Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
28 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
ประสบการณ์เจอผีแบบมหากาพย์ครั้งใหญ่สุดในชีวิตตอนที่1



สวัสดีครับ ที่คลิกเข้ามาหวังจะอ่านอะนะ 

ประสบการณ์หนนี้ที่กำลังจะเล่าสู่กันฟัง มันเป็นประสบการณ์ที่แบบว่ายังไงอะ ผมไม่กลัวนะ ตื่นเต้นมากกว่า และเป็นอะไรที่มีพยานรู้เห้นยืนยันได้ราวๆสิบชีวิต อยู่ในพันทิปอย่างน้อย(และเป็นคนดังด้วย)คนนึง  เป็นสาวสวยเลยทีเดียว


ประสบการณ์หนนี้แม้ผมจะไม่ค่อยกลัว(แต่คนอื่นกลัว)แต่นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ใหญ่สุดของชีวิตเลยครับ เพราะเจอหลอกกันสิบห้าวันติด ก่อนลอยกระทง เพราะจำได้ว่าวันสุดท้ายที่มันมาหลอก เป็นวันลอยกระทงครับ เหตุการณ์นี้เกิดตอนผมอายุประมาณ 18 ตอนนี้ 26 เกิดที่หอพักใน พิษณุโลก ห้อง 407(ตัวห้องจะอยู่หน้าสุด จึงมีกระจกที่ผนังสองด้าน อากาศดี แต่มันทำให้ผีหลอกเยอะขึ้น)    เป็นหอมีกลิ่นอายต่างประเทศ

แตขอบอกก่อนนะว่า ผีในห้องนีน่่ะมี แต่เขาไม่ได้มาหลอก ไอ้ทีม่าหลอก เพราะว่าเราลองดีกัน ผีที่ด้านนอกเลยกรูกันเข้ามาครับ ย้ำว่า ห้องไม่ได้มีอะไรเลย อยู่มานานไม่มีอะไร จนไปลองของกันในห้อง เลยได้เรื่องเพราะผีข้างนอกมาเต็มมมมมมมม



เรื่องของเรื่องเริ่มเลยละกันครับ คือ ผมน่ะ เป็นคนที่มีปัญหาด้านความรักมากครับ ทำยังไงก็ไม่ดีขึ้น จนเรียกได้ว่าน่าจะเป็น องค์ดราม่า เลยก้ว่าได้  แล้วก็พยายามหาทางแก้ทุกด้านนะไม่ว่าทางบุญ ทางโลก ทางอะไร 


ทีนี้ สมัยผมเข้ามหาลัยใหม่ๆ ปีหนึ่งยังอยู่บ้าน ไม่ไปหอ เพราะติดแม่จัด
ขับไปมาระหว่างในเมืองกับ มอนอ ทุกวันๆ (กลับพร้อมไอ้แมวอ้วนนั่นล่ะ)

ทีนี้ พออกหักไอ้แมวอ้วนทิ้งไปหาผัวใหม่(ซึ่งคนที่เอาไปก็คือเพื่อนสนิทกู เอาไปแล้วแย่งไปแล้วแย่งได้แล้วทิ้งซะด้วยนะ ไม่ใช้ มันน่านัก แรดได้อีกมึง 55)

ทีนี้ไปกลับตัวเมืองกับมหาลัยมันก็20กิโลได้อะ  ไม่ไหว เหนื่อย ไม่ได้อยู่กับเพื่อนด้วย ก็เลยเอาวะ ขี่รถไปมาไม่ได้เข้าเรียนซะที  ก็เลยมาเช่าหอ โดยผมติดหรูน่ะกระแดะว่างั้น ก็เลยเลือกนานจนไปเจอหอดังกล่าวห้าชั้น มีสระว่ายน้ำ  ด้วยความที่ได้ห้องติดสระด้านหลังชั้นสองก็เลยเข้าอยู่ แต่พอเข้ามาอยู่จริงๆ ดันบอกห้องนั้นไม่ว่าง ให้ไปอยู่ 413(ร้อนสัดห้องนี้)    อยู่ไปพักนึงก็ได้ย้ายไป ห้องหน้าสุด หน้าต่างหกบานเชียว 407(หรือ 417เนี่ย)

