นิยาย : ความฝันที่เติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่า
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 พฤษภาคม 2550
 
 
เรื่องรักวุ่นๆของคุณสาวโสด chapter 2 พรุ่งนี้จะบอกรักคุณ

ความรักหน้าตาเป็นยังไงนะ ฉันไม่เคยรู้เลยเมื่อมันมาเคาะประตูหัวใจทักทาย ฉันก็ยังไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งมันจากฉันไป

พวกเรากลับมาผับเดิม โต๊ะเดิม ที่สัปดาห์ที่แล้วยายลูกกวาดเป็นคนเล่าเรื่องราวความรักให้พวกฉันฟัง วันนี้ฉันแปลกไปเงียบขรึม ไม่สดใสเหมือนเช่นทุกครั้งที่พบกัน อาภรณ์สีดำที่สวมใส่ก็ดูจะกลมกลืนไปกับความมืดรอบกาย
“ไงจ๊ะ ยายมดวันนี้ถึงตาเธอเล่าบ้างแล้วนะ อาทิตย์นี้แกห้ามบ่ายเบี่ยงนะย่ะ” คราวนี้ถึงคราวยายลูกกวาดเป็นคนคาดคั้นฉันบ้างโดยมีลูกคู่คือยายแจง

“เออๆ พวกแกไม่ต้องห่วงไปหรอกฉันเล่าแน่ ก่อนอื่นฉันถามแกก่อนดีกว่า ไอ้ลูกกวาด พ่อหนุ่มริชชี่ของแกว่าไงบ้างล่ะ โทรไปถามก็ไม่ยอมบอก” คำถามของฉันเล่นเอายายลูกกวาดเขินไม่น้อย อ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ จนฉันต้องต่อรองว่าถ้าเธอไม่เล่าให้ฟังก่อนฉันจะไม่เล่าเรื่องของฉันบ้าง
“ได้ๆ ฉันยอมบอกก็ได้ ริชชี่เค้าสารภาพรักกับฉันแล้ว แค่นี้พอใจยังย่ะ” ยายลูกกวาดหลับหูหลับตาเล่า หน้าแดงน่าดูแม้ว่าแสงในผับจะไม่สว่างมากนัก แต่ฉันกับยายแจงก็พอมองเห็น อย่างน้อยเรื่องที่ฟังจากปากยายลูกกวาด ก็ทำให้วันนี้ฉันรู้สึกมีความสุขในหัวใจขึ้นมาบ้าง

“ไอ้ลูกกวาดแล้วแกตอบพ่อริชชี่เค้าไปว่ายังไงล่ะ” ยายแจงเริ่มซักบ้าง

“ฉันก็ไม่ตอบว่าไงนะซิ ฉันกำลังตกใจ อะไรกันอยู่ดีๆก็มาสารภาพรักกลาง MSN ตัวเป็นๆก็ไม่รู้จัก จะให้ฉันรับรักเขากลาง MSN หรือย่ะ” ยายผู้ร้ายใจแข็งเล่าเร็วปรื๋อ

“อีตาริชชี่เป็นไงล่ะ”

“เฮ้ย ยายแจง วันนี้มันตาไอ้มดมันนะย่ะ เรื่องไรมาซักฉันเนี่ย” ยายลูกกวาดเริ่มโวยวายแก้อายแต่มีหรือเราสองคนจะปล่อย

“เอาน่าไอ้ลูกกวาด เล่าๆมาก่อน เดี๋ยวฉันจะคาดคั้นไอ้มดมันเอง แกไม่ต้องกลัวน้อยหน้า”


“แหงล่ะ ไอ้แจง อาทิตย์ นี้ตาฉัน อาทิตย์หน้า ตาแก ระวังตัวไว้ให้ดีๆล้วกัน” ยายแจงหัวเราะเบาๆ

“ไม่กลัวอยู่แล้ว ไงลูกกวาดอีตาริชชี่ว่าไง” ยายแจงกลับมาซักใหม่

“ก้อจะว่าไงล่ะในเมื่อฉันปฏิเสธ ตาบ้านี้ทำหน้าเศร้าแป๊บเดียวก่อนจะบอกว่า วันหลังจะขอใหม่ จนกว่าฉันจะใจอ่อน แต่ถ้าฉันไม่มั่นใจในตัวเขานะ เดือนหน้าเขาจะมาเมืองไทยมาให้ฉันดูตัว ดูดิบ้าจริงๆ” ยายลูกกวาดเล่าไม่เต็มเสียงเท่าไร แถมด้วยใบหน้าที่แดงเถือกกว่าเก่า

“ลูกกวาดฉันถามแกจริงๆเถอะนะ แกคิดอะไรกับตาริชชี่นี่หรือเปล่า”ฉันเริ่มถามด้วยน้ำเสียงขรึมลง จนเพี่อนสาวทั้งสองแปลกใจ แต่ยายลูกกวาดก็ยอมตอบโดยดี

“ฉันไม่รู้ซิ ฉันไม่เคยถามหัวใจตัวซักที่ว่าคิดยังไงกับริชชี่ ฉันคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่ความสัมพันธ์ของเราจะเรียกว่ารักละมั๊ง” ฉันเข้าใจในความรู้สึกแบบนั้นของลูกกวาด เพราะฉันเองก็เคยเป็น

