เล่าเรื่อง...เรื่องเล่า^^
ใบไม้เปลี่ยสีที่ญี่ปุ่น
ไต้หวันในความทรงจำ
อิ่มท้องที่ฮ่องกง
บินไกลไปอเมริกา
บทที่ 1 บุญหล่นใส่ได้ไปอินเดีย
บทที่ 2 เตรียมตัวก่อนไปอินเดีย
บทที่ 3 เริ่มต้นที่พุทธคยา
บทที่ 4 งานบันดาลฝันให้เป็นจริง
บทที่ 5 ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
บทที่ 6 เมื่อหมอไทยเดินทางไกลในอินเดีย
บทที่ 7 ประจำการที่สถานพยาบาลกุสินาราคลินิก
บทที่ 8 ทำบุญทั้งกายและใจที่กุสินารา
บทที่ 9 เล่นสงกรานต์ที่อินเดีย
บทที่ 10 พระสงฆ์ป่วยหนักที่กุสินารา
บทที่ 11 ลาอินเดียจากกุสินารา..มาถึงสารนาถ
บทที่ 12 บทส่งท้าย..อินเดีย
กรกฏาคม 2554
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
28 กรกฏาคม 2554
บทที่ 12 บทส่งท้าย
บทที่ 12 บทส่งท้าย
บทที่ 12 บทส่งท้าย
... การได้เดินทางไปปฏิบัติราชการเพื่อดูแลผู้แสวงบุญที่เจ็บป่วยและมีปัญหาสุขภาพที่อินเดียครั้งนี้ ดิฉันคิดแล้วก็เหมือนกับฝันไปเพราะคิดว่าถ้าตัวเองไปอินเดียคงไปในฐานะนักท่องเที่ยวหรือผู้แสวงบุญที่เดินทางไปกับบริษัททัวร์แห่งใดแห่งหนึ่งไปแล้วก็กลับและคงจะอิ่มเอมแต่ในเรื่องของการทำบุญเป็นหลักเท่านั้น คงไม่มีโอกาสได้เห็นได้สัมผัสกับวิถีแห่งพุทธในมิติอื่นๆที่อยู่คู่กับสังเวชนียสถานแบบนี้ การปฏิบัติงานในสถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ในวัดไม่ว่าที่ภูริปาโลคลินิกวัดไทยพุทธคยาหรือสถานพยาบาลกุสินาราวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ไม่เพียงแค่พบกับผู้ป่วยที่เดินเข้ามาตรวจเท่านั้น แต่เรายังได้สัมผัสกับคนที่ไม่ป่วยด้วยเช่นกัน มีพระสงฆ์ แม่ชี และบุคลากรอื่นๆของทางวัดซึ่งมีทั้งคนไทยและคนอินเดียและยังผู้แสวงบุญอีกจำนวนมากที่หมุนเวียนเปลี่ยนกลุ่มเปลี่ยนคณะกันมาเยือนสังเวชนียสถานและเยือนวัดไทยในอินเดีย
เจเดีย์พุทธคยา
.... การได้มาใช้ชีวิตกินนอนอยู่ภายในบริเวณวัดเหมือนเปิดโลกอีกหลายมุมที่ดิฉันไม่เคยได้สัมผัสรับรู้มาก่อน ดิฉันได้เห็นถึงความทุ่มเทของพระธรรมทูตไทยที่มาปฏิบัติศาสนกิจเพื่อประกาศพระพุทธศาสนาในดินแดนที่เป็นจุดกำเนิดพระพุทธศาสนาและเคยมีศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองมาก่อน คงไม่ต่างจากในอดีตที่พระเจ้าอโศกมหาราชเคยส่งคณะธรรมทูต 7 สายไปเผยแพร่พุทธศาสนายังดินแดนต่างๆรวมทั้งสุวรรณภูมิ พระธรรมทูตท่านต้องดูแลการสร้างวัดไทยตามพุทธสถานต่างๆ สร้างสถานพยาบาลดูแลผู้ที่เจ็บป่วย สร้างโรงเรียนเยาวชนอินเดียเพื่อบ่มเพราะต้นกล้าแห่งพุทธะ ดูแลญาติโยมที่เดินทางไปแสวงบุญทั้งทางโลกเรื่องการกินอยู่และทางธรรมเพื่อช่วยให้ผู้แสวงบุญได้เข้าถึงเข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงและช่วยให้ญาติโยมได้ทำบุญทำกุศลในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธและยังมีศาสนกิจอื่นๆอีกมากมาย
ลุมพินีวัน
