ครอกเก้ชีสสสส สูตรอลังฯ

อัพแยกสเปเชี่ยลอีเวนท์ แยกจากไดอารี่แล้ว สำหรับตรงนี้กะว่าจับฉ่าย อะไรที่ไม่ได้ส่งไปอยู่ที่ไดอารี่ ก็จะอยู่ตรงนี้ ง่ายดีมะ :P ตอนแรกของสเปเชี่ยลอีเวร เอ๊ย อีเวนท์นี้ก็คือ ‘ครอกเก้ชีสสูตรทุ่มเทเชี่ยๆ’ จ้า (สาบานว่านั่นคือชื่อ) ขอบอกว่าทำออกมาแล้วอร่อยมากๆๆๆ

ครอกเก้คือมันฝรั่งบดปรุงรสอาจจะมีไส้แล้วทำไปชุบเกล็ดหนมปังทอด เป็นเมนูที่ชอบแต่ทำเจ๊งบ้างเป็นบางครั้งเนื่องจากแป้งมันแตกตอนทอดระหว่างพลิกกลับ แต่ตอนนี้เราจะขจัดปัญหานั้นด้วยการดีปฟราย ซื้อหม้อเล็กเคลือบเทฟล่อนอย่างดีจากพาราก้อนมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ (ไงล่ะ...แค่เริ่มต้นก็สัมผัสได้ถึงความอลังการทุ่มทุนสร้างแล้วใช่มั้ย หึๆๆ)

สำหรับเครื่องปรุงก็มี
1. มันฝรั่ง หัวใหญ่เดียวก็พอ 2 หัวนี่เลี้ยงคนได้ทั้งซอย
2. แครอท ครึ่งหัว
3. หมูบด จะเอาไก่บดก็ได้
4. หัวหอมใหญ่
5. เนย แบบเค็ม ธรรมดา
6. ชีส แล้วแต่ชอบ สำหรับงานนี้คือมอสซาเรลล่าและพาร์มาซาน
7. เกล็ดขนมปังป่น แนะนำฟาร์มเฮ้าส์สูตรไม่อมน้ำมัน ของเขาดีจริง
8. ไข่ไก่
9. แป้งโกกิ
10. น้ำมันพืช ทุ่มทุนสร้างเลยนะ ครึ่งขวดเป็นอย่างต่ำ ใช้เมล็ดทานตะวันจะดีมาก

เครื่องเทศสำหรับปรุงรสก็มี
1. เกลือ (ทะเล)
2. พริกไทยดำ
3. น้ำมันหอย
4. ลูกผักชีป่น
5. โชยุ
6. มิริน
7. ซอสคัตสึ
8. มายองเนส (แบบไขมันต่ำ)

วิธีทำ
1. ก่อนอื่นเครื่องเทศที่เห็นเยอะๆก็ใช้ในขั้นตอนนี้แหละ นั่นคือการหมักหมู จริงๆจะใช้สูตรอื่นก็ได้แล้วแต่ชอบ แต่ที่ใช้งานนี้ก็มีเกลือ พริกไทยดำ ลูกผักชีป่น น้ำมันหอย โชยุ มิริน ที่ใช้ก็เพื่อให้กลิ่นเป็นญี่ปุ่น เข้ากับซอสคัตสึที่จะใช้จิ้ม เครื่องเทศทั้งหมดกะประมาณเอา หมักกะเนื้อหมูบด ผสมในทับเปอร์แวร์เลย พอเข้ากันดีก็เอาเข้าตู้เย็นไว้

2. ระหว่างนั้นก็เอามันฝรั่งกับแครอทมาหั่นชิ้นใหญ่ๆแล้วนึ่ง ประมาณ 30 นาที ซึ่งหมูก็จะหมักได้ที่พอดี

3. ซอยหอมใหญ่หยาบๆ วิธีซอยที่จะไม่ทำให้เสียน้ำตาคือ อย่าชะโงกหน้าไปอยู่เหนือเขียง ไอมันแสบทรวง เสร็จแล้วนำไปผัดด้วยเนย ( 1 ก้อนแบบก้อนแบ่งทาเนยเล็กๆ น่ะ) ผัดไฟอ่อนไปเรื่อยๆ อดทนหน่อย วิธีนี้ดัดแปลงมาจากการทำแกงกะหรี่ญี่ปุ่น หอมใหญ่ที่ได้จะหวานหอมน่าหม่ำ



