OUR LIFE IS SIMPLY A REFLECTION OF OUR ACTIONS. IF YOU WANT MORE LOVE IN THE WORLD, CREATE MORE LOVE IN YOUR HEART!!
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
19 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
“เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 1)




…..มันก็แปลกดีนะว่าตลอดเวลาของการทำงานเกือบ 10 ปี
ฉันไม่เคยมีเดทกับผู้ชายเลย
เปล่า! ฉันไม่ได้เล่นตัวหรือไม่ใช่ไม่เปิดโอกาสให้ตัวเอง
แต่ดูเหมือนไม่มีใครตาถึงเห็นความสวยน่ารักของฉันเลยต่างหาก!
เอ๊ะ….คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?

คุณผู้อ่านคงไม่ปฏิเสธนะว่าคนที่จะเป็นเลขาฯ ได้
แม้จะไม่สวยเลิศเลอเพอเฟค
อย่างน้อยที่สุดจะต้องมีบุคลิกลักษณะ
รูปร่างหน้าตาที่ดูดีในระดับหนึ่ง
และที่สำคัญต้องมีความรู้ความสามารถพอสมควร
มิเช่นนั้นผู้บริหารที่ไหนจะจ้างให้ฉันเป็นเลขาฯ
จริงไหม?

ที่น่าแปลกใจหรือน่าภาคภูมิใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ
บรรดานายจ้างทั้งหลายของฉันที่ผ่านมา
ไม่มีใครเป็นประเภทพระยาเทครัว
หรือเจ้าชู้ประตูดินเลยสักคน
ฉันจึงไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องคาว ๆ
ของบรรดานาย ๆ มาแฉให้คุณผู้อ่านได้อ่านกัน
ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย….

แต่อย่าเพิ่งทำหน้าผิดหวังอย่างนั้นซิ…
ถึงแม้จะไม่มีเรื่องฉาวของนายจ้างมาเม้าท์กัน
หรือไม่ได้มีแฟนถึงขั้นออกเดทกุ๊กกิ๊กมาเล่าสู่
แต่ฉันก็พอจะมีผู้ชายอกสามศอก
โฉบเฉี่ยวเข้ามาในชีวิตบ้างเหมือนกันแหละน่า
เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีน้ำยา…

เรื่องกุ๊กกิ๊กเกี่ยวกับตัวฉันที่จะเล่าต่อไปนี้
อาจจะทำให้หลาย ๆ ท่านเกิดความเชื่อ….
เชื่อในเรื่องของพรหมลิขิต….
เชื่อในเรื่องของเวรกรรม….
หรืออะไรก็แล้วแต่ตามที่ท่านจะจินตนาการ
ถ้าจินตนาการยังไม่ออก…
ลองอ่านเนื้อหาของบทเพลงนี้ดูเป็นไร
แล้วอย่างลืมร้องคลอตามไปด้วยนะ…


“พรหมลิขิตบันดาลชักพา
ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่ไกลแสนไกล
พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ
เออชรอยจะเป็นเนื้อคู่
ควรอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ แต่ครั้งแรกเมื่อพบเธอ
ใจนึกเชื่อเมื่อแรกเจอ ฉันและเธอคือคู่สร้างมา
เนื้อคู่ ถึงอยู่แสนไกลคงไม่คลาดคลา
มุ่งหวัง สมดังอุราไม่ว่าใครใคร
หากมิใช่คู่ครองแท้จริง
จะแอบอิงรักยิ่งปานใด ยากนักที่จะสมใจ
คงพบเหตุอาเภทภัย พลัดกันไปจนให้คลาดคลา.....
เราสองคนต้องเป็นเนื้อคู่
จึงชื่นชูรักใคร่บูชา นี่เพราะว่าบุญหนุนพา
พรหมลิขิตขีดเส้นมา ชี้ชะตาให้มาร่วมกัน
คนบางคนต้องเป็นเนื้อคู่
เพียงแต่ดูรู้ชื่อโดยพลัน ก็รู้สึกนึกรักกัน
จนฝันใฝ่ใจผูกพัน แม้ไม่ทันจะเห็นรูปกาย
เนื้อคู่ ถึงอยู่แสนไกลคงไม่คลาดคลา
มุ่งหวัง สมดังอุราไม่ว่าใครใคร
พรหมลิขิตบันดาลทุกอย่าง
เป็นผู้วางหนทางปวงชน ได้ลิขิตชีวิตคน
นำเนื้อคู่มาเปรอปรน ทั้งยังดลเธอให้กับฉัน”

