วันร้ายๆ ในมาร์เซย์...... Marseille
เหตุการณ์ที่เราต้องจดจำไปตลอดชีวิต
วันที่เราย้ายมาอยู่ฝรั่งเศสใหม่ๆ เมื่อถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หน้าที่อันสำคัญของเรา ก็กางแผนที่ขับรถไปเยี่ยมชมเมืองต่างๆ แน่นอนมาร์เซย์เป็นเมืองแรก ที่เราต้องไปเยี่ยมชม มาร์เซย์เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของฝรั่งเศส และยังเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศสอีกด้วย เหตุการณ์ก็ได้เริ่มขึ้นจากเราค่อยขับรถ เข้าไปถึงใจกลางเมือง ที่ใครมาถึงมาร์เชย์ก็ต้องมาที่ VIEUX PORT หรือท่าเรือเก่า ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประวัติอันยาวนานกว่า 2600 ปีมาแล้ว
เราก็ทำกันคนละหน้าที่ ดิฉันพลขับ สามีดูแผนที่และบอกทาง เมื่อรถจอดติดไฟแดง
.ทันใดนั้น...ดิฉันมองเห็นคน จากกระจกส่องด้านหลังกำลังวิ่งมาเปิดประตูรถ..อะรามตกใจพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ โจรใจร้ายก็เปิดประตูด้านหลังรถ เอากระเป๋าถือ Prada ใบโปรด
.ดิฉันไป ดิฉันโยนมันไว้หลังรถ เพราะมันเกะกะตอนเราจอดรถทานแซนวิสกัน จากนั้นสามีก็รีบวิ่งตามแต่ลืมปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย ทำให้สายรัดตัวออกจากรถไม่ได้ โชคดีของเรา เพราะถ้าวิ่งตามโจรไปอาจจะโดนทำร้ายเอาก็ได้ พอปลดล็อคเข็มขัดได้โจรเจ้ากรรม ก็หนีขึ้นสกูดเตอร์ที่เพื่อนร่วมแก็งค์จอดรออยู่ หายวับไปกับตา
ตกใจสุดขีด เพราะในกระเป๋ามีเงินของดิฉัน กล้อง ของมีค่าอื่นๆ และที่สำคัญพาสปอตของเราทั้งสองคน ดิฉันคิดว่าโจรน่าจะเป็นชาวอัจจีเรียและจำได้ว่าผมเขาย้อมเป็นสีทองด้วย ทำไงต่อดีหละ ก็ขับรถไปจอดที่ parking แล้วหาซื้อบัตรโทรศัพท์ โทรกลับเมืองไทย ให้เพื่อนสนิทที่ทำงานแบงค์ ที่ออกบัตรเครดิตให้ ทำการอายัตบัตรของดิฉันให้เรียบร้อย จะได้ไม่มีปัญหาตามมา พาสปอตเรื่องใหญ่พึ่งมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ เอกสารสำคัญหายซะแล้ว เราก็ไปแจ้งความ แล้วได้ความต่อมาจากตำรวจว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเมืองนี้
ก็เพราะพวกลักลอบเข้า เข้ามาอาศัยอย่างผิดกฎหมายแล้วไม่มีงานทำ ก็เลยขโมยข้าวของ ยิ่งเห็นว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย ก็ยิ่งเป็นจุดสนใจที่เดียว น่าเสียดายเมืองมาร์เชย์ เป็นเมืองเก่าแก่สวยงาม ถ้ามีมาตราการ กำจัดพวกหัวขโมย จะทำให้เรารู้สึกปลอดภัยมากกว่านี้
