OUR LIFE IS SIMPLY A REFLECTION OF OUR ACTIONS. IF YOU WANT MORE LOVE IN THE WORLD, CREATE MORE LOVE IN YOUR HEART!!
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
11 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
"เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน…..ชีวิตในต่างแดน….สุขหรือเศร้า? (ภาค 5)





…..เดือนมิถุนายน ปี 1996
คุณด๋องได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัตหน้าที่เป็นเลขานุการเอก
ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ

เราเดินทางไปด้วยกัน 4 คนพ่อแม่ลูก
มีคุณด๋อง, ตัวฉัน, น้องแซนดี้ และน้องด๊อกเตอร์

กรีซเป็นประเทศ “ต้นกำเนิด” แห่งกีฬาโอลิมปิคตั้งแต่ปี ค.ศ. 1896
ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยุโรปและเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี 1981
มีประชากรทั้งประเทศประมาณ 10 ล้านคน
แยกเป็น 3 ล้านคนอาศัยอยู่ในกรุงเอเธนส์ซึ่งเป็นเมืองหลวง
คนกรีกมีอัธยาศัยดีและมีความ “อ่อนโยน” กว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ
พลเมืองของประเทศอื่น ๆ ในแถบยุโรปด้วยกัน

ตอนฉันอยู่ที่นั่นยังใช้สกุลเงินเป็นดรักม่าซึ่งมีอัตราที่ประมาณ
10 ดรักม่าเท่ากับ 1 บาท
น่าเสียดายที่ฉันกลับมาได้ 1-2 ปีจึงได้เปลี่ยนสกุลเงินเป็นเงินยูโร
ไม่งั้นป่านนี้รวยแล้ว!

ภูมิอากาศของประเทศกรีซเป็นแบบเมริเตอเรเนียน
อากาศเย็นสบายถึงหนาวมากในหน้าหนาว
และมีหิมะตกโดยเฉพาะบริเวณยอดเขา
ซึ่งสามารถนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปเล่นหิมะ
หรือปั้น Snow Man เหมือนกับที่เราปั้นภูเขาบนชายหาดได้

เนื่องจากกรีซถูกล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเล
จึงมีวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติที่สวยงามชวนให้หลงใหล..

ประเทศกรีซเหมือนติดแอร์เย็นถึงหนาวมากทั้งประเทศ
ซึ่งเป็นการเปรียบเปรยของพวกเราที่ไปอยู่ที่นั่น
เพราะในหน้าหนาวจะหนาวและเย็นสบายเหมือนติดแอร์นั่นเอง
แต่ในหน้าร้อนอากาศจะร้อนจัดไม่แพ้บ้านเราในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ทีเดียว

กรีซมีสถานบันเทิงและสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
มีอาหารอร่อยซึ่งมีหลายอย่างที่ฉันและคุณด๋องโปรดปรานเป็นพิเศษ
เช่นสลัดต่าง ๆ ที่ใช้น้ำมันมะกอกผสมน้ำส้มสายชูเจือจางเป็นน้ำสลัด
โดยมีไก่ย่างเป็นกับแกล้ม
ไก่ย่างที่ว่ามีลักษณะคล้ายไก่บ้านที่ย่างจนแห้งบนเตาถ่านที่กลบด้วยขี้เถ้า
ทำให้ไม่ค่อยเกิดรอยไหม้
ส่วนเนื้อไก่ก็ปรุงได้รสกลิ่นหอมกรุ่น “อร่อยเหาะ” อย่าบอกใครเลย..

ชื่อร้านไก่ย่างประมาณว่า Big Boy หรือ Jumbo Boy นี่แหละ
แต่ร้านจะเปิดใกล้เที่ยงเนื่องจากการย่างใช้เวลามาก
ฉันเห็นเขาใช้เตาถ่านขนาดใหญ่กว้างยาวถึง 50x200 ซม.
ย่างได้ครั้งละหลาย ๆ สิบตัวทีเดี่ยว
ถ้ามีโอกาสกลับไปเที่ยวอีกจะต้องไปหาซื้อกินให้ได้อีกสักครั้ง
และอยากจะซื้อ “แช่แข็ง” กลับมาฝากเพื่อน ๆ ให้ลองชิมด้วยจัง!!

ส่วนน้ำมันมะกอกที่ใช้ผสมกับสลัดนั้น
เป็นที่นิยมบริโภคของชาวกรีกและผู้คนแถบทะเลเมริเตอเรเนียน
จึงทำให้ประชากรในแถบนี้มีสุขภาพแข็งแรงและมี “อายุยืน” กว่าที่อื่น ๆ

ที่นี่เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งด้วยเช่นกัน
มีทั้งไวน์ขาวไวน์แดงตั้งแต่ราคาไม่สูงมากไปจนถึงไวน์ชั้นดีราคาแพง
เคยมีนักร้องดังของเมืองไทยมาซื้อไวน์จากที่นี่กลับไปขายเมืองไทยด้วย
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นคุณติ๊กชีโร่?

คุณด๋องจะซื้อไวน์แดงมาดื่มเป็นประจำเพราะราคาไม่แพงมาก
ราคาขวดละไม่ถึงร้อยบาทจนถึงร้อยบาทเศษ ๆ
เขาว่ากันว่าดื่มไวน์ “วันละแก้ว” เป็นประจำจะทำให้หัวใจแข็งแรง
ฉันพยายามจะฝึกดื่มเพราะอยากจะมีจิตใจที่เข้มแข็งเหมือนกัน…
Oops! ไม่เกี่ยวกันนี่นา..!

