มกราคม 2558

 
 
 
 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
รีวิว เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง สำหรับมือใหม่หัดเที่ยว (ช่วงก่อนการเดินทาง)
เราไปเที่ยวญี่ปุ่นมา ช่วง 25 ธค. 57 ถึง 3 มค. 58
เส้นทางการเดินทางก็คือ โอซาก้า-เกียวโต-คาวาคุชิโกะ-โตเกียว
 (ไว้จะมารีวิวแต่ละเมืองแบบมีภาพประกอบอีกทีนะ)

ข้อแนะนำ: การรีวิวนี้ เป็นการรีวิวสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีการจองตั๋ว ค่าใช้จ่าย และ เส้นทางการเดินทางคร่าวๆค่ะ  เนื่องจากเราก็เพิ่งเที่ยวญี่ปุ่นเองเป็นครั้งแรก จะพูดถึงการเตรียมตัวของตัวเองค่ะ
ปล. ไม่มีรูปนะคะ อาจจะตัวหนังสือเยอะไปหน่อย

งบ (โดยประมาณ) 50,000 บาท
-เครื่องบินไป-กลับ 15,000 บาท
-ทีพัก 10,000 บาท
-ตั๋วรถไฟ บัตรรถบัส และ ค่าเดินทางในประเทศ รวมกับบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ 10,000 บาท
-ค่ากินอยู่ 10วัน 10,000 บาท
-ของฝาก 5,000 บาท

ช่วงก่อนเดินทาง

1. แพลนสถานที่ ที่อยากไปคร่าวๆ

เราอยากไปดูอะไร เมืองไหน ก็ลองลิสต์ดูคร่าวๆ ถึงความต้องการของเราเป็นหลัก
เช่น เราอยากไป USJ ในโอซาก้า และ ย่านอากิฮาบาระ ชินจุกุ ฮาราจุกุ ชิบูย่า ในโตเกียว

2. ดูความเป็นไปได้ และ ตัวอย่างการท่องเที่ยวของคนอื่น
เราต้องดูความเป็นไปได้ของการเที่ยว เนื่องจากจะมีข้อจำกัดในเรื่องของ เวลาในการเที่ยว ไฟลท์บิน และ งบ ฯลฯ
เช่น ของเรา แพลนว่าจะไปUSJที่โอซาก้า กับ ย่านต่างๆในโตเกียวให้ได้ ระยะทางห่างกันเป็นโยชน์
ก็มีตัวเลือกในการเดินทางคือ
-นั่งเครื่องบินไป-กลับเมืองเดิม แล้วนั่ง JR ข้ามภูมิภาค หรือเครื่องบินภายในประเทศ
-นั่งเครื่องบินไปเมืองนึง กลับอีกเมืองนึง (ซึ่งเราเลือกข้อนี้)
จากนั้นก็ลองหาข้อมูลต่างๆที่มีเส้นทางการเดินทางแบบเดียวกับที่เราต้องการจะเดินทาง จากรีวิวต่างๆในเว็บ หนังสือคู่มือท่องเที่ยว หรือ พวกโบร์ชัวร์ของทัวร์ ว่าเค้าจัดตารางเที่ยวยังไง งบเท่าไหร่

3. ซื้อตั๋วเครื่องบิน
การซื้อตั๋วเครื่องบินถูกๆ จะช่วยประหยัดงบไปได้มาก
เราใช้เวลานานเหมือนกันในการจอง เนื่องจากช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ตั๋วแพงมากๆ
ต้องลองเช็คจากเว็บของสายการบิน หรือ เว็บที่รวบรวมสายการบิน
ส่วนตัวเราใช้ eticket.co.th
ได้ราคาตั๋วไป-กลับ ประมาณ 15,000บาท--
เส้นทางการเดินทางคือ ไปOsaka-กลับTokyo กับสายการบิน China Airlines (ของไต้หวันนะ)