เพราะพอดีเจ้าของห้องเดิมเขาออกพอดี ทีนี้เข้าไปวันแรก ก็เห็พวงมาลัยห้องที่หน้าต่างเต็มเลย
แห้งๆแล้วด้วย ไอ้ความที่มันแห้งๆเนี่ยล่ะ  เลยน่ากลัวเพราะมันแสดงว่ามันนานแล้ว(ผมพอรู้เรื่องทำนองนี้เพราะว่า ตอนมัธยมหก เคยเรียนพวกไสยศาสตร์มาน่ะครับ  เรื่องทำของ พิธี อาคม แก้เคล็ดเลยพอรู้บ้าง แต่เลิกหมดแล้วนะ บาปกรรม)

คือแม้จะเรียนมา แต่ด้วยความที่เด็ก ตอนนั้น 17 ย่าง 18 ผีอะ ใครไม่กลัว
ก็เลยไปหาครูผม ชื่อครูตุ๊  เป็นหมอดูคนนึง ที่ผมกล้าบอกได้เลยว่ามีคุณธรรมมาก และ ดูแม่นนที่สุดในโลก ทายเป๊ะๆ บอกออกไปรถจะว่ำก็คว่ำจริง            


เขาก็บอกว่า ผีในห้องมีนะ แต่เขาดี เป็นสาวสวย ไม่เป็นไร  เอาพวงมาลัยงามๆไปให้เขาสิ  (หาาา ให้เขา ผมเป็นคนนะ)   แกก็บอกว่าให้ไปแขวนไว้แบบที่คนก่อนทำนั่นล่ะแล้วจะอยู่ดีมีสุขมากขึ้ ไม่ทำก็ได้ก็อยู่ดีเหมือนกัน เขาแยกกันอยู่กับเรา


ดังนั้นหอที่ผมอยู่นี้ ต้องบอกว่าจริงๆอยู่เฉยๆผีก็ไม่หลอกนะ ถ้าไม่ลองดี  (ไม่เหมืออีกหอ ที่ชั้นสามนั่น)
ด้วยความที่กะลงหลักปักฐานสามปี   ขนชุดเครื่องเสียงชุดโต ของมากมายไปอยู่เหมือนย้ายบ้านเลยผูกมิตรดีกว่า


ด้วยผมติดด้านศาสตร์เร้นลับ นิสัยผมตั้งแต่มัธยมก็ยังอยู่ คือชอบดูดวง(หลังๆมาเรียนดูดวงเองเลยไม่ไปดูที่ไหน)    ชอบท้าทายอำนาจมืดเนื่องด้วยเคยรับองค์มาด้วย คือประสาเด็กวัยรุ่นเกรียนๆหรือวัยรุ่นที่ชอบค้นหาตัวเองหรือวัยซุกซนมั่นใจตนเอง ก็เชื่อมั่นในเกราะเราก็คือองค์ แล้วก็ไปดูดวงที่ไหนเขาทักเหมือนกันหมดว่ามีบุญญาธิการสูงมาก และเสียเรื่องรักนะ ไรเงี้ย    แล้วทีนี้พอรู้ดังนั้นก็เลยไม่กลัวอะไรเรื่องทำนองนี้ประสาวัยรุ่นคะนองน่ะนะ  แต่ติดดูดวงไม่หาย  

จุดอ่อนที่สุดของผม คือกลัวอกหักครับ  ดังนั้นพอไปดูดวงแถวมอตอนนั้นก็มีดูดวงจ้าวนึง ชื่อ ป้า แคท  ดูยิปซี   แต่เท่าที่ผมรู้สึกหรือสังเกตได้ คือแกดูไพ่ด้วยแล้วแกก็มีอะไรอยู่ที่มองไม่เห็น แต่ไม่ใช่ของดีนัก(คือไปทางมืด)

แกทายมาคล้ายคนอื่น คือ ความรักไม่ดี  ลักษณะรูปหน้าแบบนี้ มีรักทีไรต้องอกหักตลอดชีวิต  ได้ฟังดังนั้นก็เครียดสิ จี้จุดอ่อนเรานิ   แล้วผมจะอ่อนแอเรื่องนี้ ก็เลยเหมือนขอทางแก้ไข   หลังจากนั้นก็สนิทกับคุณเธอคนนี้มากจนไปบ้านเธอบ่อยๆ(ชีเป็หญิงแท้หรือกะเทยยังไม่แน่ใจเลย)  โดยหวังว่า จะหาทางออกได้ เพราะที่ผ่านมาอกหักแรงบ่อยจริง


