|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความเรียบง่ายบนความยากของชีวิต
หลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าชีวิตเป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่ผมคิดว่าตัวเองเป็น คนง่ายๆ เกิดมาอย่างง่ายๆ-กินอย่างง่ายๆ-นอนอย่างง่ายๆ (รวมถึงบางทีอาจจะตายอย่างง่ายๆ (หมายถึงไม่ห่วงหล่อว่าสภาพหลังการหยุดหายใจจะเป็นยังไง)) จึงคิดอย่างง่ายๆว่าจะทำอะไรก็ได้บนโลกง่ายๆใบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนถึงผู้คน (ที่น่ารักและน่าคบทั้งหลาย) ย้อนกลับไปในอดีต (สมัยที่ยังหนุ่มและหน้าตาดีกว่านี้) ในวัยห้าขวบโดยประมาณ หลังจากที่โชคชะตาเขียนบทให้ผมต้องพลัดพรากกับเด็กหญิงผมเปียคนหนึ่งในเย็นวันสุดท้ายที่เราได้นั่งชิงช้าด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่ผมบอกกับตัวเองว่า ในอนาคตจงมีชีวิตต่อไปอย่างเรียบง่าย ให้อารมณ์มาก่อนเหตุผล (พูดให้น่าหมั่นไส้ว่าใช้หัวใจมากกว่าสมอง) นั่นคงเป็นเหตุผลที่ผมกลายเป็นคนขวางโลกสติไม่ค่อยสมประกอบมาจนถึงทุกวันนี้ คิดได้ดังนั้น ผมจึงพยายามเริ่มทำตัวอย่างง่ายๆ - หายใจอย่างง่ายๆ-หัวเราะอย่างง่ายๆ-ร้องไห้อย่างง่ายๆ-มีการศึกษาอย่างง่ายๆ เรียน (เมื่ออยากรู้) ก็ได้ หรือไม่เรียน (เมื่อไม่อยากรู้) ก็ได้ ไม่เคยยึดติดกับมาตรฐานที่สังคมยัดเยียดอย่างมักง่าย และมันก็ไม่ยากเท่าไหร่ที่จะทำแบบนั้น
มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่ผมรู้สึกว่าชีวิตเป็นเรื่องยาก เพราะการมีชีวิตอยู่ในยุคนี้ทำให้ความเป็นตัวเองหลงเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งคือรสนิยมสาธารณะที่ถูกปลูกฝังให้เชื่อว่าเป็นความต้องการจริงๆ ทำให้ความฝันของหลายคนเปื้อนฝุ่นอยู่ในลิ้นชัก จนนานไปก็ถูกลืม...
เย็นวันศุกร์วันหนึ่ง, แถวสยาม, เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ผมฝ่าสายฝนกระหน่ำและเบียดกับผู้คนล้นทะลักข้ามไปยังสกาล่า เพื่อภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เข้าฉายเป็นวันแรก หนังเรื่อง Tokyo Tower - Mom and Me, and Sometimes Dad มีคำโปรยบนโปสเตอร์ที่ตั้งคำถามว่า เคยถามตัวเองไหมว่า ระหว่างความฝันกับคนที่เรารัก อะไรมีค่ามากกว่ากัน ? ผมยืนนิ่ง (ตัวเปียก) หน้าโปสเตอร์แผ่นยักษ์ที่ไม่มีคำตอบ ขมวดคิ้ว และตั้งคำถามต่อไปอีกว่า หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ชีวิตจะยังมีความสุขได้อีกหรือเปล่า? เมื่อดูหนังจบ (ตัวหายเปียกแล้วแต่ตาเปียกแทน) รู้สึกว่าหนังทำหน้าที่ของคนรักแม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงทำให้ผมรู้สึกว่า ชีวิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียบง่าย สวยงามและทรงพลัง เช่นเดียวกับความรักของแม่ โดยไม่จำเป็นต้องนำเสนอฉากชวนหัวในครอบครัว มองข้ามปัญหาน่าเบื่อหน่ายชวนกลัดกลุ้มทั้งหลาย และเลือกถ่ายทอดมันออกมาในแง่มุมที่ดูงดงาม เป็นธรรมชาติ รวมถึงไม่ต้องพึ่งการแสดงที่เกินจริงให้คนดูรำคาญในความซ้ำซากและบ่นว่า เนื้อเรื่องแบบนี้ฉันเคยดูมาแล้วใน Always นี่ ภาพบางภาพก็สื่อความหมายได้ลงตัวและสมบูรณ์แบบโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ (เช่นภาพแม่จูงมือลูกเดินบนรางรถไฟ และลูกจูงมือแม่เดินข้ามถนน ดูแล้วก็พยักหน้าตามและคิดว่านั่นคือ ความสุข ที่เรียบง่าย) เมื่อนึกถึงคำโปรยบนโปสเตอร์อีกครั้ง- ผมยิ้ม นึกอิจฉาหนุ่มผู้โชคดีอย่างพระเอกในเรื่อง ใครก็ตามที่มีทั้งสองอย่างเพียบพร้อมคงจะมีความสงบสุขในชีวิตอย่างแท้จริง และจะโชคดีที่สุดถ้าทั้งสองอย่างเป็นสิ่งเดียวกัน