แต่ดื่มได้ไม่เกินครึ่งแก้วก็จะเกิดอาการมึนและเมาหัวทิ่มบ่อ
จึงไม่ค่อยได้ดื่มและรู้สึกเสียดายโอกาส
ที่ไม่สามารถบริโภคไวน์ในแหล่งผลิตที่มีราคาถูกเช่นนี้ได้

ค่าครองชีพที่นี่สูงเมื่อเทียบกับประเทศซาอุฯ
แต่ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศข้างเคียงในยุโรปเช่นอิตาลีหรืออังกฤษ
ที่ฉันเคยสัมผัสตอนหนีเที่ยวในระหว่างอยู่ที่นี่
จะแตกต่างกันค่อนข้างมากและถือว่าที่นี่ถูกกว่ามาก

อพาร์ตเม้นท์ที่เราเช่าอยู่เป็นขนาด 3 ห้องนอนและ 1 ห้องรับแขก
ซึ่งแน่นอนไม่ได้แยกห้องรับแขกชาย-หญิงเหมือนที่ซาอุฯ
และอยู่ใกล้สถานทูตที่ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที

ชีวิตความเป็นอยู่ของนักการทูตในประเทศนี้
แตกต่างกับซาอุดิอาระเบียโดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้เนื่องจากกรีซมีสถานบันเทิงและแหล่งท่องเที่ยวมากมาย
มีโบราณสถานและพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญ ๆ ในประวัติศาสตร์จำนวนมาก
และที่สำคัญมีความเป็นอิสระและเสรีภาพเหมือนประเทศตะวันตกทั่วไป

ด้วยเหตุนี้นักการทูตต่าง ๆ ที่อยู่ในประเทศกรีซ
จึงไม่มีความจำเป็นต้องมารวมตัวกันเพื่อพบปะสังสรรค์
และทำกิจกรรมร่วมกันเหมือนเช่นที่ทำกันในซาอุฯ

เพราะลำพังโบราณสถานต่าง ๆ และแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามทั่วประเทศ
ที่คอยคิวให้ไปเยี่ยมชมและพักผ่อนหย่อนใจ
ก็ทำให้มีโปรแกรมสำหรับแต่ละวันหยุดสุดสัปดาห์เต็มเหยียด
จนไม่มีเวลาทำกิจกรรมอื่น ๆ เหมือนกับที่เคยทำที่ซาอุฯ แล้ว

ยิ่งถ้าเป็นกิจกรรมสำหรับภรรยานักการทูตเหมือนเช่นที่มีในซาอุฯ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่มีความจำเป็นและไม่มีใครอยากจะทำกัน
ทำให้ฉันมีเวลาในการ “ดูแล” น้องแซนดี้และน้องด๊อกเตอร์ได้เต็มที่….



เป็นที่น่าสังเกตว่านักการทูตไทยส่วนใหญ่จะมีบุตรเพียงคนเดียว
เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงในต่างประเทศ
และบุตรที่ติดตามผู้ปกครองที่เป็นนักการทูตไปด้วย
จำเป็นต้องเข้าเรียนในโรงเรียนในประเทศนั้น ๆ
ซึ่งทางกระทรวงฯ จะช่วยเหลือค่าเรียนเพียงครึ่งหนึ่ง
อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือต้องรับผิดชอบเองจึงเป็นภาระที่หนักมาก
สำหรับข้าราชการที่เงินเดือนน้อย

ถึงแม้ว่าระหว่างที่ประจำการอยู่ต่างประเทศจะได้รับเงินเดือน
เป็น US$ โดยคู่สมรสจะได้รับเงินเพิ่มพิเศษอีก 30%
ของเงินเดือนของข้าราชการและบุตรจะได้รับอีกคนละ 5%
ทั้งนี้จำนวนบุตรต้องไม่เกิน 3 คน
ถ้าเกินจะไม่ได้รับเงินพิเศษสำหรับคนต่อไป

ในกรณีของคุณด๋องซึ่งมีฉันและลูกอีก 2 คนติดตามไปด้วย
จะได้เงินพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 40%
เช่นสมมุติได้เงินเดือน ๆ ละ US$ 1,000 + 40% = 1,400.-
แต่ถ้าเป็นข้าราชการที่ไม่ได้มีคู่สมรสและบุตรติดตามไปด้วย
ก็จะได้เฉพาะเงินเดือนของตนเองเท่านั้น

ในยามที่กลับมาเมืองไทยบรรดาบุตรข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ
มีความจำเป็นต้องเข้ามาศึกษาต่อในโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย
เพื่อให้สามารถมีพื้นฐานความรู้ภาษาอังกฤษที่ดี
จึงจะสามารถติดตามผู้ปกครองที่เป็นนักการทูต
ไปเรียนต่อต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง

แต่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในเมืองไทยและบุตรต้องกลับมา
เรียนหนังสือในโรงเรียนนานาชาติภายในประเทศ
กระทรวงต่างประเทศไม่ได้ช่วยค่าเรียนครึ่งหนึ่ง
เหมือนเช่นที่ทำขณะเรียนในต่างประเทศ

นั่นก็หมายความว่าจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเรียนเองทั้งหมด
และเมื่อกลับมาประเทศไทยเงินเดือนที่ได้รับจะน้อย
ซึ่งเทียบเท่ากับข้าราชการในกระทรวงอื่น ๆ
จึงเป็นเหตุผลที่ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศจะมีบุตรไม่มาก
โดยส่วนใหญ่จะมีเพียง 1-2 คนเท่านั้น

ตอนมาถึงกรีซใหม่ ๆ น้องแซนดี้อายุยังไม่เต็ม 4 ขวบ
แต่โชคดีที่ระเบียบของโรงเรียนกำหนดว่า
จะต้องเกิดหลังเดือนส.ค. หรือก่อนปลายเดือนธ.ค.
จึงจะมีสิทธิ์เข้าเรียนในภาคการศึกษานั้น ๆ

พอดีน้องแซนดี้เกิดเดือนตุลาคมจึงมีสิทธิ์เข้าเรียนในปีนั้นเลย
ทำให้เรียนเร็วกว่าเด็กส่วนใหญ่ถึง 1 ปี
โดยได้เข้าเรียนชั้นเตรียมอนุบาลในโรงเรียนนานาชาติของอเมริกันชื่อ
American Community School (ACS), Athens
ส่วนน้องด๊อกเตอร์มีอายุเพียง 2 ขวบครึ่งจึงยังไม่ได้เข้าเรียน

ค่าเล่าเรียนที่นี่คิดเป็นเงินหลายพันเหรียญสำหรับชั้นเตรียมอนุบาล/อนุบาล
จนถึงหมื่นกว่าเหรียญต่อปีสำหรับเกรด 1 ขึ้นไป
ถึงแม้กระทรวงฯ จะช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง
ส่วนที่ต้องจ่ายเองก็ยังเป็นจำนวนเงินที่สูงมากสำหรับข้าราชการ
เราจึงต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังและประหยัดเท่าที่จะทำได้

จำได้ว่าตอนเข้าเรียนใหม่ ๆ น้องแซนดี้ “เครียดมาก” จนปัสสาวะราด
เพราะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษกับเพื่อน ๆ และคุณครูไม่ได้
แต่เด็ก ๆ จะเรียนรู้ได้เร็วกว่าผู้ใหญ่
เพราะเข้าไปเรียนได้ไม่กี่เดือนก็สามารถสื่อสารกันได้แล้ว