ยิ่งช่วงมอหกนี่ ร้องไห้สลับนอนหลับเป็นครึ่งปีแทบจะเเป็นฮิคิโคโมริไปเลยล่ะ ไม่ออกไปไหน    แกก็เลยแนะนำให้ทำพิธีอันนึง เรียกว่า แก้กรรมอะไรทำนองนี้ หรือตรวจกรรมอะไรเนี่ยละ(จำชื่อแน่นอนไม่ได้ แต่แนวกรรมๆเนี่ย)

พิธีที่ว่า จะเป็นทำนองว่า คือเราทุกคนมีเจ้ากรรมนายเวร แล้วเขาตามจองเวรเราอยู่ ถ้าเราเชิญเขามาเจรจาต่อรองได้(ได้ฟังทีแรก หาาาา มึงจะให้กูคุยกับผีเนี่ยน๊ะ!! โอ้พระเจ้าจอร์จ โอวโน่ววว กุมขมับและหน้าผาก สะบัดหน้าพร้อมลงไปนั่งอย่างสะพรึงที่พื้น)  พอเจอแล้วก็ต่อรองกันไปว่าจะชดใช้ด้วยอะไรทดแทน แล้วปล่อยเราเรื่องที่จองเวรเราอยู่

ขณะทำพิธีจะมีป้าหมอดูคนนี้เป็นเจ้าพิธี แล้วผู้เข้าทำพิธี จะนั่งจับมือกันล้อมเป็นวงขึ้นกับว่ามีผู้ร่วมพิธีกี่คน  โดยมือซ้ายคว่ำขวาแบ หรือซ้ายแบขวาคว่ำเนี่ยละจำไม่ได้  แล้วขณะทำพิธีต้องเอาสื่อศักดิ์สิทธิ์หรือสื่อวัตถุออกจากตัวให้หมด เช่นพระ เครื่องราง  เหรียญ(ที่มีหน้าในหลวงท่านอยู่) และโลหะทุกชนิด  มือถือด้วย

และไม่ว่ามีผู้ร่วมพิธีกี่คน  เวลาระลึกกรรม(ใช่แล้ว เรียกว่าระลึกกรรมครับ)    จะระลึกได้ทีละคน เช่นวันนี้ มีผู้ร่วมพิธีคือป้าแก ผม พี่การ์ตูน พี่เอ็ม  ก็ต้องตกลงว่าจะระลึกกรรมของใคร  ถ้าตกลงว่าระลึกของผม ก็ต้องทำพิธีให้ผมห้ารอบติด โดยจะระลึกได้แต่ของผมเท่านั้นในห้ารอบ  คนอื่นในวงพิธีเป็นผู้ร่วมพิธีเสริมกำลังสมาธิและจิตเฉยๆ

และถ้าภายในห้ารอบพิธี ผมซึ่งเป็นผู้ระลึกกรรม ยังไม่สามารถมองเห็นอะไรได้หรือยังไม่มีวิญญาณหรือเจ้ากรรมมาให้เห็นหรือให้รับรู้ แสดงว่าเขาไม่ยกโทษให้ ต้องก้มหน้ารับกรรมต่อไป





พิธีในวันแรกที่ทำกัน ตกลงกันว่าจะระลึกของผม  ทำในห้องผม ห้อง 407 นั่นล่ะ หน้าต่างหกบานพอดี๊ เปิดประตูระเบียงระหว่างทำ   โดยรื้อทุกอย่างเหลือแต่โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้อง ถอดสื่อวัตถุออกให้หมด โดยเฉพาะสื่อเครื่องรางและสื่อวัตถุอาถรรรพณ์   ปิดไฟจุดเพียงเทียนดอกเดียว

ผมซึ่งแม้จะเคยเรียนไสยศาสตร์ และ ดูดวงมา  แต่ผมก็ไม่เชื่อในเธอคนนี้ว่าจะเก่งอะไร(ก็วัยรุ่นอะนะ มั่นใจแบบคะนองๆ55กูเก่งกว่า)     ผมพูดตรงๆว่าผมคิดว่าที่เธอดูหมอแม่นอย่างมากผมเชื่อว่าเป็นแค่พรายกระซิบหรือกุมารทอง   แต่เอาเหอะ ไหนๆเผื่อฟลุคแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นได้