จากเนื้อเพลง “พรหมลิขิต” โดยสุนทราภรณ์

เราลองมาดูกันซิว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉัน
มีอะไรที่เป็นเรื่องของพรหมลิขิต
เหมือนที่กล่าวไว้ในเนื้อเพลงหรือไม่…

เช้าวันหนึ่งในวันสุดสัปดาห์ขณะที่ฉันกำลังนั่งทำงาน
ในสำนักงานส่วนตัวเล็ก ๆ บนถนนสีลม-สาทร
ก็มีโทรศัพท์มาถึงฉันและมีเสียงทักทายมาตามสายว่า
“สวัสดี DestinyHurtsMe…. ไม่ได้เจอกันนานสบายดีหรือ?”

ฉันรุ้สึกคุ้นหูกับเสียงนั้นดีก็ตอบไปว่า
“สวัสดีค่ะพี่ดา สบายดีค่ะ แล้วพี่ล่ะคะสบายดีหรือเปล่า?”
หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเรียบร้อยแล้วเธอก็ถามฉันว่า
“DestinyHurtsMe มีแฟนหรือยังล่ะ?”

โอ้ว! เล่นถามกันตรง ๆ เลยหรือเนี๊ยะ….ฉันก็ตอบตรง ๆ ไปว่า
“ยังไม่มีค่ะ พี่มีหนุ่มจะแนะนำหรือถึงได้ถามน่ะ?”
เธอก็รีบตอบว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย อยากจะชวน DestinyHurtsMe ไปอยู่บ้านเดียวกัน”

ฉันหัวเราะตามสายแต่ขมวดคิ้วไปด้วยพร้อมกับถามต่อว่า
“หมายความว่ายังไงคะพี่?”
เธอก็อธิบายว่าเธอมีน้องสามีอยากจะแนะนำให้รู้จักคบหากัน
และถามว่าฉันสนใจไหม?

“เขาเป็นอย่างไรล่ะพี่?”
ฉันไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่ถามต่อ
เพื่อให้เธอสาธยายคุณสมบัติของคนที่เธอจะแนะนำก่อน
เธอเล่าว่า “เขามีชื่อเล่นว่า ด๋อง อายุมากกว่าฉัน 2-3 ปี
จบปริญญาโทรัฐศาสตร์จากธรรมศาสตร์”

ฉันหูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำว่าปริญญาโท!
ช่างเป็นคำที่กระตุ้นปุ่มปมด้อยของคนที่มี
การศึกษาน้อยอย่างฉันได้ดีจริง ๆ
เพราะฉันจะรู้สึกเป็นปลื้มกับคนที่มีการศึกษาดี ๆ
และใฝ่ฝันเสมอที่อยากจะมีแฟนที่เรียนสูง
เพื่อช่วยเติมเต็มปมด้อยของฉัน

เธอบอกว่าคุณด๋องยังไม่มีแฟน
และต้องการหาใครสักคนมาเป็นแฟนเพื่อคบหาดูใจ
และแต่งงานกัน…หากถูกใจ
เธอบอกว่าเธอคิดถึงฉันและอยากจะแนะนำให้รู้จักกัน

ฉันฟังอดีตเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานด้วยกัน
และรู้จักคุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยที่ฉันทำงานอยู่กับเตี่ย
ในระหว่างที่ทำงานด้วยกันพี่ดาและฉันมีความสนิทสนมกันมาก
แต่หลังจากฉันลาออกจากเตี่ยสมัยแรก
เราก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยเหมือนก่อน

เธอเล่าสรรพคุณของน้องชายสามีของเธอให้ฉันฟังต่อว่า
“คุณด๋องเป็นข้าราชการ”

“ห๊า! ข้าราชการ!”
ฉันคิดในใจอย่างตกใจทันทีที่ได้ยินว่าเขาเป็นข้าราชการ
และเริ่มรู้สึกอยากจะถอดใจ
เพราะในสมองของฉัน ณ ตอนนั้น
ภาพลักษณ์ของข้าราชการต่างกับตอนนี้โดยสิ้นเชิง
สมัยนี้ที่ข้าราชการส่วนใหญ่ทำงานหนักและมีใจบริการ
ไม่แพ้ส่วนเอกชนซึ่งฉันได้สัมผัสมาแล้วจริง ๆ!!