4. วางแผนการเดินทาง เพื่อกำหนดที่พัก
ต้องกำหนดว่า จะอยู่เมืองไหนกี่วัน เพื่อกำหนดที่พัก
เช่น เราอยู่โอซาก้า 3คืน เกียวโต 1คืน คาวา1คืน โตเกียว4คืน
 (หายไปคืนนึง เพราะตอนไปคาวา เรานอนไนท์บัส)
เราจองที่พักผ่านเว็บ Agoda/ Expedia/Hostelworld ตามความถูกของสถานที่พักนะ 5555
คือแบ่งๆกันจองกับเพื่อนๆ ก็เลยเอาราคาเทียบกัน3-4เว็บว่าใครให้ราคาดีกว่าก็ไปจอง
เรานอนโรงแรมตอนโอซาก้า นอกนั้นนอนโฮสเทล

5. ดูว่าต้องซื้ออะไรก่อนไปรึเปล่า
จริงๆแทบทุกอย่างก็ไปซื้อที่ญี่ปุ่นได้ แต่จะสะดวกกว่า ถ้าซื้อจากที่ไทยไปเลย เพราะเราต้องไปหาที่ซื้อ และต้องรอคิว อาจทำให้การเดินทางล่าช้าไปอีก
เช่น Pocket Wifi/ บัตรเข้าUniversal HP/ตั๋วรถไฟ/ตั๋วไนท์บัส
-เพื่อนเราจอง Pocket Wifi กับ บัตรเข้า USJ ที่งานเที่ยวญี่ปุ่น
-ส่วนเราจองไนท์บัส ทางโทรศัพท์ (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถบัส ถ้ามีการจองผ่านเน็ตที่ใช้ภาษาอังกฤษก็จองออนไลน์ได้ แต่ที่ๆเราเลือก Kintetsu ต้องจองทางโทรศัพท์เท่านั้น)
สำหรับการจองรถบัสทางโทรศัพท์ เราใช้ ดีแทค กด 004 ต่อด้วย 81แล้วตามด้วยเบอร์โทรของรถบัส (นาทีละ 5-6บาท ลองเช็คกับเว็บดีแทคก่อนนะ)
ก่อนโทรควรเขียนพวกข้อมูลการจองไว้ในระดับสายตา คือ วันที่ไป จำนวนคน ชนิดของรถบัส(3ที่นั่ง หรือ 4ที่นั่ง) ไปเส้นทางไหน แล้วก็เตีรยมจดรายละเอียดพวก รหัสการจอง เบอร์ที่นั่ง เบอร์รถ จากพนักงานจองด้วย

6. แพลนการเดินทางให้ละเอียดขึ้น
แพลนให้ละเอียดว่าแต่ละเมืองจะไปวัดไหน ร้านอะไร อยู่ตรงไหน หาข้อมูลมาให้ดี
เพราะบางทีมันก็ไกลเกินที่จะไปได้ครบ อีกทั้ง ต้องเผื่อเวลาหลงทาง หรือ ตกรถไว้ด้วยนะ
-ใช้ Hyperdia เพื่อดูเส้นทางการเดินทาง และ ราคาตั๋ว (หากมีเวลาก็ลองคำนวณดู ว่าใช้พาสไหนแล้วคุ้ม) เช่น เราใช้ KTP Kansai Thru pass ในการเที่ยว เพราะคิดแล้วว่ามันถูกกว่า และเราไม่ค่อยใช้ JR ด้วย
-ศึกษาเส้นทางการเที่ยวจากหนังสือเที่ยว หรือ รีวิวในเน็ต ที่ไปเส้นทางเดียวกับเรา ว่าเขาเดินทางด้วยรถอะไร ใช้เวลานานแค่ไหน ขึ้น-ลง ทางออกไหนแล้วลองประกอบกับการใช้ hyperdia ดู
-ศึกษาเส้นทางรถไฟ รถใต้ดิน รถบัสให้ดีๆ พอไปแล้วจะงง ว่าใช้แผนที่ยังไง (จริงๆ ตอนอยู่นี่ไม่เข้าใจหรอก ต้องไปเจอของจริง แล้วจะเริ่มเก็ท)