ก็เริ่มเลย เหลือโต๊ะกลางห้อง ปิดไฟ จุดเทียน

ป้าแกว่า จะมีผู้ร่วมพิธีอีกคน ชื่อการ์ตูน   อายุยี่สิบหก  ผมก็โหยแก่กว่าเกือบรอบ แต่วินาทีที่เขามาให้เจอ มาเคาะห้อง เหอ ชิบหายละ หน้าเด้กกว่ากูอีก ตาโต ตัวเล็ก แป๋วแบ๊วมากหน้าอะ==  ใส่ีชุดนักเรียนแล้วอำว่ามอสี่ ก็เชื่อวะ  แอบคิดพาลจองเวรพี่แก  บังอาจ แก่กว่าแล้วหน้าเด็กกว่าหน้าตาดีกว่ากู 55(พูดเล่นนะ เห็นทีแรก เฮ้ย น่ารักอะ)

สารภาพตรงๆว่า ถึงตอนนี้ ถ้าจำความรู้สึกไม่ผิด ผมคิดว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ชิวๆ ธรรมดาๆ

มนั่งล้อมวงรอบโต๊ะญี่ปุ่นนั้น กฎสำคัญของพิธี อย่าให้มือที่จับหลุดจากกันเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถ้าพิธียังไม่จบ อย่าปล่อยมือเด็ดขาด ก้ไม่รู้ทำไมน่ะนะตอนแรกน่ะ ทุกคนรับรู้ ก็ปิดไฟ จุดเทียนกัน แล้วห้องแบบฮาเร็มนะเธอว์  แสงเทียนวูบไปมา ได้อารมณ์โครตอะ(ตอนนั้นเพื่อนขนานนามเลยว่าเป็นห้องที่สวยและเวอร์สุดในมอ แต่ว่า น่ากลัวนิดๆมันดูอลังแบบอาคม ซึ่งเอาเหอะ บ้านทุกวันนี้ผมอาคมกว่า)

วินาทีตอนนนั้นต้องยอมรับว่า ไม่เชื่อเท่าไระน แต่ว่า ตื่นเต้นอะ เหมือนคนกำลังจะขึ้นรถไฟเหอะ น่าสนุกจัง คิดในใจ เพราะเรื่องลองของผมลองมาเยอะแต่ไม่เคยเจออะไรแบบโต้งจนน่าเกลียดน่ากลัวแล้วปฏิเสธว่าไม่ใช่ผีไม่ได้ไง ทุกทีก็จะคิดแถได้ตลอดว่าไม่ใช่ผี แค่บังเอิญว่าาา(ทั้งที่มีคนเรียกเราตลอดทางกลับบ้านเป็นชื่อเราเลย ขณะฝนตก ไม่มีรถแถวนั้น นี่คือเหตุการณ์สมัยลองของตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ๆวันแรกๆเลย ส่วนที่เล่าอยู่มันปีสอง)


ทั้งสามคนจับมือกัน อย่างที่บอก แล้วท่องคาถาคนละคำ วนรอบวง(ทั้งหมดมีสี่คำ แต่ไม่ขอบอกนะครับ)
ท่องไปเรื่อยๆจนถึงจุดนึง ห้องจะเงียบอัติโนมัติ มันจะเงียบน่าเกลียดอะ  จนทำให้ได้ฟีลขึ้นอีก  ทุกคนต้องหลับตาด้วยนะ ที่ป้าแกบอก   ผมก็หลับตา นับหนึ่งฉอง ฉาม บลาๆ ไม่เห็นมีไรว้า ระลึกกรรมกูแท้ๆ ทำไมมันมืดงิละ เฮ้อออ  ก็คนมันรอเธอว์มาตั้งนาน ข้างเดียว เริ่มไม่เชื่อเข้าไปอีก      ผ่านไปนาทีหรือนาทีกว่าหรือเกินกว่านั้น  อยู่ๆป้าแกก็สั่งว่า พอแล้ว  แล้วก็สั่งให้ลืมตา  ปล่อยมือได้ ก็ทำตามนั้น ป้าก็ถามผม ว่าเห็นไรเปล่ารู้สึกไรเปล่า  ผมก็ส่ายหน้า(หรือบอกว่าไม่รู้ไรเงี้ย)  พี่การ์ตูนก็เช่นกัน ไม่เห้นไร   ป้ากแกก็บอกอะไรไม่รู้ น่าจะทำนองว่า ยังไม่เห็นไม่เป็ไร เพิ่งรอบแรก  แล้วก็พูดอีกนิดหน่อย พิธีรอบสองก็เริ่ม ก็เหมือนเดิมไม่มีไรเกิดขึ้ัน   ถามแล้วไม่มีไรเกิดขึ้น  ผมก็เริ่มแบบว่า นะน สูญเปล่าแน่เวลาแชทกู  แต่เอาเหอะ ถือว่าลองของแปลก ของใหม่ๆ       ทีนี้พิธีรอบสามก็เริ่ม....