และที่สำคัญตอนนั้นข้าราชการยังมีเงินเดือนน้อย
(ถ้าไม่นับรวมสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว
อาจจะดีกว่าภาคเอกชนหลาย ๆ ที่ด้วยซ้ำ)
แต่เผอิญฉันเคยชินกับการทำงานในบริษัทเอกชน
ที่มีเงินเดือนสูง ๆ มากกว่า

พี่ดาเล่าต่อว่า….
“คุณด๋อง” กำลังจะไปปฏิบัติหน้าที่
ประจำในต่างประเทศในอีก 1-2 ปีนี้
จึงอยากจะหาแฟนและแต่งงานไปเป็นแม่บ้าน

โอ้ว! ที่แท้ต้องการ “แจ๋ว” ไปช่วยทำงานบ้านนะเอง!
จะดูดีก็แต่ไปเป็น แจ๋ว ในต่างประเทศเท่านั้นแหละ
พี่ดาคงรู้สึกว่าฉันเงียบเสียงไปจึงโฆษณาต่อว่า
“คุณด๋องเขาเป็นคนหน้าตาดี สมาร์ท แถมยังเป็นคนดีมาก ๆ ด้วยนะ”

ตอนนั้นฉันอดคิดในใจไม่ได้ว่า
“ดีครบเครื่องขนาดนี้ยังมีหลงเหลืออยู่…
ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าเป็นห่วงบ้างหรือ?”
“แล้วเขายังไม่มีแฟนหรืออย่างไร
จึงต้องมาใช้มาลัยเสี่ยงรักเอ๊ย…วิธีคลุมถุงชนแบบนี้”

ฉันคิดในใจและเริ่มคิดอกุศลไปต่าง ๆ นานาว่า…
เขาอาจจะเป็นคนพูดมาก
เขาอาจจะเป็นคนใบ้ (พูดไม่เก่ง)
เขาอาจจะเป็นคนเจ้าชู้
เขาอาจจะเอาใจสาวไม่เป็น
เขาอาจจะมีคุณสมบัติที่เป็นลบมากจนสาว ๆ เมิน
เอ…หรือว่าเขาจะเป็นอีแอบ?

คิดในใจเสร็จฉันก็ถามพี่ดาไปว่า
“แล้วทำไมถึงคิดจะแนะนำ DestinyHurtsMe ล่ะ?”
เธอก็เล่าให้ฟังว่าที่จริงฉันไม่ได้อยู่ในสมองของเธอเลย
(อ้าว! แล้วกัน)
เพราะฉันลาออกจากเตี่ยมาหลายปีและไม่ค่อยได้เจอกัน
หรือที่ภาษาฝรั่งเรียกว่า Out of sight, out of mind นั่นแหละ
(เฮ้อ…ค่อยยังชั่วหน่อยกับเหตุผลนี้)

เธอบอกว่าเดิมเธอตั้งใจจะแนะนำและได้หมายตา
ผู้ช่วยในแผนกคนหนึ่งของเธอไว้เรียบร้อยแล้ว
จึงได้นำหนังสือแคตตาลอกแนะนำสินค้าและประวัติของบริษัท
ที่มีรูปพนักงานอยู่ด้วยกลับไปให้คุณพ่อคุณแม่ของสามีเธอและคุณด๋องดู
หลังจากได้ดูแล้วคุณด๋องก็รู้สึกพอใจ
ในรูปลักษณ์ของสาวคนที่พี่ดาจะแนะนำ

แต่ท่านผู้อ่านที่รัก….
เจ้าหนังสือแคตตาลอกเล่มนั้นเป็นเหตุแท้ ๆ
เพราะเป็นเหมือนหรหมลิขิตที่มาหักเหชีวิตของฉัน
โดยมีคุณพ่อของคุณด๋องเป็นผู้กำกับชักนำฉันเข้าสู่วงการในเวลาต่อมา