... ลูกศิษย์วัดซึ่งมีทั้งคนอินเดียท้องถิ่น คนเนปาลก็ทำงานร่วมกับพระสงฆ์ไทย แม่ชีและคนไทยในวัดได้เป็นอย่างดีเป็นที่น่าอัศจรรย์ ดิฉันจำคำของท่านราชรัตนรังษีที่บอกกับพวกเราครั้งแรกที่เข้าพบท่านและจากที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์ได้ ท่านบอกว่าพระธรรมทูตต้องเป็นผู้มีฤทธิ์แปลงร่างได้ อยู่ในโบสถ์ต้องสวมวิญญาณพระนักเทศน์ อยู่ใต้ท้องรถต้องสวมวิญญาณช่างซ่อมรถ อยู่ในห้องพยาบาลต้องเป็นหมอรักษาโรคได้ อยู่ในห้องครัวต้องสวมวิญญาณกุ๊ก อยู่ในสวนต้องเป็นเกษตรกร ต้องมีความรู้ทุกด้าน ทั้งวิชากฎหมาย ภาษาศาสตร์ สังคม สิ่งแวดล้อม วิศวกรรม สาธารณสุข การเกษตร อาจไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองทุกอย่างแต่จำเป็นต้องรู้ทุกๆเรื่อง พวกเราได้เห็นอย่างที่ท่านบอกจริงๆ พระธรรมทูตและคนอื่นๆที่อยู่ภายในวัดทำงานกันแทบทุกหน้าที่เป้าหมายก็คือ การเผยแพร่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง
กุสินารา
... กลับจากอินเดียดิฉันเคยมองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เราเคยคิดว่าหนัก เคยคิดว่าลำบากคิดดูแล้วมันดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย บางทีก็คิดไปว่าเกิดมาในชีวิตนี้เราได้ทำอะไรให้กับพระพุทธศาสนาบ้างแล้วรึยังนอกจากการบอกว่าตัวเองนับถือศาสนาพุทธ... ยิ่งช่วงหลายปีมานี้ทราบว่ามีคนไทยที่เดินทางไปอินเดียเพิ่มขึ้นๆทุกปีพระสงฆ์ที่แดนพุทธภูมิท่านคงต้องเหนื่อยกันเพิ่มขึ้นแน่ๆเลย แต่ถือว่าเป็นบุญของญาติโยมที่เดินทางไปอินเดียและมีพระธรรมทูตที่มีความเมตตากรุณายิ่งอยู่ที่นั่นในส่วนของผู้แสวงบุญ
...ดิฉันสัมผัสได้ถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของญาติโยมชาวพุทธที่ดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานซึ่งแต่ละแห่งอยู่ห่างกันมากถนนหนทางและการเดินทางยังไม่สะดวกนัก ( ช่วงนี้ถนนกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงก่อสร้างหลายจุด ถ้าแล้วเสร็จคงสะดวกขึ้นมาก ) ส่วนใหญ่เป็นคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวถึงสุขภาพจะไม่อำนวยแต่ความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนานั้นมีพลังเหนือกว่าความกลัวในเรื่องของปัญหาเจ็บป่วยทางร่างกาย
สารนาถ
... คนป่วยบางท่านก็ถือคติ จะตายก็ไม่ว่าขอให้ได้เดินทางมาอินเดียสักครั้งหนึ่งเถอะ ..ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่กว่าจะพร้อมมาอินเดียวัยก็ล่วงเลยไปมากแล้ว ดิฉันยังนึกว่าทำไมต้องรอให้อายุมากก่อน (ดิฉันก็เคยคิดแบบนี้) หรือรอจนมีโรครุมเร้าแล้วถึงค่อยไปอินเดียเพราะถ้าเกิดไปป่วยทรุดหนักที่นั่นจะอลหม่านกันทั้งพระสงฆ์และฆราวาสที่ไปด้วย ... ต้องไปในขณะที่ร่างกายกำลังแข็งแรงนี่ล่ะสบายกว่ากันเยอะเลย อิ่มทั้งบุญ สบายทั้งกายเบิกบานทั้งใจจริงๆ ... ฉะนั้นอย่ารอให้สูงวัย (แก่) และมีโรคมาเยือนแล้วถึงค่อยไปอินเดียกันนะคะ
เจาคันธีสถูป
