OUR LIFE IS SIMPLY A REFLECTION OF OUR ACTIONS. IF YOU WANT MORE LOVE IN THE WORLD, CREATE MORE LOVE IN YOUR HEART!!
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
1 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
"เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน…..ชีวิตในต่างแดน….สุขหรือเศร้า? (ภาค 1)




…..Do You Believe In Destiny?
ท่านเชื่อเรื่องของพรหมลิขิตหรือไม่?
คู่กันแล้ว…..ไม่แคล้วกัน!!
จริงหรือ?
ท่านคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันทั้งหมดเข้าข่าย
คู่กันแล้ว…..ไม่แคล้วกัน!!
ใช่หรือไม่???

คืนนั้นหลังจากกลับถึงบ้านพี่ดาก็โทรมาหาฉันทันที
เธอเล่าว่าทุกคนที่บ้านคุณด๋องตกใจมาก
กับเรื่องที่ฉันขอ “ยกเลิก” การแต่งงานกับคุณด๋อง
และขอให้เธอโทรมาสอบถามเหตุผลและข้อเท็จจริง

ฉันให้เหตุผลเหมือนกับที่บอกกับคุณด๋อง
และได้ยืนยันเจตนารมณ์เดิมอย่างหนักแน่น
พี่ดาพยายามเกลี้ยกล่อมฉัน
ด้วยการชักแม่น้ำทั้ง 5 (ร้อย) สาย
จนในที่สุดฉันก็ต้อง “ยอมแพ้” และตอบตกลง
ให้มีการแต่งงานเหมือนเดิมจนได้!

เราแต่งงานกันในเดือนมกราคมและไม่กี่เดือนต่อมา
คุณด๋องก็ได้รับคำสั่งให้ไปประจำการ ณ สถานทูตไทย
ประจำประเทศซาอุดิอาระเบียในตำแหน่งเลขานุการตรี
เป็นเวลา 4 ปีซึ่งเป็นเทอมปกติที่มีกำหนดเวลาแน่นอน
สำหรับการออกไปประจำการในต่างประเทศ
ของข้าราชการประจำกระทรวงต่างประเทศ
เมื่อครบกำหนดจึงจะกลับเข้ามาประจำการในกระทรวงฯ อีก

แต่ระยะเวลาอยู่ในประเทศไทยอาจจะมีกำหนด 2-6 ปี
ไม่แน่นอนเหมือนกับระยะเวลาที่ไปประจำการในต่างประเทศ
ทำสลับกันเช่นนี้จน “เกษียณ” อายุราชการ

แต่สำหรับระดับเอกอัครราชทูตอาจจะอยู่ต่างประเทศตลอด
โดยไม่ต้องกลับเข้ามาประจำการในกระทรวงฯ ก็มี
นั่นก็คือเมื่ออยู่ครบ 4 ปีหรือน้อยกว่าในประเทศหนึ่ง
ก็สามารถไปปฏิบัตหน้าที่ต่อยังอีกประเทศหนึ่ง
โดยไม่ต้องกลับเข้ามาประจำการในกระทรวงฯ ก็ได้

ฉันรู้สึก “ใจหาย” ที่จะต้องจากบ้านเกิดไปอยู่ต่างประเทศ
ถึงแม้จะรู้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนตกลงแต่งงานกับเขาแล้ว
ใจหายเพราะต้องจากคุณแม่และพี่น้องเพื่อนฝูง
ใจหายเพราะต้องทิ้งงานที่ทำและธุรกิจส่วนตัว
เพื่อติดตามเขาไปเป็นแม่บ้านคอยดูแลปรนนิบัติ
และปฏิบัติหน้าที่ในฐานะภรรยานักการทูต

ฉันตัดสินใจอยู่นานว่าฉันควรจะ “ทิ้งทุกอย่าง” ในเมืองไทย
และติดตามเขาไปอยู่ “ซาอุดิอาระเบีย” หรือไม่
ฉันรู้ดีว่าโดย “หน้าที่” ฉันปฏิเสธไม่ได้
แต่ถ้าถามใจตัวเอง…แน่นอนฉันไม่อยากไป