ขณะที่พลิกดูหนังสือเล่มนั้นไปเรื่อย ๆ ตามประสาคนชอบอ่านหนังสือ
พลันสายตาของคุณพ่อก็ไปสะดุดเข้ากับภาพของ
สาวสวยหมวยอึ๋มอย่างฉันเข้าเต็มเปา
ในหนังสือเล่มนั้นมีรูปของฉันในสมัยที่ฉันยังทำงานกับเตี่ยอยู่ด้วย!
คุณพ่อจึงได้ถามว่า
“เอ้อ แล้วผู้หญิงคนนี้ล่ะ หน้าตายิ้มแย้ม ท่าทางซื่อ ๆ ดูเป็นคนดี
เธอคนนี้เป็นใครและเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

พี่ดาได้ยินคุณพ่อสามีของเธอพูดและเห็นรูปของฉันถึงกับร้อง
“อ๋อ…..ยัย DestinyHurtsMe นั่นเอง!
ใช่แล้ว…เธอคนนี้เป็นอดีตเลขาฯ ประธานบริษัท
และเธอเป็นคนดีจริง ๆ ด้วย”

หลังจากที่พี่ดาสาธยายสรรพคุณของฉัน
ให้กับคุณพ่อคุณแม่ของคุณด๋องฟังแล้ว
ท่านทั้งสองก็เล็งเป้ามาที่ฉันทันที
และตัดสาวคู่แข่งของฉันออกไป
แบบไม่ทันให้ได้ประลองโฉมหรือฝีมือกันก่อนเลย
ฉันจึงกลายเป็นตัวเลือกใหม่ของครอบครัวนี้
โดยไม่ต้องลงสนามแข่งให้เหนื่อย!

ถ้าให้ท่านผู้อ่านเลือกระหว่าง
แกงจืดหมูสับผักกาดขาวรสกลมกล่อม….
กับต้มยำกุ้งรสแซ่บ!!!
ท่านจะเลือกรับประทานแบบไหน?

ฉันมาทราบภายหลังว่าคุณด๋องได้ดูรูปของทั้ง 2 สาว
คือฉันและเธอคนนั้นแล้ว
เขาได้เปรียบสาวคนนั้นว่าเป็นเหมือน
“ต้มยำ!”
ที่ดูเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดและเผ็ดซี๊ดเหมือนกับรสชาดของต้มยำ

ท่านผู้อ่านคงเดาออกแล้วใช่ไหมว่า
เขาเปรียบฉันว่าเป็นเหมือนอะไร?
“แกงจืด!”
ที่จืดสนิทเหมือนแกงจืดไม่ได้ใส่น้ำปลา…

อีตาบ้า!
หยามกันชัด ๆ!
คิดแล้วยังไม่หายแค้นเลยนะเนี๊ยะ
“นี่ถ้าอยู่ด้วยกัน”
ฉันจะแกล้งไม่ให้ซดแกงจืดถ้วยนี้
และปล่อยให้อดอยากปากแห้งซะให้เข็ด!!!

ถึงแม้จะหยามว่าฉันเหมือนแกงจืด
แต่คุณด๋องก็ไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะให้พี่สะใภ้
แนะนำให้รู้จักกับแกงจืดอย่างฉัน
และหลังจากคุยโทรศัพท์กับพี่ดาเสร็จ
ฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาเช่นกันถึงแม้ว่าคำว่าข้าราชการ
กับเรื่องการไปเป็นแจ๋วให้เขาในต่างประเทศยังคาอยู่ในสมองของฉันอยู่

มีอย่างที่ไหนที่ Working Woman หรือสาวทำงานที่เก่ง สวย
เลิศเลอเพอร์เฟคอย่างฉันจะยอมทิ้งงานที่กำลังรุ่ง
(ตอนนั้นฉันกำลังทำงานเป็นเลขานุการ
ให้กับเจ้านายชาวอังกฤษในบริษัทวงการน้ำดำแห่งหนึ่ง)
พร้อม ๆ กับการทำกิจการส่วนตัวเล็ก ๆ ที่เล่าในตอนต้น
ซึ่งฉันแบ่งเวลาไปทำในตอนเย็นหลังเลิกงานและวันหยุด

เมื่อกลับถึงบ้านฉันก็ได้เล่าเรื่องให้คุณแม่และพี่น้องฟัง
ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ฉันจะได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที
โดยเฉพาะคุณแม่ซึ่งคิดเหมือนกับคนจีนทั่วไป
ที่กลัวว่าลูกสาวจะขายไม่ออก
แถมยังไม่เคยพาใครมาเหยียบหัวกระไดบ้านสักที
และคานที่บ้านก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงซะด้วย

ที่บ้านฉันมีพี่น้องผู้หญิง 4 คน และพี่ชาย 1 คน
โชคดีพี่สาวคนโตแต่งงานและมีลูกเป็นของตัวเอง
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 2 คน
พี่ชายก็หายห่วงเพราะแต่งงานแล้วและมีลูก 2 คนเช่นกัน
ส่วนฉันและน้องสาวอีก 2 คน ตกที่นั่งเดียวกัน!!
เตรียมขึ้นคาน!!

