู่ ด้านหนึ่งเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยม ยาวขนาดเท่าใบลาน ใช้เป็นที่อัดใบลานที่จารเสร็จ ปัจจุบันได้นำไปไว้ที่ศาลเจ้าพ่อประดู่

สำหรับประวัติของวัดที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นั้น ตามประวัติกล่าวว่า ในสมัยหลวงปู่แจ้งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสต้นชลมารคมายังวัดประดู่เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2447 ตรงกับวัน 5 88 ค่ำ ปีมะโรง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำเก๋งเรือมาถวายหลวงปู่แจ้ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำปิ่นโตมาถวายหลวงปู่แจ้ง พระองค์ได้ทรงแวะทำครัวเสวยพระกระยาหารเช้าที่วัด ดังมีหลักฐานบันทึกในจดหมายเหตุเสด็จประพาสต้นของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

ด้วยความที่หลวงปู่แจ้งเป็นพระที่มีวิชาอาคมเป็นพระหมอน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บโดนผีเข้าหรือโดนคุณไสย เมื่อได้น้ำมนต์ของหลวงปู่แจ้งแล้วหายทุกราย พระองค์จึงเกิดพระราชศรัทธาและได้นิมนต์หลวงปู่แจ้งเข้าไปในพระบรมมหาราชวังหลายครั้งด้วยกัน ที่สำคัญพระองค์ได้ถวายเครื่องราชศรัทธาที่สำคัญๆอันทรงคุณค่าไว้ให้หลวงปู่แจ้งมากมาย เช่น เรือพร้อมเก๋งพระที่นั่ง 4 แจว พระแท่นบรรทม ตาลปัตรพระนามาภิไธยย่อ "จ.ป.ร." และ ตาลปัตร "นารายณ์ทรงครุฑ" พร้อมปลอกหนังสำหรับคลุม ตู้เล็กและตู้ทึบ ปิ่นโต บาตร สลกบาตรพร้อมฝาบาตรไม้ฝังมุกตัวอักษรย่อ "ส.พ.ป.ม.จ." ย่อมาจากคำว่า "สมเด็จพระปรมินทร์มหาจุฬาลงกรณ์" และกาน้ำทองแดงมีตราสัญลักษณ์ กี่ใส่ยาฉุน ถาดใส่ของ ตะเกียงเจ้าพายุ นาฬิกาปารีส อัฏฐบริขารของหลวงปู่แจ้ง

พระมหาสุรศักดิ์เล่าให้ฟังเพิ่มเติมด้วยว่า บรรดาเครื่องราชศรัทธาเหล่านี้ทางวัดได้เก็บรวมรวมเอาไว้เป็นอย่างดี และได้ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาเพื่อจัดแสดงเครื่องราชศรัทธาให้ประชาชนได้ชม โดยพิพิธภัณฑ์สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2547 ที่ผ่านมานี้นี่เอง

นอกจากนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดง “หุ่นดินสอพอง” รูปพระเกจิอาจารย์ในจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์เครื่องราชศรัทธาเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หลวงพ่ออ้น วัดบางจาก หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม หลวงพ่อใจ วัดเสด็จ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆสิตาราม สมเด็จพระธีรญาณมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เจ้าคณะภาค 1 และอดีตเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร อีกทั้งยังมีหุ่นดินสอพองแฝดอิน-จันแฝดสยาม ผีเรือน เป็นต้น

พระมหาสุรศักดิ์เล่าที่มาของหุ่นดินสอพองเกจิอาจารย์ว่า เคยว่าจ้างช่างที่มีฝีมือมาปั้นหุ่นขี้ผึ้งแต่จนแล้วจนรอดช่างก็ไม่ว่างมาปั้นให้เสียที จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานแล้วนั่งสมาธิจนดึกดื่นประมาณตี 2 ตี 3 ก็เหมือนมีใครมากระซิบว่าไม่ต้องรอช่าง ให้ปั้นหุ่นด้วยตนเอง พร้อมทั้งแนะนำให้ปั้นหุ่นด้วยสอพอง พอรุ่งเช้าจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้บรรดาลูกศิษย์ฟัง ทุกคนก็เห็นดีเห็นงามด้วย พร้อมทั้งให้การสนับสนุนหาอุปกรณ์สำหรับการปั้นกับดินสอพองมาให้ จึงเริ่มปั้นเทพที่อยู่ในอุโบสถ พอเสร็จถึงมาปั้นพระเกจิต่างๆ