ฉันรู้ดีว่าหากฉันไม่ไปชีวิตคู่ที่ “เปราะบาง” อยู่แล้วของเรา
อันเกิดมาจากความมี “อีโก้” ของฉันเองตั้งแต่ต้น
จะต้อง “พังลง” ไปพร้อมกับการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ของเขา

ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจติดตามเขาไป
เพราะคิดว่าชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันโดยลำพัง
และการเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างเช่นต่างประเทศ
น่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงและทำให้ชีวิตคู่ของเราดีขึ้น

ประมาณ 2 เดือนก่อนการเดินทาง
ฉันยังคงทำงานเป็นเลขานุการ
ให้กับเจ้านายชาวอังกฤษในบริษัทน้ำดำแห่งหนึ่ง
วันหนึ่งประชาสัมพันธ์แจ้งฉันว่ามีเจ้าหน้าที่มาพบ
และเธอได้เชิญให้นั่งคอยอยู่ในห้องประชุมของบริษัทแล้ว

เมื่อเข้าไปในห้องประชุมฉันพบเจ้าหน้าที่
ซึ่งเธอได้แนะนำตัวว่ามาจากส่วนราชการ
เพื่อมาสัมภาษณ์ประวัติส่วนตัวของฉัน
ก่อนการพิจารณาอนุมัติให้ฉันสามารถติดตามสามี
ไปปฏิบัติหน้าที่ภรรยานักการทูตได้

ฉันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เจ้าหน้าที่ถามคำถามละเอียดยิบเกี่ยวกับตัวฉัน
ประวัติส่วนตัว
ประวัติครอบครัว
ประวัติการศึกษา
ประวัติการทำงาน
และอื่น ๆ อีกมาก

ฉันมาทราบภายหลังว่าการสัมภาษณ์ลักษณะนี้
เหมือนการ “สืบประวัติ”
เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่จะติดตามเจ้าหน้าที่การทูต
ไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม
ไม่มีประวัติ “ด่างพร้อย” ที่จะทำให้สถานทูต
ซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทย “เสื่อมเสียชื่อเสียง” ในภายหลัง

การเข้ารับราชการในกระทรวงต่างประเทศใน “อดีต”
เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปได้ยากสำหรับ “บุคคลทั่วไป”
โดยผู้ที่สามารถทำงานกระทรวงต่างประเทศได้
จะต้องเป็นลูกท่านหลานเธอที่มีการศึกษาสูง
มีความรู้ดีเกี่ยวกับการบ้านการเมืองภายในประเทศ

โดยเฉพาะบรรดาลูกหลานของอดีตทูตฯ
หรือข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ
ผู้ซึ่งมีโอกาสไปร่ำเรียนในต่างประเทศ
จนสามารถเข้าใจวัฒนธรรมของต่างชาติ

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติที่มีความสำคัญ
เป็นอันดับต้น ๆ ที่นักการทูตจะต้องมี
โดยเฉพาะความรู้เรื่องภาษาต่างประเทศ
และเรื่องเกี่ยวกับการต่างประเทศที่มีความจำเป็นยิ่ง

ดังนั้นโอกาสที่คนธรรมดาสามัญชนอย่างคุณด๋อง
จะได้เข้าไปทำงานรับราชการในกระทรวงฯ จึงน้อยมาก

ถึงแม้ว่าใน “ปัจจุบัน” กระทรวงต่างประเทศ
จะเปิดกว้างสำหรับบุคคลภายนอกมากขึ้น
แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถผ่านด่านการสอบเข้มเข้าไปได้ง่ายอย่างที่คิด
เพราะกว่าคุณด๋องจะสอบเข้ากระทรวงต่างประเทศได้
เขาเล่าให้ฉันฟังว่าเขาต้องสอบถึง “3 ปี” ติดต่อกันจึงจะได้

คุณด๋องจบปริญญาโทสาขารัฐศาสตร์
(ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการทูต)
จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จบปริญญาตรีสาขาประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

และก่อนเข้ามาทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ
เคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่มูลนิธิ
Save the Children สหรัฐอเมริกา
ณ ศูนย์ลี้ภัยอินโดจีน พนัสนิคม ชลบุรี

เคยทำงานในสถานเอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกา
ประจำประเทศไทย
เป็นเจ้าหน้าที่โครงการการจัดส่งชาวเวียดนาม
ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สามอย่างเป็นระเบียบ
(Orderly Departure Programme = ODP)

เขาเล่าว่าหลังจากสอบข้อเขียนได้แล้ว
ยังต้องสอบสัมภาษณ์และเข้าร่วม “กิจกรรมนอกสถานที่”
กับผู้สมัครอื่น ๆ เหมือนกิจกรรมของนางสาวไทยสมัยนี้
เพื่อให้คณะกรรมการสังเกต “พฤติกรรม” การอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น
รวมถึงการแสดงออกต่าง ๆ ในระหว่างกิจกรรม

จากนั้นก็จะมีการสืบประวัติของผู้สมัคร
และ “สมาชิกทุกคน” ของครอบครัวอย่างละเอียดยิบ
เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียอีกด้วย
จำไม่ได้แล้วว่าปีหนึ่ง ๆ ทางกระทรวงฯ จะรับข้าราชการกี่คน
แต่ในปีนั้นคุณด๋องสอบได้ “อันดับที่ 13”

ในวันที่ 21 มิถุนายน ซึ่งเป็นเวลา 5 เดือนหลังการแต่งงาน
ฉันก็เดินทางติดตามคุณด๋องซึ่งไปเป็นนักการทูต
ประจำ “สถานเอกอัครราชทูตไทย”
ณ กรุงริยาดประเทศซาอุดิอาระเบีย…..


เนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศแห่งต้นตำรับ
ของ “ศาสนาอิสลาม” ที่เคร่งศาสนามากที่สุดในโลก
ฉันมีโอกาสได้สัมผัสกับขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม
ที่ท่านผู้อ่านจำนวนมากอาจจะยังไม่เคยได้ยินมาก่อน

เรื่องราวและเหตุการณ์ต่าง ๆที่ฉันจะเล่าต่อไปนี้
อาจจะนำมาซึ่งความประหลาดใจและความสนเท่ห์
หลาย ๆ เรื่องชวนให้ต้องติดตามและน่าศึกษายิ่งนัก

เป็นที่น่าเสียดายว่าในระหว่างที่พำนักอยู่ที่นั่น
ฉันไม่ได้จด “บันทึก” เรื่องราวต่าง ๆ ไว้เลย
ซึ่งอาจจะเกิดจากผลกระทบจากปัญหาทั้งชีวิตส่วนตัว
และ “เหตุการณ์ความวุ่นวาย” ที่เกิดขึ้นในซาอุฯ เอง
ในช่วงที่ฉันเพิ่งไปถึงใหม่ ๆ
จึงทำให้ไม่มีใจและสมาธิที่จะคิดถึง
เรื่องประโยชน์ของการบันทึกประสบการณ์ต่าง ๆ

ดังนั้นการลุกขึ้นมาเขียนเล่าเรื่องในครั้งนี้จึงต้องใช้สมาธิ
อย่างสูงเพื่อค่อย ๆ เรียบเรียงและเรียก “ความทรงจำ”
เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นคืนกลับมาอีกครั้ง
พร้อมกับการคัดเลือกเฉพาะเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ
และเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านมาเล่าให้ฟังเท่านั้น
มิเช่นนั้นแล้วเฉพาะเรื่องของซาอุฯ เพียงประเทศเดียว
ก็สามารถนำมาพิมพ์เป็นหนังสือได้ 1 เล่มหนา ๆ ทีเดียว

ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศที่อยู่ในทะเลทราย
มีอากาศร้อนมากในหน้าร้อนด้วยอุณหภูมิ
ที่สูงถึงกว่า 50°C ในตอนกลางวัน
และจะค่อย ๆ เย็นลงเล็กน้อยในตอนกลางคืน
น้ำประปาร้อนมากขนาดอาบน้ำหลังเที่ยงคืนไปแล้วยังร้อนจี๋
ซึ่งการใช้น้ำทำความสะอาดหรือล้างจานชาม
จะต้องใช้ถุงมือยางช่วยเพื่อไม่ให้มือแตกกันเลย

