เล่าเรื่อง...เรื่องเล่า^^
 
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 สิงหาคม 2554
 
 

บทที่ 5 ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ


เช้านี้ฉันตื่นมาด้วยความสดชื่นอากาศกำลังเย็นสบาย มองออกไปนอกหน้าต่างจะเห็นทุ่งนากว้างใหญ่อยู่ด้านหลังโรงแรม มีหมอกบางๆปกคลุมไปทั่ว ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูหนาวอากาศตอนเช้าจึงไม่หนาวมาก แต่ช่วงกลางวันก็ร้อนระอุอยู่เหมือนกัน เราลงไปกินอาหารเช้าตอนเวลาเจ็ดโมงครึ่ง อาหารจะคล้ายๆเดิม มีข้าวต้ม ซุบผัก ผัดกะหล่ำปลี แกงกระหรี่ไก่ ไก่ทอด และน้ำมะม่วงของโปรดของพวกเรา ท่านผอ.กองสัญชาติบอกว่าที่โรงแรมนี้โรตีอร่อยและสั่งให้เซฟทำมาเผื่อเราด้วย อร่อยจริงๆค่ะ มันๆเค็มๆแผ่นแป้งนุ่มมาก ท่านผอ.ยังบอกว่าพวกเราและท่านต้องย้ายโรงแรมเนื่องจากเกิดความผิดพลาดด้านการประสานงานตอนจองห้องพัก ทำให้วันนี้ต้องไปพักที่โรงแรมแห่งใหม่ ท่านขอให้พวกเรามาเช็คเอ้าท์ออกช่วงบ่าย จากนั้นเราไปที่ภูริปาโลคลินิกเพื่อทำงานต่อประมาณแปดโมงเช้าเราและพี่ในทีมอีกคนเดินไปเช็คคลังยาที่ตู้ในกุฎิที่เดียวกับตึกประชาสัมพันธ์ พบท่านพระครูปลัด ดร.ฉลองเจ้าอาวาสวัดไทยไวสาลีกำลังยืนนำสวดมนต์ให้กับชาวบ้านอินเดียประมาณกว่าร้อยคนที่รวมกลุ่มกันหน้ากุฏิส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก มีโต๊ะวางถุงข้าวสารสีดำและของใช้จำเป็นอยู่ข้างๆทราบว่าท่านจะนำข้าวสาร อาหาร ยา และของใช้ต่างๆมาแจกชาวบ้านอาทิตย์ละครั้งหลังแจกก็จะมีการไหว้พระสวดมนต์ร่วมกันด้วย




ท่านมหาดร.ฉลองกำลังแจกข้าวของให้ชาวอินเดีย



เราถ่ายรูปงานนี้เก็บเอาไว้ก่อนเข้าไปเช็คคลังยาพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นยาที่ได้รับการบริจาคมาจากประชาชน บริษัทและห้างร้านต่างๆ และจะเป็นยาประเภทเดียวซ้ำๆกัน เช่น ยาพาราเชตามอล ยาแก้หวัดลดไข้ ยาแก้แพ้ ( คอร์เฟนิลามีน) ยาแก้ท้องเสีย ยาโรคกระเพาะอาหาร ยาแก้อักเสบ (amoxicillin) ผงน้ำเกลือแร่ และกลุ่มยาทากล้ามเนื้อ ยาแก้ร้อนใน ยาดม ยาลม ยาหม่อง ยาอมสมุนไพรแก้ไอ ยาบางชนิดมีมากหลายกล่องใหญ่เพราะบริจาคกันเยอะ ส่วนใหญ่เป็นยาสามัญใช้รักษาโรคเจ็บป่วยเล็กน้อยได้ เราจึงบันทึกรายการยาที่คลังยาเอาไว้เป็นข้อมูลก่อนกลับมาตรวจคนไข้ที่คลินิกต่อระหว่างนั้นเห็นชาวบ้านอินเดียที่เดินผ่านหน้าคลินิกถือถุงสีดำบรรจุข้าวสารกลับบ้านกันเกือบทุกคน สักพักท่านพระครูปลัด ดร.ฉลองเดินพาเด็กๆ และชาวบ้านที่ป่วยมาตรวจที่ภูริปาโลคลินิก 3-4 คน ท่านกรุณาเป็นล่ามและช่วยพวกเราซักประวัติคนไข้ด้วย ท่านสามารถพูดภาษาฮินดีสื่อสารกับชาวอินเดียได้อย่างคล่องแคล่วและดูเป็นกันเองกับชาวอินเดียมาก