4. เมื่อผักนึ่งสุกได้ที่ ทิ้งไว้ให้เย็น ผัดหอมในกะทะต่อไปจนเริ่มเกรียมก็เอาหมูที่หมักไว้มารวน เคล็ดลับในการรวนคือให้ใช้ด้านแบนก้นตะหลิวบี้ๆๆๆๆ ทับไปทับมาจะได้ไม่เกาะกันเป็นก้อน ละเอียดสมใจ พอสุกดีแล้ว รวนได้เล็กดีแล้ว ก็เร่งไฟขึ้นนิด ผัดให้ออกแห้ง ปิดไฟพักไว้ (ในกรณีที่เป็นไก่รวนไฟแรงหน่อยได้เพราะสุกยากกว่า)



5. ผักที่นึ่งไว้ตอนนี้ควรจะอุ่นๆแล้ว ใช้มือนี่แหละ ลอกเปลือกออก เพราะส่วนที่อร่อยที่สุดก็คือส่วนติดเปลือกเนี่ย อย่าชิงปอกเปลือกก่อนนึ่งล่ะ เสียของ นึ่งนิ่มดีแล้วก็ลอกได้ง่ายๆ นำมันฝรั่งไปยีในชามผสมด้วยส้อมจนละเอียดดี โรยเกลือกับพริกไทยลงไปเล็กน้อย ส่วนแครอทให้ใช้มีดขูดเปลือกง่ายกว่าดึงด้วยนิ้วมือ ค่อยๆ ขูดไป แล้วจัดการหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็กพอดีๆ

6. สวมถุงมือถ้าเล็บยาว ถ้าไม่ยาวก็ไม่ต้อง แต่ล้างให้สะอาด คลุกทั้งหมูผัดและแครอทหั่นลงไปกับเนื้อมันฝรั่งที่ยีแล้ว จนเข้ากันดี ชิมได้นะ มันสุกหมดแล้ว รู้ๆ กันไปเลยว่าอร่อยมั้ย พักไว้ในตู้เย็น ช่องแข็งเลยก็ดี



7. ไปนั่งพัก ซัก 30 นาที

8. ส่วนผสมมันบดจะแข็งเซ็ทตัวขึ้นแล้วปั้นง่าย แนะนำให้ใช้ถุงมืออเนกประสงค์เช่นเคย ปั้นแบ่งเป็นก้อนๆ อย่าโลภ ปั้นไว้แค่พอกิน ที่เหลือเอาเข้าตู้แข็งได้

9. เอาชีสที่ชอบมาหั่นขนาดพอยัดเป็นไส้ อย่าโลภเช่นกัน เดี๋ยวไส้แตก กดลงไปตรงกลางปั้นให้ห่อหุ้มมิดชิด ถ้าไม่มิดแล้วมันปะทุตอนทอดเสียโฉมไม่รู้ด้วยนะ งุงิ

10. เตรียมไข่ไก่ตี ใส่ถ้วยที่มีปากกว้างนิดนึง อีกใบละลายแป้งโกกิกะน้ำเย็น อัตราส่วนประมาณ 1/1.5 จาน 1 ใบ เทเกล็ดหนมปังลงไป แล้วปูฟอยล์อลูมิเนียม (หรือกระดาษไขรองทำอาหาร) ไว้รอท่า เอาครอกเก้ที่ปั้นแล้วชุบแป้งโกกิ >> ไข่ >> เกล็ดหนมปังตามลำดับ วางแหมะไว้ที่ฟอยล์ ไม่เลอะเทอะดี