7. ตรวจสอบสภาพอากาศ
ช่วงที่ไปอากาศเป็นยังไง เราติดตาม Accuweather.com เพราะมีอยู่ที่นาฬิกามือถือ เช็คง่ายดี
แต่ก็มีเว็บอื่นและแอพอื่นที่พยากรณ์อากาศละเอียดและแม่นกว่า ต้องลองเปรียบเทียบข้อมูลดู

8. จัดเตรียมเสื้อผ้า

เมื่อตรวจสอบสภาพอากาศแล้ว จึงจะสามารถจัดเสื้อผ้าได้ ว่าต้องเอาเสื้อผ้าแบบไหนไป
เช่น เราไปหน้าหนาว อากาศรวมๆ ประมาณ ติดลบ ถึง 10 องศานิดๆ
ก็เลยซื้อฮีทเทค และ โค้ทไลท์ดาวน์พับใส่ถุงได้ กับพวกลองจอน เลกกิ้งขายาวหนาๆ
ไม่ต้องแบกไปเยอะมากเอาแค่พอใส่ 3-4วัน เพราะอากาศแห้งมาก ใส่ซ้ำกัน10วันก็ไม่มีเหงื่อ
แต่บางคนอาจจะรู้สึกสกปรก ถ้าหากพักโฮสเทล จะมีเครื่องซักผ้าให้ใช้ ราคาประมาณ 300 เยน
ก็ไปซักแล้ววนๆใส่ก็ได้ ที่ไม่อยากให้เอาไปเยอะเพราะ เดี๋ยวเราจะอยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ โค้ทใหม่ที่นั่น แล้วจะไม่มีที่ในการขนกลับ

9. ก่อนเดินทาง ปริ้นท์พวกใบ Confirmation ตั๋วเครื่องบิน/ที่พัก และ ทำประกันการเดินทาง
เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราได้จองที่พัก และตั๋วมาจริงๆ (ถ้าเป็นการจองผ่าน Agoda เค้าจะขอใบconfirmation ไว้เป็นหลักฐานแน่นอน)
ประกันการเดินทาง อยากให้จองแบบที่ครอบคลุมพวก การดีเลย์ของไฟลท์ การเคลมกระเป๋า และ การรักษาพยาบาล คือ บางคนอาจว่ามันไม่สำคัญนะ แต่ก็คิดไว้ว่ากันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าป่วยที่นั่นกระทันหันขึ้นมา ราคาค่ารักษาแพงมากเลยแหละ
ประกันที่ครอบคลุมที่ว่ามานี้ ราคาประมาณ 700-1000++ ส่วนเงื่อนไขการเคลมขึ้นกับแต่ละบริษัท
เราใช้ของเทสโก้โลตัส เป็นของนิวแฮมพ์เชียร์หรือไรสักอย่างนี่แหละ ไปตามเพจอาแปะ มี ซิกน่าอีกที่นึงที่ราคาโอเคและครอบคลุม เห็นเพื่อนจอง