ไอ้รอบสามนี่ล่ะ ผมก็นั่งกึ่งนิ่งกึ่งยุกยิก เปิดประตูระเบียง ยุงก็เข้าสิว้อย(หารู้ไม่ว่า มันเปิดเป็นเคล็ด)  หลับตาไปมา ก็มืดปกติ เหมือนสองรอบที่แล้ว ก็คิดว่า มะไรจะจบๆ  

แต่ว่า คือ อยู่ๆคุณหลับตาอยู่ แต่มันมีภาพดอกบัวขึ้นมาให้เห็นอะครับพี่น้อง คือเป็นดอกบัว ทีแรกเห็นลางๆแล้วชัดขึ้นๆ จนเห็นว่าสีชมพูกึ่งม่วง หมุนๆอยู่ แล้วก็เริ่มเห็นสิ่งที่อยู่ไกลออกไป ไกลออกไป เป็นต้นไม้ที่มีใบไม้ร่วง แล้วก็มีผู้หญิงห่มสไบยืนอยู่ หน้าตาโศกเศร้า มองผมอยู่.. ยืนนิ่งเลยนะ ไม่พูดอะไร  เจ้าพิธีก็สั่งพอแล้ว ให้ปล่อยมือ แล้วก็ถามเหมือนเดิม

ผมก็ตื่นเต้นสิ นึกถึงเฟริสสเตท ร้องเพลงในใจอยู่มีอะไรมาให้เห็น ก็เลยเล่าๆๆ ระหว่างเล่า อีตาการ์ตูนนั่นก็ทำหน้าเหวอเพราะมันเห็นแบบเดียวกัน แต่เห็นไม่เท่าผม คือเห็นดอกบัวเหมือนกัน

ป้าก็ไม่ว่าไรมาก(หรือว่ามาแต่ผมจำไม่ได้น่ะหละ)    พิธีรอบสี่ก็เริ่ม โดยที่ผมก็เห็นเหมือนเดิม แต่ชัดมากหนนี้ ชีก้ไม่พูดอะไรนะ     เลิกพิธีก็บอกป้าเหมือนเดิม   รู้สึกอีตาการ์ตูนจะเห็นอะไรเพิ่มขึ้นไม่รู้

ป้าก็เหมือนบอกว่าแปลว่าเจ้ากรรมเปิดโอกาสให้เราชดใช้ให้เขานะ  มาทำรอบสุดท้ายให้เสร็จดีกว่า ก็ทำ จนเสร็จ ป้าแกบอกพอแล้ว ไอ้ตอนบอกพอแล้วเนี่ยล่ะ เป็นอีกจุดที่ผมไม่อาจเรียกได้ว่าเราคิดไปเองอะครับ

ปกติทุกครั้งตอนบอกพอแล้ว ก็เพียงแค่ปล่อยมือแ ล้วลืมตา
แต่หนนี้พอบอกพอแล้ว  คือ ผมนั่งขัดสมาธิธรรมดา อากาศร้อนนเพราะปิดทุกอย่างทั้งไฟ พัดลมเพื่อจุดเทียน แต่ว่า เหมือนไฟชอตที่เย็นเหมือน้ำแข็ง เย็นวาบจากตักขึ้นมาที่หัว  ผมถึงกับต้องกระชากมือออกจากป้าและพี่การ์ตูน มากอดตัวเองสั่นหงักๆแล้วคว้าผ้าห่มเลย

