พฤศจิกายน 2561

 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
รายงานผลการกินเจ (เลทมาก) และ สิ่งที่จะนำไปปรับปรุงในครั้งหน้า


นี่ก็ล่วงเลยเทศกาลกินเจมานาน
เพิ่งจะได้มีเวลามารายงานผล ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าจะนับแบบเคร่งๆ ก็ถือว่าทำไม่สำเร็จแหละ
แต่ว่าอย่างน้อยก็ถึงเป้าหมาายขั้นต่ำ ก็คือ กินห้าวัน ให้ถึงวันที่ 13 ตุลาคม
อันที่จริงก็ตั้งใจจะกินต่อ แต่ว่ามีปัญหาหลายๆอย่าง
คือเข้าสู่เทศกาลสอบ แล้วคิดว่าน่าจะได้โปรตีนไม่เพียงพอ
เพราะกินแต่เต้าหู้ และ ผัก รู้สึกสมองไม่ค่อยแล่น (คิดไปเองมั้ง 555) 
พร้อมๆกับติดหวัด มาจากรูมเมทห้องข้างๆ (โชคดีที่ไปตรวจมาแล้วเป็นไวรัสโนเนม ไม่ใช่เชื้อหวัด หรือ แบคทีเรีย)
จึงตัดสินใจออกเจแบบเงียบๆ แต่ก็พยายามกินเนื้อแค่วันละมื้อ
ใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์กว่าจะหายหวัด (ป่วยตั้งแต่วันที่ 14 ตค แล้วก็บวกไปอีก 14 วัน)
ช่วงนั้นก็แค่อ่านหนังสือ กับ นอน เป็นหลัก
งดการออกกำลังกาย (เพราะหายใจไม่สะดวก เจ็บคอ และ ไอหนักมาก....ทุกวันนี้ยังไม่หาย =_=)
ต่อจากนั้นก็มีอีเว้นท์มากมาย 

ถึงแม้ว่าจะกินเจไม่สำเร็จครบสิบวัน แต่เราก็ยังอยากจะทำต่อไปในปีหน้า
ฉะนั้นก็เลยจะมาวิเคราะห์ว่าอะไรที่จะนำมาทำต่อไป และ อะไรที่ไม่เวิร์ค ต้องปรับปรุง

สิ่งที่ได้ผล
1. Meal prep
การเตรียมอาหารล่วงหน้า ช่วงชีวิตเราได้เยอะมาก
อาหารเจแท้ๆ หากินยากมาก ทั้งในแคมปัส และ นอกแคมปัส
(ถ้าไม่ใช่ผลไม้ และ ผัก อะนะ)

2. Optional craving treats
พวกขนมเจที่เตรียมมา คือ ถือว่ารู้เท่าทันตัวเองจริงๆ
มันมีวันที่อยากขนมมากๆ จะเกือบจะแวะกดตู้หยอดเหรียญซื้อขนมไม่เจซะแล้ว
จริงๆ มีขนมหลายอย่างมาก ที่เจ
แต่เพราะว่าเราไม่เคยตั้งใจอ่าน label แบบจริงๆจังๆ 
เวลาจะซื้ออะไรมันก็เลยนาน และ บางทีก็ขี้เกียจอ่าน เดาๆส่วนผสมแล้วไม่แน่ใจ ก็เลยไม่ซื้อ
ขนมที่เข้าข่ายเจบางอย่าง ก็ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ เช่น มันฝรั่งทอดโรยเกลือ
อันนี้ก็ต้องพยายามหักห้ามใจ (จริงๆเลิกมันฝรั่งมาได้สามสื่เดือน พอเข้าช่วงเจก็กลับมาติดอีก)