หลาย ๆ คนเข้าใจผิดกันว่าอากาศในซาอุฯ จะร้อนมาก
ในตอนกลางวันและจะหนาวในตอนกลางคืน
แต่ที่จริงถ้าอยู่ในช่วงหน้าร้อนก็จะร้อนตลอดทั้งวันและคืน
และหน้าหนาวอากาศจะหนาวเย็นมาก
โดยมีอุณหภูมิต่ำถึงกว่า 10°C หรือในบางเขตบางปี
อาจจะต่ำถึงขนาดติดลบหรือมีหิมะทีเดียว

ประเทศซาอุฯ มีประชากรทั้งสิ้นประมาณ 20 ล้านคน
มีพรมแดนติดกับหลายประเทศเช่น
อิรัก, จอร์แดน, คูเวต, โอมาน, การ์ตาร์, เยเมน
และสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรทส์

ท่านเคยทราบหรือไม่ว่าประเทศซาอุดิอาระเบีย
ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวหรือ “สถานเริงรมณ์” ใด ๆ เลย
ไม่ว่าจะเป็นผับบาร์ดิสโก้เทคหรือแม้แต่โรงภาพยนตร์

จะมีก็เพียงร้านอาหารที่ก็ยังต้อง “แยกห้อง”
เป็นห้องชายโสดที่มี “ผู้ชายล้วน”
หรือห้อง “ครอบครัว” ที่มีสามีภรรยาและบุตร

หากพบชายหญิงมานั่งกินอาหารด้วยกันตามลำพัง
ตำรวจศาสนามีสิทธิ์ขอตรวจหลักฐาน
ว่าเป็นสามีภรรยากันจริงหรือไม่
เพราะที่นี่ไม่อนุญาตให้ชายหญิง “ออกเดท” กัน
ถ้าพบว่าไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแล้วออกมาข้างนอกด้วยกัน
จะโดนจับปรับหรือส่งกลับบ้านทันที

แม้แต่ในเคหะสถานของประชาชนชาวซาอุฯ
ทุกครัวเรือนก็ยังต้องให้มีห้องรับแขก 2 ห้อง
สำหรับไว้แยกแขกชายและหญิงอยู่คนละห้องไม่ปะปนกัน

แต่สำหรับชาวต่างชาติซึ่งส่วนมากจะเป็นนักการทูต
เวลาจัดงานสามารถจัดเป็นห้องรวมแขกชายหญิงได้
ไม่จำเป็นต้องแยกห้องเป็นสองห้องเหมือนชาวพื้นเมือง

ผู้หญิงซาอุฯ ทุกคนไม่เว้นแม้หญิงต่างชาติที่เข้าไปอาศัยอยู่
จะต้องสวม “ชุดคลุมสีดำ” ทับเสื้อผ้าอีกชั้นหนึ่ง
ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปยัง “สาธาณะสถาน” ต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นห้างร้าน โรงพยาบาล สถานที่ราชการ
หรือที่ใด ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในบริเวณเคหะสถานของตนเอง
หรือของผู้อื่น

เสื้อคลุมสีดำที่ใส่คลุมทับชุดสวยดังกล่าวเรียกว่า “อบาย่า”
มีลักษณะคล้ายเสื้อคลุมแขนยาวและลำตัวยาวจรดเท้า
การตัดแต่งชุดว่าต้องการให้ดูดีขนาดไหนขึ้นอยู่กับงบประมาณ
ถ้าเป็นชาวพื้นเมืองและเป็นคนมีสตางค์
ก็จะตัดเป็นชุดประดับหรูหราสวยงาม
เหมือนชุดสูทยาวราคาเป็น “หมื่นเป็นแสน” ก็มี

แต่สำหรับชาวต่างชาติอย่างเราหรือชาวบ้านที่มีรายได้น้อย
ไม่จำเป็นต้องไปสั่งตัดชุดหรูให้สิ้นเปลืองเงินทอง
เพราะตามห้างร้านหรือท้องตลาดจะมีเสื้อคลุมสำเร็จรูปขาย
ราคาตั้งแต่ “ไม่กี่ร้อยบาท” จนถึงหลายพันหรือเป็นหมื่นก็มี