อย่างที่เห็น ผมเป็นโรคซาบซึ้งกับความเศร้าง่ายเกินความจำเป็น (แต่ วิธีขจัดความเศร้าก็ไม่ยากนัก แค่หาหมอนนุ่มๆมาหนึ่งใบ และชก ชก ชก จนกว่าคุณจะสบายใจ-ยืมไปใช้ได้ไม่ว่ากัน เทคนิคนี้ยังประยุกต์ใช้ได้อีกเวลาไปโกรธใครมาแต่ไม่อยากชกตัวเอง) แม้จะมีอารมณ์ขันอยู่ลึกๆ และชอบสรรหาสิ่งฮาๆมาใส่สมองเป็นประจำ แต่ผมกลับพบว่าการมีความสุขเป็นเรื่องยากเสมอ จึงพยายามกรอกหูให้ตัวเองเชื่อว่า การมีความเศร้าก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง มันอาจจะสุขเพราะสวยงาม หรือเพราะความเศร้าทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะต้องสูญเสียอีกแล้วมั้ง เพื่อนของผมคนหนึ่งกล่าวไว้ (คนเดียวกันกับตอนที่แล้ว) แม้จะทำตัวเป็นชายหนุ่มที่หายใจเข้าออกเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆ ดูหนังต้องหนังรัก อ่านหนังสือต้องนิยายรัก ฟังเพลงต้องเพลงรัก เขียนบทกวีต้องกวีรัก แต่อันที่จริงก็ยังไม่รู้ว่า ความรักและความสุขคือสิ่งเดียวกันใช่ไหม? ผมไม่แน่ใจ (จริงๆนะ) แต่ไม่อยากให้คำตอบคือใช่ (ตามประสาคนที่ไม่ค่อยจะมีรักแท้บ่อยๆอย่างมนุษย์น่าอิจฉารอบกาย และนานๆที เมื่อมันเกิดขึ้นโดยความไม่ได้ตั้งใจ เรื่องราวก็มักจบลงแบบไม่มี ever ever after ปิดในบรรทัดสุดท้าย กล่าวคือกลายเป็นเรื่องสลดหดหู่ ตลกร้าย ที่มาในรูปแบบของบทกวีแทบทุกครั้ง (มิน่าผมถึงดูหนังของทิม เบอร์ตันแล้วอินสุดๆ ไม่ตกใจกับฉากโหดๆทั้งหลาย แถมยังยิ้มออกโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร)
หรือเป็นไปได้ว่าเราจะไม่มีความสุขหากไม่มีความรัก เพราะการส่งยิ้มในวันแรกพบเป็นเรื่องง่าย แต่การฝืนยิ้มในวันสุดท้ายเป็นเรื่องยาก เพราะการตกหลุมรักเป็นเรื่องง่าย แต่การยืดวันหมดอายุของความรักเป็นเรื่องยาก และการใช้ชีวิตคู่นั้นเป็นเรื่องยากกว่า เพราะการได้พบใครบางคนเป็นเรื่องง่าย แต่การได้พบใครคนหนึ่งเป็นเรื่องยาก และการจะลืมใครคนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องยากกว่า หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้...
เราจะสามารถมีความสุขโดยไม่มีความรักได้ไหม? ผมไม่แน่ใจ แต่คิดว่าคงจะแย่กว่า หากมีความรักโดยไม่มีความสุข ความรักและความสุขมีความคล้ายกันตรงที่มันไม่ง่ายเลย
บางคนอาจเคยคิดว่าชีวิตเป็นเรื่องง่าย จนวันหนึ่ง เมื่อมีใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และเดินเข้ามาในห้องของคุณโดยไม่ได้เคาะประตูแล้ว โลกหลังจากนั้นของคุณจะไม่ใช่ใบเดิม ห้องเดิมก็ดูเปลี่ยนไป ท้องฟ้าก็ดูเปลี่ยนไป ใบหน้าเดิมในกระจกก็ดูเปลี่ยนไป ไม่มีสิ่งใดเหมือนเดิม แม้ใครคนหนึ่งจะไม่อยู่ข้างคุณอีกแล้วก็ตาม ในบางครั้งคุณอาจจะยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้ม ในบางครั้งคุณอาจจะรู้สึกอย่างที่ไม่เคยรู้สึก ในบางครั้งคุณอาจจะร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้อง และพบว่ามันไม่ง่ายอีกต่อไป ในการที่จะทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และใช้ชีวิตอยู่เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ คุณอาจจะกลับมาตั้งคำถามเดิมๆกับตัวเองและใครบางคน ระหว่างความฝันกับคนที่เรารัก อะไรมีค่ามากกว่ากัน ? หรือ หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ชีวิตจะยังมีความสุขได้อีกหรือเปล่า? และพบคำตอบว่าการมีชีวิตอยู่บนดาวอื่นอาจจะเป็นเรื่องง่ายกว่า.
Create Date : 10 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2551 0:45:00 น. |
|
2 comments
|
Counter : 509 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อีฟ IP: 161.200.255.162 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:2:32:45 น. |
|
|
|
โดย: no no no IP: 125.24.139.12 วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:17:35 น. |
|
|
|
|
|
|
|