สิ่งที่ต้องปรับปรุง
1. Portion size
ช่วงกินเจ มันไม่มีเนื้อสัตว์ มีแต่ผักกับเต้าหู้ เราก็เลยจะหิวง่าย
(จริงๆมันมีโปรตีนจากแหล่งอื่นได้ แต่เราแค่ไม่ค่อยชอบกินถั่ว และ โปรตีนเกษตรมันหาไม่ได้)
ปริมาณอาหารที่ตักไปกินที่โรงเรียนในแต่ละวันถือว่าค่อนข้างน้อย
เลยรู้สึกโหยๆทุกวัน
ถ้าจะปรับปรุงก็คงเพิ่มผัก แล้วก็อาจจะหาโปรตีนแหล่งอื่นๆ กันเบื่อ เช่น เห็ด ถั่วแระ (อันนี้ชอบ)

2. Be flexible
มีวันนึงเจแตก เพราะเพื่อนชวนไปข้างนอก แล้วก็ชวนกินข้าวกระทันหันที่ Farmer's market
คือ มันไม่มีอะไรกิน นอกจากน้ำผลไม้กับชา
ตอนนั้นหิวมากกกกกกก เพราะเรียนทั้งวัน แล้วเพื่อนก็มาชวนไปเดินเล่น หลังเลิกเรียน
เลยไม่มีข้าวกล่องเหลือแล้ว และ ไม่ทันได้ตั้งตัว
ตอนนั้นทรมานมาก เพราะในหัวคิดวุ่นวายไปหมด
จะกิน หรือ จะอด 
สุดท้ายความหิวก็ชนะ ซื้อ ซาโมซ่า (อาหารอินเดีย คล้ายๆกะหรี่พัฟ) ที่เค้าบอกว่าเป็น vegetarian 
ใจก็คิดว่า เอาแหละ เราทำดีที่สุดแล้ว ต้องเดินทางสายกลาง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
เราไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร เพราะงั้น ไม่รู้ก็ไม่ผิดละกัน 55555
พอหั่นออกมาดู ก็ไม่เจจริงๆด้วย เพราะว่ามีต้นหอมอยู่ข้างใน
ก็เซ็งนะ แต่ก็ทำให้เรียนรู้ และ ปรับความเคร่งของตัวเองใหม่
ว่าถ้าเลือกไม่ได้จริงๆ ก็ขอให้เลือกแบบ vegan หรือ vegetarian
ไม่งั้นก็จะเครียดเกินไป จะอดก็ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย 

สรุปข้อคิดที่ได้จากการกินเจ

จริงๆการกินเจมันไม่ได้แย่นะ แต่ถ้าไม่ได้รับการฝึกฝนมา มันก็จะรู้สึกว่ายาก
คือเราเป็นคนไทยเชื้อสายจีนก็จริง แต่ว่าที่บ้านไม่ได้เคร่งเรื่องการกินเจ ก็เลยไม่เคยกิน
พอโตขึ้นมาก็อยากลองกินบ้าง (จริงๆอาหารเจที่ไทยอร่อยมากนะ)
เอาเข้าจริง ก็เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากพฤติกรรมของตัวเอง ว่าเวลาที่ร่างกายเราติดการกินเนื้อสัตว์
อยู่ๆจะมาให้หยุดกิน ก็ถือเป็นเรื่องที่ยากเหมือนกัน มันก็ไม่ได้ยากเกินที่จะทำได้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับสามารถงดได้อย่างถาวร อาจต้องใช้เวลาฝึกฝน และ หาเมนูที่เข้ากับตัวเองให้มากกว่านี้
เมนูที่ทำนั้น อร่อยนะ แต่ว่าอาจจะต้องหาเมนูเก็บสะสมเอาไว้หน่อยเยอะๆหน่อย (รสมันคล้ายๆกันไปหมด)

การอ่าน Label ก็ช่วยให้เราตาสว่างเหมือนกันนะ ว่าของที่เราจะซื้อ มีอะไรเป็นส่วนผสมบ้าง เรากินอะไรเข้าไปบ้าง คือของบางอย่างที่คิดว่าน่าจะเจ ก็ไม่เจ แถมใส่อะไรแปลกๆไปเยอะมาก
พอได้มีเวลาหยุดอ่าน หยุดพิจารณาแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี จะได้ไม่กินอะไรอย่างมีสติ




Create Date : 04 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2561 14:00:54 น.
Counter : 706 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

earpphat
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]