ตอนนั้นเป็นช่วงที่หนัง Titanic เข้าไปฉายในกรีซ
เราพ่อแม่ลูกได้ไปดูหนังเรื่องนี้ด้วย
กลับจากดูหนังฉันยัง “รู้สึกอิน” คิดว่าตัวเองเป็น “Rose”
ขนาดต้องนำเพลง “My Heart Will Go On” มาฝึกร้อง
ซึ่งน้องแซนดี้ได้ฟังคุณแม่ร้องเพลงนี้ทุกวัน ๆ ละ หลายรอบจนจำได้ขึ้นใจ
และสามารถร้องตามได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
โดยที่ยังอ่านเนื้อร้องไม่ได้…

มีอีกเพลงหนึ่งที่น้องแซนดี้ได้ฟังคุณแม่เปิดเทปฟังเป็นสิบ ๆ รอบ
และร้องตามได้เหมือนกันคือเพลง “Candle In The Wind”
ซึ่งฮอตฮิตและดังกระหึ่มในช่วงที่ “เจ้าหญิงไดอาน่า” สิ้นพระชนม์ใหม่ ๆ

เห็นแววน้องแซนดี้ตั้งแต่เด็กคิดว่าจะได้ส่งเข้าประกวด AF5
กับเขาสักหน่อย…
แต่พอโตเป็นสาวแล้ว “เลือดศิลปิน” หายไปไหนหมดก็ไม่รู้
ไม่งั้นคงได้เป็นคุณแม่ของหนึ่งในนักร้อง AF ดังระเบิดไปแล้ว!

พอไปอยู่เอเธนส์ได้เพียงครึ่งปีและในเดือนธันวาคมช่วงวันพ่อ
น้องรองและน้องเล็กได้ “ขน” ญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ ของฉัน
รวม “หนึ่งโหล” มาเยี่ยมพวกเราถึงที่นี่
ตอนนั้นฉันกำลังตั้งครรภ์ “บุตรคนที่ 3” ได้ประมาณ 4 เดือน
(คงคิดว่ามีบุตรแค่ 2 คนล่ะซิ…แล้วจะมีคนที่ 4 โผล่มาอีกไหมเนี่ย?)

น้องรองและน้องเล็กกลัวว่าฉันจะ “ลำบาก” ที่ต้องดูแล
ทั้งน้องแซนดี้จอมซ่าส์และน้องด๊อกเตอร์จอมซนขณะตั้งครรภ์
และต้องทำงานบ้านเองทุกอย่างไม่เหมือนตอนอยู่เมืองไทย
จึงตกลงกันว่าจะพาน้องด๊อกเตอร์กลับไปช่วยเลี้ยงดูที่เมืองไทย
จนกว่าฉันจะคลอดบุตรคนที่ 3 แล้วจึงค่อยนำน้องด๊อกเตอร์
กลับมาเรียนต่อตอนอายุได้เกณฑ์เรียนตอน 4 ขวบ

ทันทีที่น้องรองและน้องเล็กของฉันพาน้องด๊อกเตอร์กลับเมืองไทยไปแล้ว
ฉันและคุณด๋องก็วางแผน “หนีเที่ยว” ตอนคริสมาสที่อังกฤษทันที
ซึ่งเป็นแผนการที่คุณด๋องตั้งไว้แต่ไหนแต่ไรมาแล้วว่า
หากไปประจำการในต่างประเทศแถบใด
เราจะเก็บเกี่ยวด้วยการเที่ยวประเทศข้างเคียงเหมือนกับที่เคยทำตอนอยู่ซาอุฯ

ซึ่งตอนนั้นเราได้ไปเที่ยวประเทศในแถบตะวันออกกลางหลายประเทศ
รวมทั้งอียิปต์ ตุรกี กาตาร์ บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรทส์
แต่ฉันไม่ได้ไปประเทศซีเรีย จอร์แดน เลบานอน คูเวตกับคุณด๋องด้วย
เพราะตอนนั้นเขาไปปฏิบัติราชการไม่ได้ไปเที่ยวเองส่วนตัว

“การแพทย์” ที่กรีซไม่เหมือนกับที่ซาอุดิอาระเบีย
เพราะฉันไปฝากครรภ์กับคุณหมอที่ “คลินิค” ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้
ตามที่เพื่อนข้าราชการที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเป็นผู้แนะนำ
แต่พอถึงเวลาที่จะต้องคลอดจริง ๆ
ก็จะต้องไปคลอดที่ “โรงพยาบาล” อีกแห่งหนึ่ง

ฉันประทับใจกับการดูแลของหมอชาวกรีกท่านนี้มาก
เพราะเขามีการดูแลและให้คำแนะนำและมีเวลาให้คนไข้
ด้วยการให้คำปรึกษาและตอบคำถามต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะในช่วงที่คุณหมอเห็นว่าน้ำหนักฉันกำลังขึ้น
คุณหมอจะไม่แนะนำให้รับประทานอาหารประเภทแป้ง
เช่นเส้นสปาเก็ตตี้หรือพิซซ่ามากเกินไป
แต่สามารถกินก้อน “เนื้อ” เป็นชิ้นโต ๆ ได้
และให้เน้นหนักอาหารประเภทเนื้อ นม ไข่
ปลา ผัก และผลไม้ต่าง ๆ เป็นพิเศษ

ในระหว่างนั้นฉันก็ได้ไปพบหมอที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกัน
เนื่องจากเมื่อหมอที่คลีนิคจ่ายยาโดยใบสั่งแล้ว
ต้องนำใบสั่งยานี้ไปซื้อยาที่โรงพยาบาลหรือร้านขายยา

ปรากฏว่าฉันค่อนข้างมีปัญหาในการ “สื่อสาร”
เพราะที่นี่ทั้งหมอและพยาบาลเป็นคนพื้นเมืองที่ไม่สื่อสารภาษาอังกฤษเลย
ทำให้ฉันเกิดความ “กังวล” ว่าหากต้องมาคลอดบุตรที่นี่
แล้วคุยกับหมอและพยาบาลไม่รู้เรื่องฉันจะทำอย่างไร

