|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
taiwanese in chiang mai
------------------------------------------------------------------- แนะนำนางเอก
ชาวไต้หวัน (นามสมมติ) เป็นเพื่อนรุ่นน้อง ที่รู้จักกันเพราะมาฝึกงานกับบริษัทที่เราทำงานอยู่
เธอเป็นอักษรศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ที่พิสูจน์คำพูดที่ว่า "คนเพ้อจะดูกันแค่ภายนอกไม่ได้"
ด้วยหน้าตาเอเชีย แต่สืบเชื้อสายแอฟริกา สาขายีราฟ หากเกิดทันละครเรื่องแม่นาคพระโขนง มันคงได้เป็นแสตนอินฉากแม่นาคเก็บมะนาวแน่ๆ
เธอผู้นี้ เสียค่าเช่าห้องพักขนาด 4x5 ม. เดือนละ 4,500 มาเกือบ 6 ปี โดยเพิ่งนึกได้ว่า ควรซื้อผ่อนคอนโดดีกว่า และบ้าหาซื้อคอนโดอยู่พักหนึ่ง ปัจจุบัน เลิกหาแล้ว และยังคงจ่ายค่าเช่าห้องพักอยู่ที่เดิม
ที่เรียกว่าชาวไต้หวัน เพราะเธอทำงานไฮโซในองค์กรหนึ่งของไต้หวัน ทำมาได้ปีกว่าๆ แล้ว และประกาศจะลาออกเรื่อยมาตั้งแต่วันที่สามที่เริ่มทำงาน ล่าสุด ได้ขอลาออกจริงจังเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่หัวหน้าไม่อนุมัติ พร้อมให้ลากลับบ้านได้เต็มที่ เท่าที่ต้องการ โดยไม่หักเงินเดือน และสิ้นปีมีโบนัส คาดว่าหลังสิ้นปีคงได้ยินเธอมาปรึกษาเรื่องจะลาออกอีกครั้ง
ชาวไต้หวัน ไม่เคยมาเที่ยวเชียงใหม่อย่างไม่เป็นทางการ เคยแต่มากับที่ทำงานช่วงพืชสวนโลก และได้ไปเที่ยวแค่ตามพิกัดที่อยู่ในไกด์บุ๊คทั่วไป
ครั้งนี้ เธออาจหาญ จองตั๋วเครื่องบินมาเชียงใหม่ช่วงสงกรานต์ เดินทางวันที่ 13 เริ่มจองตั๋ววันที่ 10 เดชะบุญที่จองได้ เราก็เลยมีเรื่องมาอัพไดมากมาย

เข้าเรื่อง หญิงสาวชาวไต้หวันหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบโต (แต่แฟบ) ขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพฯมาถึงเชียงใหม่ ในเวลาเที่ยงวันของวันที่ 13 เมษายน ว่ากันว่าราคาตั๋วไปกลับครั้งนั้น สามารถใช้เดินทางไปฮ่องกงในช่วงโลวซีซั่นได้สบาย
ต่อไปนี้ จะได้หยิบยกเหตุการณ์บางช่วงมาเล่าสู่กันฟัง เพราะหากจะเล่าให้หมด คงใช้เวลาอัพไม่ต่ำกว่า 3 วันเป็นแน่ และต้องเล่าอย่างรวบยอด ไม่งั้นคงยาว 11 ภาค (แต่ขี้โม้ระดับเราแล้ว ย่อยังไงก็คงไม่เหมือนย่อเท่าไรหรอก อิอิ)