ห้องตรวจที่ตึกภูริปาโลคลินิก


เราได้ตรวจเด็กชายชาวอินเดีย วัย 10 เดือนยายพามาตรวจด้วยอาการขาและก้นโดนน้ำร้อนลวกเป็นแผลแดงมีหนังหลุดลอกบางส่วนแต่อาการไม่รุนแรงมาก จึงล้างแผลและให้ยาน้ำแก้อักเสบแก้ปวดกินและแนะนำให้มาทำแผลทุกวัน แต่เช็คดูแล้วไม่มียาน้ำสำหรับเด็กเลย จึงได้จดชื่อยาและให้เงินโอมออกไปซื้อจากร้านขายยาที่อยู่หน้าวัด เด็กคนนี้น่าสงสารมาก ผอม ตาโหล เหมือนขาดสารอาหาร เนื้อตัวเปื้อนดินและฝุ่นเต็มตัว พวกเราบางคนเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้พากันมอบเงินรูปีบริจาคช่วยเหลือไปด้วยจำนวนหนึ่ง วันนี้คนไข้ทยอยกันมาตรวจเยอะขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนอินเดียกว่าครึ่ง โอมบอกว่าชาวอินเดียรอบๆวัดพอรู้ว่ามีทีมแพทย์จากไทยมาตรวจก็จะกระจายข่าวบอกต่อๆกัน ส่วนใหญ่มาตรวจด้วยอาการปวดข้อ ปวดหลัง กล้ามเนื้ออักเสบ และตุ่มคันที่ผิวหนัง มีพระสงฆ์มาตรวจด้วยอาการภูมิแพ้ โรคความดันโลหิตสูง และปวดเวียนศรีษะ ผู้แสวงบุญชาวไทยมากับทัวร์ตรวจด้วยอาการคออักเสบและหวัดหลายคน วันนี้มีหนุ่มน้อยอินเดียวัย 15 ปี ชื่อ ชามัต ซึ่งบ้านอยู่ไม่ไกลจากวัดและพูดภาษาอังกฤษได้เข้ามาอาสาช่วยเป็นล่ามเวลาเราซักประวัติและให้คำแนะนำในการรักษาขณะตรวจชาวอินเดีย เราจึงสื่อสารกับคนไข้อินเดียรู้เรื่องขึ้นเยอะเลย ช่วงสายท่านกงสุลกัลกัตตาและผอ.กองสัญชาติเดินเข้ามาเยี่ยมซักถามและชวนพวกเราไปไหว้พระในอุโบสถวัด จากนั้นก็ตรวจคนไข้กันต่อ





ชาวอินเดียมานั่งรอตรวจที่ภูริปาโลคลินิก

วันนี้ท่านมหานิพนธ์ป่วย มาตรวจด้วยอาการไข้หวัดเราจึงได้ให้ยากินและแนะนำให้ท่านพักผ่อนมากๆดื่มน้ำเยอะๆเพราะดูท่านค่อนข้างอ่อนเพลียมาก จนเวลาเที่ยงชามัตขอตัวไปกินมื้อกลางวันที่บ้านส่วนเรานั่งรถพยาบาลกลับไปกินข้าวที่โรงแรมแล้วก็เช็คเอ้าท์ย้ายสัมภาระมาที่โรงแรมเดลตา( Delta hotel) ซึ่งไม่ไกลจากที่เดิมนักแต่ทางไปจะลำบากกว่าต้องผ่านตลาดเล็กๆ เป็นถนนลูกรัง ฝุ่นจะเยอะหน่อย สภาพโรงแรมสู้ที่เดิมไม่ได้และดูเหมือนกำลังปรับปรุงก่อสร้างห้องพักอยู่ด้วย