ป้าแกบอกว่าที่ป้าแกเห็น ในรอบที่ห้า คุณไม่ได้นั่งคนเดียว แต่ผู้หญิงคนนั้นที่คุณเห็นมานั่งตักคุณแล้วลูบหน้าแบบอาลัยอาวรณ์ผม(ประมาณว่าเป็นสามีเก่าเขาทิ้งเขามาเขาเลยรอผม จนตายเลยว่างั้น)


กระนั้ผมไม่รู้ว่าจริงไหมเพราะป้าแกเห็น(รวมถึงพี่การ์ตูนหรือเปล่าไม่รู้) แต่ไอ้ไฟชอต บวกเย็นวาบเนี่ย มันเย็นมากจริงๆ เย็นกว่าความรู้สึกตอนเดินผ่านประตูเข้าเมืองหิมะดรีมเวิลด์มากเป็นความเย็นที่เราต้านไม่ได้น่ะครับ


แล้วหลังจากเย็นๆ ป้าแกก็บอกว่าสาวที่อยู่ในห้องผม เฝ้าห้องผม ไม่พอใจป้ามาก ที่มาทำพิธีนี้ในห้อง เลยเดินฉุนออกไป(จริงเปล่าไม่รู้ แต่ป้าแกรู้ได้ไงว่าห้องผมมีผีสาว)


วันนั้นสรุปว่าดอกบัวที่เห็นกับผู้หญิง คือ หญิงสูงศักดิ์  ดอกบัวคือหญิงสูงศักดิ์ ประมาณว่าเคยมีเมียชาติก่อนๆที่ตามเรามาชาตินี้เราทิ้งเขาให้เขารอแล้วเขาก็ตาย เลยตามเรามา(ในชาติที่กูเป็นเก้งเนี่ยนะให้ตายเหอะ)   แล้วก็ตกลงกันว่าจะทำอะไรต่อไปตอนหลังจากเสร็จพิธีพี่การ์ตูน  คือถัดจากผม ก็ระลึกของพี่แกต่อน่ะ


ของพี่การ์ตูน ผมเห็นโลงศพอะ แต่ไม่มีอะไรพิเศษ เพราะว่าผมก้แค่รู้สึกว่าฟังเดอะชอคธรรมดา เขาก็เล่าว่าเห็นอะไร(เจือกเห็นตรงกับกูเล่าอีกแน่ะ เป็นโลงศพในสถานที่เวิ้งๆมีน้ำพุ)


ในวันแรกไม่มีอะไรพิเศษที่ผมต้องจดจำเท่ากับไฟที่ชอตและความเย็นวาบนั้น เพราะดอกบัวกับหญิงแม้จะเห็นยามหลับตาจริง แต่ว่า ผมก็คิดแถว่าอาจจะคิดไปเองได้ แต่ไอ้ไฟชอตกับความเย็นนี่ ของจริงครับ จริงๆเลย


คือยังไงอะ ถ้าปกติเวลาเราฟังคนอื่นพูดว่าเจองั้นงิ เห็นงั้นงิ  เช่น ฟังป้าแคทแกบอกว่าเห็นงั้นงิ  เราจะคิดว่าเขาตอแหลไง แต่ถ้าเจอกะตัวเองเนี่ย มันไม่ใช่แล้วอะกิฟ เลยเริ่มเชื่อขึ้นมา




วันที่สองทำพิธีเหมือนวันแรก โดยมีพี่เอ็มเพิ่มมาอีกคน(ชีเป็นเกย์สาว มาจากไหนไม่รู้)

ในวันที่สองนี้ ผมสังเกตความผิดปกติที่เกิดกับตัวเองหลังเสร็จพิธีได้(หรือสังเกตเห็นได้ตั้งแต่วันแรกแต่มองข้ามไม่รู้ คือหลังจบพิธีทั้งหมด ผมจะเหมือนอดนอนทั้งคืน แต่อย่างว่า พิธีเสร็จตั้งตีหนึ่งตีสอง ก็คงเพราะเพลียแหละ)



วันที่สาม คือวันไคลแมกซ์เหมือนวันผีแตก=='





Create Date : 28 กรกฎาคม 2555
Last Update : 28 กรกฎาคม 2555 13:12:59 น. 0 comments
Counter : 378 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จักรพรรดิแดนรักทหารErosPhoenix
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add จักรพรรดิแดนรักทหารErosPhoenix's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.