มิถุนายน 2562

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
8
9
10
15
16
21
22
23
25
27
28
29
30
 
 
All Blog
ตอนที่ 9 Review ๛ Eastern Europe ๛ [Hallstatt] 18 May 2019
18 May 2019
อากาศตอนเช้าที่เมืองนี้ดีมากค่ะ บรรยากาศดีสุดๆ มีคนบอกให้พัก Obertraun แล้วนั่งรถไปเที่ยว Hallstatt เพราะเราจะได้เที่ยว 2 เมืองและ Obertraun เป็นเมืองที่สวย เงียบสงบดีมากค่ะ




สถานีรถไฟค่ะ ที่พวกเรามาถึงเมื่อคืน



มีแสงแดดมาปลุกยามเช้าค่ะ ตอนแรกก็ว่าใครเปิดไฟ



ที่ไหนได้ เป็นแสงอาทิตย์สาดมาจาก Sun Roof นี่เอง ประหยัดไฟดีนะคะ สว่างโล่เลย



โรงแรมนี้ไม่มีอาหารเช้าค่ะ ก็เลยได้อาศัยเชอรี่กับนม ที่หิ้วมาจาก Salzburg ประทังชีวิต



อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็แบกกระเป๋าจากชั้น3 ลงมาฝากเจ้าของโรงแรมไว้ก่อนค่ะ ต้องแบกเองเพราะลูกจ้างที่เป็น Reception ยังไม่มาทำงาน



พอพวกเราแบกกระเป๋าลงไปเก็บเสร็จ เขามาทำงานพอดี ซะงั้น - -‘ เขาบอกให้ไปรอรถบัสตรงป้ายหน้าโบสถ์เล็กๆนี้



แต่พวกเราไม่เชื่อค่ะ 555 ดูข้อมูลมาต้องเดินไปขึ้นอีกป้ายนึงสิ แต่ปรากฎว่ารถบัสก็แวะป้ายนี้นะ เดินไปตั้งไกล ผลของการไม่เชื่อเจ้าถิ่น แต่ก็ได้นั่งนะ ถ้าขึ้นป้ายนี้ต้องยืน และได้เดินเที่ยวด้วย



เมืองนี้สวยมากๆค่ะ บรรยากาศดีมาก เห็นแล้วอยากจะมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่จริงๆ































พวกเรามารอรถบัสที่ป้ายนี้ค่ะ






มาดูเวลาแล้วยังเหลือเวลาอีกเยอะ ไปเดินเล่นตรงทะเลสาปหน่อย




วิว และบรรยากาศสวยมากค่ะ คิดไม่ผิดเลยที่มาพักเมืองนี้









ใกล้เวลาที่รถบัสจะมาแล้ว เดินไปรอที่ป้าย รอซักพักรถบัสก็มาค่ะ



รอให้รถบัสวนรอบวงเวียนก่อน



คนมารอกันพอสมควรเลย



ซื้อตั๋วกับคนขับ พวกเราแจ้งเขาว่าไป-กลับ แต่ดูจากราคาแล้วน่าจะเป็นเที่ยวเดียว อันนี้ราคา 4 คนค่ะ



ประมาณ 10 กว่านาทีก็มาถึง Hallstatt แล้วค่ะ ส่วนใหญ่จะลงตรง ป้ายตรงกระเช้า 5 แฉกกันแทบหมดรถ จน พอรถบัสไปถึงป้าย Hallstatt คนขับรถบัสก็บอกว่าให้ลงตรงนี้นะ Hallstatt แต่พวกเราไม่ลง แจ้งกับคนขับรถบัสว่าพวกเราจะลงป้าย Hallstatt Römische ค่ะ จากแผนที่ จุดที่ 1 คือจุดที่คนขับรถบัสบอกให้พวกเราลง แต่พวกเราไม่ลงขอไปลงจุดที่ 3 เพื่อที่จะเดินมาจุดที่ 2 ถ่ายรูปตรงจุด Hi-Light ของ Hallstatt ค่ะ