หลังเอาข้าวของเข้าที่พักใหม่แล้ว ช่วงบ่ายมีงานเปิดโครงการกงสุลสัญจรเชิงสาธารณสุขครั้งที่ 1 ซึ่งจัดที่อาคารพระบรมโอรสาธิราชฯภายในวัดมีพระสงฆ์ แม่ชี คนไทยที่มาจากวัดต่างๆในอินเดียมาร่วมงานพอสมควรรวมทั้งทีมเราด้วยแนะนำตัวเองเสร็จ สักพักเราก็ไปประจำการกันต่อที่คลินิก ชามัตมาช่วยเป็นล่ามให้เราต่อ ช่วงบ่ายมีพระภิกษุ มาตรวจกันเยอะส่วนใหญ่ มีอาการท้องเสีย เป็นไข้หวัดเจ็บคอกัน แต่อาการไม่หนักมากกินยาน่าจะหายเป็นปกติได้ สังเกตว่าพระภิกษุที่มาตรวจมาจากหลายวัดส่วนใหญ่พักอยู่ที่วัดป่าพุทธคยาเมื่อมีอาการเจ็บป่วยจึงเข้ามาตรวจที่ภูริปาโลคลินิก สักสี่โมงเย็นกว่าๆมีพระภิกษุ 2 ท่านมาตรวจด้วยอาการภูมิแพ้และปวดศรีษะนอนไม่หลับขอรับยาไปฉัน ตรวจเสร็จท่านเมตตาบอกว่าจะพาเราไปชมสถูปบ้านนางสุชาดาและแม่น้ำเนรัญชราพวกเราดีใจกันใหญ่




บ้านนางสุชาดา




แม่น้ำเนรัญชรา

พอถึงห้าโมงเย็นเรานั่งรถพยาบาลผ่านเจดีย์พุทธคยาออกไปทางด้านหลังข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเนรัญชราไปยังอีกฝั่งเห็นน้ำในแม่น้ำเหือดแห้งเต็มไปด้วยทรายมองดูเป็นแผ่นดินกว้างใหญ่มาก มองกลับมาเห็นเจดีย์พุทธยาอยู่ไกลๆ ห่างจากฝั่งที่เราอยู่ประมาณ 2 กม. ข้ามสะพานไม่นานรถมาจอดบริเวณสถูปขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านของนางสุชาดา พระท่านเล่าพุทธประวัติว่านางสุชาดาเป็นธิดาของคฤหบดีผู้มั่งคั่งแห่งเมืองอุรุเวลาเสนานิคมได้บนเทพเจ้าที่ต้นไทรให้ตนเองได้สามีที่มีชาติสกุลเสมอกันและมีลูกเป็นคนมีบุญ เมื่อได้สมดังปรารถนาแล้วจึงหุงข้าวมธุปายาสเพื่อเตรียมถวายแก้บนสาวใช้ที่ไปทำความสะอาดต้นไทรบอกว่ามีรุกขเทพปรากฏกายอยู่ใต้ต้นไทร นางสุชาดาจึงถือถาดทองข้าวมธุปายาสเข้าไปมอบถวายโดยที่ไม่รู้ว่าพระมหาบุรุษนั้นคือ พระพุทธเจ้า เราเดินชมรอบๆสถูปและถ่ายรูปหมู่ร่วมกันก่อนนั่งรถออกไปบริเวณริมแม่น้ำห่างจากบ้านนางสุชาดาประมาณ 200 เมตร ถึงยัง Buddha kusa grass temple ซึ่งเป็นสถานที่โสตถิยพราหมณ์ถวายหญ้ากุสะให้พระพุทธเจ้าซึ่งพระพุทธองค์ใช้ปูเป็นอาสนะประทับนั่งใต้ต้นโพธิ์ตรัสรู้เราฟังที่พระท่านเล่าพุทธประวัติจบก็เข้าไปไหว้สักการะบริเวณรูปปั้นจำลองของโสตถิยพราหมณ์ที่กำลังถวายหญ้ากุสะแก่พระพุทธองค์และถ่ายรูปเอาไว้ก่อนเดินดูแม่น้ำเนรัญชรามองเห็นหญ้ากุสะเป็นกอขึ้นอยู่ปะปรายบนผืนทรายที่แห้งเหือดของแม่น้ำ ไม่นานอากาศก็เริ่มมืดเราจึงนั่งรถกลับขากลับพวกเราขอแวะสักการะและสวดมนต์ที่เจดีย์พุทธคยาอีกครั้ง หลังจากกราบลาพระทั้งสองรูปเราพากันเดินไปที่ใต้ต้นโพธิ์ตรัสรู้เพื่อสวดมนต์ โชคดีมากที่ได้พบกับพระมหานิพนธ์พอดี ท่านเมตตานำสวดมนต์ให้กับเราด้วย กำลังป่วยอยู่แท้ๆแต่ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้หยุดพักเลย เราสวดมนต์จนถึงสองทุ่มจึงกลับโรงแรมที่พัก กินมื้อเย็นเสร็จก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน





เจดีย์พุทธคยายามค่ำคืน

วันรุ่งขึ้นอาหารเช้าของโรงแรมเป็นไข่เจียว ไก่ทอดสไตล์อินเดีย ซุปผัก ผัดผัก แกงกะหรี่ไก่ และถั่วลิสงทอดค่ะตอนนี้ฉันเริ่มเลี่ยนกับอาหารอินเดียแล้วล่ะ เพราะส่วนใหญ่จะมันๆและจืด เลยกินข้าวได้น้อยลง วันนี้ที่วัดไทยพุทธคยามีเด็กนักเรียนจากโรงเรียนปัญจศีลในความดูแลของวัดไทยพุทธคยาเดินชักแถวเข้ามารับแจกเงินจากผู้แสวงบุญชาวไทยที่ร่วมกันบริจาค เห็นในมือเด็กมีธนบัตรใบละ 10 รุปีกันคนละ4-5ใบ จากนั้นก็มีการสวดมนต์ร่วมกันเสียงสวดมนต์ดังก้องไปทั่ววัดฟังแล้วอิ่มอกอิ่มใจที่ได้เห็นเด็กอินเดียจำนวนมากสวดมนต์ภาษาเดียวกันกับเรา ฉันไปแจมถ่ายรูปและแจกเงินกับเขาด้วยเพราะแถวเด็กต่อคิวยาวตลอดทางเดินในวัดจนมาถึงหน้าคลินิกเลยทีเดียว วันนี้ตั้งแต่เช้ามีคนไข้มารับบริการเยอะมากมีทั้งพระสงฆ์ แม่ชี ผู้แสวงบุญชาวไทย ชาวอินเดีย ชามัตมาที่คลินิกและช่วยเป็นล่ามให้พวกเราเหมือนเดิม วันนี้พระจักรพนธ์ ธมทีโป ผู้ช่วยพระธรรมทูตไทยซึ่งปฏิบัติศาสนกิจอยู่วัดไทยพุทธคยามานานแล้ว มาตรวจด้วยอาการปวดมึนศรีษะจากการพักผ่อนน้อย ตรวจพบมีความดันโลหิตสูงมาก เราจึงให้ยาลดความดันไปกิน แนะนำให้ท่านพักผ่อนมากๆและนัดมาตรวจวัดความดันทุกวัน จากนั้นมีพระที่เป็นหวัดภูมิแพ้มาตรวจ 2 -3 รูป ท่านหนึ่งคือ พระศิริศักดิ์มีอาการรุนแรงจึงสอนท่านให้สวนล้างจมูกด้วยตัวเองและให้ยาภูมิแพ้รักษาร่วมด้วย คนไข้อีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงอายุ 61 ปีเป็นผู้ช่วยแม่ชีทำอาหารเพิ่งเดินทางจากจังหวัดชลบุรีมาอยู่กับแม่ชีในวัดซึ่งเป็นญาติกันได้ 1 เดือน สมมติชื่อว่า พี่แขก มาตรวจด้วยอาการอ่อนเพลีย มึนศรีษะ มีโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวานประจำตัว รับยาที่โรงพยาบาลเอกชนที่ไทยมาปีกว่า เอายาติดตัวมากินด้วย พวกเราไม่มีเครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดแต่แม่ชีที่พาคุณแขกมาเป็นเบาหวานเหมือนกันมีเครื่องเจาะน้ำตาลอยู่จึงนำมาให้พวกเรายืมใช้ ( นึกในใจว่าเราอยู่ที่คลินิกแท้ๆแต่เครื่องมือไม่มี ต้องยืมจากคนไข้ ความจริงที่สถานพยาบาลกุสินารามีเครื่องเจาะน้ำตาลอยู่ 2 เครื่อง แต่ตอนเตรียมเครื่องมือไม่ได้นำมาด้วย ) เจาะน้ำตาลได้ 94 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ( ค่าปกติ มีระดับ 80-100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ) ซึ่งอยู่ในระดับปกติเลยแนะนำให้พักผ่อนมากๆ หยุดพักงานไว้ก่อนและให้ยาแก้เวียนศรีษะไปกินพร้อมทั้งนัดเจาะน้ำตาลและติดตามอาการในวันรุ่งขึ้น