เครื่องไม่ดีเลย์ ตอนเที่ยงๆ มันโทรมาบอกว่าเครื่องออกเที่ยงครึ่ง ไม่ดีเลย์ ถึงเชียงใหม่บ่ายโมงสิบห้า แต่จะบ่ายสองโมงอยู่แล้ว ทำไมยังไม่มีวี่แวว ติดต่อก็ไม่ได้ เอ๊ะ.. หรือว่ามันจะขึ้นเครื่องผิด ไปลงประเทศอื่นแล้ว
สองโมงครึ่ง มันก็โทรมา "ฮือๆๆ ชั้นถึงแล้ว เครื่องบินมันหลอกชั้น มันบอกว่าไม่ดีเลย์ แต่ให้ชั้นไปนั่งอยู่บนเครื่องเฉยๆเป็นชั่วโมง ชั้นนอนหลับไปตั้งนาน ตื่นมายังอยู่ที่เดิมอยู่เลย" "เออ... นึกว่าเปลี่ยนใจไปฮ่องกงซะแล้ว เห็นไม่มาซักที เดี๋ยววนรถไปรับ" "โดนแย่งที่นั่งด้วย แต่คงเพราะเลขที่นั่งมันเป็นภาษาจีน คนนั้นอาจจะไม่รู้" "แล้วทำไมไม่พูดภาษาจีนบอกเค้าไปล่ะ ว่าที่แก" "ก็ชั้นถือนิยายเรื่องค่าของคนไปด้วยนี่ แล้วก็นั่งอ่านให้เค้าเห็นด้วย" อืม.. ชั้นผิดเอง ชั้นควรจะถามแค่ว่าทำไมแกไม่บอกเค้าว่ามันระบุที่นั่ง... "แล้วคัตเตอร์ที่ฝากให้ติดมาด้วย ได้เอามารึเปล่า?" มันโทรมาย้ำก่อนขึ้นเครื่อง ถามว่าเอาไปทำไรก็ไม่ยอมบอก จะเอาไว้ป้องกันตัวก็คงไม่ใช่ เพราะมีสรีระหน้าตาเป็นอาวุธอยู่แล้ว "มีแต่กรรไกร ใช้ได้ป่าว" ของเราพกกรรไกรติดรถไว้ เอาไว้จี้เด็กขายพวงมาลัยตามสี่แยก "แล้วเดี๋ยวค่อยคุยดิวะ จะถึงอยู่แล้วเนี่ย เฮ้ย! ถึงแล้ว ขึ้นรถ" เราก็บ้าจี้คุยโทรศัพท์กับมันอยู่ตั้งนาน

ของฝากให้แม่ พอเจอกัน นั่งลงปิดประตูปุ๊บ มันถามหากรรไกรเป็นอันดับแรก "เอาไปทำไรวะ" ยังสงสัยอยู่ "นี่ไง ของฝากแม่เธอ หมอนนุ่นบอกว่าแม่เธอชอบสิ่งนี้" มันคือขวดไวน์ ที่ห่ออย่างแน่นหนาด้วยวัสดุแต๊บๆ ชาวไต้หวันเอากรรไกรมาตัดแต๊บออกนั่นเอง ว่าแต่ทำไมเห็นแม่ช้านเป็นคนอย่างนั้นไปได้ แม่ชั้นไม่ได้ชอบไวน์เท่าไหร่หรอก คราวหลังเอาไฮเนเก้นมาแทนนะ
ป.ล. ถึงหมอนนุ่น นางมันบอกแม่เรียบร้อยแล้วล่ะ ว่าของฝากนี้หมอนนุ่นเป็นคนแนะนำมา

พาไปสวนนม หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวกันที่สวนนม ชาวไต้หวันตื่นเต้นใหญ่เลย บอกที่หาดยั้ย ไม่มีร้านนมแนวนี้ มีแต่ร้านน้ำชา สภากาแฟชาวมุสลิม
ชาวไต้หวันสั่งเสต็ก 1 จาน ก่อนสั่งถามว่า "จานใหญ่มั้ยคะ" ได้คำตอบว่ากำลังพอดีๆค่ะ แต่พอมาเสิร์ฟ อืม.. จานไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่มีเสต็กชิ้นไม่เล็กอยู่ 3 ชิ้น!!! ชาวไต้หวันตัดพ้อออกมาเล็กน้อยว่าทำไมเยอะจัง ไหนบอกว่าไม่เยอะ เห็นมันเป็นคนยังไงถึงตอบว่า "พอดีๆ" จากนั้นก็ตัดๆๆ กิน และแบ่งใส่ชามมาม่าของเราเป็นระยะ แต่สุดท้ายก็หมดเกลี้ยง ผักเผิกที่วางมาข้างกันก็ไม่เหลือแม้แต่ซาก
แต่ไม่รู้ชาวไต้หวันติดใจอะไรในสวนนม ขอให้มาแวะที่นี่อีกรอบก่อนจะขึ้นเครื่องกลับ