นอกจากชุดคลุมซึ่งต้องยาวพอที่จะคลุมถึงเท้า
ที่ผู้หญิงทุกคนที่อยู่ที่นั่นจะต้องใส่ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
และสวมใส่ตลอดเวลาในที่สาธารณะแล้ว
ยังต้องใช้ผ้าดำลักษณะคล้ายผ้าพันคอ “คลุมศีรษะ” ด้วย
แต่ถ้าเป็นหญิงชาวพื้นเมืองที่เคร่งมาก ๆ
จะคลุมใบหน้าด้วยผ้าบาง ๆ
หรือโผล่ให้เห็นเฉพาะ “ดวงตาคู่งาม” ของเธอเท่านั้น

แต่ในกรณีผ้าคลุมศีรษะสำหรับหญิงต่างชาติ
อาจจะไม่เคร่งครัดมากยกเว้นช่วงเทศกาล “ถือศีลอด”
ซึ่งตำรวจศาสนาจะออกตรวจตราและกวดขันเป็นพิเศษ

เคยเห็นสาว ๆ ต่างชาติบางคนใส่ชุดคลุม “แค่เข่า”
ทำให้มองเห็นน่องขาว ๆ เดินโฉบเฉี่ยวไปมาตามตลาดนัด
หากเจอตำรวจศาสนาเขาก็จะเอา “ไม้กระบอง” มาไล่ตี
และไล่ให้กลับบ้านไป
หรือถ้าไม่มีผ้าคลุมศีรษะก็จะเข้ามา “ตักเตือน” เป็นต้น

ฟังดูแล้วเหมือนยุ่งยากวุ่นวายและไม่มีอิสระยังไงก็ไม่รู้นะ
แต่สำหรับคนพื้นเมืองแล้วคิดว่าเขาเคยชินกันแบบนั้น
ถ้าไม่ได้ทำคงเหมือนกับไม่ได้ใส่เสื้อผ้าออกจากบ้าน

อีกเรื่องแปลกเกี่ยวกับประเทศนี้ก็คือ
“ห้ามพกกล้องถ่ายรูป” สำหรับถ่ายในที่สาธารณะ
นอกจากภายในเคหะสถานของตนเอง
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลของความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ
และที่สำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้มีการ “เผยแพร่”
รูปของหญิงสาวชาวพื้นเมืองออกสู่สายตาชาวโลก

ดังนั้นหากตำรวจพบใครพกกล้องและกำลังถ่ายรูป
ก็จะยึดกล้องหรือ “ถอดฟิล์มทิ้ง” ก่อนคืนกล้องให้

เนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศที่ยึดมั่น
อย่างเคร่งครัดในกฏหมายอิสลาม (Shariah Lawa)
มุสลิมทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตน
ตามบทบัญญัติของของศาสนา 5 ประการได้แก่
1. การเชื่อในพระเจ้า
2. การสวดวันละ 5 เวลา
3. การให้ทาน
4. การถือศีลอดในเดือนรอมาฎอน
5. การจาริกแสวงบุญ

ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศเดียวที่ยังคง
วิธีประหารชีวิตด้วยการ “ตัดคอ”
ซึ่งความผิดชัดแจ้งที่ต้องได้รับโทษประหารได้แก่
1. ฆ่าคนตายโดยเจตนา
(ยกเว้นกรณีที่ศาลเห็นว่าจำเลยบรรลุโทษะ
เนื่องจากถูกผู้ตายกลั่นแกล้ง ก็อนุญาตให้จำเลย
จ่ายเงินทดแทนการตายแก่ทายาทผู้ตาย
เพื่อให้ยอมความกัน แต่ถ้าทายาทไม่ยอมรับเงิน
จำเลยก็ต้องถูกประหารให้ตายตกตามกัน
2. ข่มขืนกระทำชำเรา
3. ค้ายาเสพติด
4. ลบหลู่ดูหมิ่นศาสาดามหะหมัดและศาสนาอิสลาม
บ่อนทำลายเสถียรภาพและความสงบสุขของสังคม

