ขึ้นเครื่อง ... ไปปารีส
หลังจากเตรียมของเตรียมตัว จัดการเรื่องกล้องวงจรปิดของบ้าน กว่าจะแล้วเสร็จก็ราวตีสี่ มีเวลานานพักเพียงชั่วโมงครึ่ง เพราะนัดกับแม่และน้องว่า เราจะตื่นกันตีห้า ออกจากบ้านหกโมงครึ่ง เพื่อให้ถึงสุวรรณภูมิเร็วหน่อย เพราะวันที่เราไปคือ 11 เมษายน หลายคนอาจถือโอกาสหยุดคาบเกี่ยวกับวันหยุดสงกรานต์ เพื่อออกเดินทางท่องเที่ยวเหมือนเรา

"ตื่นได้แล้ว" แม่ผมมาปลุกตรงเวลาเป๊ะ

ผมลุกขึ้นอย่างไว ตรวจสอบประตูออฟฟิศว่าล็อกแล้วเรียบร้อย อาบน้ำแต่งตัว กินกาแฟ เช็คของรอบสุดท้าย น้องกับแม่ทะยอยเอาของลงมากองรวมกัน ช่วยกันถามและตรวจดูว่าเราลืมอะไรบ้าง

เมื่อทุกอย่างพร้อมสำหรับการเดินทาง ผมเอาของขึ้นรถอย่างเงียบเชียบที่สุด ขับออกจากบ้านเอาของลง และยืนรอเรียกแท็กซี่ริมถนนใหญ่ เนื่องจากบ้านผมอยู่ในซอยลึก การหาแท็กซี่ในซอยยามเช้าขนาดนี้เป็นไปได้ยาก และผมก็ขี้เกียจโทรเรียกแท็กซี่ เพราเบื่อจะบอกทางเข้าบ้าน และไม่อยากให้รู้ด้วย ว่าพวกเราจะไม่อยู่บ้านอีกหลายวัน

วิธีการคือ พวกเรานั่งรถไปสามคน ผมเอากระเป๋าลงริมถนนใหญ่ ให้น้องกับแม่ขับเปล่า ๆ ไปเก็บไว้ในบ้าน ตรวจความเรียบร้อยของบ้านอีกครั้ง แล้วสักครู่ผมจึงจะเรียกแท็กซี่ ให้ขับวนเข้าไปรับน้องกับแม่ "ใกล้ ๆ" บ้าน

ไอ้ที่ว่า "ใกล้ ๆ" บ้าน เพราะผมจะไม่ให้แท็กซี่วนไปจอดรับน้องและแม่ตรงหน้าบ้านเลย แต่จะให้น้องกับแม่เดินออกมาตรงซอยใกล้ ๆ นั้น เพื่อที่จะไม่ให้แท็กซี่รู้ว่า "บ้านเราอยู่ไหน" ฮ่า ๆ ผมว่ามันดูตลกแต่ก็รอบคอบดีนะครับ สมัยนี้ไว้ใจไม่ได้จริง ๆ พวกคุณอาจจะลองเอาวิธีผมไปใช้บ้างก็ได้

แท็กซี่ถึงสนามบินราว 7.30 น. เที่ยวบินของเราออกเวลา 9.50 น. นับว่าทำเวลาได้ดีครับ จากนั้นนำกระเป๋าไป drop ขึ้นเครื่อง แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรไปอย่างนึง นั่นคือ "ลืมตัดเล็บเท้า"

การตัดเล็บเท้าก่อนการเดินทางเป็นเรื่องสำคัญครับ เราจะไม่มีวันมีความสุขเมื่อใส่รองเท้าหุ้มส้นต่าง ๆ แล้วเล็บเท้ายาว ยิ่งเราไปเที่ยวนาน ๆ เล็บเท้าเรามีโอกาสงอกออกมาได้มาก เดินนาน ๆ อาจทำให้เล็บฉีกก็ได้ ผมพยายามหาซื้อที่ตัดเล็บในสนามบินปรากฎว่า "หาไม่ได้" เลย ร้านที่มีขายก็คือ Family Mart ซึ่งขายหมดทั้งสองร้านที่เราเขาไปถาม ผมจึงได้แต่ที่ตะไบเล็บเล็ก ๆ หนึ่งอัน

