(ขอบคุณภาพข่าวจาก ข่าวสด)
อาสาวแท้ๆ สาววัย 17 บินกลับมาถึงไทยแล้ว เข้ามอบตัวกับตำรวจ ปคม. ยืนยันคำเดิม หลานสาวขอไปเที่ยวและทำงาน ไม่ได้พาไปค้าประเวณี แค่กุเรื่องหาเรื่องกลับบ้าน ตำรวจค้านประกัน
(24 พ.ค.) จากกรณีข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือสาววัย 17 ปี ที่ถูกล่อลวงไปค้าบริการทางเพศที่ประเทศเกาหลีใต้ ให้รับแขกติดต่อกันวันละ 20 ชั่วโมง ซึ่งต่อมาเหยื่อสาวระบุว่า ผู้ที่ล่อลวงไปคือ อาสาวแท้ๆ ที่อยู่กินกับสามีชาวเกาหลี แต่เรื่องพลิกผัน เมื่อ อาสาวแท้ๆ ออกมาชี้แจงว่า หลานสาววัย 17 ปี กุเรื่องทั้งหมด เพื่อจะกลับบ้านที่เมืองไทย หลังบินไปเที่ยวและทำงานหารายได้พิเศษที่เกาหลี
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา นางพลอย (นามสมมติ) อายุ 37 ปี อาสาวแท้ๆ ของ น.ส.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ได้เดินทางมาจากประเทศเกาหลี ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ก่อนจะเข้ามอบตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าล่อลวงหลานสาวไปขายตัวที่เกาหลี
น.ส.พลอย ให้การด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า ตนทำงานอยู่ที่ร้านนวดแผนไทย ชื่อร้าน อยุธยา ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ทำมาได้เกือบ 10 ปีแล้ว แต่ตนไม่ใช่เจ้าของร้าน เป็นแค่พนักงงานนวดเท่านั้น ก่อนเกิดเหตุหลังเทศกาลสงกรานต์ หลานสาวติดต่อมาว่าอยากจะมาเที่ยวและทำงานด้วย จึงได้พามาอยู่ด้วย
จนกระทั่งสักพัก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่ร้านนวดและเชิญหลานสาวไปสอบสวน ก่อนจะพบว่าหลานสาวติดต่อกับตำรวจนายหนึ่งที่เมืองไทย เพื่อขอความช่วยเหลือเพื่อกลับเมืองไทย โดยกล่าวหาว่าตนล่อลวงไปค้าประเวณี รับแขกกว่า 20 ชั่วโมง จนตนกับสามีและเพื่อนร่วมงานถูกออกหมายจับที่เมืองไทย ตนจึงได้เดินทางกลับมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เรื่องดังกล่าวได้สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงตนกับสามีเป็นอย่างมาก และหลังเกิดเหตุตนยังติดต่อหลานสาวไม่ได้อีกเลย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ นางพลอย ได้เข้ามอบตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. ได้แจ้งข้อกล่าวทั้งหมด 5 ข้อ ได้แก่ ร่วมกัน ทำผิดฐานค้ามนุษย์, ชักพาและล่อลวงบุคคลเพื่อการค้าประเวณีทั้งในและนอกราชอาณาจักร, ร่วมกันชักพาและล่อลวงบุคคลอายุเกิน 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปใช้อำนาจที่ผิดคลองธรรมและข่มขืนใจ, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น และ ร่วมกันชักจูงให้เด็กแสวงหาการค้ามนุษย์
ขณะที่ทางด้าน พ่อของ น.ส.ก้อย อายุ 17 ปี นั้น ได้ออกมาชี้แจงว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสาวได้ออกอนุญาตไปหาอาที่ประเทศเกาหลี ทางครอบครัวก็เห็นชอบด้วย เนื่องจาก น.ส.ก้อย มีพื้นฐานเรื่องนวดแผนไทยมาบ้าง จะได้ไปพัฒนาฝีมือและหาช่องทางทำมาหากินและหารายได้พิเศษ ตอนที่ลูกสาวอยู่ที่เกาหลีมีการติดต่อกันแค่ครั้งเดียว และลูกสาวไม่เคยออกปากว่าอยากกลับบ้านแต่อย่างใด อีกทั้งพร้อมกับว่า น.ส.ก้อย มักไปอยู่อาศัยกับแม่ที่เมืองพัทยา เนื่องจากคบหาอยู่กับแฟนหนุ่มที่นั่นและทำให้ครอบครัวเป็นห่วง ทั้งนี้ พ่อของ น.ส.ก้อย ยังบอกอีกว่า หากลูกสาวถูกแจ้งข้อหากลับฐานแจ้งความเท็จ คนก็เห็นด้วยเพราะถือว่าจะได้ดัดสันดานคนไปด้วย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ประกันตัว น.ส.พลอย และขอดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง ส่วนกรณีข้อความ น.ส.ก้อย โพสต์ขอโทษอาสาวนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในการตรวจสอบว่าเป็นข้อความจริงหรือไม่ ซึ่งหากว่า น.ส.ก้อย กลับคำให้การ ก็จะถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ และหน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือ ก็อาจจะถูกดำเนินการฟ้องร้องด้วยเช่นเดียวกัน