ต้องทำความเข้าใจกันนิดนึงครับเกี่ยวกับ คำว่า Analog และ Digital กันสักนิดนึงครับ
Analog นั้นไม่ได้แปลว่าโบราณหรือไม่ดี และ Digital ก็ไม่ได้แปลว่าทันสมัยหรือดีเยี่ยมแต่อย่างใด เพียงแต่ระบบ Analog นั้นมีมาก่อนที่จะมีระบบ Digital จึงทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่า Digital นั้นดีกว่า Analog แต่แท้ที่จริงแล้ว ทั้งสองระบบมีข้อดีและข้อเสีย ที่ตรงข้ามกันและกินกันไม่ลง หากพูดโดยภาพรวม
หากเราต้องการจะบันทึกว่า ภูเขาลูกหนึ่งมีลักษณะรูปร่างความสูงเป็นอย่างไร ด้วยระบบ Digital และ Analog ก็จะเป็นดังรูป
ด้านซ้ายมือในรูปเป็นขบวนการบันทึกลักษณะรูปร่างของภูเขาในระบบ Analog ส่วนด้านขวามือจะเป็นขบวนการบันทึก ลักษณะรูปร่างของ ภูเขาในระบบ Digital โดยไล่กรรมวิธีจากบนลงล่าง
ในระบบ Analog นั้นภูเขาจะถูกบันทึกข้อมูลโดย แม่พิมพ์ขนาดใหญ่มากๆ ปั๊มลงบนภูเขา หลังจากนั้น แม่พิมพ์ ก็จะมีลักษณะของภูเขาเก็บเอาไว้ใช้งานในลักษณะของความเว้าความโค้งของแม่พิมพ์
ดังนั้นโดยสรุป ระบบ Analog ทำการเก็บของมูลได้ละเอียดกว่า Digital แต่มีข้อจำกัดในการส่งต่อข้อมูลผ่านการเวลารุ่นสู่รุ่น แต่ Digital นั้นยอมละทิ้งข้อมูลบางอย่างที่ไม่สำคัญ เช่นเค้าบอกว่าหูมนุษย์สามารถรับรู้ความถึ่ได้สูงสุดโดยเฉลี่ยคือ 20,000Hz ดังนั้นอัตราการบันทึกที่ทำกันอยู่ในระบบ Digital ทุกวันนี้ ก็จะทำกันที่มากกว่า 20,000Hz ขึ้นไปสองเท่าโดยประมาณ คือ 44000Hz ข้อมูลที่ละเอียดกว่าที่ ระบบ Digital เลือกที่จะละทิ้งไปแต่จะทำให้ข้อมูลที่บันทึกไว้ สามารถอยู่ไปได้ตลอดกาล ไม่มีวันผิดเพี้ยน (เพี้ยนครั้งแรกครั้งเดียวตอนเก็บ เพื่อให้ได้งานที่อยู่ไปตลอดกาล) แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่า ก็ยังมีหูคนบางคนที่สำผัสได้ ถึงความสูญหายของข้อมูลที่เกิดจากการทำข้อมูลระบบ Digital อยู่ดี
ระบบ Digital ทุกวันนี้ เพิ่มความละเอียด เพื่อให้เข้าใกล้ระบบ Analog มายิ่งขึ้นแต่ก็ยังใช้ คำว่าเข้าใกล้อยู่วันยังค่ำ หาได้เท่าเทียมไม่ ส่วนต้นฉบับในระบบ Analog เองก็โดนกาลเวลา รุมทำร้ายอยู่ทุกวินาที ดังนั้น สองระบบนี้จึงต้องนำมาอุดช่องว่างเพื่อแก้ไขจุดด้อยของกันและกัน