เรายังเคยปรึกษากันแบบซีเรียสว่า ถ้าชาตินี้ไม่มีใครเอา
(เอ๊ย…ต้องพูดว่าไม่เอาใครซิถึงจะมีศักดิ์ศรีหน่อย จริงมะ?)
เรามาทำโครงการบ้านสาวโสด และรับสมาชิกเข้าร่วมโครงการ
แบบว่าทำเป็นธุรกิจหารายได้เลี้ยงตัวเองตอนแก่กันดีกว่า!!

ดังนั้นเมื่อมีคุณด๋องผลัดหลงเข้ามาในวงเวียนชีวิตของฉัน
สมาชิกทุกคนในบ้านจึงพากันเชียร์ฉันแบบออกนอกหน้า
ทำให้ฉันรู้สึกเขวไปเหมือนกัน…..

วันต่อมาพี่ดาก็โทรมาแจ้งผลว่าทางคุณด๋องและครอบครัว
เห็นพ้องต้องกันว่าให้นัดฉันไปกินข้าวเพื่อทำความรู้จักกัน
ระหว่างนั้นฉันรู้สึกตื่นเต้น….นอนไม่หลับ
เพราะจะว่าไปแล้วมันเป็นนัดที่ไม่ปกติ
เป็นนัดที่มีวัตถุประสงค์เด่นชัด
นั่นคือหากถูกใจกัน
ก็จะสานต่อด้วยการคบหาศึกษาซึ่งกันและกัน
และต้องแต่งงานกัน!

คิดแล้วก็รู้สึกกลัว…..
กลัววันนั้นมาถึง
กลัวว่าฉันจะทำอะไรเปิ่น ๆ ต่อหน้าเขา
กลัวว่าเขาจะไม่ปิ๊งฉัน
กลัวว่าเขาจะรังเกียจฉัน
กลัวสารพัด
และที่สำคัญเราไม่ได้นัดกันเป็นการส่วนตัวสองต่อสอง
แต่จะมีพี่สะใภ้ของเขาหรือพี่ดามาคอยจับผิด
เอ๊ย….เป็นสักขีพยานในการนัดพบของเราในครั้งนี้ด้วย

แล้ววันนัดพบกันก็มาถึง….
คุณด๋องได้ขับรถมาที่ทำงานบริษัทส่วนตัวของฉันในเย็นวันหนึ่ง
พร้อมกับพี่สะใภ้ของเขาซึ่งก็คือพี่ดาและลูกสาวของเธอ
และเราก็ออกไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง
บนถนนสาทรใกล้ ๆ ที่ทำงานของฉัน

ตอนนี้ฉันหายสงสัยแล้วว่าทำไมคุณด๋องถึงครองตัวเป็นโสด
มาจนอายุขนาดนี้แต่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน
จนต้องใช้วิธีนี้ในการหาแฟนและเลือกคู่
เพราะในสายตาของฉันตอนนั้น
เขาเป็นผู้ชายที่ไม่มีเสน่ห์เอาซะเลยให้ตายสิ!!

มีอย่างที่ไหนเจอกันครั้งแรก
แทนที่เขาจะทำให้สาวสวยอย่างฉันประทับใจ
ด้วยการป้อน เอ๊ย…ตักอาหารให้ฉัน
หรือชวนคุย….ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ถ้ายิ้มไม่ออก….อย่างน้อยฝืนยิ้มเป็นมรรยาทหน่อยก็ยังดี
และที่สำคัญก่อนขึ้นหรือลงจากรถเขาควรจะรีบมาเปิด-ปิดประตูให้
เหมือนกับที่ฉันเคยเห็นพระเอกทำให้กับนางเอกในหนัง
(แหะ ๆ ตอนนั้นฉันยังอยู่ในโลกแห่งความฝันมากเกินไปหน่อย)

แต่คุณด๋องเธอไม่ได้ทำสักอย่าง
แถมยังเอาเปรียบด้วยการให้ฉันและพี่สะใภ้เขา
เป็นฝ่ายชวนคุยเสียส่วนใหญ่ส่วนเขาจะนั่งฟังอย่างเดียว
และแทรกคำถามที่เย็นชาพอเป็นพิธี!!