จากนั้น น้องผมก็ขอซื้ออะไรกินรองท้องเล็กน้อย แม่ผมจัดการแลกเงินยูโรสำหรับเที่ยว ผมนั่งพักกินน้ำ ภาวนาอย่าให้โรคเก๊าท์ของผมกำเริบในการเที่ยวครัังนี้

เหลือบมองนาฬิกา 8 โมงกว่าได้ พวกเราจึงรีบเคลื่อนตัว ผ่าน ต.ม. ตรวจสัมภาระ และเตรียมรอ boarding ระหว่างรอ ผมก็หาที่ไกล ๆ นั่งตะไบเล็บเท้าไปพลาง ๆ รู้ตัวว่าไม่งาม แต่ก็ต้องรีบ เพราะทันทีที่ลงเครื่องเราก็ต้องไปเที่ยวเลย ไม่มีเวลาจะมานั่งฝนเล็บแล้ว ตะไบเล็บเสร็จ ล้างมือ เข้าห้องน้ำ ก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องพอดี

สายการบินที่เราจะไป คือ Air France ที่นั่งที่เราได้ค่อนข้างสยดสยองเมื่อมองจากผังของเครื่องบินเวลาทำการจองผ่านเว็บ เราเลือกที่นั่งเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราซื้อตั๋วผ่าน Cheapticket.com หรือเปล่า ที่นั่งของเราเป็นแถวริมหน้าต่างสุดท้าย ใกล้กับห้องน้ำ

ที่ว่าสยดสยองก็เพราะ ในผังเครื่องบิน ที่นั่งเราจะเยื้องกับห้องน้ำพอดี กลิ่นกับความวุ่นวายหน้าห้องน้ำ "พวกเราจะหลับกันได้ไหม?" แต่เมื่อได้เห็นที่นั่งจริง ๆ ปรากฏว่า ห้องน้ำอยู่เยื้องออกไปทางด้านหลังเราเกือบสุดพนักพิง และประตูห้องน้ำไม่ได้อยู่ด้านข้างทางเดินอย่างที่เรากลัว เรื่องกลิ่นนั้นไม่มีเลย แถวเราเป็นแถวหลังสุด ด้านหลังจะเป็นที่ว่าง เว้นไปสำหรับเข้าออกประตูฉุกเฉินพอดี ที่นั่งของเราจึงจัดว่า เป็นทำเลที่ดีมาก คือ นอกจากจะใกล้ห้องน้ำแล้ว ยังสามารถออกไปยืนยืดเส้นยืดสายหลังแถวที่นั่งของเราได้อีกด้วย

สักพักก็ได้เวลาเครื่องบินออก ผมไม่รู้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีการบินพัฒนาขึ้น หรือผมเริ่มคุ้นกับการนั่งเครื่องบินก็ไม่รู้ ความรู้สึกหูอื้อหรือคลื่นไส้ไม่มีอีกแล้ว สรุปว่า ออกเดินทางโดยสวัสดิภาพ สักพักใหญ่ก็ได้เวลาเสริฟอาหาร ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้โดยสารทุกคนลุ้น ว่าจะมีอะไรให้เรากินบ้าง

อาหารของ Air France จัดเต็มที่เดียวครับ อาหารจานหลักคือ มันบด ถั่ว และอาหารที่คล้ายสตูไก่ มาพร้อมกับสลัดปลาแซลมอนรมควัน และขนมปังฝรั่งเศสก้อนกลาง ๆ สองก้อน ของหวานเป็นเค้กอะไรสักอย่าง เครื่องดื่มมีไวน์ขวดเล็ก ๆ สองขวด พวกผมเก็บกลับบ้าน กับน้ำเปล่า ผมกินได้แต่สลัดปลาแซลมอนกับขนมปัง เพราะไก่กับถั่วก็กินไม่ได้เพราะเป็นเก๊าท์ อาหารจานหลักถึงต้องตัดทิ้ง พวกเรากินอะไรกันไม่ค่อยลง อาจจะเป็นเพราะเราทานมือเช้ามาแล้วหน่อยนึง จากนั้นก็ Coffee or Tea เหมือนการบินทั่ว ๆ ไป