จนถึงเวลาเที่ยงเรากลับไปกินข้าวที่โรงแรมเหมือนเคย ช่วงบ่ายพระจักรพนธ์แจ้งว่าจะพาทีมเราและทีมจากกรมกงสุลไปถวายผ้าห่มพระพุทธเมตตาที่เจดีย์พุทธคยาโดยท่านนัดเวลาไว้ประมาณหนึ่งทุ่มที่วัด หลังจากเลิกงานที่คลินิกพวกเรากลับไปกินข้าวที่โรงแรมขณะนั่งกินข้าวได้รับโทรศัพท์จากญาติคุณแขกบอกว่าคุณแขกมีอาการซึม ไม่พูดจา ดูสับสนพวกเราหยุดกินรีบมาดูคุณแขกที่บ้านพักแม่ชีในวัดเจาะวัดระดับน้ำตาลได้ 67 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ญาติบอกว่าคนไข้คิดว่าที่เวียนศรีษะเมื่อเช้าอาจเกิดจากน้ำตาลในเลือดสูงเกินจึงทำให้ลดการกินข้าว ฉันคิดว่าการที่คนไข้กินได้น้อยประกอบกับไม่ได้พักผ่อนจึงทำให้ระดับน้ำตาลลดลงและเริ่มมีอาการของน้ำตาลต่ำ เราช่วยกันปฐมพยาบาลโดยป้อนน้ำหวานทางปาก และให้น้ำเกลือเข้าทางเส้นเลือด โชคดีที่มีน้ำเกลือที่นำมาจากกุสินาราอยู่หนึ่งขวด ไม่นานนักคุณแขกเริ่มมีอาการดีขึ้น กินน้ำหวานและอาหารได้ เจาะน้ำตาลมีระดับเข้าสู่ปกติ เราให้น้ำเกลือต่อเนื่องไว้และแนะนำให้นอนพักผ่อน


พอเห็นว่าคุณแขกปลอดภัยดีแล้วพวกเราจึงตามพระจักรพันธ์และคณะของท่านกงสุลไปที่เจดีย์พุทธคยาเพื่อถวายผ้าห่มพระพุทธเมตตาและสวดมนต์ ถึงเราจะมีเวลาในการสวดมนต์บูชาไม่นานแต่ดิฉันรู้สึกตื้นตันใจเหลือเกินที่ได้มีโอกาสทำพิธีสำคัญใน สถานที่ตรัสรู้แห่งนี้จนสามทุ่ม ก็กลับมาดูอาการคุณแขกที่วัดต่อ ปรากฏว่าเส้นแตกน้ำเกลือหยุดเดิน แต่เจาะเลือดอีกครั้งพบว่าน้ำตาลมีระดับปกติ และคุณแขกมีอาการทั่วไปดี สัญญาณชีพปกติและกินอาหารได้ เราจึงแนะนำญาติให้เจาะเลือดคุณแขกตามเวลาที่เรากำหนดให้ ( เครื่องเจาะตรวจระดับน้ำตาลเป็นแบบดิจิตอลญาติสามารถเจาะตรวจได้เอง ) ถ้าผลผิดปกติหรือผู้ป่วยมีอาการผิดปกติต้องโทรแจ้งทีมแพทย์ทันที พวกเรากลับมาที่โรงแรมประมาณสี่ทุ่มกว่า ญาติโทรมาบอกว่าระดับน้ำตาลที่เจาะของคุณแขกมีระดับปกติ อาการปกติทั่วไปปกติดี ตอนนั้นฉันรู้สึกโล่งอกแต่ไม่ลืมสำทับญาติว่าต้องเจาะเลือดเช็คน้ำตาลอีกครั้งตอนเวลาตี 4 ถ้าผิดปกติต้องโทรแจ้งกับเรา