และอีกประการที่สำคัญในช่วง “อยู่เดือน” ใครจะช่วยดูแลน้องแซนดี้
ที่กำลังเรียนและอยู่ในวัยซุกซนสมปีเกิดได้
ฉันจึงปรึกษาคุณด๋องว่าฉันจะกลับไปคลอดบุตรที่เมืองไทย
และขอให้คุณย่าหรือคุณแม่ของคุณด๋องมาช่วยดูแลน้องแซนดี้
เหมือนกับที่คุณแม่เคยไปดูแลน้องแซนดี้ที่ซาอุฯ
ในระหว่างที่ฉันอยู่เดือนตอนคลอดน้องด๊อกเตอร์เช่นกัน

เมื่อทุกอย่าง “ลงตัว” ฉันจึงบินกลับเมืองไทยตอนอายุครรภ์ 7 เดือน
ซึ่งเป็นระยะที่แพทย์ยังสามารถออก “หนังสือรับรอง” ว่าให้ขึ้นเครื่องได้
โดยคนท้องและเด็กจะต้องมีสุขภาพดีและจะไม่คลอด “บนเครื่อง” แน่นอน

เมื่อกลับถึงเมืองไทยฉันได้ไปฝากครรภ์ที่
โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนซึ่งอยู่ใกล้บ้าน
หมอกำหนดระยะเวลาคลอดในเดือนพฤษภาคม
ฉันลุ้นให้คลอดในวันกรรมกรจะได้ตั้งชื่อเล่นว่า “น้องกร”

ช่วงก่อนคลอดไม่กี่วันมักจะมีข่าวคนตั้งครรภ์คลอดลูก
แบบแปลก ๆ ทางหน้าหนังสือพิมพ์ติดต่อกันหลายราย
เช่นกำลังนั่งรถเข็นเข้าโรงพยาบาลเด็กก็หล่นตุ๊บออกจากช่องคลอด
หรือคุณแม่เข้าห้องน้ำแล้วเด็กหล่นไปในโถส้วมเป็นต้น

ตอนนั้นฉันพักอยู่ชั้น 5 ที่บ้านตรงถนนสีลม
คืนก่อนคลอดเพื่อนสนิทคนที่บอกว่าเกิดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
และเป็นพี่น้องบุญธรรมกันไปแล้วนั้น
ได้มาเยี่ยมฉันและเราเม้าท์กันจนถึง 4 ทุ่ม

หลังจากเธอและสามีกลับไปแล้วฉันจึงเข้าห้องน้ำ
ปรากฏว่ามี “เลือดไหล” ออกเป็นทางและหยดใส่พื้นจนฉันตกใจ
เพราะต่างกับ 2 ท้องแรกโดยสิ้นเชิงซึ่งมีแค่เส้นเลือดบาง ๆ

ฉันรีบแจ้งน้องรองและน้องเล็กให้พาฉันเข้าโรงพยาบาลคืนนั้นเลย
ระหว่างลงบันไดมาชั้นล่างฉันนึกถึงข่าว
และกลัวลูกในท้องจะ “หล่น” ตรงบันไดเช่นเดียวกัน
จึงรู้สึกกลัวจนเกือบจะเป็นลมตั้งแต่ก่อนขึ้นรถ
แต่ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาที
ก็ไปถึงโรงพยาบาลตอนประมาณใกล้เที่ยงคืน

ฉันมารู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งตอนคลอดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
หมอบอกเห็นว่าความดันของฉันขึ้นสูงมาก
เกรงว่าจะเป็นอันตรายจึง “น็อค”ฉันด้วยยา

ฉันจึง “ไม่รู้สึกตัว” ในระหว่างคลอดและแอบเคืองหมอเล็กน้อย
เพราะฉันอยากจะ “สัมผัส” ความรู้สึกระหว่างคลอดอีกครั้งหนึ่ง
เหมือนกับที่ฉันรู้สึกตัวตลอดเวลาตอนคลอดน้องแซนดี้และน้องด๊อกเตอร์

ตอนแรกตั้งใจจะตั้งชื่อลูกคนเล็กนี้ว่า “น้องฉัตร” ตามวันที่เกิด
แต่เผอิญเพิ่งมีเพื่อนข้าราชการที่ชื่อเดียวกันนี้เสียชีวิต
ก็เลยเปลี่ยนใจไม่ใช้ชื่อนี้และได้ตั้งชื่อให้เป็น
“น้องพอล” (โตขึ้นท่าทางจะมีแววหล่อแบบพอล-ภัทรพล!!)
น้องพอลเกิดตอนเช้าด้วยน้ำหนักตัว 3,500 กรัม…

จึงเท่ากับว่าน้องพอล made in Greece but born in Thailand
นี่ถ้า Born in Greece ด้วยก็คงได้ตั้งชื่อให้เป็น น้อง Athens ไปแล้ว
ส่วนน้องแซนดี้และน้องด๊อกเตอร์ made and born in Saudi Arabia
ในใบแจ้งเกิดหรือ “สูจิบัตร” จึงบันทึกไว้ว่าทั้งคู่เกิดที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย

อืมมม…โตขึ้นเวลาเดินทางไปไหนมาไหนใน passport
ก็จะระบุว่าเกิดในประเทศซาอุดิอาระเบียเช่นกัน
เขาทั้งสองจะตกเป็นเป้าถูก “จับตามอง” เป็นพิเศษ
ในระหว่างการเดินทางสัญจรไปมาในที่ต่าง ๆ หรือไม่หนอ?

พอน้องพอลอายุครบ 1 เดือนซึ่งเท่ากับฉันมาอยู่เมืองไทย 3 เดือน
จึงต้องรีบพาน้องพอลกลับไปประเทศกรีซเพื่อไม่ให้เกินเวลา
ที่ทางกระทรวงฯ กำหนดว่าไม่ให้กลับเมืองไทยเกินกว่าปีละ 3 เดือน

หลังจากคุณแม่คุณด๋องกลับเมืองไทยแล้ว
ตอนสิ้นปีในเดือนธันวาคมเราจัดโปรแกรม “หนีเที่ยว” กันอีก
คราวนี้ไปอิตาลีพร้อมกัน 4 คนพ่อแม่ลูกคือน้องแซนดี้และน้องพอล