หลังจากกินข้าวเสร็จเขาก็อาสาขับรถไปส่งฉันถึงบ้าน
(สงสัยเป็นกลอุบายต้องการรู้จักกำพืดของฉันด้วย)
ตอนเขาไปส่งฉันที่บ้าน สมาชิกในบ้านฉันทุกคน
ก็มีโอกาสได้พบเขาในคืนนั้นด้วย

ทุกคนในบ้านฉันรู้สึกตื่นเต้นและพอใจในตัวเขามาก
ที่จริงถ้าจะว่ากันไปแล้วหน้าตาตี๋ ๆ อย่างเขา
รูปร่างสมาร์ทสมส่วนแม้จะไม่สูงใหญ่มากนัก (ประมาณ 175 ซม.)
ก็ถือว่าตรงสเป็กฉันอยู่เหมือนกัน
และฉันก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเขาก็คงจะพอใจ
คนที่เพรียบพร้อมอย่างฉัน (ฮะแอ้ม!) ในระดับหนึ่ง
จึงทำให้เรามีการนัดพบกันอีกโดยลำพังในโอกาสต่อ ๆ มา

รู้ไหมว่านัดครั้งต่อ ๆ ไปของเขาและฉันเป็นที่ไหน?
เปล่า!
ไม่ใช่ร้านอาหารหรู….สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
หรือโรงหนังเพื่อดูหนังรักโรแมนติกเหมือนที่ชายหนุ่มทั่วไป
พึงจะพาผู้หญิงที่เขาคิดจะคบค้าจีบหามาเป็นแฟนเขาทำกัน
คนอะไรทั้งเชย!
ทั้งไม่โรแมนติก!
สารพัดความเฉิ่มที่ฉันจะสรรหาคำมาบรรยายสรรพคุณของเขา

ครั้งที่สองที่เรานัดเจอกันเขาใช้ที่ทำงานบริษัทฯ ส่วนตัวของฉัน
เป็นจุดนัดพบ
เขามาถึงที่ทำงานของฉันประมาณ 10 โมงเช้า
พร้อมกับของชิ้นหนึ่งในถุงที่หิ้วเข้ามาพบฉัน
ฉันรู้สึกตื่นเต้นอยากรู้ว่าของในถุงเป็นอะไร
พอเห็นของที่เขาหยิบออกจากถุง
ฉันก็เกิดความรู้สึกอยากร้องไห้!!!

เขาเอาเกมส์มาเล่นกับฉัน!!
เป็นไงล่ะ?
โรแมนติกดีไหมคุณด๋องของฉัน??

เกมส์ที่เขาเอามาชื่อว่า “Scrabble” เป็นเกมส์ต่อศัพท์ภาษาอังกฤษ
ซึ่งฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนแต่เขาสอนวิธีเล่นให้กับฉัน
ในใจฉันรู้สึกต่อต้านเล็ก ๆ เพราะจริง ๆ แล้ววันเสาร์อาทิตย์
เป็นวันทำงานสำหรับธุรกิจส่วนตัวของฉัน
แล้วแทนที่เขาจะมาหาและคุยกันในเรื่องสนุก ๆ เบาสมอง
หรือในเรื่องที่ทำให้เราสองคนรู้จักกันมากขึ้น
แต่กลับเอาเกมส์ที่ต้องใช้สมอง ต้องขบคิดมาให้ฉันเล่นซะงั้น

โชคดีที่ฉันหัวไวสอนง่าย
และมีพื้นภาษาอังกฤษเป็นทุนอยู่แล้ว (ฮะแอ้มมม!)
มิเช่นนั้นฉันต้องอกแตกตายแน่ ๆ
แต่พอเล่นไปเล่นมาก็ชักจะเริ่มรู้สึกสนุกและติดเกมส์ซะแล้ว!