จนเวลาประมาณ ตี 5 ญาติโทรมาหาเสียงละล่ำละลักว่าระดับน้ำตาลที่เจาะได้ 34 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์และคุณแขกมีอาการเกร็งตาค้างฉันรีบบอกให้ญาติรีบเอาน้ำหวานใส่ทางปากให้เร็วที่สุดและรีบไปที่วัดทันที มาถึงพวกเราตรวจประเมินอาการ วัดสัญญาณชีพ พบว่าคุณแขกอยู่ในอาการซึมใกล้หมดสติ แต่ยังตอบสนองต่อการกระตุ้นทางร่างกาย มีอาการเกร็งเล็กน้อย และการกลืนผิดปกติทำให้น้ำลายไหลออกทางปากและมีเสมหะค้างอยู่ในคอจำนวนมากแต่ยังพอหายใจได้เอง ฉันให้พยาบาลที่มาด้วยรีบป้อนน้ำหวานใส่ปากให้มากที่สุดแต่คุณแขกกลืนได้น้อยมาก จากนั้นก็จัดท่าศรีษะให้ทางเดินหายใจเปิดโล่งและเช็ดน้ำลายออกจากช่องปากและคอเพราะคนไข้เริ่มไม่รู้สึกตัวมากขึ้นเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำจนช็อค ซึ่งเสี่ยงต่อหางเดินหายใจอุดตันและหยุดหายใจได้ ตอนนั้นน้ำเกลือก็หมด กลูโคสไม่มี ฉันจึงใช้ด้ามช้อนส้อมป้ายน้ำหวานเข้มข้นสอดผ่านลิ้นเข้าไปที่ผนังช่องคอด้านหลังเพื่อให้น้ำหวานที่เคลือบติดด้ามช้อนเข้าสู่ช่องคอให้มากที่สุดเพื่อให้มีการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดโดยเร็ว


จากนั้นเรารีบนำตัวคุณแขกขึ้นรถญาติคนเดิมเพื่อไปโรงพยาบาลรัฐฯที่ญาติบอกอย่างทุลักทุเล เราพยายามกระตุ้นผู้ป่วยให้กลืนน้ำหวาน เราใช้ด้ามช้อนป้ายน้ำหวานเข้าสู่ช่องคออย่างต่อเนื่อง คอยประคองศรีษะเพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นตกไปอุดช่องคอด้านหลัง เช็ดน้ำลายและเสมหะที่ค้างอยู่เต็มช่องปากไปตลอดทาง 15 กิโลเมตร ถนนที่รถแล่นก็ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ทำเอาทั้งเราและคนไข้หัวส่ายหัวคอนจนฉันรู้สึกเวียนหัวตาลายอยากจะอาเจียนอยู่หลายที ในใจฉันคิดว่าถ้าไม่ไปถึงโรงพยาบาลเร็วๆคุณแขกอาจเสียชีวิต ตอนนั้นคิดแต่ว่าจะให้คุณแขกเสียชีวิตไม่ได้ ตะโกนถามคนขับว่ามีคลินิกหมอที่ใกล้กว่ารพ.รึเปล่าเพราะอาการคนไข้ไม่ค่อยดีแล้ว ญาติผู้หญิงของคนไข้ที่อยู่อินเดียมานาน เพราะเป็นนักศึกษาที่มหาลัยที่นี่ บอกว่ามีคลินิกอยู่ข้างหน้าแห่งหนึ่งฉันขอให้คนขับแวะที่คลินิกก่อนเพราะคิดว่าคลินิกน่าจะมีกลูโคส หรือน้ำเกลือติดไว้ยามฉุกเฉินบ้าง แต่ลงไปสอบถามแล้วคุณหมอเจ้าของคลินิกบอกไม่มียาดังกล่าว ให้พวกเราไปโรงพยาบาลดีกว่า


พวกเราก็รีบห้อรถต่อไปที่โรงพยาบาลทันทีถึงแผนกฉุกเฉินมีรถเปลมารับที่รถ เมื่อพบกับแพทย์เวรจึงบอกประวัติโรคและอาการของคุณแขกให้ฟัง คุณหมอเวรฟังที่เราบอกอาการไป ตรวจคนไข้ไปอย่างใจเย็นเสร็จแล้วเขียนใบสั่งยาบอกให้ญาติไปซื้อยาและนำมาให้แพทย์เพื่อรักษา โอ้... ที่โรงพยาบาลไม่มีสต๊อกยาฉุกเฉินด้วยรึนี่ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้นแล้วญาติเกิดเดินไปซื้อยาช้า สะดุดขาล้มหรือพูดไม่รู้เรื่องแล้วนำยามาช้าจะทำอย่างไร มาถึงโรงพยาบาลรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดแล้วแท้ๆ พวกเราพยายามคิดว่ามันเป็นระบบการรักษาของที่นี่ไม่เหมือนเมืองไทย ก็ต้องทำใจและทำตามที่คุณหมอบอกและแล้วญาติกับพี่พยาบาลคนหนึ่งก็ถือใบสั่งยาวิ่งออกไปซื้อยาที่ร้านขายยาหน้าโรงพยาบาล ผ่านไป 5-7 นาที ก็กระหืดกระหอบกลับมาพร้อมกับยา ทั้งสองคนเล่าว่าตอนที่ออกไปซื้อวิ่งกันสุดชีวิตเพื่อนำยามาให้หมอให้เร็วที่สุด