“ขอบใจลูกกวาด เอาล่ะตอนนี้ถึงตาฉันเล่าบ้างดีกว่านะ” ยายลูกกวาดดูจะดีใจกว่าใคร ที่ฉันจะเริ่มเล่าเรื่องรักของฉัน ก็แหงล่ะเธอจะได้รอดพ้นจากการคาดคั้นเสียที่

“คนอย่างฉันไม่เคยรู้จักคำว่ารักแบบชายหญิง ฉันไม่รู้ว่ามันรู้สึกเช่นไร แม้กระทั่งมันเข้ามาอยู่ในใจฉันแล้วก็ตาม แกว่าฉันโง่ไหมว่ะ” ฉันหันไปถามเพื่อนสาวทั้งสองที่นั่งตาแป๋วฟังฉัน เพื่อนรักสองสาวของฉันส่ายหน้าก่อนตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายว่า

“ไม่”

“ฉันเจอกับเขาครั้งแรกในงานเลี้ยงของเพื่อนที่บริษัท เค้าเป็นคนคุยสนุก ตอนแรกที่พบกันเขามองฉันแปลกๆ คงคิดว่าฉันเป็นทอมแน่ๆ เพราะเขาแซวฉันตลอดเวลาจนเลิกงาน หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้พบเขานานเหมือนกัน จนเกิดเรื่องบ้านฉันโดนยกเค้า พวกแกพอจะจำได้ไหม” แม่สองสาวนึกสักพักก่อนจะร้องอ๋อ

“ตั้งสองปีกว่าแล้วนี่หว่าไอ้มด แกนี้ยิ่งเงียบกว่าไอ้ลูกกวาดมันอีก” ฉันพยักหน้าก่อนจะเล่าต่อไป

“พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นฉันเลยได้เจอกับเขาอีก เพราะเขาเป็นสารวัตรอยู่ สน.ท้องที่ฉัน ตอนฉันไปแจ้งความฉันก็จำเขาไม่ได้หรอก แต่เขานะจำฉันได้เพราะคำแรกที่ทักฉันนะว่าไงรู้เปล่า ‘สวัสดีครับคุณทอม วันนี้หน้ามุ่ยมาเชียว มีธุระอะไรให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คนนี้รับใช้หรือครับ’ ไอ้ฉันยิ่งหงุดหงิดเรื่องโจรขึ้นบ้าน พอมาเจอเขาแซวยังงี้เลยฟิวส์ขาดใหญ่ แต่เขาก็อารมณ์ดีไม่โกรธอะไร จนฉันบอกว่ามาแจ้งความเรื่องอะไรเขาก็เปลี่ยนที่ท่าเป็นจริงจังมากขึ้น และช่วยเหลือฉันทุกอย่าง แม้ว่าสุดท้ายฉันจะไม่ตัวคนร้าย แต่ฉันก็เข้าใจว่าไอ้โจรพวกเนี่ยหาตัวยาก ยิ่งไม่มีใครเห็นตัวคนร้ายด้วยยิ่งหวังอะไรไม่ได้" ฉันกำลังเล่าดีๆ ยายแจงก็ขัดขึ้นมา

“ที่ไม่ว่าอะไรเนี่ย เกี่ยวกับอีตาสารวัตรนี้ด้วยเปล่าไอ้มด”

“คงมีส่วนด้วยมั๊ง ตอนนั้นฉันกับเขาก็เลยเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย หรือถ้าคิดฉันก็ไม่รู้ เขาเอาใจใส่ฉันอย่างดี บางครั้งถ้าเขารู้ว่าฉันต้องกลับบ้านดึกๆ ก็มารับกลับบ้าน ทั้งๆที่ฉันก็ปฏิเสธบวกโวยวายทุกครั้ง เพราะฉันก็กลับบ้านเองแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร จะมากลับบ้านเองไม่ได้ตอนสนิทกะอีตาตำรวจคนนี้ก็เสียฟอร์มหญิงแกร่งอย่างฉันแย่ แต่เขาก็เก่งทำฉันใจอ่อนทุกครั้งไป บางครั้งที่เขามารับฉัน เขาแต่งชุดอะไรมารู้ไหม” สองสาวส่าย ฉันเองพอนึกถึงชุดนั้นที่เขาใส่มารับฉันกลับบ้านก็ต้องยิ้มทุกที

“เขาใส่กางเกงขาสั้น กับเสื้อกล้าม ปะแป้งเสียขาววอกมารับฉันกลับบ้าน ฉันเห็นเขาตอนแรกตลกจนขำแทบตาย เขาก็ทำหน้าบึ้งๆใส่และ ดุฉันนิดๆว่า ‘ นี่คุณกลับบ้านได้แล้ว มายืนหัวเราะอยู่ได้ ผมกำลังจะเข้านอน แต่โทรไปหาคุณที่บ้าน แม่คุณบอกว่าคุณยังไม่กลับบ้าน ผมเป็นห่วงเลยบึ่งรถมารับ ไปๆ กลับๆ’ แกรู้ไหมคำว่าห่วงของเขาทำเอาฉันพูดไม่ออกไปเลย ฉันไม่เคยว่าคำว่าห่วงที่มาจากผู้ชายที่ดูตลกๆแบบเขาจะทำให้ฉันเต็มตื้นได้มากกว่าคำพูดหวานๆชวนเลี่ยนของหนุ่มอื่นๆ อาจเพราะความเอาใจใส่ในฉันมากกว่าใคร เขาจึงเข้าถึงหัวใจฉันโดยไม่รู้ตัว แต่ฉันก็ไม่เคยยอมรับเพราะเสียสถาบันสาวห้าวอย่างฉันหมด”