ฉันได้ถือโอกาสบันทึกข้อมูลจากการหนีเที่ยวบ่อย ๆ
ลงใน Resume ด้วยการระบุชื่อประเทศที่ไปเที่ยวมาแล้วทั้งหมด
ซึ่งประกอบด้วย
1. Japan (3 visits)
2. Korea
3. Taiwan
4. Hong Kong (2 visits)
5. Saudi Arabia (stayed 4 years)
6. Singapore (2 visits)
7. Turkey
8. Qatar
9. United Arab Emirates (U.A.E.)
10. Bahrain (several times)
11. Egypt
12. Greece (Stayed 2 ½ years)
13. England
14. Italy
15. USA
16. Canada
ใครว่าข้อมูลแบบนี้ไม่จำเป็นและไม่มีประโยชน์?
แต่สำหรับฉันแล้วมองว่าเป็นโอกาสที่ทำให้นายจ้างพิจารณาว่า
ฉันได้ “Go Inter” ถึงแม้จะเป็นแค่การ “หนีเที่ยว” ก็ตาม…

ฉันเลี้ยงน้องพอลได้จนอายุประมาณ 10 เดือนก็ถึงเวลาที่จะต้อง
กลับไปรับน้องด๊อกเตอร์กลับมาเรียนที่ประเทศกรีซแล้ว

น้องรองและน้องเล็กเริ่มรู้สึกว่าการที่มี “เด็กเล็ก ๆ” อยู่ในบ้าน
ช่วยสร้าง “ความสุข” ให้กับสมาชิกในครอบครัวเป็นอย่างมาก
จึงขอให้ฉันเอาน้องพอลไป “แลก” กับน้องด๊อกเตอร์
โดยให้น้องพอลอยู่เมืองไทยแทนเมื่อพาน้องด๊อกเตอร์กลับไปกรีซแล้ว

ที่จริงอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องส่งน้องพอลกลับเมืองไทย
เพราะญาติ ๆ ทางเมืองไทยกลัวว่าฉันจะดูแลลูกเล็ก ๆ
พร้อมกันทีเดียวทั้ง 3 คนโดยไม่มีผู้ช่วยไม่ไหว
ที่จริงฉันสามารถนำผู้ช่วยติดตามมาได้ด้วยถึง 2 คนตามระเบียบราชการ
แต่ฉันต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่าจึงยอมทำงานทุกอย่างด้วยตนเอง

ทันทีที่โรงเรียนของน้องแซนดี้ปิดภาคฤดูร้อน 2 เดือน
ฉันจึงรีบพาน้องพอลบินกลับเมืองไทยพร้อมน้องแซนดี้
เพื่อรับน้องด๊อกเตอร์กลับมาเรียนที่เอเธนส์เพราะอายุครบ 4 ขวบแล้ว
และปล่อยให้คุณด๋องอยู่ที่บ้านลำพังเพียงคนเดียวนานนับ 2 เดือน
เท่ากับตลอดช่วงเวลาที่น้องแซนดี้หยุดภาคฤดูร้อน….

…..ฉันบินกลับประเทศกรีซอีกครั้งพร้อมกับน้องแซนดี้และน้องด๊อกเตอร์
เพื่อให้ทันเข้าเรียนในภาคการศึกษาใหม่ในเดือนกันยายน 1998
น้องแซนดี้ขึ้นเกรด 1 ส่วนน้องด๊อกเตอร์เริ่มเข้าชั้นเตรียมอนุบาล
ที่ American Community School เช่นเดียวกัน

ชีวิตคู่ของฉันกับคุณด๋องในระหว่างนี้ดูเหมือนจะพัฒนาดีขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งอาจจะแปลกและตรงกันข้ามกับชีวิตคู่ของหลาย ๆ คู่
ที่พออยู่กันไปนาน ๆ ความรักอาจจะเริ่มจืดจาง
กลายเป็นความเคยชินแล้วอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนมากกว่า

แต่ชีวิตคู่ของฉันมีการเริ่มต้นที่ไม่ค่อยจะราบรื่นตั้งแต่ตอนคบกันใหม่ ๆ
แต่กลับพัฒนากลายเป็น “ความรักความเข้าใจ” ในช่วงหลายปีหลัง
ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเราค่อย ๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ

ฉันมารู้ตัวทีหลังว่าปัญหาชีวิตคู่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก
เกิดจาก “ความผิด” ของฉันเองทั้งสิ้น
ความจองหองถือดีและมีทิฐิทำให้ฉันไม่เคยยอมอ่อนข้อให้เขาเลย
ทั้ง ๆ ที่เขาปฏิบัติตนดีกับฉันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ให้เกียรติและตามใจทุกอย่างสารพัด

แต่ชีวิตของคนเราเหมือนถูกพรหมลิขิตขีดเส้นทาง
และกำหนดการดำเนินชีวิตเอาไว้เรียบร้อยแล้ว…

หลังจากพาน้องแซนดี้และน้องด๊อกเตอร์กลับมาเรียนต่อที่กรีซ
ได้เพียง 40 วัน…รวมเวลาที่อยู่กรีซทั้งสิ้นเพียง 2 ปีครึ่ง
ชีวิตฉันก็ถูกโถมซัดด้วย “คลื่นยักษ์” ลูกใหญ่เข้ามา
“ทำลาย” ความหวังและ “อนาคต” ของฉันจนหมดสิ้น!

วันนั้น….
วันที่เป็นเหตุให้ฉันต้องหอบหิ้วลูกน้อย 2 คนกลับเมืองไทย
ด้วยความปวดร้าวและด้วยจิตใจที่บอบช้ำ!

จู่ ๆ คุณด๋องก็เกิดเปลี่ยนใจและลุกขึ้นมาเปลี่ยนโปรแกรม
การ “shopping” ซื้อข้าวของเครื่องใช้และเสบียงอาหาร
ประจำสัปดาห์ของฉันที่ปกติเรามักจะทำกันทุกวันเสาร์
แต่วันนั้นอยู่ ๆ เขาขอเปลี่ยนเป็นเย็นวันศุกร์แทน
เพื่อจะได้ไป “ดำน้ำ” ดูประการังในวันเสาร์
แทนวันอาทิตย์ที่เรามักทำกันเป็นปกติ…..