ระหว่างที่รอยาคุณแขกถูกนำมาที่เตียงคนไข้ในหอผู้ป่วยแล้ว พอได้ยามาพยาบาลชาวอินเดียก็เอาน้ำเกลือและยาฉีดเข้าเส้นทันที ไม่นานนักคุณแขกเริ่มรู้สึกตัว ลืมตา และเริ่มกลืนน้ำลายได้ ระหว่างรอสังเกตอาการ เราเลยขอคุณหมอว่าอยากย้ายคนไข้ออกมาอยู่ห้องพิเศษเพราะสภาพในหอผู้ป่วยไม่ค่อยดีนัก มีคนไข้ติดเชื้อที่ปอด และไอตลอดเวลาอยู่เตียงข้างๆ ถ้าอยู่นานก็กลัวว่าคุณแขกและพวกเราอาจติดเชื้อโรคไม่อะไรก็อะไรเอาได้ เราได้ห้องพิเศษตามที่ขอ แต่ไม่ได้เป็นแบบห้องเดี่ยว ห้องจะเป็นล็อคๆนอนล็อค ละ4 เตียงซึ่งดูไม่แออัดเท่าเดิมและดูสะอาดสะอ้านมากขึ้นกว่าหอผู้ป่วยธรรมดา เราอยู่ดูคุณแขกต่อจนเห็นว่าดีขึ้นมาก จึงกลับมาอาบน้ำกินข้าวที่โรงแรมโดยมีญาติคุณแขกเฝ้าดูแลอยู่ ก่อนกลับเราประสานคุณหมอว่าประมาณเที่ยงขอรับเอาผู้ป่วยกลับมารักษาตัวต่อที่วัดไทยพุทธคยา โดยได้ซื้อน้ำเกลือ และกลูโคสเตรียมพร้อมเอาไว้ด้วยเลย เผื่อว่าจะต้องใช้ถ้ามีปัญหาระดับน้ำตาลต่ำอีก เสร็จกิจธุระที่โรงแรมพวกเรามาตรวจคนไข้กันต่อที่ภูริปาโลคลินิก เราได้ประสานกับพระที่วัดเพื่อเตรียมห้องพักสำหรับสังเกตอาการของคุณแขกหลังออกจากโรงพยาบาล เมื่อคุณแขกมาพักที่วัดก็ให้น้ำเกลือและเจาะน้ำตาลเป็นระยะๆ ในระหว่างนี้พวกเราคิดว่าผู้ป่วยควรกลับมารักษาต่อที่ไทยจะปลอดภัยกว่าเพราะระดับน้ำตาลในร่างกายมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเสี่ยงมากโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคไต และความดันโลหิตสูงร่วมด้วยอยู่แล้วแบบคุณแขก ฉันจึงคุยกับญาติถึงความเสี่ยงดังกล่าวและขอให้ญาติจองตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทยพรุ่งนี้เลย และให้โทรแจ้งญาติที่เมืองไทยมารับที่สนามบินเพื่อนำตัวคุณแขกไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลที่เคยรักษาหรือที่ใกล้ที่สุดต่อทันที