“เออจริงด้วยว่ะ ไอ้มด เรื่องความรักกับแกดูไม่ค่อยเข้ากันเลย จริงไหมไอ้ลูกกวาด”

“ไม่หรอก ฉันว่าความรักมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะเจอมันมากะตัวเองแล้วนี่” นั้นนะสิ ความรักมันประหลาดนัก ถ้าไม่เจอกับตัวเองไม่มีทางที่เราจะรับรู้ถึงพิษสงของมัน

“เขาพยายามเข้ามาใกล้ชิดฉันมากขึ้นทุกวัน แม้ว่าใจฉันจะอยากดึงดัน มันก็ไม่นานอย่างที่ใจปรารถนา เขาเป็นคนทำให้ฉันรู้สึกว่าภายนอกฉันจะห้าวเพียงใดแต่ลึกลงไปแล้วฉันก็ยังมีความเป็นหญิงอยู่ไม่น้อย ครั้งหนึ่งฉันมีโอกาสไปเที่ยวด้วยกัน เราสองคนไปนอนดูดาว มันโรแมนติคมากๆเลย เราสองคนนอนคุยเรื่องต่างๆ การคุยกันวันนั้นทำให้ฉันได้รู้จักเขามากขึ้น เขาชอบเป็นตำรวจพอๆกับชอบนอนดูดาว ถ้าว่างเมื่อไรต้องมานอนนับดาวเสมอๆ เขาบอกฉันว่า ‘ ยามที่ได้มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยทะเลดาว แสงระยิบระยับบนนั้น ทั้งกว้างไกลและไร้ขอบเขต ผมเหมือนได้ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง งานที่แสนหนัก ภาระมากมายที่ต้องแบกรับก็ผ่อนคลายลง อากาศเย็นและสายลมเหมือนจะช่วยต่อเติมกำลังใจของผมให้มีแรงสู้ แต่วันนี้แค่ผมได้มานอนดูดาวกับคุณ ก็ทำให้ผมมีความสุขยิ่งกว่าเดิมมากมายนัก’ และสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดคือเขาสารภาพรักกับฉันในคือนั้น คืนที่ฟ้าสุกสกาวไปด้วยดวงดาว ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรู้สึกดีใจ เขินอายและสับสนในเวลาเดียวกันแบบนั้นเลย เมื่อเขาเห็นฉันนิ่งไป ไม่พูดอะไรสักคำ เขาก็มีท่าทางเสียใจน่าดู แต่เขาก็บอกว่าเข้าใจว่ามันเร็วเกินไป ที่จะให้ฉันบอกว่ารักเขาเหมือนกัน แต่เขาจะพยายามทำทุกวิถีทางให้ฉันตอบรักรักเขาให้ได้”
ความเงียบแผ่ขยายในวงสนทนาเล็กๆ เมื่อฉันเงียบไป เพื่อนสาวทั้งสองก็ไม่พูดอะไรสักคำ รอคอยให้ฉันเริ่มต้นเล่าเรื่องราวต่อไป ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆของฉันดูมีความสุขและเป็นหญิงมากขึ้นกว่าทุกครั้ง

“หลังจากนั้นเขาก็เพียรพยายามเอาชนะใจฉันมาโดยตลอด แต่เขาก็ไม่เคยเร่งเร้าอะไรกับฉัน เขายังปฏิบัติตัวกับฉันเหมือนเดิม หามุขตลกมาเล่าให้ฉันผ่อนคลายกับงาน มารับฉันกลับบ้านยามที่ฉันต้องทำงานดึกๆ จะมีหายหน้าก็เฉพาะในยามมีคดีสำคัญ ในที่สุดวันที่ผู้หญิงคนหนึ่งรอคอยก็มาถึง เขาขอฉันแต่งงาน”

“เขาขอแกแต่งงาน ไอ้มดแกโชคดีจังเลยว่ะ ไม่น่าเชื่อว่าคนเหมือนทอมอย่างแกจะมีหนุ่มมาตกหลุมเสน่หาของแก” หลังจากเงียบไปนานยายแจงก็เริ่มเปิดปาก

