Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
6 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 

เล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนไปสอบการแปล (ขอเล่าก่อนลืมค่ะ)

สวัสดีค่ะ


Translation CU.mp3 - Flowery


ถ้าเห็นว่าเขียนยาวมาก ๆ จะคลิกฟังเสียงเราจาก imeem ก็ได้นะคะ กดปุ่ม Play ข้างบนได้เลยค่ะ จะได้ฟังตัวอย่าง 30 วินาที
ฟังเต็ม ๆ ให้คลิกที่ link Translation CU.mp3 - Flowery
หรือ Play full song here ค่ะ

เสียงเบาไปหน่อย ใช้หูฟังช่วยหรือปรับลำโพงนะคะ



วันนี้ ขอเล่าเรื่องนี้สักหน่อย เพราะมีหลายคนหลังไมค์, ส่ง email, คุย MSN ถามเราเรื่องนี้มากทีเดียว

ข้อสอบการแปลยากมั้ยคะ
ข้อสอบออกอะไรบ้าง
เตรียมตัวอย่างไรดี
ฯลฯ

ตอบไปตอบมาหลาย ๆ ครั้งเข้า เลยคิดว่า ทำเป็น FAQs หรือตั้งกระทู้ให้เข้ามาอ่านเลยดีกว่า

เหมือนคำถามที่หลาย ๆ คนชอบถามเราว่า ทำไมมาเรียนทางด้านนี้ ไม่เสียดายอาชีพเดิมหรือ

เราว่าการที่เราได้พบว่าเรารักอะไรและทำในสิ่งที่เรารักทำให้ชีวิตเรามีความสุขมาก
และทุกวันนี้ เราก็ไม่ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่เรารักต่อไปก็พอใจแล้ว

มาเริ่มกันเลยนะคะ เรื่องการสอบเข้าปริญญาโท สาขาวิชาการแปล ของศูนย์การแปลและการล่ามเฉลิมพระเกียรติ
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ

ก่อนนี้ เราก็ไม่ทราบเรื่องหลักสูตรนี้หรอกค่ะ เคยเห็นก็แต่แว้บ ๆ ในกระทู้ห้องรวมพลนักแปล
ว่ามีพี่คนนึงเรียนหลักสูตรนี้ ตอนนั้น ความคิดเรื่องเรียนปริญญาโททางด้านภาษายังไม่มีในหัวเราค่ะ
ตอนนั้น เรายังคิดว่าจะฝึกภาษาอังกฤษให้เก่ง ๆ แล้วไปเรียนต่อต่างประเทศตามแผนเดิมที่เคยคิดไว้

หลังจากที่เราวนเวียนอยู่ในพันทิป จนมีกลุ่มย่อยห้องเรียนภาษาอังกฤษ จนเราไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม
และแล้วช่วงเดือนกันยายน เราและเพื่อน ๆ ได้คุยกันเรื่องเรียนต่อ หลายคนเปลี่ยนเส้นทางชีวิต
เลือกเดินตามทางที่รัก เราก็กลับมาคิดว่า เออ ตัวเราก็เหมือนกันแฮะ อยากจะไปเรียนต่อเมืองนอก
แต่ทำไม ไปไม่ถึงฝั่งฝันซักที มาคิด ๆ ดู เราช้อบ ชอบ อยู่กับหนังสือเกี่ยวกับภาษา
เราอยากเป็นนักเขียน ถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ของเราให้หลาย ๆ คนได้อ่าน
เราอยากเป็นนักแปล แปลหนังสือ แปลบทความ ให้ผู้อ่านได้ซึมซับทั้งอรรถและรสโดยภาษาไม่เป็นตัวกั้น
เราอยากเป็นอาจารย์ ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ลูกศิษย์ของเรา

คิดได้ดังนั้นแล้ว เราก็เริ่มหาหลักสูตรที่เราอยากจะเรียนและเหมาะสมกับเรา
เราก็หาจากในพันทิปนี่แหละค่ะ แล้วก็ Google เพิ่มเติมหารายละเอียดต่อไป

ตอนนี้ เราจะมาลงรายละเอียดหลักสูตรนี้กันเลยนะคะ

รายละเอียดการสมัครและสอบคัดเลือกอ่านได้จากเว็บไซต์ศูนย์การแปลฯ ค่ะ

//www.arts.chula.ac.th/~tran/main/content.php?categoryname=application

คุณสมบัติผู้สมัคร
1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (ไม่จำกัดสาขา) และต้องมีความรู้ทางภาษาไทยและภาษาต่างประเทศในระดับดีมาก
2. คุณสมบัติอื่นๆเป็นไปตามประกาศของบัณฑิตวิทยาลัยซึ่งจะประกาศให้ทราบเป็นปีๆ ไป หรือคณะกรรมการบริหารหลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการแปลและการล่าม พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้มีสิทธิ์สมัครเข้าศึกษาได้