.... สำหรับดิฉันคิดถึงช่วงเวลา 20 วันที่ได้อยู่อินเดียทีไรก็รู้สึกปิติตื้นตันใจทุกทีเพราะนอกจากได้ไปทำงานแล้วเหนือสิ่งอื่นใดเรายังมีโอกาสได้ไปกราบไหว้นมัสการยังสถานที่พระพุทธองค์เคยประทับ เคยย่างพระบาททั้งสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน เหมือนกับได้ไปทำบุญครั้งใหญ่ในชีวิต มีโอกาสได้ไปช่วยเหลือทางด้านสุขภาพกับพระสงฆ์ แม่ชี ชาวอินเดียและผู้แสวงบุญที่เจ็บป่วย และมีโอกาสได้ศึกษาธรรมะและพุทธประวัติในสถานที่จริงทั้งจากการได้ดู ได้ฟัง ได้สัมผัส สวดมนต์ทำบุญ ได้เจริญสติและสมาธิ รู้สึกเหมือนเมล็ดพันธ์ที่ฝังอยู่ภายในจิตใต้สำนึกเริ่มผลิงอกเจริญเติบโตและเหมือนกับเราได้เข้าใกล้กับพระพุทธองค์และธรรมะของพระองค์มากขึ้น มีความศรัทธาแรงกล้าในการที่จะเดินตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้เพราะเป็นแนวทางและเป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจนที่สุด
พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ที่กุสินารา
....ดิฉันคิดว่าตัวเองโชคดีอย่างที่สุดและเป็นบุญอย่างเหลือล้นที่ได้มีโอกาสเดินทางมาที่อินเดียในช่วงเวลานี้ของชีวิต กราบขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ชีวิตทำให้พบกับพระพุทธศาสนา ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ที่ให้วิชาความรู้เพื่อนำมาช่วยเหลือคนเจ็บป่วย ขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขที่สนับสนุนให้เราทั้งสี่คนได้มาปฏิบัติงานที่อินเดีย และสุดท้ายกราบขอบพระคุณพระธรรมทูตไทย พระเทพโพธิวิเทศ ท่านพระราชรัตนรังษี ท่านมหานิพนธ์ ท่านมหาดร.คมสรณ์ พระครูปลัดสมพงศ์ พระจักรพนธ์ พระอาจารย์ช้อย พระอาจารย์พิทักษ์ พระมหาสุพจน์ พระมหาดร.ฉลอง พระครูสุวัฒน์ พระสงฆ์ แม่ชี และทุกท่านที่อยู่ที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ วัดไทยพุทธคยาและวัดไทยลุมพินีที่ให้ความเมตตากรุณาคอยดูแลช่วยเหลือพวกเราทั้งทางโลกและทางธรรมรวมทั้งในการปฏิบัติงานตลอดช่วงเวลาที่อยู่อินเดีย ต่อจากนี้ความคิดที่ว่าจะไปอินเดียให้ได้สักครั้งหนึ่งของดิฉัน คงเปลี่ยนเป็นจะต้องกลับไปอินเดียอีกหลายๆครั้งอย่างแน่นอน.......
บันทึกโดย...แพทย์
Create Date : 28 กรกฎาคม 2554
4 comments
Last Update : 24 สิงหาคม 2557 16:11:36 น.
Counter : 748 Pageviews.
Share
Tweet
มาเป็นกำลังใจค่ะอ่านเรื่องที่เขียนเหมือนพี่ไปด้วยเลย
โดย: jinni IP: 118.172.156.93 24 สิงหาคม 2554 8:46:28 น.
อนุโมทนาด้วยค่ะคุณหมอ อยากไปสังเวชนียสถานมากๆเลยค่ะ
โดย: พาย (
Pie in the sky
) 30 สิงหาคม 2554 3:34:53 น.
ขอนุโมทนาบุญกับคุณหมอนะคะ พี่ได้ไปออกหน่วยที่อินเดียในโครงการนี้ เดือนมค.55 เลยลองหาข้อมูลดูเจอบทความของคุณหมอขอบคุณมากเลยค่ะที่บรรยายได้ยอดเยี่ยมมาก
โดย: สินสมุทร IP: 10.0.1.51, 61.19.124.83 3 กันยายน 2554 12:39:49 น.
สวัสดีค่ะพี่ jinni พี่สินสมุทร
คุณพาย ขอบคุณที่เข้ามาทักทายค่ะ^__^
พี่สินสมุทรไปอินเดียช่วงมกราคม หนาวหน่อย
เตรียมเสื้อหนาๆน๊า
โดย:
ไขว่คว้าหาดาวดวงนั้น
24 กันยายน 2554 11:49:50 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
asoka200
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ตามรอยพระพุทธองค์.....
Maeboon
Webmaster - BlogGang
[Add asoka200's blog to your web]
พระคมสรณ กุสินารา
วัดไทยกุสินารา อินเดีย
วัดไทยพุทธคยา อินเดีย
มูลนิธิวัดไทยกุสินารา เฉลิมราชย์
facebook ของฉัน
Bloggang.com