“ใช่ฉันก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ยามอยู่กับเขาฉันรู้สึกว่าฉันก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่ ไอ้มดสาวห้าวจ๋า ฉันก็เพิ่งมารู้เพราะความรักด้วยมั๊งทำให้ฉันอ่อนลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่จะว่าไปฉันก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีหรือเปล่า ฉันยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดีไม่เคยลืม” แม้ว่าตอนนี้ฉันจะอยู่ในผับที่สลัวลาง ผู้คนส่งเสียงอึกทึกแข่งกับเสียงดนตรี แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปยังวันนั้น ใต้ต้นไม้ริมทะเลสาบใหญ่ของสวนสาธารณะ ความสงบเงียบของบรรยากาศรอบกายดั่งเป็นใจให้เขาเอ่ยคำพูดที่แสนสำคัญนั้นได้ ความทรงจำที่สุดแสนจะงดงามครั้งหนึ่งในชีวิตที่ช่วยปลุกสำนึกของเพศหญิง ก็ถ่ายทอดให้เพื่อนสาวฟังอย่างละเอียดละออ ราวกับจะให้ยายแจงกับลูกกวาดเป็นพยานในเหตุการณ์ให้ฉัน

“ระหว่างที่เรานั่งคุยกัน จู่ๆ เขาก็จับมือฉัน ฉันกำลังตกตะลึงกับการกระทำของเขา เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยจับมือถือแขนฉันเลยสักครั้ง เขาก็พูดว่า ‘ คุณมดครับ คุณคงรู้ดีว่าผมคิดกับคุณแบบไหน แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจผมก็จะบอกกับคุณอีกครั้งนะครับว่า ผมรักคุณ’ เมื่อฉันเอ่ยปากจะถามบางอย่างกับเขา เขาก็ใช้นิ้วแตะที่ปากฉันเบาๆเป็นการห้ามไม่ให้เอ่ยอะไรออกไประหว่างที่เขาจะพูด” ทุกวันนี้ฉันยังคงรับรู้ถึงความรู้อุ่นซ่านของปลายนิ้วของเขาที่สัมผัสริมฝีปากของฉันได้ ฉันหันไปเห็นสีหน้าประหลาดๆของเพื่อน เธอทั้งสองคงไม่เคยรู้จักฉันในอารมณ์แบบนี้มาก่อน ฉันยิ้มให้เพื่อนทั้งสองก่อนจะเล่าต่อไปว่า

“เขาบอกฉันว่า ‘ อย่าครับคุณมด ขอร้องอย่าได้พูดอะไรเลยครับ ผมไม่อยากได้ยินคำว่า ไม่ จากปากคุณ แค่คุณไม่เคยแสดงท่าที่ว่าแคร์ผม ผมก็เจ็บมากพอแล้วถ้ายิ่งได้ยินคำว่าไม่ผมคงแทบทนไม่ได้ ตอนนี้แค่คุณรับฟังก็ยังดีได้โปรดเถอะครับ’ ฉันจึงต้องนั่งเงียบเป็นการตอบรับคำขอร้องของเขา เขาหยิบกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่งออกมา ซึ่งก็รู้ดีว่ามันคือกล่องใส่แหวน ในนั้นมีแหวนเพชรเล็กๆวงหนึ่ง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วสวมให้ฉัน ปากเขาก็พูดกับฉันว่า ‘แหวนวงนี้อาจจะเล็กไป แต่มันก็เป็นแหวนที่แม่ผมท่านสวมติดนิ้วจนก่อนท่านจะจากผมไป ท่านได้มอบแหวนวงนี้เพื่อให้ผม สวมต่อให้กับผู้หญิงที่จะเข้ามาเป็นผู้หญิงที่สำคัญในชีวิตของผมอีกคน ซึ่งตอนนี้พบผู้หญิงคนนั้นแล้วคือคุณ’ พวกแกรู้ไหมว่าแหวนวงนั้นมันพอดีนิ้วฉันราวกับวัดไว้ แล้วเขาก็จับมือฉันขึ้นมาจูบ” ยิ่งเล่าฉันก็ยิ่งเหมือนจะดิ่งลึกลงในอดีตที่ครั้งหนึ่งฉันก็ได้มีความทรงจำแสนหวานของอารมณ์หญิงสาวธรรมดา ดวงตาฉันหวาบไหว ปากก็เล่าต่อถึงคำพูดของเขา

“เขาหวังว่าฉันคงไม่รังเกียจแหวนเพชรวงเล็กๆของเขา เขารอคอยคำตอบจากฉันอย่างใจจดจ่อ และคงจากส่วนลึกของใจฉันด้วยมั๊งบอกให้ฉันไม่ปฏิเสธแหวนของเขา ยิ่งทำให้เขาดีใจมากอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ‘ พ่อกับแม่ผมก็คงดีใจที่ในสุดผมก็จะมีผู้หญิงที่จะมาเคียงข้าง คุณคงไม่คิดว่าผมว่าไม่ให้เกียรติคุณด้วยการขอคุณแต่งงานกลางสวนสาธารณะนะครับ แล้วครอบครัวของคุณก็คงไม่ว่าอะไรนะครับที่ตำรวจเล็กๆคนหนึ่งที่มีแค่เงินเดือนจะขอดูแลคุณแต่ไม่ต้องกลัวนะครับ แม้ผมจะไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหน ผมก็จะให้เจ้านายของผมเป็นเถ้าแก่มาสู่ขอคุณนะครับ’ และอีกสารพัดคำพุดที่เขาจะสรรหามาเพื่อทำให้ฉันพอใจ จนฉันต้องปรามเขาว่า ถึงฉันจะไม่รังเกียจแหวนของเขาแต่ไม่ได้หมายความว่าฉันตกลงแต่งงานกับเขา เขาทำหน้าสลดไปครู่ใหญ่แต่ก็ขอให้ฉันพิจารณาเขาสักหน่อย”