ด้วยความที่หลักสูตรนี้ไม่จำกัดสาขาที่เรียนตอนปริญญาตรี เราซึ่งเรียนสายวิทย์มา จึงสามารถสมัครได้
ส่วนความรู้ทางภาษาไทยและภาษาต่างประเทศในระดับดีมากนั้น ถึงความรู้ของเราจะไม่ถึงระดับดีมาก แต่ก็ขอลองดูสักตั้ง

กำหนดการรับสมัคร
รับสมัครวันที่ 1 ตุลาคม- 30 พฤศจิกายน ของทุกปี
ใบสมัครราคาชุดละ 1,000 บาท (รวมค่าธรรมเนียมและค่าสอบคัดเลือก)

หลักฐานที่ใช้ในการสมัคร
1. ใบสมัคร
2. สำเนาใบแสดงผลการศึกษาระดับปริญญาตรี 1 ชุด
3. สำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรข้าราชการ 1 ชุด
4. สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด
5. รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
6. สอบภาษาอังกฤษ ( CU-TEP) ของศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 550 คะแนน ขึ้นไป

จากข้อ 6 ที่ต้องใช้ผลสอบ CU-TEP ในการสมัครด้วยนั้น เราเลยต้องเตรียมตัวสอบ CU-TEP อย่างด่วน

เราได้เขียนเล่าเรื่องการสอบ CU-TEP ของเราไว้ในกระทู้ด้านล่างนี้ค่ะ ลองเข้าไปอ่านดูนะคะ

//topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/11/K7165825/K7165825.html

พอได้ผลสอบ CU-TEP แล้ว เราก็รวบรวมเอกสารไปสมัครที่ศูนย์การแปลฯ ค่ะ

ตอนนั้น ก็เหลือเวลาเตรียมตัวสอบข้อเขียนเพียงแค่ไม่ถึงเดือน
ด้วยความที่เราเพิ่งมาตัดสินใจได้ ตอนที่เปิดรับสมัครไปแล้ว แล้วช่วงนั้นงานก็ยุ่ง ต้องสอบ CU-TEP อีก
เราเลยคิดว่าลองสอบเอาประสบการณ์แล้วกัน ปีนี้ไปลองข้อสอบก่อน ปีหน้าค่อยสมัครใหม่ รอไปปีนึงคงไม่เป็นไร

เราจะเล่าต่อว่าเราเตรียมตัวอย่างไรในเวลาที่จำกัด

เราไม่เคยทำงานแปลมาก่อน แต่เราอ่านหนังสือแปลมาตั้งแต่เด็ก
เราเป็นเด็กที่รักการอ่านหนังสือมาก สมัยเรียนมัธยมฯ เรามักจะได้รับคัดเลือกให้ไปประกวด

"อ่านในใจ"

ซึ่งหลาย ๆ คนสงสัยกันว่า เค้าประกวดกันอย่างไรหรือ

เราว่าเพราะความที่เรารักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก เราเลยมีคลังคำและสำนวนอยู่ในหัวบ้าง ช่วยให้เราเอาตัวรอดในการสอบได้

มาดูกันต่อเรื่องการสอบนะคะ

การสอบคัดเลือกผู้เข้าศึกษา

1. สอบข้อเขียน 3 วิชา :
- ภาษาไทย
- ภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ)
- การแปล อังกฤษ - ไทย

2. สอบสัมภาษณ์

3. แนวการสอบคัดเลือก
- 3.1 ทักษะการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องตามระบบโครงสร้างและมาตรฐานการใช้ภาษา
- 3.2 ทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศสำหรับการอ่านเพื่อความเข้าใจ การเขียนคำตอบ การสรุปความ และการแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ)
- 3.3 ทักษะการแปลตัวบท (Text) ที่กำหนดให้ จากภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย

สอบข้อเขียน 3 วิชา
- ภาษาไทย
- ภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ)
- การแปล อังกฤษ - ไทย