ลงป้ายแล้วก็เดินเข้าตรงทางเดินใต้สะพานนี้ค่ะ



แล้วก็เดินเลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆ



ก็จะเจอจุดถ่ายรูปมุม Hi-Light ของ Hallstatt มุมนี้ค่ะ มีคนถ่ายรูปพอสมควรยังไม่เยอะมาก เพราะพวกเรามาเช้า



ถ่ายรูปออกมาแล้วก็จะได้ภาพนี้ค่ะ ไม่รู้ว่าใครต้นคิดถ่ายภาพมุมนี้ ทำให้พวกเราต้องดั้นด้นมากัน



ถ่ายรูปไปได้ซักพักคนก็เริ่มเยอะ พวกเราเลยเดินต่อไปตรงอื่นดีกว่า



เดินตามทางไปเรื่อยๆ



มาถึงจุดนี้เรียกว่า Beinhaus หรือสุสาน









ตรงนี้มีห้องน้ำให้เข้าด้วยค่ะ €0.5 ราคาเดิมค่ะ



ไม่มีเหรียญเขามีเครื่องแลกเหรียญให้ด้วยค่ะ



พิพิธภัณฑ์หัวกะโหลกอยู่ตรงนี้ค่ะ



ค่าเข้า €1.5



เขาจะถามว่ามาจากประเทศอะไร พอจิ๊บบอกไปเขาก็ให้คำบรรยายภาษาไทยมาค่ะ



เข้าไปก็จะมีแค่ห้องเดียวนี่แหละค่ะ Beinhaus เป็นสถานที่เก็บกระดูกและหัวกะโหลกที่ถูกขุดขึ้นมาจากสุสานตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา รวมจำนวนกว่า 1,200 ชิ้น และนำมารวบรวมไว้ในวิหารนี้ เพื่อเป็นการ Clear พื้นที่ในการฝังศพใหม่ๆ บนหัวกะโหลกจะมีการเพ้นท์ลวดลายเอาไว้ เพื่อช่วยให้ญาติพี่น้องจำได้ว่ากะโหลกชิ้นไหนเป็นของบรรพบุรุษตนนั่นเอง แต่ปัจจุบันไม่ทำกันแล้วค่ะ โดยหัวกะโหลกสุดท้ายเป็นของสตรีผู้หนึ่ง ที่เสียชีวิตในปี 1983 แต่จิ๊บก็ไม่ได้สังเกตเลยนะว่ามีการเพ้นท์ที่หัวกะโหลก จิ๊บเข้าไปคนเดียว รีบถ่ายรูปรีบออกมา บรรยากาศวังเวงเหลือเกิน



สมาชิกเริ่มบ่นหิว เพราะไม่ได้กินอาหารเช้า





เดินวนไปวนมาก็เลยมาจบที่ร้านพิซซ่าทางซ้ายมือ



ตอนแรกสั่งพิซซ่ามาก่อน



พิซซ่าหมดยังไม่อิ่ม ก็เลยต่อด้วยข้าวผัดเครื่องเทศค่ะ เขาบอกเป็นเมนูประจำวัน กับซี่โครงหมู



ค่าเสียหายค่ะ คราวนี้โกยเหรียญออกมาจ่ายแบบพอดีเป๊ะ เพราะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนร้านขาหมูที่ Munich พวกเราไม่อยาก Tip ให้เพราะพูดจาไม่ดี



อิ่มแล้วก็เดิน Window Shopping กันต่อค่ะ เดินชมร้านค้า บ้านเมือง











พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนมุงอะไรกัน ต้องเป็นของกินแน่ๆเลย และต้องเป็นของอร่อยด้วย ลองเข้าไปดูหน่อยซิ



เป็นร้านขายขนมนี่เอง ไม่รู้เรียกว่าขนมอะไร แต่อร่อยนะคะ จัดไปคนละครึ่งอัน คนละอันไม่ไหวค่ะ เลี่ยนไป









กินขนมเสร็จก็ต่อด้วยไอติม เอาให้น้ำตาลขึ้นกันไปข้างนึงเลย



เดินทางกันต่อค่ะ เดินเลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปบ้างเป็นระยะๆ