กิจกรรมสงกรานต์ กิจกรรมหลักๆ คือการขายหมูปิ้ง ชาวไต้หวันไม่ระแคะมาก่อนว่าจะโดนล่อลวงมาใช้แรงงาน ทั้งไปจ่ายตลาด หมักหมู เอาหมูเสียบไม้ (หรือเอาไม้เสียบหมูหว่า?) ก่อไฟ ปิ้งหมู จนกระทั่งเสนอหน้าขายหมูปิ้ง โดยไม่ได้ส่วนแบ่งซักกะบาท ทั้งๆที่ตนเองนั้นเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจนี้ เพราะเป็นตัวเรียกลูกค้าที่ดีมาก พอมีหนุ่มมาขอรดน้ำ มันก็บอกให้ซื้อหมูปิ้งก่อน ซื้อหมูไปแล้ว มันก็บอกเอาข้าวเหนียวด้วยสิ มีหนุ่มมาเหมาหมดถาด แต่มีร้อยเดียว มันก็ขายให้ร้อยนึง แถมข้าวเหนียว แต่หนุ่มไม่เอาข้าวเหนียว อยากกินข้าวยำหาดใหญ่มากกว่า (อันนี้เติมเอง) หนุ่มเดินผ่าน มันก็ผิวปาก (เติมเองอีกแล้ว) ชักชวนให้มาซื้อหมูปิ้ง
นาง... เธอทำให้ฉันเข้าใจคำว่า นางกวัก ได้ลึกซึ้งกว่าเดิม

ขอหดน้ำหน้อยเน่อ.. กวางวันวันนึง ยายทำขนมจ่อก (ขนมเทียน) ชาวไต้หวันฉีกใบตอง เราช่วยนวดแป้งอยู่มั้งมั้ง แม่กำลังกวนไส้ น้ำอ้อยไม่พอ (มันคืออันเดียวกับน้ำตาลปึกป่าวหว่า) เลยขอให้นางไปซื้อที่ร้านขายของชำแถวๆ บ้าน แต่นางหายไปนานกว่าที่ควรนิดนึง "แม่ ให้คนกรุงเตร้บไปซื้อน้ำอ้อย จะซื้อมาถูกไหมเนี่ย" "ไม่เป็นไรมั้ง ป้าแว่น(เจ้าของร้าน)เค้าหยิบให้ถูกสิ เออ..แต่ก็ไปนานนะ มีอะไรรึเปล่า ลองไปดูซิ" ยังไม่ทันขาดคำนางก็วิ่งพรวดเข้ามา เหมือนวิ่งหนีอะไรมา
"เฮ่ย! ใครทำไรแกวะ" "ชั้นโดนสาดน้ำ" "ใครบังอาจ!?! แล้วเค้าไม่ถามก่อนเลยเหรอ" คือ ร้านของชำที่ว่าขายเหล้าตองด้วย เลยกลัวว่าขี้เมาจะโดนนางลวนลาม "เค้าถามแล้ว แต่คนใต้ฟังคำเมืองไม่รู้เรื่อง เลยแหลงโอเค เค้าก็สาดเลย" "เค้าพูดว่า ขอหดน้ำหน้อยเน่อ งี้ป่าว" "เออๆ.. อย่างนี้แหละ พอโดนสาดชั้นก็เลยรีบวิ่งหนีมา"
ไม่แอ๊บพูดภาษาจีนไปวะ อ่อ มันไปบอกเขาว่ามาซื้อน้ำอ้อยนี่หว่า เขาคงนึกว่าอี่น้องนี่คนเมืองบ้านเฮา ขอรดน้ำหน่อย ก็เลยโอเค