เอาล่ะสิ ทำอย่างไรดี ภาษาไทยก็ไม่ได้สอบนานแล้ว ครั้งสุดท้ายที่สอบก็คือสอบ Entrance
ภาษาอังกฤษเราก็ไม่รู้แนวว่าข้อสอบจะออกแนวไหน ไม่มีตัวอย่างข้อสอบให้ดูด้วย
การแปล อืมม์ จะเตรียมตัวอย่างไรดีล่ะ เวลาก็เหลือน้อยคิด

คิดไปคิดมา เอางี้แล้วกัน หาจากในพันทิปนี้แหละ จำได้ว่าเคยมีคนถามตอบเรื่องนี้ไว้
เราก็เลยพึ่ง "คลังกระทู้เก่า" และ "พันทิป Smart Search"

//www.pantip.com/cafe/library/topicstockK.php
//search.pantip.com/cgi-bin/ss

พอเข้่าไปในคลังกระทู้เก่าแล้ว ลองพิมพ์คำว่า การแปล จุฬา ลงใน Search Box นะคะ จะเจอหลายกระทู้เลยค่ะ

ทีนี้ก็ไล่อ่านกระทู้เก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ

ตัวอย่างกระทู้ที่เราอ่านก่อนไปสอบ ได้แก่

//topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2771572/K2771572.html
//topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/08/K6900203/K6900203.html
//topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/10/K5924470/K5924470.html

เราขอขอบคุณผู้ตั้งและผู้ตอบกระทู้ทุกท่านไว้ ณ ที่นี้นะคะ

มาดูกันทีละวิชานะคะ

วิชาแรก วิชาภาษาไทย

ตามที่ประกาศไว้ว่าวัดทักษะการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องตามระบบโครงสร้างและมาตรฐานการใช้ภาษา
ดังนั้น เรื่องที่สอบก็มี การใช้คำ, การใช้ภาษา, การเรียบเรียงข้อความ, การวิเคราะห์บทความ

ตอนที่เราเตรียมตัว เราก็ไม่รู้ว่าจะใช้หนังสือเล่มไหนดี ให้ได้ครอบคลุมทักษะภาษาไทยในเวลาอันสั้น
เราก็เลยไปหอสมุดของมหาวิทยาลัยแล้วยืมหนังสือหลักภาษาไทยของพระยาอุปกิตศิลปสาร,
หนังสือทักษะการเขียนภาษาไทย (เล่มนี้พี่ sserayangkoon แนะนำ), ภาษาไทยนอกจอ (เล่มนี้ คุณหนอนหนังสือตัวเป้งแนะนำ)
อ้อ หนังสือของครูลิลลี่ก็อ่าน เราพยายามอ่านให้มากที่สุด ถึงจะไม่ได้อ่านละเอียด แต่ก็ให้ผ่านตามากที่สุด

วิชาที่ 2 วิชาภาษาอังกฤษ

แนวการสอบคัดเลือก คือ วัดทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศสำหรับการอ่านเพื่อความ เข้าใจ การเขียนคำตอบ การสรุปความ และการแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ)

ขอบอกว่า ข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ยากมาก ๆ สำหรับเรา มิน่าล่ะ เค้าถึงกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครไว้ว่า

"ต้องมีความรู้ทางภาษาไทยและภาษาต่างประเทศในระดับดีมาก"

เฮ้อ มั่วเยอะมาก ๆ หน้าห้องเค้ามีติดประกาศไว้ด้วยว่า

ผู้ที่ผ่านการสอบข้อเขียนต้องสอบได้คะแนนรวมไม่ต่ำกว่า 70%
และในแต่ละวิชาก็ต้องได้ไม่ต่ำกว่า 70% ด้วย

โอ้ แค่จะสอบให้ได้คะแนนรวม 3 วิชา ไม่ต่ำกว่า 70% ก็ยากแล้ว
ต้องทำให้ได้ถึง 70% ทุกวิชาเลยหรือนี่ จะเอาวิชานู้นไปดึงคะแนนวิชานี้ก็ไม่ได้

ไหน ๆ ก็เสียค่าสอบตั้งพันนึง ก็ทำเท่าที่ทำได้ มั่วแหลกลาญ
ข้อสอบเป็นอัตนัยหมดเลยค่ะ อย่าง Cloze test ก็ไม่มี choice ให้ ต้องหาคำมาตอบเอง มั่วสุดฤทธิ์

แล้วก็ให้อธิบายความหมายของคำ, Error detection, Vocabulary, Reading
Part Reading เนี่ย ที่เคยทำมาก็จะมี choice ใช่มั้ยคะ แต่นี่อย่างที่บอก
เขียนเติมเองหมดเลยค่ะ ถามมาตอบไป ไม่ตอบก็อดได้คะแนน