การเปลี่ยนแปลงโปรแกรมที่ฉันเคยชินมานานอย่างกระทันหันเช่นนี้
ทำให้ฉันรู้สึกเคืองและไม่ค่อย “สบอารมณ์” เท่าไร
เพราะฉันไม่ค่อยชอบอะไรที่ Surprise
ฉันชอบการ “นัดหมาย” และการวางแผน
ที่รู้ล่วงหน้าที่ฉันสามารถเตรียมการได้

แต่เพื่อความสุขของเขาฉันจำต้อง “ยอม” โดยไม่ได้ขัด
และแอบเก็บความรู้สึกไม่สบอารมณ์ไว้ในใจ

เนื่องจากคุณด๋องจะ “หลงใหล” ได้ปลื้ม
กับความสวยงามของทะเลในประเทศกรีซเป็นที่สุด
ทุกวันอาทิตย์เราจึงมักจะไปเที่ยวทะเล
โดยการเตรียมอาหารไป “ปิคนิค” กันบนชายหาด
บางครั้งก็ชวนกันไปพร้อมกับเพื่อนข้าราชการหลายครอบครัว
บางครั้งถ้าเพื่อน ๆ ไม่ว่างก็จะไปกันเองโดยลำพัง…

ชายหาดส่วนใหญ่ในกรีซไม่สวยเหมือนพัทยาหรือชะอำที่เมืองไทย
อาจจะเป็นเพราะที่นี่ทะเลจะลึกและมีทรายน้อย
แต่ความลึกของทะเลทำให้สามารถมองเห็นน้ำใสสีครามสวยงาม

คุณด๋องชอบดำน้ำดูความงามของ “ประการัง” มาก
ดังนั้นทุกครั้งที่ไปทะเลก็หมายถึงการไปดำน้ำนั่นเอง
น่าเสียดายที่ฉันว่ายน้ำไม่เป็น
จึงไม่มีโอกาสได้สัมผัสความสวยงามธรรมชาติเหมือนคุณด๋อง

เวลาไปทะเลฉันและลูก ๆ จึงได้แต่นั่งตักทรายมาปั้นเป็นภูเขา
และเล่นกันบนชายหาดที่ไม่ค่อยจะมีทรายมากหรือสวยงามเท่าไร

เช้าวันนั้นนอกจากการเตรียมอาหารเช้าให้คุณด๋องและลูก ๆ แล้ว
ฉันก็ต้องเตรียมอาหารสำหรับใส่ปิ่นโตสำหรับการไปปิคนิคที่ทะเลด้วย
คุณด๋องบอกว่าช่วงที่คอยฉันเตรียมอาหารเขาขอตัว
เพื่อแวะเข้าไป “ดูงาน” ในสถานทูตว่ามีโทรเลขด่วนจากเมืองไทย
เข้ามาให้ดำเนินการหรือไม่เช่นที่เคยทำเป็นปกติ

แต่ครั้งนี้ฉันรู้สึก “หงุดหงิด” ไม่อยากให้เขาไป
เพราะเกรงว่าเขาจะกลับมาช้าทำให้ยิ่งเสียเวลา
แต่ก็ต้องจำนนท์ด้วยเหตุผลของเขาที่ว่า
เขา “ลืมปิ่นโต” อาหารไว้ที่สถานทูตฯ

เมื่อเขากลับมาจากสถานทูตฯ พร้อมปิ่นโตแล้ว
ฉันก็เตรียมเสบียงต่าง ๆ จนครบเรียบร้อย
แล้วเราก็ออกจากบ้านมุ่งหน้าตรงไปยังชายหาด

รอบนอกกรุงเอเธนส์จะรายล้อมด้วยชายหาดหลายจุดตลอดสาย
เมื่อไปถึงจุดแรกที่เขาได้ขับรถไปถึง
ฉันบอกไม่เอาที่นี่เพราะรู้สึก “เปลี่ยว” ไม่มีคนแม้แต่คนเดียว
เขาทำท่า “ลังเล” แต่ก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังจุดอื่น ๆ ตามที่ฉันขอ
และพยายามขับรถวนไปเรื่อย ๆ เพื่อหาหาดที่ดูดีมีคนอยู่บ้าง

ขับรถวนอยู่นานร่วมครึ่งชั่วโมงก็ไม่พบหาดที่ “ถูกใจ”
แถมยังวนกลับมา “ที่เดิม” ซึ่งเป็นจุดแรกที่ได้แวะไปแล้วในตอนต้น
แต่คราวนี้เห็นมีผู้ชายชาวกรีกคนหนึ่งนอนอาบแดดอยู่แล้ว
และขณะเดียวกันนั้นก็มีรถอีกคันหนึ่งกำลังขับตามมา

คุณด๋องจึงพูดว่า “นั่นไง…ไม่เปลี่ยวแล้ว…เรามีเพื่อนแล้ว!”
ฉันเห็นว่าเริ่ม “สายมาก” แล้วและไม่อยากเสียอารมณ์ไปมากกว่านี้
จึงไม่อยากขัดเขาอีกเขาจึงขับรถเข้าไปจอดข้าง ๆ ชายหาด

เมื่อจอดรถแล้วทั้ง “คุณพ่อ” และลูก ๆ ต่างกระดี๋กระด๋าเหมือนกระดี่ได้น้ำ
ในขณะที่ฉันพยายาม “เก็บอาการ” ไม่สบอารมณ์ไว้
พลางเอาสัมภาระต่าง ๆ ออกมาจัดรวมทั้งการปูเสื่อ
และให้คุณด๋องช่วยปักร่มผ้าใบขนาดใหญ่สำหรับกันแดดให้ลูก ๆ

จากนั้นก็เอาสำรับอาหารกลางวันในปิ่นโตออกมาเตรียมกินกัน
วันนั้นฉันทำไข่เจียวทรงเครื่องและหมูทอดให้น้องแซนดี้และน้องด๊อกเตอร์
และเพิ่มพิเศษสำหรับคุณด๋องและตัวฉันเองเป็นหมูผัดพริกขิงถั่วฝักยาว

ก่อนกินอาหารฉันยังไม่สามารถเก็บอาการ “เซ็ง”
และไม่สบอารณ์ตั้งแต่ต้นที่ถูกเปลี่ยนโปรแกรมกระทันหัน
แม้จะพยายามเก็บความรู้สึกแต่อาการที่แสดงออกทางสีหน้า
ซ่อนได้ไม่หมดจนคุณด๋องสังเกตเห็นและ “รู้สึก” …..!!


โปรดติตาม “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอนต่อไป…..

*******************************************************
**********D E S T I N Y H U R T S M E!!!**********
(ตอนจบที่จะเฉลยทุกคำตอบที่ยังเป็นปริศนาในวัน Valentine’s?)
*******************************************************

เป็นตอนที่ฉันหอบลูกน้อย 2 คนกลับเมืองไทย
3 วันหลังเหตุการณ์ที่ไปทะเลในวันนั้น!!