จู่ๆ ฉันเงียบไปอีก เพื่อนทั้งสองของฉันก็ไม่ได้พูดอะไรปล่อยให้ฉันใช้ความคิด แต่ฉันก็รับรู้ถึงความห่วงใยของเพื่อนที่ส่งผ่านมาจากมือของเพื่อนทั้งที่กุมมือฉันไว้ ฉันไม่นึกว่าฉันจะมีความสามารถในการเล่าอะไรยาวๆ ที่เกี่ยวกับความรักอย่างนี้ได้เลยโดยเฉพราะเรื่องนั้นมันดันมาเกิดกับคนที่ไม่น่าจะเป็นฉันเสียเลย ผู้หญิงที่ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยชายตาแลใคร ผู้ชายที่เข้ามาแสดงความจริงใจกับฉันคนแรกก็ขอฉันแต่งงานเลยโดยไม่ทันตั้งตัวหรือรู้ว่าความรู้สึกที่ช่วยเปลี่ยนแปลงฉันให้มีความนุ่มนวลมากขึ้นนั้นจะเรียกว่ารัก สักครู่ฉันก็เริ่มต้นเล่าเรื่องวันนั้นต่อ

“ฉันสับสนและงงงันในหัวใจมากๆ แต่ฉันก็อยากจะรู้ว่าเพราะอะไรเขาจึงรักฉันและอยากแต่งงานกับฉัน รู้ไหมเขาตอบฉันว่าอะไร”เพื่อนสาวฉันส่ายหน้า ซึ่งก็ไม่น่าแปลกเพราะฉันเองก็ไม่คิดว่าเขาจะตอบฉันแบบนั้น

“เขาสารภาพว่า’ที่ผมรักคุณไม่ใช่เพราะหน้าตาแต่ผมรักความสดใส มีชีวิตชีวา รักความเข้มแข็งที่เป็นแบบคุณ’ เขายิ้มอย่างสดใสให้ฉันและบอกความรู้สึกที่มีให้ฉันฟังอีก ‘ผมเป็นตำรวจ ผมอยากให้คู่ครองของผมแข็งแกร่ง เพราะอาชีพแบบผมมันเสี่ยงไม่รู้ว่าวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันไหนผมจะต้องตาย ถ้าสักวันหนึ่งมันมาถึงตาผม ผมอยากให้ผู้หญิงของผมอยู่ต่อไป เธอจะต้องเป็นหลักเป็นหัวใจของครอบครัวต่อไป นี้ผมเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่าครับ’ สำหรับฉันความคิดของเขาไม่ได้เห็นแก่ตัวเลย เมื่อเขาเห็นฉันเข้าใจในความรู้สึกของเขา เขาก็ยิ่งดีใจ ‘ผมขอบคุณคุณมาก เพราะเหตุเหล่านี้ทำให้ผมรักและเลือกคุณ เพราะคุณคือคนที่ผมรอคอย แม้ว่าตอนแรกผมรู้จักคุณจะไม่ได้คิดจะรักคุณแต่ยิ่งผมได้สัมผัสคุณผมก็ห้ามใจไม่ได้ คุณมดจะกรุณาผมได้ไหมครับ’ เขากลับมาถามคำถามเดิมกับฉันเพื่อขอร้องให้ฉันตอบรับคำขอแต่งงาน ระหว่างนั้นฉันก็เริ่มคิดและคิดว่าจริงๆแล้วฉันรู้สึกอย่างไรกับเขา แต่ความคิดของฉันก็ไม่มีคำตอบ ฉันจึงขอเวลาเขาหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะให้คำตอบเขา โดยที่ฉันจะไม่พบเขาจนถึงวันนั้น ซึ่งเขาก็ตกลงและหวังว่าจะได้รับข่าวดี แต่ถ้าฉันไม่ให้โอกาสเขาก็ขอให้ฉันส่งแหวนวงนี้คืน แล้วเขาจะรู้ความนัยจากฉัน เพราะเขาไม่กล้าพอที่จะได้ยินคำว่าไม่จากปากฉัน ซึ่งหลังจากวันนั้นฉันก็ไม่มีโอกาสได้คุยกับเขาอีกแลยจนบัดนี้” น้ำเสียงของฉันเริ่มสั่นเครือลงเรื่อยๆ

“แกปฏิเสธเขาใช่ไหมมด แล้วเขาหายไปไหน ทำไมเขาไม่กลับมาหาแก” ยายลูกกวาดถามฉันก่อนจะตกใจที่อยู่ดีๆ ก็เห็นสาวห้าวสุดขั้วอย่างฉันกำลังจะร้องไห้ ยายลูกกวาดโอบกอดฉันอย่างปลอบประโลม