เราว่าสอบ IETLS, TOEFL ยังทำได้มากกว่าอีก

อ่ะ เหลืออีกวิชา สอบไม่ได้ก็สมัครใหม่ปีหน้าแล้วกัน ตอนนั้นปลอบใจตัวเองอย่างนี้

วิชาสุดท้าย วิชาการแปล อังกฤษ - ไทย

ให้เวลา 2 ชั่วโมง
1. แปลเรื่องสั้น
คำสั่ง ให้แปลเรื่องสั้นประมาณว่าแปลส่งนิตยสารสกุลไทย, มติชนรายสัปดาห์

ยากมากนะสำหรับเรา แต่สำหรับคนที่เรียนสายภาษามา คงสบายอ่ะ อ้อ ไม่ให้เอาพจนานุกรมเข้าห้องสอบด้วย
เพราะฉะนั้น คำไหนไม่ได้ สำนวนไหนไม่รู้ ก็ต้องเดาจากบริบทค่ะ เราเดาผิดไปมากมายทีเดียว

2. แปลข่าว
ข่าว CNN ค่ะ ตัดแบ่งเป็น 5 ข้อย่อย

เราอ่ะ แบ่งเวลาไม่ดี จริง ๆ น่าจะแปลเรื่องสั้น 1 ชั่่วโมง แล้วแปลข่าว 1 ชั่วโมง
แต่กว่าจะแปลเรื่องสั้นเสร็จ ปาไป 1 ชั่วโมงครึ่ง พอเงยหน้ามาดูนาฬิกา ตกใจ ปั่นแทบไม่ทัน

ตอนนั้น รู้สึกเลยว่าแปลได้ไม่ดีเล้ย ไม่เป็นไร เอาไว้ปีหน้า แก้ตัวใหม่

หลังสอบเสร็จ ด้วยความที่คิดว่าไม่ผ่านชัวร์ ก็เลยไปซื้อใบสมัครของอีกที่หนึ่งเอาไว้

การเตรียมตัวสอบแปลของเรา เริ่มจากกระทู้ในพันทิปนี่แหละ
ดู ๆ แนวการแปลของปรมาจารย์ทั้งหลาย

เช่น

หลักการของแอ๊ด หรือ Add's Principles ซึ่งแอ๊ดขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับคนอื่น

การแปลที่ดีคือ

1.ถ่ายทอดสาระ ไม่ผิด ไม่ขาด ไม่เกิน จากต้นฉบับ
2.มีความสละสลวยงดงาม เหมาะสมกับกาละเทศะ ของภาษาปลายทาง
//topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/08/K6859601/K6859601.html#2

ตอนนั้น เรายืมหนังสือเรื่องการแปลมาอ่านหลายเล่ม ซื้อมาอ่านก็เยอะเหมือนกัน

เราอ่านทั้งของอ.สิทธา พินิจภูวดล, อ.ปรีมา มัลลิกะมาศ, อ.วัลยา วิวัฒน์ศร, อ.สุพรรณี ปิ่นมณี,
อ.ทิพา เทพอัครพงศ์, คุณ ส.ศิวรักษ์, คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา และหนังสือของอ.ท่านอื่นอีกมากมาย

อ่านหนังสือแปลก็อ่านด้วย คือตอนนั้น มีนู่นนี่ให้อ่านเยอะ แต่ก็ไม่จบสักเล่มนะคะ
อาศัยว่าอ่านผ่าน ๆ เอาเป็นแนวทางค่ะ เพราะเวลาจำกัดมาก ๆ

เราถึงบอกไว้ในตอนต้นว่า ที่สอบได้คงเพราะซึมซับการอ่านมาตั้งแต่เด็กค่ะ

หลังจากสอบเสร็จ เราก็ตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่จะประกาศผลสอบหนอ
ถ้าไม่ผ่านจะทำอะไรต่อ จะไปเรียนหลักสูตรไหน แล้วถ้าผ่าน จะเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์อย่างไร

และแล้ว วันที่ 16 ม.ค. 52 ก็มาถึง

ประมาณ 9 โมง คุณโจโฉก็โทร.มาบอกว่า เค้าประกาศผลแล้วนะ
เราก็งง ๆ เหรอ ๆ ขอบใจนะ แล้วก็ไปเิปิดคอมฯ