10. แพลนงบ การกินอยู่

ราคาอาหารจะอยู่ที่มื้อละประมาณ 500-1500 เยน
ของกินในแฟมิลี่มาร์ท ข้าวปั้น ราคา 100-200เยน น้ำราคา 100-150เยน
ของในซุปเปอร์มาร์เก็ตจะถูกกว่ามาก มีทั้งของสด และของสำเร็จรูป พวกเทมปุระ มากิ ซูชิ ข้าวหน้า ถ้าพักโฮสเทลจะมีครัวรวม ไปทำอาหารกินเองได้ พวกของสำเร็จก็โอเค อร่อยพอๆกับร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย (เราไม่ได้ซื้อของสดมาทำ เพราะย้ายที่พักบ่อย และ ไม่มีเวลา)
หมูสดขายเป็นแพ็คประมาณ 200g 300 กว่าเยน/ เนื้อวัวชั้นดี ประมาณ 2000 เยน แต่ดูดีมากนะ เหมือนพวกร้านเนื้อย่างเลย ถ้าย่างเองคงคุ้มน่าดู(เราไม่กินเนื้อนะ แค่แนะนำ)/ พวกผักจะแพงหน่อย แต่ขายเป็นหัวใหญ่ๆ ใหญ่มากกก ซื้อชนิดเดียวก็กินไปได้หลายวัน ราคาประมาณ 200-500 เยน
พวกเครื่องปรุงก็ราคาไม่แพงเท่าไหร่ ใครทำอาหารเก่งๆ เราแนะนำให้ทำกับข้าวกินเองนะ
กินตามร้าน เราว่าก็เหมือนกินเมืองไทยแหละ วัตถุดิบอาจจะดีกว่า (ยกเว้นซูชิละมั้ง ความอร่อยของปลาที่ญี่ปุ่นคงดีกว่ามากๆ แต่น่าเสียดาย เราไม่ชอบกินปลาดิบเท่าไหร่ 5555 เลยบอกความแตกต่างไม่ได้มาก)
โดยรวม ถ้าไปแบบสบายๆ น่าจะกินประมาณวันละ 3000-5000 เยนนะ (นี่แบบกินขนมด้วยนะ)

11. แลกเงิน
เงินเยน ถ้าแลกตรงร้านแถวธนิยะจะถูกกว่า Superrich มาก
เพราะแถวนั้นเค้ามีคนญี่ปุ่นเยอะ เวลาแลกไม่ต้องใช้พาสปอร์ต
เพื่อนเราแลก ธนิยะสปิริต
ส่วนเราแลกร้านทอง ตรงเยื้องเซเว่นใกล้ตึกชาญอิสระ
จริงๆมีเยอะแยะนะ ลองไปเดินถามราคาดู
แลกวันจันทร์-พฤหัส ราคาจะถูกกว่า ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะคนชอบเดินทางแบบติดวันหยุดราคาเงินจะสูงขึ้น