“เฮ้ย ใจเย็นไอ้มด ไม่ต้องร้องไห้ เดี่ยวเสียสถาบันแกหมดนะโว้ย นี้ถ้ามินนี่กับพราวมันมาเห็นจะเอาไปเล่าลืออีกนานนะแก” ยายแจงพูดติดตลกแต่ฉันก็รู้ว่านั้นเป็นการช่วยห้ามไม่ให้ฉันหลั่งน้ำตา ฉันกล้ำกลืนก้อนแข็งๆที่จุกอยู่ที่คอให้ลงไปก่อนจะเล่าเรื่องต่อ

“ฉันผิดเอง เพราะฉันไม่รู้ว่าฉันรักเขาหรือเปล่า ฉันจึงเป็นคนที่ทำให้เขาจากฉันไปตลอดกาล”ฉันสารภาพ

“เแล้วทำไมแกไม่ปรึกษาฉันกับไอ้ลูกกวาดมันล่ะ” ยายแจงเริ่มทำเสียงดุใส่

“ตอนนั้นพวกแกทุกคนต่างก็ยุ่ง มินนี่กับพราวก็ยุ่งเรื่องสามี ไอ้ลูกกวาดก็กำลังหางานใหม่ ส่วนแกก็ไปต่างจังหวัด และที่สำคัญฉันก็เหมือนกับไอ้ลูกกวาดที่อายที่จะเล่าเรื่องความรักเพราะเรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับฉัน”

“เวรจริงๆ” สองสาวเอ่ยพร้อมๆกับ

“ในสัปดาห์นั้นฉันเฝ้าถามตัวเองว่ารักหรือไม่รักเขา แม้ใจหนึ่งฉันจะบอกว่าใช่ แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่าไม่ ในชั่ววูบความคิดโง่ๆของฉัน ทำให้ฉันส่งแหวนกลับไปให้เขา แต่พออีกวันฉันก็กลับคิดได้ว่า ฉันมันบ้าที่สุด นี่ฉันอะไรลงไป ฉันรักเขานะ ฉันรักเขา ฉันไม่ได้ทำร้ายแค่ใจเขาแต่ทำร้ายใจตัวเองด้วย แม้ว่าฉันจะยอมรับกับตัวเองแล้ว แต่ฉันก็ยังขี้ขลาดเกินกว่าจะไปหาเขาและบอกว่าฉันก็รักเขาเหมือนกัน ฉันเฝ้าแต่บอกว่าพรุ่งนี้ละกัน ฉันจะไปบอกว่าฉันก็รักคุณเหมือนกัน แต่ฉันก็ทำให้คำว่าวันพรุ่งนี้มันสายเกินไป” ทำนบน้ำตาของฉันแตกสลายลงทันใด น้ำตาของฉันหลั่งไหลรินรดอกยายลูกกวาดที่ฉันอยากจะคิดว่ามันเป็นอกของเขา ชายคนแรกที่ฉันรัก

น้ำตาของฉันทำเอาสองสาวเพื่อนรัก ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ยายลูกกวาดได้แต่กอดฉันไว้ ยายแจงก็คอยปลอบโยน ฉันสะอึกสะอื้นร่ำไห้ไปพักใหญ่ สุดท้ายความเป็นตัวของตัวเองก็เริ่มกลับคืนมา ฉันซับน้ำตา ยายแจงก็ยัดบรั่นดีที่สั่งมาเมื่อไรก็ไม่รู้ให้ฉันดื่ม เพื่อปรับสภาพจิตใจให้เข้มแข็งอีกครั้ง ความร้อนวาบของบรั่นดีที่ไหลผ่านลำคอช่วยฉันได้มากจริงๆ

“มดไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวเรากลับบ้านกันเถอะ ไว้แกดีกว่านี้ค่อยเล่าให้พวกเราฟังก็ได้นะ” ฉันสั่นศีรษะปฏิเสธ

“ไม่เป็นไร ฉันอยากเล่าเรื่องนี้ให้จบในวันนี้”

“ดีมากไอ้มด แกต้องยอมรับให้ได้ มาเล่ามาเลย ว่าแต่ว่าเถอะในเมื่อแกรู้แล้วนี่หว่าว่าแกรักเขา ที่ส่งแหวนกลับคืนให้เขาเพราะแกสับสน ทำไมเขาไม่ยอมเข้าใจแกว่ะ ถ้าเขางี่เง่าอย่างนั้น แกก็อย่าไปเสียใจให้เขาเลย”