ในช่วงที่อยู่ซาอุดีฯ พบว่านักโทษประหารส่วนใหญ่
เป็นชาวปากีสถานที่ลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศ
การประหารจะกระทำหลังพิธีสวดตอนเที่ยง “วันศุกร์”
ณ บริเวณลานจอดรถหน้าสุเหร่าใหญ่
ใกล้สำนักผู้ว่าราชการกรุงริยาดโดยเปิดให้ผู้คนชม

คุณด๋องมีโอกาสเห็นการประหารด้วยตนเอง 2 ครั้ง
ครั้งแรกเป็นการประหารหมู่ 4 คนในคดียาเสพติด
ครั้งหลัง 2 คนในคดีฆ่าคนตาย
ฉันไม่ได้ตามไปดูด้วยเพราะ “ใจไม่แข็ง” พอ
และที่สำคัญจะไม่ค่อยพบว่าผู้หญิง
เข้าไปมุงดูการประหารนอกจากผู้ชายเท่านั้น

อีกปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ที่นั่นก็คือ
ถ้าเป็นไปได้หรือไม่จำเป็นคนไทยที่อยู่ที่นั่น
จะพยายามไม่เปิดเผยตัวว่าเป็นคนไทย
สำหรับหนุ่มหน้าตี๋อย่างคุณด๋องและสาวหน้าหมวยอย่างฉัน
ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรเพราะหน้าเหมือนคนจีนเกาหลีหรือญี่ปุ่น

สาเหตุที่ต้องปกปิดเพราะเกรงความ “ไม่ปลอดภัย”
เนื่องจากตอนนั้นเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีคดีความ
ที่โด่งดังเป็นที่โจทก์ขาน “2 คดีใหญ่” กับซาอุดีฯ คือ
คดีนักการทูตซาอุฯ ถูกฆ่าในประเทศไทย
และคดีคนไทยที่ไปรับใช้ในวังเจ้าชายพระองค์หนึ่ง
ซึ่งได้ขโมยเครื่องเพชรมูลค่ามหาศาลกลับมาประเทศไทย

ทั้งสองคดีจึงกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุฯ
ส่งผลให้คนซาอุฯ บางส่วนไม่พอใจถึงขั้นเข้าทำร้าย
หากรู้ว่าเป็นคนไทย

อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นและเป็นข่าวครึกโครม
ในหน้าหนังสือพิมพ์ในระหว่างที่ฉันอยู่ที่นั่นก็คือ
มีสุภาพสตรีจำนวนกว่า 4,000 คนขับรถออกมาประท้วง
เพื่อให้กษัตริย์ของซาอุฯ ยกเลิกกฏหมายที่ “ห้ามผู้หญิงขับรถ”

โดยสุภาพสตรีเหล่านี้เป็นพวกลูกเศรษฐีมีสตางค์
รวมทั้งบรรดาลูกท่านหลานเธอและทายาท
ของทั้งเจ้าชายเจ้าหญิงหลายพันพระองค์ของซาอุฯ
ที่ถูกส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนา
ได้รับวัฒนธรรมและอิทธิพลของ “ตะวันตก” กลับมา

สาว ๆ เหล่านี้จึงรวมตัวกันขับรถออกมาประท้วง
เพื่อให้ทางการยอมยกเลิกกฏหมายและอนุญาต
ให้พวกเธอสามารถขับรถได้เหมือนผู้ชายอกสามศอก

ผลปรากฏว่าสาว ๆ เหล่านั้นถูกตำรวจ “จับเข้าคุก”
และดำเนินการตามกฏหมายไปเรียบร้อยโรงเรียนซาอุฯ
โชคดีที่ฉันไม่ได้เข้าร่วมประท้วงกับเขาด้วย
และจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ไม่ได้ยินข่าวว่า
มีสาว ๆ ลุกขึ้นมารวมตัวประท้วงขอสิทธิ์ดังกล่าวอีก!


โปรดติดตาม “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอนต่อไป
ตอน…..ชีวิตในต่างแดน….สุขหรือเศร้า? (ภาค 2)

อ่านเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจต่าง ๆ ในดินแดนลี้ลับแห่งนี้
พร้อมเรื่องราวชีวิตรักของ “เลขาฯ ตัวแสบ!” ว่าจะดำเนิน
ต่อไปอย่างไร?
ภาคสุดท้ายของตอนนี้ได้เกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนโลก
ที่ได้ถูกบันทึกไว้แล้วในประวัติศาสตร์สำหรับชนรุ่นหลัง!!


ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว:

(1) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน.....วันที่ฉันถูกเลิกจ้าง!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6083075/B6083075.html

(2) “เลขาฯตัวแสบ!” ตอน.....แสร้งไปทำงานตามปกติ!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6085280/B6085280.html

(3) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....พบทนายความเรื่อง "การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม"
พร้อมกับการได้รับ "เงินชดเชย" เกือบแสน!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6095870/B6095870.html

(4) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....วันสัมภาษณ์กับ 12 วันก่อนถูกเลิกจ้าง!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6105777/B6105777.html

(5) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....ชีวิตหลังการตกงาน
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6110725/B6110725.html

(6) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้…! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 1
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6125583/B6125583.html

(7) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้…! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 2
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6131814/B6131814.html

(8) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... 4 เดือนระทึกกับช่วงทดลองงาน!!!
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6136610/B6136610.html

(9) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 1)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6152716/B6152716.html

(10) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 2)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6159240/B6159240.html

(11) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 3)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6170648/B6170648.html

(12) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…การปกครองพนักงานแบบพ่อปกครองลูกในสไตล์ของ “เตี่ย”!!! (ภาค 1)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6174623/B6174623.html

(13) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…การปกครองพนักงานแบบพ่อปกครองลูกในสไตล์ของ “เตี่ย”!!! (ภาค 2)
//topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6181617/B6181617.html

(14) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….กว่าจะเป็น “เลขาฯ ตัวแสบ!”
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6189644/B6189644.html

(15) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 1)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6202133/B6202133.html

(16) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 2)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6218284/B6218284.html

(17) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 3)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6224365/B6224365.html

(18) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….บังอาจทำธุรกิจส่วนตัว!!! (ภาค 1)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6236460/B6236460.html

(19) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน….บังอาจทำธุรกิจส่วนตัว!!! (ภาค 2)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6245103/B6245103.html

(20) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 1)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6247789/B6247789.html

(21) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 2)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6255596/B6255596.html

(22) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 3)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6263517/B6263517.html

(23) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 4)
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6280648/B6280648.html

**********************************************************************


*********ขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านและเพื่อน ๆ ทุกท่าน**********

ที่กรุณา Click เก็บเข้าคลังกระทู้ทุกครั้งหลังการอ่านจึงทำให้ยังมีข้อมูล
เก็บอยู่ในคลังกระทู้เก่าที่ท่านสามารถนำกลับมาอ่านและใช้ประโยชน์ได้อีก…


ตอนสุดท้ายที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง:

************************************************************
**********D E S T I N Y H U R T S M E!!!**********
(ตอนจบที่จะเฉลยทุกคำตอบที่ยังเป็นปริศนาในวัน Valentine’s?)
************************************************************
เรามีนัดกันในวันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551........

***กระทู้พิเศษหลังจากตอนจบ***
***********************************************
“20 คำถามกับเลขาฯ ตัวแสบ!”
***********************************************
เพื่อตอบแทนท่านผู้อ่านทุกท่านสำหรับแรงบันดาลใจ
และกำลังใจในการเขียนประสบการณ์ในครั้งนี้จนจบ
ผู้ตอบคำถามถูกต้องและได้คะแนนสูงสุดจะได้รับบัตรเชิญ
รับประทานอาหารเย็นกับ “เลขาฯ ตัวแสบ!”
หรือเลือกรับบัตรกำนัลซื้อหนังสือจาก Thailand Book Tower
มูลค่า 1,000.- บาท
หรือบัตรชมภาพยนตร์ในเครือ Major มูลค่า 1,000 บาท

โปรดติดตามกติกาเร็ว ๆ นี้…..