12. ของฝาก และ ของที่คนอื่นฝาก

ของฝาก
-พวกพวงกุญแจที่ระลึก และเครื่องราง ประมาณ 300-700 เยน ต่อชิ้น
-พวกขนมคิทแคทถ้าอยากได้ความหลากหลาย ควรซื้อเก็บตามแต่ละเมือง
ถ้าไปรอลุ้นสนามบิน อาจมีไม่กี่รส
คิทแคทมีหลายแบบหลายขนาด ถ้ามีคนคิดจะฝากซื้อ ต้องถามให้แน่ใจ ว่าจะเอาแบบไหนยังไง รสอะไรกี่กล่อง เพื่อคำนวณว่าเรามีพื้นที่เพียงพอจะแบกกลับมาให้มั้ย
คิทแคทขนาด 150 เยน ข้างในมี ห่อพลาสติก(1คู่) 3 ชิ้น
คิทแคทขนาด 850 เยน ข้างในมี ห่อพลาสติก(1คู่) 12 ชิ้น (ไม่แน่ใจว่า 6 หรือ 8 หรือ 12นะ เดี๋ยวมาแก้)
คิทแคทขนาด 1500 เยน ข้างในมี กล่องคิทแคทขนาด 150 เยน 10 กล่อง
ส่วนรสชาติ จะแล้วแต่ความโด่งดังของอาหารในพื้นที่นั้นๆ
เท่าที่เห็นก็มี
โยโกฮาม่ากับฟูจิซัง รสสตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก
จังหวัดชินชู รสแอปเปิ้ล
จังหวัดเกียวโต รสชาเขียวเข้มๆ กับ รสชา(สีเหลืองๆ)
ฯลฯ
คิทแคทที่เป็นกล่องจะค่อนกินเนื้อที่ในการแพ็คของกลับ ฉะนั้น เวลารับฝากซื้อ ควรคิดถึงตอนแพ็คด้วย
-พวกเครื่องสำอาง ถ้าจะฝาก ควรบอกยี่ห้อ ขนาด สี รุ่น จำนวน มาให้ครบ
>>>ผู้ฝากควรหาข้อมูลมาบ้าง ว่าของที่ต้องการมีรุ่นอะไร มีขายที่ไหน ราคาประมาณเท่าไหร่
อย่าบอกแต่ว่า ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง หรือ มีอะไรก็ซื้อๆมา เพราะเห็นว่าของจากญี่ปุ่นยังไงก็ถูกกว่าเมืองไทย จะทำให้คนซื้อสับสน และ คอยกังวลเกี่ยวกับของฝาก ทำให้การเที่ยวของพวกเขาไม่สนุก ถ้าให้ดี ควรฝากเงินไปให้แต่แรก เพราะคนไปซื้อ อาจเตรียมเงินไปเพียงพอแค่สำหรับตัวเอง ดังนั้น ควรถามคนที่ฝากก่อนว่าสามารถรับฝากได้มั้ย และเตรียมรายละเอียดการฝากให้ครบ และควรฝากซื้อก่อนที่เขาจะไป ไม่ใช่เห็นว่าเค้าไปเที่ยวแล้วไปแปะฝากในเฟสบุ๊คหรือเมสเสจไลน์ อย่างที่บอก ว่าเค้าอาจจะไม่มีเงินพอที่จะซื้อของให้เรา หรือ ไม่สะดวกที่จะไปหาให้
>>>ผู้ที่รับฝากซื้อ หากผู้ฝากไม่ได้ระบุร้าน ก็สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น sundrug matsumoto kiyoshi และ ร้านอื่นๆ เนื่องจากราคาไม่ได้แตกต่างกันมาก ประมาณ 20-100 เยน
การซื้อของแบบขอคืนภาษี จะต้องซื้อให้มียอดถึง 5,401 เยน ดังนั้น แม้ว่าจะรู้ว่า อีกร้านนึงขายของชิ้นนึงถูกกว่า 100เยน แต่ของอื่นๆแพงกว่าหมด ก็ต้องคำนวณให้ดี ว่าซื้อคืนภาษีรวมๆ กับ ซื้อแยกร้าน อันไหนคุ้มกว่า ถ้าเจอของที่มีคนฝากซื้อแล้ว ก็ซื้อไปเถอะ อย่าไปตามหาร้านที่ถูกที่สุด เพราะนอกจากจะเสียเวลาแล้ว คุณอาจมียอดซื้อไม่ถึงเกณฑ์หักภาษีด้วยนะ

13. เตรียมบิน
ควรไปก่อนเวลาเครื่องออก 2 ชม.
-ก่อนอื่นเช็คอิน และ โหลดกระเป๋า
-จากนั้นก็ต้องไปผ่านsecurity สำรวจให้ดีว่ามีของเหลวมั้ย
ถ้ามี ต้องขวดละไม่เกิน 100ml (ตามที่เขียนไว้บนขวดนะ) และ รวมกันทุกขวดไม่เกิน 1000ml ใส่ในถุงใสด้วย เราแนะนำให้มีเป้ หรือ กระเป๋าใบนึงใส่พวกเสื้อกันหนาว หรือ หนังสืออ่านเล่น ส่วนกระเป๋าใบเล็กอีกใบใส่ กระเป๋าสตางค์ พาสปอร์ต และ มือถือ แล้วต้องติดตัวไว้ตลอดด้วยนะ
-ผ่าน ตม. เป็นขั้นตอนค่อนข้างนาน(ขึ้นกับจำนวนคน ณ เวลานั้น) แผ่นกระดาษที่ระบุการเข้า-ออก เมือง ควรกรอกให้ละเอียดครบถ้วน ระบุไฟลท์การบินด้วย เพราะถ้าใช้เครื่องอัตโนมัติ ใส่ข้อมูลไม่ครบอาจไปเสียเวลากรอกแล้วมาต่อแถวใหม่นะ
-ตามหาเกท และ ขึ้นเครื่อง