สิ้นสุดการกิน ผมพยายามจะหลับแต่ก็ไม่เป็นผล บนเครื่องบินมีหนังให้เราดูหลายเรื่อง และมีเกมให้เล่นหลายเกม ดีกว่าสมัยก่อนเยอะมาก ที่เราต้องหาหนังสือไปอ่าน เอาไพ่ไปเล่นกันบนเครื่อง ผมเลือกเล่นเกมคาสิโน ง่ายและฆ่าเวลาได้ดีที่สุดแล้ว เล่นจนรวย แล้วล้มละลาย แล้วเริ่มเกมใหม่ อย่างนี้ไปเรื่อยจนเผลอหลับไปได้สักชั่วโมงสองชั่วโมง แล้วก็ตื่นมาเข้าห้องน้ำ

เหลือเวลาอีกกว่าครึ่งทาง ผมลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสาย โชคดีมาก ๆ ที่รอบข้างเราไม่มีเด็กเล็กเลย ทำให้บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างสงบ ถึงแม้จะใกล้ห้องน้ำ แต่ก็ไม่วุ่นวายอย่างที่คิด อย่างที่บอกในตอนต้นแล้วว่า ที่นั่งผมเยื้องกับห้องน้ำพอสมควร อาจจะมีคนที่มายืนรอเข้าห้องน้ำด้านหลังผม แอบดูผมเล่นเกมคาสิโนบ้างก็ไม่เป็นไร ถือว่าช่วยให้เขาหายเบื่อ

อีก 3 ชั่วโมงเครื่องจะถึงปารีส หมายความว่า เราอยู่บนเครื่องราว 10 ชั่วโมง และผมเล่นเกมคาสิโนนี้มากนานมาก จนคิดว่ากลับเมืองไทยคงเปิดบ่อนได้ (ฮา) ทั้งเบื่อและ "หิว" มาก เรากินข้าวมือแรกบนเครื่องราว 11 โมง และคนในเครื่องรออาหารมาเกือบ 10 ชั้่วโมงแล้ว ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมเสิรฟอาหารห่างกันมากขนาดนี้ ระหว่างมือก็ไม่ได้มาเสิรฟน้ำ หรือขนมอะไรให้แขกบนเครื่องเลย

"Air France ทำแสบจริง ๆ" ผมกับน้องพูดกันอย่างนี้ เชื่อว่าผู้โดยสารบนเครื่องหลายคนหิวจนแทบอยากจะกินหัวแอร์

ก่อนจะถึงจุดหมายสัก 1-2 ชั่วโมง ผมเองก็จำไม่ได้ อาหารว่างถึงเพิ่งจะมาเสิรฟ เป็นสลัดอะไรเบา ๆ สักจานกับขนมเค้ก ผมรวมถึงผู้โดยสารรอบ ๆ ข้างกินของในถาดกันจนเกลี้ยง ไม่รู้ว่าลูกเรือจะสังเกตบ้างไหม ว่าทำให้แขกหิวกันมากมายขนาดไหน

เครื่องใกล้จะลงแล้ว เรากำลังจะมาเยือนปารีสอีกครั้ง หลังจากเคยมาเที่ยวเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ผมก็จำอะไรเกี่ยวกับปารีสไม่ได้มาก หอไอเฟล ประตูชัย ห้างแพรงตอง และพระราชวังแวร์ซายส์ หวังว่าการมาเที่ยวปารีสครั้งนี้ จะทำให้เราสัมผัสกับคนปารีสได้มากขึ้น แม้ว่าเราจะอยู่ที่นี่แค่ 2 คืนเท่านั้น

ปารีสจะเป็นยังไงบ้างนะ



Create Date : 23 เมษายน 2556
Last Update : 23 เมษายน 2556 2:45:37 น.
Counter : 1202 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Guynes
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ผู้ชายเซอร์ ๆ ที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดื่มกาแฟและเบียร์ เคยฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ และจะอ่านแบบไม่กินไม่นอนจนกว่าจะอ่านจบ
เมษายน 2556

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
25
28
29
30