ไม่ใช้แสตนอิน ไม่ใช้สลิง ค่ำวันนึง ฉันกับชาวไต้หวันปวดหนักพร้อมกัน "แกเข้าก่อนก็ได้ ชั้นยังบิ๊วไม่ถึงที่ แต่ช่วยเสียบปลั๊กพัดลมดูดอากาศให้ด้วยนะ พอดีสวิทช์มันเสีย ต้องเสียบปลั๊กเอา" ปลั๊กที่ว่าอยู่สูงติดเพดานห้องน้ำ เพดานที่ว่าสูง 2.2 เมตร และชาวไต้หวันคนนี้เสียบปลั๊กได้โดยไม่ใช้ตัวช่วย แค่เขย่งนิดนึงเท่านั้นแหละ เหตุการณ์นี้ทำเอาคนในบ้านฮือฮามาก แทบจะเอาส่วนสูงมันไปตีเลขหวย คนปกติ ถ้าจะเสียบปลั๊กต้องเอาเก้าอี้มาต่อขาก่อน แต่นี่เธอทำได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆเลย จากนั้นมา เวลานั่งอึ๊ ชั้นก็จะมองพัดลม แล้วนึกถึงเธอทุกครั้งเลยนะ ... ถามจริงๆ เหอะ แขนแกยาวเท่าไหร่วะ

ฟิล์มหาย!! หลังจากภารกิจห้าวันในเชียงใหม่ ปังคุงก็ได้ส่งเจมส์กลับบ้านได้โดยสวัสดิภาพ เอ๊ย... เราก็ส่งชาวไต้หวันกลับประเทศไปโดยสวัสดิภาพ
คืนนั้นก็มีโทรศัพท์มา "เธ้อ... ฟิล์มชั้นหายไปม้วนนึง กรี๊ดๆๆๆ" "หายได้ไง ค้นดีหรือยัง ตกที่ไหนหรือเปล่า" "สงสัยตกที่สนามบิน ตอนที่ชั้นหยิบของจากกระเป๋าอะ กรี๊ดๆๆๆ" "เออ ตอนนี้เค้าเอาไปทำลายแล้วล่ะ คงคิดว่าเป็นวัตถุต้องสงสัย" "กรี๊ดๆๆๆ มันมีรูปที่บ้านสีฟ้าด้วย แล้วรูปที่เชียงใหม่ของช้านนน กรี๊ดๆๆๆ" "ค้นกระเป๋าดียัง อาจจะติดอยู่ซอกหลืบไหนก็ได้" "ไม่มีหรอก กรี๊ดๆๆๆ เพราะชั้นจำได้ว่าเก็บไว้ช่องนี้ มันหายไปแล้ว กรี๊ดๆๆๆ" "เออ... งั้นช่างมันเถอะ และแกอย่ากรี๊ดใส่โทรศัพท์ได้ไหม ชั้นหูหนวกไปข้างนึงแล้ว" "กรี๊ดๆๆๆ รูปของช้าน!!! กรี๊ดๆๆๆ ชั้นเสียใจ!! กรี๊ดๆๆๆ โฮๆๆ ฮือๆๆ กรี๊ดๆๆ" มันกรี๊ดเยอะจริงๆ อันนี้ไม่ได้โม้
"กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ... ชั้นเจอแล้ว!!! มันอยู่ในถังขยะ กรี๊ดๆๆๆ ชั้นดีใจ แค่นี้ก่อนนะ กรี๊ดๆๆๆ หวัดดี" ติ๊ด... เสียงตัดสาย เป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนความสงบจะกลับมาเยือนโลกอีกครั้ง

จริงๆ ยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะ แต่ด้วยความเมื่อยนิ้ว ก็ขอจบดื้อๆ เท่านี้ดีกว่า
สุดท้าย ขอชื่นชมที่อ่านจนจบ อิอิ ยาวจริงๆ
Create Date : 25 เมษายน 2550 |
Last Update : 2 พฤษภาคม 2550 13:38:32 น. |
|
7 comments
|
Counter : 903 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: จีจี้ IP: 202.142.193.15 วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:12:47 น. |
|
|
|
โดย: yuki IP: 202.142.193.15 วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:17:53 น. |
|
|
|
โดย: หลังเที่ยงคืน IP: 125.26.234.50 วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:38:26 น. |
|
|
|
โดย: นางเอก (อย่างเต็มภาคภูมิ) IP: 203.156.84.74 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:00:19 น. |
|
|
|
โดย: fonkoon วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:21:17 น. |
|
|
|
โดย: เขียนเอง IP: 202.142.193.15 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:59:44 น. |
|
|
|
โดย: happyteddy IP: 202.142.193.15 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:10:13 น. |
|
|
|
|
|
|
|