อย่าให้ชะตาชีวิตมากำหนดเส้นทางให้คุณเดิน สร้างชีวิตและเส้นทางให้โชคชะตาเดินตามคุณ

 
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 ตุลาคม 2549
 

(รัฐธรรมนูญ) อีกกี่ฉบับ ฉันก็จะฉีกทิ้ง

รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปกครองประเทศในระบอบใดๆ ประเทศนั้นๆ จะต้องมีรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ ใครๆ ก็รู้ สอนกันมาตั้งแต่เด็กๆ มีบรรจุไว้ในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการด้วย ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นวิชาสังคมศึกษา หรือวิชาหน้าที่พลเมือง อะไรทำนองนี้ ประมาณซัก ชั้นประถมปีที่ 4 ไม่เชื่อก็ลองเรียก หลานๆ มาถามกันดู

สำหรับคนรากหญ้า หรือคนรากแก้วอย่างผม คงไม่สนใจหรอกว่ารัฐธรรมนูญที่ประเทศของเรามี มันจะมีอายุกี่ปีแล้ว หรือเปลี่ยนมากี่ฉบับ กี่รัฐบาลแล้ว เพราะเท่าที่เห็นกันอยู่ มันก็มีความสัมพันธ์กับเราตั้งแต่เรารู้จักมัน และเรียกชื่อมันได้นั่นแหละ ถ้าผู้ปกครองยัดเยียด ความสัมพันธ์ให้เราได้มาก เราก็มีส่วนร่วมได้มาก ถ้าเขาอยากจะให้เรารู้น้อยๆ เขาก็ต้องมีวิธีทำเข้าสักอย่างจนได้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองไปซักกี่คน เปลี่ยนรัฐธรรมนูญไปอีกซักกี่หน ไพร่ก็ยังเป็นไพร่ ทาสก็ยังเป็นทาส แถมยังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นี่แหละความสำเร็จในสายตาของนักปกครอง

เพราะมันเป็นหน้าที่ และเป็นธรรมชาติของผู้ปกครองอยู่แล้วที่จะต้อง ปกครองประชาชนอย่างพวกเรา อย่าให้ขยับเขยื้อนไปไหน และวิธีการสอง สามอย่างที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายโดยทั่วไปก็คือ การปกครองบนความแตกแยก การปกครองแบบสร้างสภาวะวิกฤต และการปกครองแบบอย่าให้มันฉลาด หรือรวมเอาหลายๆอย่างมาใช้ร่วมกัน โดยมีเครื่องมือที่สำคัญก็คือกฎหมาย และกฎหมายที่เป็นผู้ต้องหาในกรณีนี้ก็คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

ทำไมถึงกล้าพูดไปแบบนั้น ก็เพราะว่าหลักฐานมันปรากฏอยู่ให้เห็นทุกที่ ไม่เว้นแม้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ดูเหมือนจะดีที่สุดในโลกของไทย ที่ชอบใช้เทคนิคของนักกฎหมายเข้าไปผสมกลมเกลียว ปิดบัง อำพราง ซ่อนเร้น ถ่วงเวลา วางหมาก เตะถ่วง โยนลูก ระเบิดเวลา สารพัด โดยเฉพาะ หมวดสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย (ที่ไม่ใช่นักปกครอง) เช่นในมาตราที่ชอบใช้คำว่า “ตามที่กฎหมายบัญญัติ” “ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย” และ “ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย โดยอนุโลม” เห็นกันชัดๆ ว่าเป็นช่องโหว่ ช่องเบ่อเริ่มเทิ่ม

ก็เพราะว่า พวกเรามักจะลืมกันว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญนั้นแท้ที่จริงแล้ว จะต้องประกอบไปด้วยกฎหมายอื่นๆ อีก และจะอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพังไม่ได้ ซึ่งนักกฎหมายต่างมักเรียก กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าเป็นกฎหมายลูก ยกเว้นกิจกรรมทางการปกครองบางอย่าง ที่สำคัญเกินกว่าที่จะถูกครอบงำ จากผู้ปกครองได้โดยง่าย ก็ให้แยกมาตั้งเป็นองค์กรอิสระ ให้มีหน้าที่ตรวจสอบผู้ปกครองได้อย่างเต็มที่ เช่น ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 หมวด 10 ส่วนที่ 2 “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” และ หมวด 11 “การตรวจเงินแผ่นดิน” แต่ก็ยังไม่วายมีปัญหาเป็นเรื่องเป็นราวให้คณะปฏิรูปต้องคิดหนักอยู่ในขณะนี้ ก็เพราะอะไร ก็เพราะกฎหมายลูก อีกนั่นแหละ
กฎหมายลูก ยังไม่พอ ยังมีกฎหมายหลาน กฎหมายเหลน กฎหมายโหลน อีกต่างหาก ในความหมายก็คือ นอกจากกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว ก็ยังต้องมี พระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ ตามด้วยกฎกระทรวง ประกาศกระทรวง คำสั่งกระทรวง ระเบียบกระทรวง ตามด้วย ระเบียบกรม ประกาศกรม คำสั่งกรม