อย่างไรก็ตามดิฉันคิดว่า มาร์เซย์ก็ยังอยู่ในใจดิฉัน และเป็นเมืองที่น่ามาตามค้นหาประวัติศาสตร์ และความสวยงาม ดิฉันจึงพาทุกท่านมารู้จักมาร์เซย์ซึ่งตรงนั้นมันเป็นมุมร้ายๆ ของดิฉัน และมันเป็นบทเรียนที่สอนเราให้รู้จักระวังมากขึ้น ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งวันนี้ ดิฉันวางกระเป๋าไว้ที่ปลอดภัยใกล้ตัว และไม่ลืมที่จะล็อครถเลยแม้แต่ครั้งเดียวไม่ว่าที่ฝรั่งเศสหรือที่ไหนๆ
เรามาชมภาพมาร์เซย์กันค่ะ มาร์เซย์เป็นเมืองใหญ่อันดับสอง รองจากปารีสมีผู้อยู่อาศัย 1,605,000 คน
ภาพท่าเรือ vieux port ท่าเรือเก่าแก่ มีประวัติยาวนานกว่า 2600 ปี
มาที่มาร์เซย์ก็ต้องมาเยี่ยมชม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กับที่นี่ Notre Dame de la Gare ตั้งอยู่บนเนินเขาของเมืองมาร์เซย์อันเป็นจุดสูงสุดของเมือง และมีองค์แม่พระสีทองเปล่งปลั่งอยู่บนยอดโดม ชาวมาแชย์เรียกขานพระแม่มารีว่า La bonne mère เพราะท่านจะคุ้มครองชาวเรือและกะลาสีให้รอดและปลอดภัยกลับบ้าน สีโปรดของท่านเป็นสีน้ำเงิน ดังนั้นชาวประมงของที่นี่จะใส่เสื้อสีน้ำเงินเวลาออกเดินเรือ การเยี่ยมชมสามารถขึ้นไปเยี่ยมชมโดย รถไฟชมเมืองที่ขึ้นจากท่าเรือเก่า vieux port ได้ราคาคนละ 6 ยูโร
ภาพจากมุมด้านหลังของ Notre Dame de la Gare
ภาพด้านในโบสถ์
ภาพรูปปั้นหน้าโบสถ์
ภาพวิวถ่ายจาก Notre Dame de la Gare
ภาพ Château d' If คุกเก่า กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน สมัยศตวรรษที่ 15 จะมาเล่าในคราวต่อไปค่ะ
และที่พลาดไม่ได้อีกอย่าง สำหรับนักชอบปิ้งต้องที่ Rue Canebière Marseille ถนนคาเนอเบียร์ มีของทันสมัยให้เดินซื้อกัน ตั้งแต่หัวถนนจนสุดปลายถนนค่ะ
ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล ต้องแวะมาชมสนามแข่งขันฟุตบอลอันยิ่งใหญ่ Stade Vélodrome และชมการแข่งขันฟุตบอล ของสโมสรโอลิมปิคมาเซย์ อดีตแชมฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนลีคปี 1993
สุดท้ายค่ะ อาหารประจำเมืองมาร์เซย์ที่คุณต้องลิ้มลอง La bouillabaisse บูยาเบส ซุปปลารับประทานกับขนมปังกรอบ ชีสขูดฝอย ซอส la rouille ที่แปลว่าสนิม เพราะสีของซอสสีส้มคล้ายสีของสนิม และปลาและหอยกุ้งตามภาพค่ะ
ขั้นตอนในการรับประทาน La bouillabaisse จะเริ่มจากทานซุปปลาที่เสริฟพร้อมกับชีสขูดฝอย ขนมปังกรอบและซอสชื่อว่า la rouille เอาไว้ทาขนมปัง และพอเราเริ่มอิ่มจากซุป พนักงานก็จะเสริฟปลากุ้งหอยจานใหญ่ตามรูป จะรับประทานพร้อมซุปปลาอีกครั้งก็ได้ แล้วมาชิมบูยาเบสกัน อร่อยหรือเปล่าต้องลองชิมเองค่ะ
Create Date : 04 กันยายน 2550 |
|
50 comments |
Last Update : 14 กันยายน 2550 15:32:14 น. |
Counter : 4957 Pageviews. |
|
|
|