ทันทีที่ถูกคลื่นยักษ์จากประเทศกรีซซัดฉันกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว
ฉันได้เขียนบันทึก “ความในใจ” ทั้งหมดของฉันให้คุณด๋อง….
เป็นบันทึกที่ยาวมาก….
ที่เขียนด้วย “น้ำตา” และความรู้สึกที่บอบช้ำและเจ็บปวด….

เป็นเหมือนจดหมาย “ฉบับแรก” และ “ฉบับสุดท้าย” ที่ฉันเขียนถึงเขา
ซึ่งเนื้อหาในบันทึกจะเฉลยปริศนาทุกอย่างที่ยังคลุมเครือ
เกี่ยวกับมรสุมที่เกิดขึ้นกับชีวิตคู่ของฉัน…

ฉันจะนำข้อความในบันทึกฉบับนั้นมาตีแผ่ให้ทุกท่าน
ได้อ่านกันในวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึงนี้
โดยจะไม่มีการตัดทิ้งข้อความใด ๆ จากต้นฉบับเลย….

โปรดติดตามได้ในวันวาเลนไทน์ที่ 14 ก.พ. นี้!


***คำถามพิเศษชิงรางวัล***

1. อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องหอบลูกน้อย 2 คนกลับมาเมืองไทย?
2. ข้อความในบันทึกที่ฉันเขียนถึงคุณด๋องมีใจความโดยย่อว่าอะไร?

ผู้โชคดีจะต้องเป็นผู้ที่ตอบคำถามถูกทั้งสองข้อเป็น “ท่านแรก”
ก่อนการออกอากาศตอน “Destiny Hurts Me!” เช้าวันที่ 14 ก.พ.

ผู้โชคดีตอบคำถามถูกทั้ง 2 ข้อจะได้รับรางวัลเป็นคูปองนวดแผนไทย
ที่ Health Land สาขาใดก็ได้จำนวน 2 ใบ (ใช้ได้ 1 ใบต่อหนึ่งท่าน ครั้งละ 2 ชั่วโมง)
(ผู้บริหาร Health land โปรดทราบ…ขอค่าโฆษณาด้วย!!)


กรณีที่ไม่มีผู้ตอบถูกสองข้อ
ท่านที่ตอบถูกต้องเพียงข้อใดข้อหนึ่งเป็น “ท่านแรก” (ของแต่ละข้อ)
(และต้องตอบก่อนที่ตอน “Destiny Hurts Me!” จะออกอากาศ)
จะได้รับรางวัลคูปองนวดแผนไทยเพียง 1 ใบต่อท่าน

คำตอบของท่านจะได้รับการเฉลยจากบันทึกของฉันถึงคุณด๋องในวันวาเลนไทน์
ให้ผู้ตอบคำถามถูกต้องทั้ง 2 ข้อท่านแรก หรือเพียงข้อใดข้อหนึ่งที่ตอบเข้ามาเป็นท่านแรก
แจ้งชื่อหรือรหัสหลังไมค์เพื่อรับบัตรนวดแผนไทยที่ Health Land สาขาถนนสาธรเหนือได้
หลังจากที่กระทู้ตอน “Destiny Hurts Me!” ออกอากาศแล้ว…..


ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว:

(1) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน.....วันที่ฉันถูกเลิกจ้าง!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6083075/B6083075.html

(2) “เลขาฯตัวแสบ!” ตอน.....แสร้งไปทำงานตามปกติ!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6085280/B6085280.html

(3) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....พบทนายความเรื่อง "การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม"
พร้อมกับการได้รับ "เงินชดเชย" เกือบแสน!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6095870/B6095870.html

(4) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....วันสัมภาษณ์กับ 12 วันก่อนถูกเลิกจ้าง!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6105777/B6105777.html

(5) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....ชีวิตหลังการตกงาน
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6110725/B6110725.html

(6) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้…! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 1
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6125583/B6125583.html

(7) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้…! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 2
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6131814/B6131814.html

(8) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... 4 เดือนระทึกกับช่วงทดลองงาน!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6136610/B6136610.html

(9) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 1)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6152716/B6152716.html

(10) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 2)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6159240/B6159240.html

(11) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 3)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6170648/B6170648.html

(12) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…การปกครองพนักงานแบบพ่อปกครองลูกในสไตล์ของ “เตี่ย”!!! (ภาค 1)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6174623/B6174623.html

(13) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…การปกครองพนักงานแบบพ่อปกครองลูกในสไตล์ของ “เตี่ย”!!! (ภาค 2)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6181617/B6181617.html

(14) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….กว่าจะเป็น “เลขาฯ ตัวแสบ!”
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2008/01/B6189644/B6189644.html

(15) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 1)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2008/01/B6202133/B6202133.html

(16) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 2)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2008/01/B6218284/B6218284.html

(17) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 3)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6224365/B6224365.html

(18) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….บังอาจทำธุรกิจส่วนตัว!!! (ภาค 1)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6236460/B6236460.html

(19) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….บังอาจทำธุรกิจส่วนตัว!!! (ภาค 2)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6245103/B6245103.html

(20) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 1)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6247789/B6247789.html

(21) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 2)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6255596/B6255596.html

(22) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 3)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6263517/B6263517.html

(23) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 4)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6280648/B6280648.html

(24) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน…..ชีวิตในต่างแดน….สุขหรือเศร้า? (ภาค 1)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6289483/B6289483.html

(25) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน…..ชีวิตในต่างแดน….สุขหรือเศร้า? (ภาค 2)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6300333/B6300333.html

(26) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน…..ชีวิตในต่างแดน….สุขหรือเศร้า? (ภาค 3)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6306792/B6306792.html

(27) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน…..ชีวิตในต่างแดน….สุขหรือเศร้า? (ภาค 4)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6313744/B6313744.html



***************************************************************************


*********ขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านและเพื่อน ๆ ทุกท่าน**********

ที่กรุณา Click เก็บเข้าคลังกระทู้ทุกครั้งหลังการอ่านจึงทำให้ยังมีข้อมูล
เก็บอยู่ในคลังกระทู้เก่าที่ท่านสามารถนำกลับมาอ่านและใช้ประโยชน์ได้อีก…


***กระทู้พิเศษหลังจากตอนจบ***

***********************************************
“20 คำถามกับเลขาฯ ตัวแสบ!”
***********************************************

เพื่อตอบแทนท่านผู้อ่านทุกท่านสำหรับแรงบันดาลใจ
และกำลังใจในการเขียนประสบการณ์ในครั้งนี้จนจบ
ผู้ตอบคำถามถูกต้องและได้คะแนนสูงสุดจะได้รับ

V
V
V

***********************************
***บัตรเชิญรับประทานอาหารเย็นกับ “เลขาฯ ตัวแสบ!”***
===== ณ ห้องอาหารในโรงแรมหรูบนถนนสีลม =====
***********************************

หรือเลือกรับบัตรกำนัลอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้

1. บัตรกำนัลซื้อหนังสือจาก Thailand Book Tower มูลค่า 1,000.- บาท
2. บัตรชมภาพยนตร์ในเครือ Major มูลค่า 1,000.- บาท
3. บัตรนวดแผนไทยที่ Health Land จำนวน 4 ใบ มูลค่า 1,200.- บาท

โปรดติดตามกระทู้พร้อมกติกาหลังตอนจบ…..