นอกจากหุ่นปั้นด้วยดินสอพอง ยังมีไม้หอมแกะสลักรูปพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เพราะฉะนั้นใครเดินเข้ามากราบจะได้กลิ่นหอมตามธรรมชาติของเนื้อไม้ ขณะเดียวกันภายในวัดยังมีพระตำหนักเจ้าจอมมารดาของกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งเวลานี้ได้เปลี่ยนแปลงเป็นกุฏิสงฆ์ ยังจะเหลือไม้ฝาและวงกบประตูให้เห็นอยู่อีกด้วย"


ขอขอบคุณ BG สวย ๆ จากเพื่อน ๆ ใน bloggang และคำแนะนำในการจัดภาพจากคุณอัญชนา(แนน AS) และขอขอบคุณพี่ ๆ ชาวบ้านเรียนที่จัดทริปครั้งนี้และร่วมทริปครั้งนี้ทุกคนค่ะ




 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2551
9 comments
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2551 16:54:35 น.
Counter : 1049 Pageviews.

 

 

โดย: นายแจม 20 กุมภาพันธ์ 2551 20:34:02 น.  

 

ทั้งภาพทั้งข้อมูล ละเอียดจริง ๆ ค่ะ
เอาไว้เป็นข้อมูล เดี๋ยวไปมั่ง...

 

โดย: ลิตช์ (Litchi ) 20 กุมภาพันธ์ 2551 20:40:43 น.  

 

ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ คุณ นายแจม เดี๋ยวจะไปเยี่ยมตอบค่ะ

ดีใจค่ะคุณลิตช์ ที่เป็นประโยชน์ค่ะ

 

โดย: chinging 20 กุมภาพันธ์ 2551 21:51:51 น.  

 

เที่ยวคุ้มเลยนะคะ ดีจัง

 

โดย: foodsc 22 กุมภาพันธ์ 2551 10:24:58 น.  

 

แอบไปดูกระบี่มาแล้วค่ะ คุ้มกว่าอีกค่ะมีต้องสามตอน

 

โดย: chinging 22 กุมภาพันธ์ 2551 11:44:33 น.  

 

แอบมาเก็บข้อมูลค่ะ ต้องพาเด็ก ๆ ไปให้ได้ค่ะ และต้องแวะวัดประดู่ให้ได้ด้วย ท่าทางพี่ชื่นใจต้องชอบวัดนี้มากเลยค่ะ

 

โดย: อัญชนา 26 กุมภาพันธ์ 2551 15:49:57 น.  

 

สงสัยหลานคนนี้จะเป็นนักประวัติศาสตร์ซะแล้วมั้ง

 

โดย: chinging 26 กุมภาพันธ์ 2551 16:59:59 น.  

 

วัดแก่นจันทร์เจริญ มิน่าใช่นะคะ
น่าจะเป็นวัดแก้วเจริญ หรือป่าว

 

โดย: aree.07@hotmail.com IP: 125.24.109.219 7 กรกฎาคม 2553 10:27:18 น.  

 

ใช่ค่ะคุณ aree ได้เห็นป้ายจริงด้วยค่ะ

 

โดย: chinging 7 กรกฎาคม 2553 18:57:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


chinging
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]








INVITING THE BELL TO SOUND


Body, speech, and mind in perfect oneness-
I send my heart along with the sound of the bell,
May the hearers awaken from forgetfulness
and transcend all anxiety and sorrow.


HEARING THE BELL


Listen, listen,
this wonderful sound
bring me back
to my true self.


THICH NHAT HANH






9 Latest Blogs
ขอขอบคุณ คุณSevenDaffodils
ในคำแนะนำวิธีการทำ Latest Blogs ค่ะ



New Comments
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
20 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chinging's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.