“เปล่าไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจแต่ฉันไม่มีโอกาสได้พูดกับเขาต่างหาก ฉันเป็นคนทำให้เขาจากฉันไป ทิ้งฉันไป และไม่ยอมพูดกับฉันอีกเลย วันนั้นที่ฉันไปหาเขาที่ สน. เขาก็ไม่อยู่แล้ว เขาต้องไปทำคดีด่วน ฉันรีบออกไปหาเขาเพราะไม่รู้ว่าเขาจะได้รับแหวนจากฉันหรือยัง แต่แกรู้ไหมวันที่ฉันกำลังจะได้บอกว่าฉันรักเขา ฉันกลับไม่มีโอกาสอีกเลยเพราะ คดีด่วนที่เขาต้องไปทำก็คือการออกตามล่าผู้ร้ายสำคัญอยู่ ฉันเข้าไปไม่ถึงตัวเขา ได้แต่มองเขาไกลๆอยู่กับผู้คนที่มามุงดู ฉันกลัวจับจิตจับใจ ฉันกลัวแทนเขา กลัวว่าฉันจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว และสุดท้ายความกลัวของฉันก็เป็นจริง เขาไม่อยู่ที่จะรับฟังฉันอีกตลอดกาล เพราะเขาตายไปแล้ว ตายจากฉันไปต่อหน้าต่อตาฉัน ทั้งๆที่ฉันยังไม่มีโอกาสได้บอกรักเขาสักคำ ฉันโกรธเขาที่ไม่ยอมรอฉัน แต่ที่สำคัญฉันโกรธตัวเอง”

“มด” เสียงอุทานด้วยความตกใจของเพื่อนสาวดังขึ้น แต่มันไม่ได้แทรกเข้าไปในโสตประสาทของฉันเลย สิ่งที่ฉันรับรู้ได้ตอนนั้นคือความเค็มของน้ำตาฉันที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้งโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลย

“โกรธที่ไม่ยอมมาหาเขาเร็วกว่านี้สักนิด มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ ฉันหลอกตัวเองว่าคงกำลังฝันร้ายหรือเปล่า พอตื่นขึ้นมาก็จะเป็นวันที่ฉันจะไปบอกรักเขา แต่ความจริงมันเจ็บปวดและร้ายกาจ เพราะมันไม่มีคำว่าวันพรุ่งนี้อีกแล้ว ฉันพบเขาอีกครั้งในห้องดับจิต มันเย็นจับขั้วหัวใจ เขาก็คงจะเหน็บหนาวและเหงาเหลือเกิน และเขาก็คงเกลียดห้องนี้พอๆกับฉัน ฉันรีบพาเขาออกมา และบอกว่ารักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินมันเลย รู้ไหมว่าตอนนั้นฉันคิดอะไร”


เสียงอึกทึกรอบกายและความรู้สึกของหยดน้ำตาที่ตกต้องหลังมือกลับเป็นคำตอบ เพราะไม่เสียงใดๆเล็ดรอดมาจากเพื่อนฉันเลย

“ฉันคิดแต่ว่าถ้าฉันมีโอกาสสักครั้ง ฉันขอไม่มาก ขอแค่ได้บอกเขาว่าฉันรักเขาก่อนเขาจะจากฉันไปก็พอ แต่ยังน้อยฉันก็ยังโชคดีที่เขาจากไปโดยที่ไม่คิดว่าฉันปฏิเสธเขาเพราะแหวนที่ฉันส่งคืนเขามันไปถึงเขาหลังจากวันนั้นอีกวัน” ฉันยิ้มทั้งน้ำตาพลางยกแหวนวงน้อยขึ้นมาจูบ

“มด ฉันคิดว่าเขาคงรู้แล้วว่าแกก็รักเขาเหมือนกัน เขาคงรับรู้ได้จากที่ใดที่หนึ่ง หรืออาจจะเป็นจากท้องฟ้าทะเลดาวที่เขาชอบก็ได้นะ”ยายลูกกวาดกระซิบบอกฉันทั้งๆที่เธอเองก็ร้องไห้เหมือนฉัน

“ฉันก็คิดเหมือนไอ้ลูกกวาดนะ เขาคงรู้แล้วละ แล้วแหวนวงนี้ใช่วงที่เขาให้แกหรือเปล่า”

“ใช่ หลังจากนั้นฉันก็สวมแหวนวงนี้ตลอดมา รวมทั้งอัฐิที่เหลือจากที่ฉันไปลอยอังคารให้เขา ฉันก็เก็บไว้ใกล้หัวใจฉันเสมอ ที่ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้พวกแกฟังวันนี้ก็เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของเขา” น้ำเสียงของฉันมั่นคงขึ้นและน้ำตาก็เริ่มเหือดแห้งลง

“มด แกเข้มแข็งมาก แกไม่เคยเล่าเรื่องให้ใครฟังเลย และฉันก็ไม่เคยเห็นแกแปลกไปเลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับแกได้เลยนะ” ยายแจงชมฉัน

“เปล่าเลยที่ฉันไม่เล่าให้ใครฟังเพราะฉันอ่อนแอต่างหาก ฉันไม่รู้ว่าถ้าฉันเล่าให้ใครฟังเมื่อไร ฉันก็คงต้องร้องไห้แบบวันนี้แน่ ฉันไม่อยากเป็นคนอ่อนแอในสายตาเพื่อน”

“มด ฉันเคยคิดว่าความรักของฉันมันเศร้าแล้วนะ แต่พอมาฟังเรื่องของแกเรื่องของฉันมันกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย” ยายลูกกวาดผุ้ซึ่งมีประสบการณ์รักอันเจ็บปวดไม่น้อยกว่าฉันสรุป