ตอนนั้นก็กล้า ๆ กลัว ๆ เพราะถ้าไม่ผ่านขึ้นมา ก็คงเสียใจ แต่ก็นะ เราทำดีที่สุดแล้วล่ะ

พอเปิดหน้าเว็บไซต์ เราก็ไปโหลดไฟล์มาดู ก็ยังไม่ได้ดูละเอียดหรอก แต่ดูแว้บ ๆ ว่า เรียงตามเลขที่สอบ

อ่ะ ดูก็ดู ไม่ติดก็ไม่ติด ดูไล่มา เฮ้ย เลขประจำตัวสอบเรานี่หว่า
ฮ้า ชื่อก็ใช่ อิ อิ สอบติดแล้ว ดีใจ ๆ ก็เลยปริ๊นท์ใบประกาศผลออกมา
แล้วก็โทร.บอกเพื่อนเราอีกคนนึง แล้วก็บอกที่บ้าน ดีใจกันที่สอบติดแล้ว
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะสอบผ่าน เราก็ไม่ได้ไปบนที่ไหนนะ
จริง ๆ ก็ว่าจะบนเหมือนกัน แต่มาคิดอีกที ถ้าสอบผ่าน ก็ไม่รู้สิว่าเป็นฝีมือเราจริงรึเปล่า

จากนั้น ด่านต่อไปก็คือ สอบสัมภาษณ์ค่ะ

ตอบสอบสัมภาษณ์ ด้วยความที่เรามาจากสายวิทย์ ไม่เคยเรียนทางด้านภาษามาก่อน
อาจารย์ก็เลยให้เล่าเรื่องงาน ถามว่าทำไมถึงอยากมาเรียนหลักสูตรนี้
หลักสูตรนี้เรียนทฤษฎีเยอะนะ แล้วยิ่งไม่มีพื้นฐานด้วย ยากนะ ยังจะอยากเรียนเหรอ
จริง ๆ ไม่ต้องเรียนก็แปลได้นี่นา แล้วนี่ทำงานอยู่ แล้วจะมีเวลาทำการบ้านรึเปล่า
ที่นี่การบ้านเยอะนะ ถึงจะเรียนเสาร์-อาทิตย์แต่ก็อยากให้มีเวลาวันธรรมดา อ่านหนังสือทำการบ้านด้วย
เราก็ตอบไปตามความรู้สึกของเราและแสดงความมุ่งมั่นตั้งใจอยากเรียนจริง ๆ

พอตอนท้าย อาจารย์ก็ดูคะแนน CU-TEP เราแล้วบอกว่า
คะแนน CU-TEP ก็สูง คิดว่าไม่มีัปัญหานะ เรียนได้อยู่แล้ว จบคณะ...มาด้วย เรื่องความรับผิดชอบ อ.ก็ไม่ห่วง

และแล้วก็ผ่านสอบสัมภาษณ์มาได้ค่ะ

เดือนหน้า 6 มิ.ย.ก็จะเปิดเทอมแล้ว จะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดค่ะ
อยากจบใน 2 ปี ไม่รู้จะทำได้รึเปล่า ยังไงก็เอาใจช่วย Flowery ด้วยนะคะ

หวังว่า blog นี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจเรียนต่อการแปลนะคะ

ถ้าใครอยากลองแปล เอาข่าวนี้ไปแปลดูนะคะ
//edition.cnn.com/2008/TECH/11/13/es.toilet/index.html

เรื่องนี้ก็น่าฝึกแปลค่ะ
//www.englishlibrary.org/stories_thethief.html




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2552
2 comments
Last Update : 11 พฤษภาคม 2552 12:05:42 น.
Counter : 6606 Pageviews.

 

อ่านแล้วก็ดีใจ(ย้อนหลัง)ด้วยค่ะ ที่สอบได้
เล่าได้อ่านง่าย และทำให้ผู้อ่านเข้าใจถึงความมุมานะของเจ้าของบล็อกดีจังเลย การวิ่งตามความฝันตัวเองเป็นเรื่องที่น่าชื่มชมอย่างยิ่ง

 

โดย: bluejazz7 29 มกราคม 2553 12:03:02 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณ bluejazz7
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ

 

โดย: Flowery 29 มกราคม 2553 12:58:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Flowery
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




Flowery รักการเขียน รักการเรียนรู้ รักภาษาอังกฤษ รักการแปล และรักที่จะแบ่งปันประสบการณ์ความรู้
Friends' blogs
[Add Flowery's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.