11. ทำจนครบทุกลูก เอาไปใส่ช่องแข็งอีกรอบ(ทั้งฟอลย์แหละ) 30 นาทีเหมือนเคย ของอร่อยต้องใจเย็น ที่ต้องทำให้มันเย็นก็เพราะว่าเราใช้น้ำมันไม่ร้อนมาก แต่ยิ่งของที่จะทอดอุณหภูมิแตกต่างจากน้ำมันมากเท่าไหร่ ก็จะกรอบมากขึ้นเท่านั้น พอใกล้ๆจะครบให้ไปสวมถุงมือ ตั้งน้ำมัน แบบกะว่าท่วมของที่ทอด (เขาถึงเรียกดีปฟรายนะ) ใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน พอน้ำมันร้อนได้ที่ เอาครอกเก้เย็นๆ ใส่ลงไปแบบอย่าเบียดเสียดนัก ทอดจนเหลืองอร่ามเป็นสีทองก็ยกลง

12. จัดใส่จานให้สวยงาม น้ำจิ้มแนะนำซอสคัตสึผสมมายองเนสสัดส่วนตามชอบ เข้ากันมากกกกก

13. กินให้อร่อยได้จ้า

เชิญชมรูป

ทอดเหลืองอร่าม ซอสคัตสึอันนี้ยังไม่ได้ผสมมายองเนส เป็นซอสยี่ห้อคาโกเมะสูตรผสมงาดำ


เน้นให้เห็นชีสเยิ้มมมม อาหร่อยมากกกก


กินแล้วแบบว่า แทบจะออกรีแอคชั่น ขี่มังกรท่องสวรรค์!


มาว่ากันถึงชีสที่ใช้สอดไส้บ้างดีกว่า สังเกตมั้ยชีสมีมากกว่าแค่ไว้โปะขนมปังนะ บางคนอาจไม่รู้ว่ามันแตกต่างกันยังไง ความจริงแล้วชีสมีมากมายยยยยยหลายชนิดจำแนกแยกย่อยกันไม่หวาดไม่ไหว และประเทศผู้ให้กำเนิด+ผู้ผลิตก็มากมายเหลือคณา แต่จะเลือกชนิดที่มีขายทั่วไปในบ้านเรามาจำแนกเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ละกันนะ

มอสซาเรลล่า – ออสเตรเลียนชีส เป็นชีสเนื้อกึ่งนุ่ม เนียนละเอียด รสอ่อนและละลายได้ยืดเยิ้ม เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในพิซซ่าทั้งหลาย

เชดดาร์ – เป็นชีสที่รู้จักกันดีที่สุดในโลกแล้วมั้ง ที่ประกบขนมปังทั้งหลายก็เจ้าเชดดาร์นี่แหละ เชดดาร์มีแหล่งกำเนิดจากอังกฤษ เนื้อแข็งนิดหน่อย และเป็นชีสธรรมชาติ เนื้อจะมีตั้งแต่สีขาวไปจนเหลืองอ่อน กลิ่นรสไม่แรงนัก แต่จะมีเชดดาร์ที่บ่มนานจนกลิ่นรสแรงขึ้นเช่น วินเทจ

พาร์มาซาน หรือ พาร์มาจาร์โน่ – ชื่อก็บ่งบอกแล้วว่าเป็นชีสอิตาเลียน เอามาจากชื่อเมือง พาร์มา เป็นชีสที่ใช้ได้หลากหลาย กลิ่นรสเข้มข้นหอมมัน เนื้อแข็ง บ่มนานทำนานแต่ทำเป็นจำนวนมาก ถ้าจำไม่ผิดเขาต้องเอาไปบ่มในน้ำเค็มอยู่ประมาณเดือนนึง แล้วเอามาบ่มต่ออีก 1 – 2 ปี เป็นชีสที่ต้องใช้ห้องที่ชื้นมากๆ ในการบ่ม

ฟีต้า – ชีสกรีกที่มีชื่อ เนื้อนุ่มมากมีน้ำเยอะ มักมาในกล่องเหมือนนมมีน้ำหล่อ หรือมาแบบแช่ในน้ำมันมะกอกพร้อมสมุนไพร มีรสเค็มอ่อนๆ ฟีต้าทำจากนมแกะ ผสมนมแพะ แต่ปัจจุบันหลายเจ้าผสมนมวัวด้วย