“ไม่หรอกไอ้ลูกกวาด ความเศร้าของทุกคนต่างกันออกไป ฉันอาจจะเสียคนรักแต่อย่างน้อยฉันก็โชคดีที่เขารักฉัน และเขาก็คงจะรุ้ว่าฉันรักเขาเหมือนกัน แต่แกเสียอีกที่เสียคนที่แกรักไปด้วยที่เขาไม่รักแกเลย” นั่นสินะฉันโชคดีเหลือเกินที่ในชีวิตฉันได้สัมผัสถึงคำว่ารัก

“ลูกกวาดฉันอยากจะบอกแกอย่างหนึ่งนะ ถ้าตอนนี้แกยังโชคดีที่จะมีโอกาสได้รับความรักจากใครอีกสักครั้ง ฉันอยากให้แกทบทวนให้ดีๆ ถ้าใจแกบอกว่าใช่ก็ยอมรับกับตัวเอง อย่ารั้งรอที่จะบอกเขา หรือถ้าแกยังไม่แน่ใจก็ให้โอกาสเขาสักครั้ง เพราะฉันไม่อยากให้แกเป็นแบบฉัน ที่คำว่าพรุ่งนี้ก็สายไป”

“ขอบใจมด ฉันจะจำไว้ ฉันจะค้นหาหัวใจและความรู้สึกตัวเองให้พบ และจะซื่อสัตย์ต่อมัน” ยายลูกกวาดคงจะเอาคำพูดของฉันไปตรึกตรองถึงความรู้สึกของตัวเองกับริชชี่ ส่วนยายแจงตอนนี้ก็เริ่มเงียบลงจนผิดปกติ

“ไปเถอะพวกเรากลับบ้านดีกว่า วันนี้สะเทือนอารมณ์พอแล้วกับเรื่องของฉัน อาทิตย์หน้าเราอาจจะได้เห็นน้ำตายายแจงก็ได้ ใครจะไปรู้” ฉันกลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม เพราะนี้คือฉัน แบบที่ฉันเป็น และแบบที่เขารัก

จะมีสักคำไหม บอกแทนหัวใจฉัน แทนวันซึ้งๆที่มีให้กัน ที่ไม่มีวันจะลบไป
แทนคำว่าห่วงใย อภัยให้กันเสมอ แทนคำว่าฉันจะเคียงข้างเธอ ในวันที่เธอมีน้ำตา
แต่คำคำนั้นเราลืมพูดกัน ปล่อยให้เป็น แค่ความเข้าใจ
แต่มันนานเกินไป จึงอยากได้ยินอีกครั้ง
บอกสิบอกว่ารัก บอกสิบอกว่ารัก
มันพูดไม่ยากสักหน่อย บอกสิจะได้รู้
อย่าเก็บอยู่ในใจ มีใครบางคนอยากฟัง
บอกสิบอกว่ารัก บอกสิบอกว่ารัก
มันพูดไม่ยากเท่าไหร่ บอกก่อนที่จะสาย หากต้องจากกัน
วันนี้เธอบอกรักหรือยัง
แต่คำคำนั้นเราลืมพูดกัน ปล่อยให้เป็น แค่ความเข้าใจ
แต่มันนานเกินไป จึงอยากได้ยินอีกครั้ง
บอกสิบอกว่ารัก บอกสิบอกว่ารัก
มันพูดไม่ยากสักหน่อย บอกสิจะได้รู้
อย่าเก็บอยู่ในใจ มีใครบางคนอยากฟัง
(เพลงวันนี้เธอบอกรักหรือยัง. เทเรซ่า อากีล่าร์)



Create Date : 02 พฤษภาคม 2550
Last Update : 2 พฤษภาคม 2550 17:06:33 น. 7 comments
Counter : 545 Pageviews.

 
มายกมือไหว้ และกล่าวสวัสดีค่ะ



โดย: โสมรัศมี วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:33:12 น.  

 
หวัดดีจ้า ว่าแต่ป้ากลายเป็นปูชนียบุคคลไปแล้วหรือไงหนอ


โดย: ดาริเมยา IP: 58.8.61.160 วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:11:38 น.  

 
สวัสดีค่ะ ป้าดาริ...

มาทักทายยามเย็น


โดย: ม่วงคราม (the violetblue home ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:29:30 น.  

 
เศร้าอ่ะ
พี่ดาริใจร้าย ทำหนูร้องไห้ T-T


โดย: Die unendliche Geschichte IP: 124.120.191.160 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:12:28 น.  

 
แหะๆๆๆ นี้ล่ะคือความต้องการของพี่ ต้องร้องไห้คะ
แบบว่าเป็นคนใจร้ายนะ เกลียดการอ่านนิยายเศร้า แต่ชอบแต่งนิยายเศร้า


โดย: ดาริเมยา IP: 58.8.61.198 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:09:56 น.  

 
อ้าว อัพบล็อคแล้วเหรอ เด๋วไปอ่านก่อนน้า


โดย: คุณนายขาวมณี IP: 202.90.116.153 วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:03:55 น.  

 


โดย: วรา แฟนไท IP: 58.8.191.60 วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:48:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

ดาริเมยา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Love is in the air ความรักล่องลอยอยู่ในอากาศ เพียงแต่คุณจะไขว่คว้ามันได้หรือไหม
[Add ดาริเมยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com