(คาดว่าจะ Post ได้ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551)



Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2551 8:03:32 น. 12 comments
Counter : 721 Pageviews.

 


โดย: นายแจม วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:03:38 น.  

 
I think I will not answer, but I will wait to hear your answer on Valentine day.


โดย: jiney6 (สวยตลอดกาล ) วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:59:40 น.  

 


โดย: wbj วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:43:14 น.  

 
เรื่องน่าติดตามมากค่ะ แต่เดาไม่ถูกจริงๆ
อ่ะ..อ่ะ..ทายไปว่า คุณด๋องเป็นเกย์ แอบอยู่นาน ความลับเพิ่งแตก 5555555
หุ..หุ..คิดไปได้..ก็ไม่รู้จะทายอะไรแล้วค่ะ ไม่มีมูลเหตุจูงใจ


โดย: แสนซน IP: 203.144.220.241 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:53:31 น.  

 
ติดตามอ่านอยู่นะคะ ถ้ามันเป็นเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ ถึงขนาดต้องหอบลูกกลับเมืองไทยจริงๆ ...ไม่เดาดีกว่า ขอรออ่านแล้วกัน


โดย: Tempurachan วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:34:53 น.  

 
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

Thank you all for the visits and comments!!

*************************************************

เรื่องน่าติดตามมากค่ะ แต่เดาไม่ถูกจริงๆ
อ่ะ..อ่ะ..ทายไปว่า คุณด๋องเป็นเกย์ แอบอยู่นาน ความลับเพิ่งแตก 5555555
หุ..หุ..คิดไปได้..ก็ไม่รู้จะทายอะไรแล้วค่ะ ไม่มีมูลเหตุจูงใจ



โดย: แสนซน IP: 203.144.220.241 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:53:31 น.


ได้นำคำตอบของคุณแสนซนไปแปะในกระทู้ให้เพื่อน ๆ อ่านด้วยเผื่อถูก...
คอยอ่านคำตอบในวันวาเลนไทน์นะ..


โดย: "เลขาฯ ตัวแสบ!" (Destinyhurtsme ) วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:26:51 น.  

 
พรุ่งนี้ต้องเตรียมผ้าซับน้ำตามั้ยค่ะ


โดย: Muay ja (Muay ja ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:24:32 น.  

 
ติดตามอ่านมานานแล้วค่ะ เพราะอยากทำงานเลขาฯ แต่ไม่รู้เป็นอะไร ทำได้ไม่กี่เดือน ก็ต้องลาออกทุ้กที แต่พอหางานกี่ที กี่ที ก็จะอยากเป็นเลขาฯ อยู่ร่ำไป

ขอโทษนะคะ ถ้าจะเดาว่าที่ต้องหนีกลับมา เพราะไม่มีคุณด๋องให้อยู่ร่วมชีวิตด้วยอีกแล้ว

ส่วนข้อความที่เขียนถึง ก็คือรำลึกถึงความดี ของสามีและพ่อที่ดีของลูกค่ะ

เดาอย่างนี้เพราะ คิดอย่างอื่นไม่ได้จริง ๆ ค่ะ คุณด๋องไม่น่าจะใช่คนเจ้าชู้เลย แม้แต่หาแฟนเอง ยังไม่เคยทำ

ไม่อยากทั้งตอบถูก หรือตอบผิดค่ะ เพราะไม่อยากให้มีเหตุการณ์ใด ๆ ไม่ดีเกิดขึ้นกับชีวิตคู่ของคุณเลยจริง ๆ

เสียใจด้วยนะคะ


โดย: for Family วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:37:04 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทายและเป็นกำลังใจ..


โดย: "เลขาฯ ตัวแสบ!" (Destinyhurtsme ) วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:24:51 น.  

 
ชอบมาก ๆ เลยคะ ติดตามอ่านอย่างกะสงครามนางฟ้าแนะคะ เขียนดีมากๆๆ ตอนใหม่มาเร็วๆ นะคะ อยากอ่านมากเลย นู่ว่าพี่น่าจะลองติดต่อสำนักพิมพ์ดูนะคะ แล้วเขียนอธิบายบางตอนเพิ่มเข้าไปอีกนิด พี่เล่าเรื่องได้น่าสนใจมากเลยคะ ไม่รู้ว่าเรียกพี่หรือว่าน้าอาป้าดีอะคะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะไม่ทราบอายุที่แท้จริง ขอบคุณสำหรับเรื่องราวประสบการ์ณชีวิตที่น่าสนใจอีกเรื่องนึง เป็นกำลังใจให้สำหรับตอนต่อไปคะ


โดย: mui IP: 220.245.178.141 วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:23:45:30 น.  

 
สวัสดีคุณ mui,
ขอบคุณสำหรับคำชมและกำลังใจ

ถ้ามีเวลาอาจจะลองปรับปรุงเรื่องใหม่และหากมีโรงพิมพ์สนใจก็จะยินดียิ่ง..


โดย: "เลขาฯ ตัวแสบ!" (Destinyhurtsme ) วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:15:54:09 น.  

 
ไม่รู้ว่าพลัดหลงเข้ามาได้ยังไงค่ะ แต่อ่านแล้ว อ่านเพลิน ไม่อยากละสายตาเลยค่ะ แต่ขอเบรคตรงนี้ก่อนค่ะ คืนนี้จะอ่านให้ครบทุกตอน ^^


โดย: Ratha IP: 125.25.50.138 วันที่: 20 เมษายน 2559 เวลา:15:39:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Destinyhurtsme
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add Destinyhurtsme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.