กฎหมายรัฐธรรมนูญบางฉบับออกมาแล้ว อย่างสมบูรณ์ที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เช่น “มาตรา 57 สิทธิของผู้บริโภคย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ตามกฎหมายบัญญัติ” กฎหมายลูกมีแล้วครับ แต่เป็นกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญฉบับที่เก่ากว่า แม้จะมีข้อกำหนดว่าจะต้องร่าง กฎหมายประกอบให้เสร็จสิ้นภายใน หนึ่งปี หลังมีกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ความจริงก็คือไม่เสร็จ แล้วก็ไม่เห็นมีนักปกครองคนไหน ระบุโทษไว้ว่าถ้าพวกเดียวกันทำความผิด จะต้องระวางโทษอย่างไร รวมทั้ง พระราชบัญญัติต่างๆ ที่กำลังจะพิจารณาใกล้เสร็จ ก็พลอยล้มหายตายจากกันไปตามเทคนิคของนักปกครอง

ถ้ามันดูยุ่งยากและสับสนกันเกินไปก็จะเขียนเสียใหม่ว่า มันก็ไม่ต่างอะไรกับโปรแกรมเมอร์ชั้นครู ที่ตั้งใจเขียนโปรแกรมแล้ว ทำให้คอมไพล์ไม่ได้ บ้างก็ไม่ได้กำหนดค่าตัวแปร บ้างก็วนลูป บ้างก็อ้างอิงซับโปรแกรมที่ยังไม่ได้เขียน บ้างก็อินเทอร์เฟสผิดพลาด ที่มีมากก็คือคนละเวอร์ชั่น เหตุผลก็คือจะได้อยู่แก้โปรแกรมไปนานๆ กินเงินเดือน รับโอที กันไปจนพุงปลิ้น ผู้ถือหุ้นจะลงมาทำเองก็ไม่ได้เพราะไม่มีปริญญารับรองมาทางนี้ และฝ่ายบุคคลซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับโปรแกรมเมอร์ ซึ่งเข้างานมาพรอมกันก็คงไม่ยอม

เห็นไหมครับว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากเลย นักปกครองนั่นแหละที่ทำให้มันยุ่งยาก ไม่ว่าจะด้วยระบบอุปถัมภ์ ระบบญาติมิตร และระบบทดแทนบุญคุณ ล้วนเป็นอุปสรรคที่ชนชั้นปกครองสร้างขึ้นมาเพื่อ จำกัดโอกาส และสร้างอุปสรรค์ ให้กับชนชั้นที่ต่ำกว่า และบวกกับระบบโลภ (ลัทธิทุนนิยม) ซึ่งกำลังมาแรกในวันนี้ และวันพรุ่งนี้ ถ้าคณะปฏิรูปอยากจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก็ออกกฎหมายปฏิรูปที่ดินมาซักชุด เอาให้ครบทั้งครอบครัว ระบุให้ชัดไปเลยว่า ห้ามบุคคลต่างชาติถือครองที่ดิน และห้ามประชาชนถือครองที่ดินเกิน 100 ไร่ ตามด้วยพระราชบัญญัติ ภาษีมรดก และภาษีที่ดิน อีกซักหน่อย ถ้ายังไม่พอ ก็ให้เปลี่ยนสกุลเงินไปเลย แล้วผมจะเชื่อว่าทำเพื่อชนชั้น ไพร่ และทาส อย่างผม

สุดท้ายก็อยากจะเน้นว่า อย่าไปยึดติดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญให้มากกว่านี้เลย เพราะไม่เคยมีนักปกครองคนไหนเคยติดคุกในข้อหาฉีกรัฐธรรมนูญเลย เห็นได้ดีกันทุกราย และทาสก็ยังเป็นทาส ไพร่ก็ยังเป็นไพร่ ถ้าการปกครองในระบอบอื่นที่จะทำให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีกินดีขึ้นมาบ้าง ก็น่าจะลองดูกันบ้างนะครับ เพราะผมเห็นว่า ในประชาธิปไตยย่อมมีเผด็จการ และในเผด็จการก็ย่อมต้องมีประชาธิปไตย ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้นไม่ว่าในระบอบใด ขอยินดีต้อนรับล่วงหน้า กับการปกครองประเทศในรูปแบบใหม่ “หนึ่งประเทศ ทุกระบบ”


Create Date : 06 ตุลาคม 2549
Last Update : 10 ตุลาคม 2549 1:01:09 น. 0 comments
Counter : 294 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

เหนือลิขิต
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีท่านที่หลงเข้ามาในเว็บบล๊อกแห่งนี้ทุกท่าน

อย่าเพิ่งแปลกใจที่ได้อ่านอะไรไปโดยที่ยังไม่ได้เห็นแม้เงาของผู้เขียน อยากจะบอกว่าผมเอง เป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย จนหลายคนอาจจะตกใจกับการปฏิบัติตน แนวความคิดของผม ไม่ถึงกับต่อต้านสังคม เพียงแต่อยากให้สังคมได้รับรู้ และมีทางเลือกในสิ่งที่ดีกว่า เพราะการมีโอกาสได้รู้ ได้เห็น ในสิ่งต่างๆ มามากพอควรแล้ว ต่อไปนี้จึงเป็นการลงมือทำ โดยเริ่มต้นด้วยการเขียน และสิ่งต่างๆที่เขียนก็ล้วนเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ในประเทศไทยของเรานี้

ขอทุกท่านจงโปรดช่วยชี้แนะ
[Add เหนือลิขิต's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com