เราแจ้งเรื่องการส่งผู้ป่วยกลับประเทศไทยกับทางวัดไทยพุทธคยา กับพระอาจารย์คมสรณ์และทางกงสุลให้รับทราบ ท่านกงสุลกัลกัตตาทราบเรื่องจึงช่วยประสานไปยังเจ้าหน้าที่การบินไทยว่าขอส่งผู้ป่วยขึ้นเครื่อง ซึ่งทางบินไทยได้ให้ฉันเขียนใบรับรองแพทย์ว่าคนไข้สามารถขึ้นเครื่องและเดินทางได้ นอกจากนี้ยังได้เขียนใบส่งตัวการรักษามาให้แพทย์ที่เมืองไทยด้วย ช่วงหลังจากที่คุณแขกออกจากรพ.มาพักรักษาตัวต่อที่วัดอาการทั่วปกติดี แต่พอตกเย็นเริ่มมีระดับน้ำตาลสูงขึ้นเรื่อยๆ เอาละซิ... น้ำตาลในเลือดสูงนี่น่ากลัวกว่าน้ำตาลต่ำอีก เราเลยต้องรีบออกไปหาซื้ออินซูลินที่ร้านขายยาที่หน้ารพ. เดิมเอามาเก็บใส่กระติกน้ำแข็งไว้พร้อมทั้งยาฉุกเฉินอีกหลายชนิด เพื่อเตรียมพร้อมในกรณีที่ผู้ป่วยทรุดลง คืนนี้จึงต้องมีพยาบาลเฝ้าคนไข้เพื่อเจาะเลือดและให้อินซูลินเป็นระยะๆอยู่ด้วยหนึ่งคน และโทรศัพท์บอกผลเลือดและสัญญาณชีพกับทีมตลอดทุกชม. ตอนเช้ามืดระดับน้ำตาลเริ่มลงหลังได้อินซูลินฉีด ทีมเราทุกคนจากที่เครียดกันทั้งคืนนอนหลับกันไม่ลง ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น


ฉันคิดอยู่ในสมองตลอดเวลาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นี้ว่า ถ้าคุณแขกป่วยอยู่ที่เมืองไทยก็คงไม่มีสภาพอย่างที่เห็นอยู่ในตอนนี้และถ้ามีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มียาและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ดีอยู่ไม่ไกลนัก ชีวิตของคุณแขกคงไม่ต้องมาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้ด้วยเช่นกัน การที่เรามีความพร้อมของยาอย่างพอเพียงเหมะสม จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตของผู้ป่วยได้เป็นอันมาก จากกรณีของคุณแขกขอแบ่งปันประสบการณ์ว่าคนไทยที่จะเดินทางไปอินเดียควรเตรียมพร้อมเรื่องสุขภาพให้ดี โดยเฉพาะผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว เพราะด้วยการที่ต้องเดินทางไกลเป็นระยะเวลานานๆและค่อนข้างลำบาก เวลาพักผ่อนนอนหลับทำไม่เต็มที่ รวมทั้งการไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม อาจทำให้สภาพร่างกายเหนื่อยล้าอ่อนแอลง ทำให้โรคที่เป็นอยู่กำเริบหรืออาจเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ชนิดไม่คาดฝันได้ ถ้าหากอาการทรุดหนักแล้วจะมีความเสี่ยงมากทีเดียว โรคที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่น โรคเบาหวาน หัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ต้องเตรียมพร้อมทางร่างกาย สภาพจิตใจ ยาที่กินประจำต้องนำติดตัวไปด้วยเสมอถ้ามีสมุดสุขภาพประจำตัวด้วยก็จะดีมากและควรต้องปรึกษาแพทย์ที่รักษาประจำว่าสามารถเดินทางไกลเป็นระยะเวลานานๆได้รึไม่ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตนเองไปป่วยหนักที่อินเดียแล้วลำบากมาก เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ






 

Create Date : 15 สิงหาคม 2554
2 comments
Last Update : 28 กันยายน 2554 13:08:42 น.
Counter : 872 Pageviews.

 

มีเรื่องระทึกใจแบบนี้ด้วยหรือนี้

 

โดย: jinni IP: 118.172.159.41 24 สิงหาคม 2554 23:50:28 น.  

 


ดีใจมากที่ได้อ่านและศึกษาทั้งพุทธศาสนาและความเป็นอยู่ของเพื่อนร่วมโลกชาวอินเดียวซำยังได้รู้ว่าในดลกนี้มีคนลที่ยังลำบากกว่าเราอีกเยอะ

 

โดย: สายันต์ ทำเนาว์ IP: 58.11.197.26 7 มีนาคม 2555 21:04:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

asoka200
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ตามรอยพระพุทธองค์.....
[Add asoka200's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com