หงส์มารออาหารจากนักท่องเที่ยว



วันนี้อากาศหนาวมากค่ะ








เดินมาที่ป้ายรถบัส Hallstatt มาถ่ายอีกมุมของจุด Hi-Light แต่สู้จุดเดิมไม่ได้



มายืนรอรถบัส รถบัสเที่ยวเป็นขาไปค่ะ ต้องรอขากลับอีกขานึง แต่ก็เป็นคันนี้แหละวิ่งกลับไปกลับมา ในภาพเขากำลังเก็บทางลาดสำหรับรถคนพิการค่ะ



ท่าเรือนี้บรรยากาศดีมาก สวยมาก อยากจะไปนั่งห้อยขาเล่นเหลือเกิน



มาดูเวลารถก่อนค่ะ



รอซักพักรถก็มา ก็คันเมื่อกี้นี้เลยค่ะ คนขับคนเดิม



ขึ้นรถแล้วก็ซื้อตั๋ว ราคา 4 คนค่ะ



พวกเราลงป้าย Obertraun Traunbrücke ซึ่งเป็นป้ายก่อนจะถึงโรงแรม 1 ป้ายค่ะ อยากจะเดินเล่นชิลๆ ตรงแม่น้ำ Traun ไปเรื่อยๆ แต่สมาชิกไม่เอาด้วยปวดขา ก็เลยเดินไปเรื่อยจนถึงโรงแรม













ฝนเริ่มโปรยปราย



เมืองนี้สวยมากจริงๆค่ะ ชอบๆ





ยังมีเวลาอีกเยอะมาก กว่ารถไฟที่ซื้อตั๋วไปเวียนนา จะมาก็เลยตกลงกันว่าจะไปนั่งเล่น นั่งชิลล์กันที่คาเฟ่แถวนี้ก่อน

















Search จาก Google Map แล้วเห็นร้านนี้ติดทะเลสาบน่าจะบรรยากาศดี ก็เลยลองเดินมาดู ชื่อร้าน Seecafé Obertraun am Hallstätter See ค่ะ







สั่งขนมมากินก่อน ได้ข่าวว่าเป็นขนมขึ้นชื่อของที่นี่ แต่อร่อยสู้ที่ Munich ไม่ได้



แล้วก็ของกินเล่นอย่างเฟรนฟราย



หนุ่มสาวเกาหลีโต๊ะข้างๆ เขาสั่งราเมง seafood พวกเราเห็นแล้วอยากกินก็เลยสั่งตาม พ่วงสลัดมาด้วย ราเมงอร่อยค่ะ แต่สลัดชีส ไม่ไหวขอ Bye



ค่าเสียหายของมื้อนี้ค่ะ



มีท่าเรือข้ามฟากอยู่ตรงนี้



จ่ายเงินเสร็จก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ คนในร้านเริ่มเยอะ นั่งนานไม่ดี




เดินชมวิวไปเรื่อยๆ







จิ๊บชวนสมาชิกไปเดินเล่นตรงแม่น้ำ Traun แต่สมาชิกบอกขอตัว นั่งเล่นรอรถไฟตรงโรงแรมละกัน ปวดขาไม่อยากเดินแล้ว



จิ๊บก็เลยไปเดินเล่นถ่ายรูปคนเดียว



















ใกล้เวลารถไฟมาแล้ว เดินกลับไปที่สถานีรถไฟ Obertraun



พอรถไฟมาพวกเราก็ลากกระเป๋าขึ้นตู้สำหรับจักรยานค่ะ





นั่งรถไฟจาก Obertraun Dachsteinhöhlen ไปลง Attnang-Puchheim แล้วต่อรถไฟไปลง Wien ประมาณ 3 ชม.ครึ่งก็มาถึงเวียนนาค่ะ





แล้วก็เดินไปโรงแรมต่อค่ะ ประมาณ 600 เมตร โรงแรมเดียวกับที่ Salzburg



ก็มาต่อคิว Check In และซื้ออาหารเช้าวันพรุ่งนี้เพิ่มด้วย คนเยอะมาก มีแต่เด็กวัยรุ่น



ที่นี่จองไว้ 2 ห้องค่ะ ห้องละ 2 คน


 



Create Date : 17 มิถุนายน 2562
Last Update : 24 กันยายน 2564 13:32:17 น.
Counter : 101 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Journeyjib
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]