ปกติเกมส์หนึ่ง ๆ จะใช้เวลาเล่นประมาณครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง
แล้วแต่จังหวะของการจับได้ตัวอักษรที่จะนำมาต่อคำ
และแล้วแต่คำศัพท์ที่ต่อไปแล้วบนกระดาน
และที่สำคัญแล้วแต่ความชำนาญของผู้เล่น
จะว่าไปแล้วก็เป็นเกมส์ที่สนุกและท้าทายความสามารถอย่างมาก
และทำให้เกิดความอยากเอาชนะคู่ต่อสู้แบบให้รู้บ้างว่าไผเป็นไผ!

ความสนุกทำให้เราเล่นกันครั้งละหลาย ๆ เกมส์ทุกครั้งที่พบกัน
แต่ท่าทางเขาเป็นคนเอาใจสาวไม่เป็นเอาซะเลย
เพราะแทนที่จะแกล้งยอมเล่นแพ้ฉันบ้าง
แต่กลับเอาชนะฉันเกือบทุกเกมส์แบบไม่ไว้หน้ากันบ้างเลย
ทำให้ฉันไม่ค่อยจะปลื้มเขาสักเท่าไร

แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้และต้องการเอาชนะเขาให้ได้
อย่างน้อยสักครั้งก็ยังดี….ซึ่งก็ได้ผลบ้าง
สัก 10:1 อะไรประมาณนั้น

ส่วนอาหารกลางวันของเรา
แทนที่เขาจะพาฉันไปกินอาหารที่ร้านหรู ๆ อร่อย ๆ
แต่ที่ไหนได้…เขากลับให้ฉันสั่งบะหมี่หมูแดง
ที่ขายบนรถเข็นสามล้อที่ขี่ผ่านหน้าบริษัท
เข้ามานั่งกินกันในที่ทำงานของฉันเกือบทุกอาทิตย์
นี่ถ้าเขาเอาก้อนเกลือมาให้ฉันช่วยกัดกิน
ฉันต้องคิดว่าเขาต้องรักฉันมาก
ขนาดยอมกัดก้อนเกลือกินกับฉันแน่ ๆ!!

นอกจากเกมส์ Scrabble ที่เขาจะมาท้าดวลกับฉันทุกวันอาทิตย์แล้ว
เราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนหรือแม้แต่ดูหนังด้วยกันเลย
จำได้ว่ามีออกไปกินข้าวกลางวัน
และข้าวเย็นข้างนอกเพียง 2-3 มื้อเท่านั้น
และช่วงที่เล่นเกมส์ Scrabble กันก็จะตั้งหน้าตั้งตา
ห้ำหั่นกันเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง
เราจึงไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร

เขาเทียวไล๊เทียวขื่อ หรือแปลเป็นไทย ๆ ว่า ไป ๆ มา ๆ
หรือไปมาหาสู่กับฉันได้ประมาณ 2 เดือน
เรียกว่าหม้อข้าวยังไม่ทันเดือด เอ๊ย…ดำ ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้

จู่ ๆ เขาก็ทำตัวเป็นนินจา!
เขาหายตัวไปแบบไร้ร่องรอยและไม่ได้บอกกล่าว!
แล้วยังไงล่ะ?
ก็ไม่ยังไงหรอก!
ฉันก็แค่รู้สึกเหมือนถูกหยามศักดิ์ศรีกันชัด ๆ!
ก็เท่านั้นเอง…

แต่ฉันไม่สนหรอก
เพราะฉันก็ไม่ได้ปลื้มหรือประทับใจเขาสักเท่าไร
และการที่เขาหายไปแบบนี้ก็แสดงว่า
เขาเองก็ไม่ได้ปลื้มฉันเหมือนกัน

จะหายก็หายไปซิ!
Who cares? (ใครจะสน?)
ฉันก็คิดว่าตัวเองก็มีศักดิ์ศรีพอ
ฉันไม่ได้ตาม
และไม่ได้สอบถามจากพี่ดาด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น
และพี่ดาก็ไม่ได้โทรหาหรือแจ้งฉันด้วย

ถึงแม้ใจจะบอกว่าไม่สน
แต่ฉันก็อดที่จะรู้สึกโกรธเคืองไม่ได้
การหายไปของเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือน
ถูกทิ้ง ถูกปฏิเสธ
มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ๆ สำหรับฉันในขณะนั้น
ฉันจดรายการข้อเสียของเขายาวเหยียด
เพื่อเตือนสติตัวเองและให้น้อง ๆ ดู
และย้ำกับน้อง ๆ ของฉันว่าถ้า อีตาคนนี้ติดต่อกลับมาอีก
ให้ดึงและรั้งฉันไว้ด้วย….
เพราะฉันจะไม่มีวันกลับไปคบค้าสมาคมกับเขาอีกแล้ว!!!