_______________________________________________________________________

ข้อเสนอแนะ:
-ไม่ควรนำเสื้อผ้าไปเยอะมาก ถ้าอยู่โฮสเทล สามารถใช้เครื่องซักผ้าได้ จะไปซื้อใหม่ที่นั่นแล้วซักใส่เลยก็เก๋ดีนะ 5555
-โฮสเทลมีข้อได้เปรียบเรื่องการใช้ภาษา หากคุณพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ แนะนำให้พักโฮสเทล เพราะส่วนใหญ่พนักงานภาษาอังกฤษสื่อสารดีกว่าคนทั่วไป สามารถแนะนำการท่องเที่ยว และ ให้ข้อมูลได้เข้าใจดี
-ไดร์เป่าผม เป็นอุปกรณ์พื้นฐานของโรงแรม และโฮสเทล ถ้าไม่คิดมาก ก็ไม่ต้องแบกของตัวเองไปหรอก
-อุปกรณ์อาบน้ำ พวกสบู่ แชมพู ของที่โรงแรม และ โฮสเทลจะมีให้ทุกที่ ถ้าหากไม่ได้มีสบู่ หรือ แชมพูที่จำเป้นต้องใช้ เพราะผิวแพ้ง่าย หรือ เป็นสิว ก็ลองใช้ของโรงแรมดู ที่ๆเราไปพัก ใช้สบู่ แชมพูของ DHC กับ KAO นะ เราว่ามันก็โอเค ใช้ของเค้าตลอดอะ แอบรู้สึกว่าไม่น่าแบกของตัวเองไป เพราะไม่ได้ใช้เลย เอาครีมนวดไปก็พอ เพราะโฮสเทลไม่มีครีมนวด (แต่โรงแรมมีนะ)
-กล้องถ่ายรูป ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบถ่ายรูปเป็นอาชีพ หรือ รักการถ่ายรูปมากๆที่ต้องใช้กล้องและเลนส์เฉพาะ แนะนำให้ใช้มือถือ หรือกล้องคอมแพคนะคะ เพราะถือของนานๆ หนักมาก
-รองเท้า ควรใส่รองเท้าที่ใส่สบาย เช่น รองเท้าสำหรับเดิน หรือ สำหรับวิ่ง เราใช้รุ่น Runstrong ของ Adidas สีดำชมพู เข้าได้กับทุกชุด  ถ้ามาญี่ปุ่นเนี่ย ยังไงก็ต้องเดินค่ะ เดินเยอะมากด้วย แค่เดินขึ้นรถไฟก็เหนื่อยแล้ว
-เวลาเที่ยว ถ้าไม่เป็นไปตามแพลน อย่าไปเครียด เพราะการมาเที่ยว คือการชมความงามของสถานที่ และ พักผ่อนหย่อนใจ ถ้าคุณอยากไปหลายๆที่ แต่ไปได้ไม่ครบ เพราะเกิดชอบที่ใดที่หนึ่งแล้วอยากอยู่นานๆ ก็ทำตามใจตัวเองบ้างก็ได้
-อย่ากังวลกับการถ่ายรูปลงโซเชียลมากเกินไป ถ่ายพอเป็นพิธีว่ามาถึงแล้วนะ ตรงไหนสวยก็ถ่ายเก็บไว้ดู ว่าเคยประทับใจ แล้วชมความงามของสถานที่ันั้นๆด้วยตาของเรา มากกว่าผ่านเลนส์ดีกว่าค่ะ :)

มีข้อแนะนำก็บอกกันได้นะคะ เราเขียนเยอะไปหน่อย
คนอ่านอาจไม่เห็นภาพเท่าไหร่ ถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็ถามได้นะคะ



Create Date : 05 มกราคม 2558
Last Update : 5 มกราคม 2558 14:05:11 น.
Counter : 6522 Pageviews.

3 comments
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ

สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ ค่ะ
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 5 มกราคม 2558 เวลา:14:19:49 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ

สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ ค่ะ
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 5 มกราคม 2558 เวลา:14:19:49 น.
  
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขเช่นกันค่ะ :)
โดย: earpphat วันที่: 5 มกราคม 2558 เวลา:21:29:06 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

earpphat
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]