บลูชีส – บลูชีสเป็นคำเรียกรวมๆ ของชีสชนิดที่มีรากินได้ขึ้นในการบ่มแทรกในเนื้อ จริงๆ แล้วแบ่งออกไปหลายประเภท เนื้อนุ่มเหมือนครีมยิ่งบ่มนานจะเหนียวนุ่มขึ้น มักมีกลิ่นเหมือนเห็ดหรือสมุนไพร รสแรงเผ็ดนิดๆ อาจจะไม่ค่อยถูกปากสำหรับคนเริ่มกินชีส

บรี – เจ้าแห่งชีสที่กำเนิดจากฝรั่งเศสตัวจริง ถือเป็นราชินีของชีส ผิวหน้าจะมีสีขาวแข็ง หนาประมาณ 4 มิล แต่เนื้อข้างในอ่อนนุ่มกลิ่นรสเข้มข้น ในขณะที่เนื้อชีสยังเป็นสีขาวจะยังไม่ได้ที่ดี ถ้าโดนตัดแบ่งไปก่อนการบ่มจะเสียไป บรีที่รสเข้มข้นดีจะมีสีเหลืองอ่อนจาง ส่วนราชาเหนือมวลราชาของชีสก็คือ Brie de Meaux เป็นบรีอีกระดับที่บ่มจนมีสีเหลืองอ่อน เนื้อนุ่มมมมละลายอย่างกับกำมะหยี่

เกาด้าร์ – ตั้งชื่อตามเมืองในประเทศฮอลแลนด์ เป็นชีสเก่าแก่เนื้อเนียนแข็ง มีรสหวานของผลไม้ มีแบบรมควันให้เลือกด้วย เกาด้าที่ถูกเคลือบด้วยแว็กซ์สีดำคือแบบบ่มนานมีสีเหลืองเข้ม เหมาะจะกินแกล้มไวน์มาก

อีแดม – เนื้อค่อนข้างแข็งและคล้ายเกาด้า สังเกตรูปร่างได้ง่ายคือเป็นทรงกลมเคลือบด้วยแว็กซ์สีแดง (หรือดำถ้าเป็นแบบบ่มนาน) ทำจากหางนม (นมที่กวาดเอาครีมไปหมดแล้ว) รสนุ่มๆ หวานและมันเหมือนถั่ว

กรูแยร์ – ชีสสวิสดั้งเดิม เนื้อเนียนนุ่ม สีเหลืองเข้ม มีรูจิ๋วๆ แทรก กลิ่นของกรูแยร์เป็นเอกลักษณ์ มีทั้งผลไม้ ผืนดิน ถั่ว เหมือนน้ำหอมที่มีทอปโน้ต มิดเดิ้ล แล้วก็เบสนั่นแหละ แน่นอนว่ายิ่งบ่มนานก็ยิ่งได้กลิ่นรสที่ดีขึ้น

เอมเมนทอล – ชีสสวิสเหมือนกัน เนื้อแข็งมีเปลือกบางๆ ห่อหุ้มด้วยกระดาษ กลิ่นหอมเหมือนหญ้าที่เพิ่งตัดใหม่ (ฝรั่งเขาว่านะ ไอ้เราดมมันก็ชีสนี่แหละวะ) กลิ่นผลไม้จัดแต่ไม่มีกลิ่นเปรี้ยว ลักษณะเฉพาะของชีสชนิดนี้คือเนื้อเป็นรูพรุนใหญ่แทรกอยู่ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างบ่ม

เอาล่ะ คร่าวๆ คงเท่านี้มั้ง เท่าที่เดินๆ ดูแล้วเห็นวางขายทั่วไปอ่ะนะ ใครชื่นชอบก็ลองไปซื้อมาชิมละกัน ชีสส่วนใหญ่ไปกันได้ดีกับไวน์ แนะนำว่าให้ไปซื้อที่เคาท์เตอร์ชีสจะดีกว่าเพราะสามารถแบ่งก้อนได้เล็กใหญ่ตามที่ต้องการ ใช้น้อยก็ซื้อน้อย สะดวกและประหยัดแถมหลากหลายด้วยจ้า

Create Date : 17 มกราคม 2549		8 comments
Last Update : 17 มกราคม 2549 14:43:59 น.
Counter : 11363 Pageviews.
Share Tweet