เหม่อมองบนฟ้าไกล
จ้องมองด้วยความสงสัย
ว่าใครกันนะใคร
ที่พาให้เธอเดินหลงทางมาเจอกับฉัน

มีคนเป็นล้านคน ช่างไร้เหตุจริงๆ ที่เราเจอกัน
จากเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไร สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ

ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม
ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น
ตกลงให้เรารักกันใช่มั้ย
อย่างนั้นขอได้ หรือไม่
โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก
ให้เรารักกัน เนิ่นนานถึงจนวันตาย
โอ้วโอว
ฉันขอได้ไหม

เมื่อก่อนลมหายใจ
ก็คิดว่าเป็นของฉัน
แต่พอได้พบเธอ เพิ่งรู้จริงๆ
ลมหายใจคือเธอเท่านั้น

มีคนเป็นล้านคน ช่างไร้เหตุผลจริงๆ ที่เราเจอกัน
จากเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไร สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองอีกครั้ง

ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม
ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น
ตกลงให้เรารักกันใช่มั้ย
อย่างนั้นขอได้ หรือไม่
โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก
ให้เรารักกัน เนิ่นนานถึงจนวันตาย
โอ้วโอว
ฉันขอได้ไหม

มีคนมีอีกเป็นล้านคน ไม่มีเหตุผล ที่เธอต้องเลือกฉัน
จากเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไร สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองอีกครั้ง

ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม
ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น
ตกลงให้เรารักกันใช่มั้ย
อย่างนั้นขอได้ หรือไม่
โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก
ให้เรารักกัน เนิ่นนานถึงจนวันตาย
โอ้วโอว
ฉันขอได้ไหม
โอ้ว โอว ฉันขอได้ไหม?

เพลง : พรหมลิขิต
อัลบั้ม : Begins
ศิลปิน : บิ๊กแอส





Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2551 7:52:51 น. 8 comments
Counter : 707 Pageviews.

 
ยิ่งอ่าน ยิ่งติดใจค่ะ

เขียนได้น่าติดตามจริงๆ

รักษาสุขภาพนะคะ


โดย: COCOSWEET วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:43:28 น.  

 
อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ จัง.. ทิ้งท้ายขมวดปมเรื่องไว้อีก..


โดย: honeytina วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:23:16 น.  

 
รอวัน Valentine's อย่างใจระทึก


โดย: chapter 1-17 IP: 125.25.63.57 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:33:52 น.  

 
อ่านแล้วได้ความรู้เกี่ยวกับประเทศซาอุ ส่วนใหญ่จะเป็น
กฏ แล้วก็ กฏ ห้ามผู้หญิงทำอะไรหลายๆอย่าง จะติดตามตอนต่อไปค่ะ


โดย: สามสิบเอ็ดธันวา วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:16:21 น.  

 
ผมเดาว่า คุณน่าจะเป็นคนที่การศึกษาดีนะ รักการอ่าน และน่าจะรักภาษาไทยนะ สังเกตุจากการใช้ภาษาดี ตั้งใจเรียบเรียงเรื่อง และการพิมพ์ที่ไม่ผิด ไม่ตกเลย

ขอบคุณที่ช่วยกันรักษาภาษาคุณพ่อคุณแม่เรานะครับ
มาให้กำลังใจนะครับ


โดย: CG Guitar IP: 210.203.179.45 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:01:47 น.  

 
คิดว่าคุณ CG Guitar คงยังไม่ได้อ่านตอนความรู้แค่หางอึ่งทั้ง 3 ภาค
จึงได้เดาอย่างนั้น...
ขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังใจ!


โดย: “เลขาฯ ตัวแสบ!” (Destinyhurtsme ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:24:33 น.  

 
ถึงคุณ
COCOSWEET
honeytina
chapter
สามสิบเอ็ดธันวา

ขอบคุณที่เข้ามาทักทายและเป็นกำลังใจ
หวังว่าจะคอยติดตามตอนต่อ ๆ ไปอีก 3-4 ตอน
ก่อนที่จะถึงตอนสุดท้ายในวันวาเลนไทน์นะ


โดย: “เลขาฯ ตัวแสบ!” (Destinyhurtsme ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:27:57 น.  

 
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ
สนุกมากๆเลย...

ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ และ ความรู้ใหม่ๆค่ะ

ขออ่านตอนต่อไปนะคะ


โดย: GaljaZZZ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:48:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Destinyhurtsme
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add Destinyhurtsme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.