ฮั่นแนะ! ยังกล้าคิดว่าเขาจะกลับมาอีก
ไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือคุณ DestinyHurtsMe เอ๋ย!
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้สมองส่วนไหนจึงได้คิดไปอย่างนั้น
แล้วเขาก็หายเข้ากลีบเมฆ….

จากวัน….เป็นสัปดาห์….
เป็นหลายสัปดาห์….
เป็นเดือน….
และหลาย ๆ เดือน….
และฉันก็ไม่ได้ข่าวคราวของเขาอีกเลยแม้แต่จากพี่ดา
ที่เป็นแม่สื่อชักนำให้เขาและฉันมาพบกัน
ฉันรู้สึกว่าเขาหายไปนานมากแล้ว…
นาน…จนฉันได้ลืมและตัดเขาออกจากใจไปแล้ว!!!
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6247789/B6247789.html

โปรดติดตาม “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 2)

อ่านเรื่องราวกุ๊กกิ๊กของ “เลขาฯ ตัวแสบ!”
ว่าหลังจากถูกคุณด๋องปฏิเสธและทิ้งไปแล้ว
มีใครเข้ามาในชีวิตของเธออีกบ้างไหม?
แล้วเธอจะมีเรื่องอะไรมา “เม้าท์” ให้ฟังกันอีก?


ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว:


(1) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน.....วันที่ฉันถูกเลิกจ้าง!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6083075/B6083075.html

(2) “เลขาฯตัวแสบ!” ตอน.....แสร้งไปทำงานตามปกติ!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6085280/B6085280.html

(3) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....พบทนายความเรื่อง "การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม"
พร้อมกับการได้รับ "เงินชดเชย" เกือบแสน!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6095870/B6095870.html

(4) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....วันสัมภาษณ์กับ 12 วันก่อนถูกเลิกจ้าง!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6105777/B6105777.html

(5) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....ชีวิตหลังการตกงาน
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6110725/B6110725.html

(6) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้…! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 1
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6125583/B6125583.html

(7) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้…! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 2
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6131814/B6131814.html

(8) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... 4 เดือนระทึกกับช่วงทดลองงาน!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6136610/B6136610.html

(9) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 1)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6152716/B6152716.html

(10) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 2)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6159240/B6159240.html

(11) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 3)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6170648/B6170648.html

(12) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…การปกครองพนักงานแบบพ่อปกครองลูกในสไตล์ของ “เตี่ย”!!! (ภาค 1)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6174623/B6174623.html

(13) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…การปกครองพนักงานแบบพ่อปกครองลูกในสไตล์ของ “เตี่ย”!!! (ภาค 2)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6181617/B6181617.html

(14) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….กว่าจะเป็น “เลขาฯ ตัวแสบ!”
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6189644/B6189644.html
(15) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 1)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6202133/B6202133.html

(16) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 2)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6218284/B6218284.html

(17) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 3)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6224365/B6224365.html

(18) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….บังอาจทำธุรกิจส่วนตัว!!! (ภาค 1)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6236460/B6236460.html

(19) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….บังอาจทำธุรกิจส่วนตัว!!! (ภาค 2)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6245103/B6245103.html



*************************************************************************************


**************ขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านและเพื่อน ๆ ทุกท่าน
ที่กรุณา Click โหวตเก็บเข้าคลังกระทู้ทุกครั้งจึงทำให้ยังมีข้อมูล
เก็บอยู่ในคลังกระทู้เก่าทำให้สามารถนำกลับมาอ่านและใช้ประโยชน์ได้อีก…


ตอนต่อ ๆ ไปที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง:

***ชีวิตในต่างแดน…สุขหรือเศร้า?
***DESTINY HURTS ME!!!
(ตอนจบที่จะเฉลยทุกคำตอบในวัน Valentine’s?)

ป.ล. 1. ชื่อตอนและลำดับเรื่องต่าง ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม



Create Date : 19 มกราคม 2551
Last Update : 19 มกราคม 2551 8:39:03 น. 1 comments
Counter : 577 Pageviews.

 


โดย: dogamania วันที่: 19 มกราคม 2551 เวลา:9:27:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Destinyhurtsme
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add Destinyhurtsme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.