นิยาย : ความฝันที่เติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่า
<<
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
2 เมษายน 2551
 
 

กัมพูชา นคราแห่งปราสาทหิน วันที่ 2 ปราสาทบายน

มาแล้วค่า กะวาจะเล่าตอนไปสังขละบุรีคั่น แต่วารูปยังไม่พร้อมคะ เอาทริปกัมพูชาไปดูก่อนนะคะ

วันนี้ดาริจะพาทุกท่านมุ่งสู่อีกหนึ่งปราสาทหินที่มีชื่อเสียงคะ นั่นคือปราสาทบายน ที่เราจำได้ดีก็ตรงมีพระพักต์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอยู่บนยอดของปราสาท



ก่อนจะไปปราสาทบายน เราต้องเดินทางสู่เมืองนครธม เมืองนครธมนั้น แปลว่า เมืองใหญ่ (ธม แปลว่า ใหญ่) จะมีทั้งหมด 5ประตู โดยที่แต่ละประตูนั้นจะอยู่ห่างกันหลายกิโลเมตรเชียว ประตูทิศใต้นั้นจะไว้สำหรับคนในนครวัดเข้ามาขายของ ทิศเหนือสำหรับพระสงค์ ทิศตะวันออกเป็นประตูชัยและประตูผี ส่วนทิศตะวันตกสำหรับนักโทษ








รถขับพาพวกเราชมลานช้าง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ ที่สำหรับให้องค์พระมหากษัตริย์นั่งทอดพระเนตรการสวนสนาม การซ้อมรบ และการเฉลิมฉลองต่าง ๆ แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสลงไปคะ เพราะเวลากะชั้นชิดเหลือเกิน


ถัดไปจากลานช้างคือ ลานพระเจ้าขี้เรื้อน เสียดายหนักกว่าคือแม้แต่รูปก็ถ่ายไม่ทันคะ สำหรับลานพระเจ้าขี้เรื้อน มะลิบอกว่าเค้าสันนิษฐานว่ามีไว้สำหรับตัดสินคดีความ เอาล่ะเราก็เลยต้องมุ่งสู่ปราสาทบายนกันดีกว่าคะ



ปราสาทบายน เป็นปราสาทหิน อยู่ในบริเวณของใจกลางนครธม สร้างขึ้นเป็นวัดประจำสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7



เมื่อเข้าสู่ปราสาทบายน ก่อนจะเข้าสู่ตัวปราสาท เราจะเดินผ่านระเบียงของปราสาท และในบริเวณนี้เราจะพบเสาหินที่มีรูปแกะสลักนางอัปสราร่ายรำ สำหรับการแกะสลักของที่นี้จะเป็นแบบนูนต่ำ




สำหรับการร่ายรำของนางอัปสราทั้งหลาย นั้นคาดว่าจะเป็นท่วงท่าที่นำมาจากนาฏยศาสตร์ นาฏยศาสตร์นั้นเริ่มต้นมาจากการร่ายรำขององค์พระอิศวรที่ทรงปราบยักษ๋ค่อมมุยะละคะ หรืออสูรมูลาคนี พระอิศวรจึงทรงเอาพระบาทเหยียบยักษ์ค่อมนั้นไว้ แล้วทรงฟ้อนรำต่อไปจนหมด กระบวนท่าซึ่งร่ายรำในครั้งนี้ทำให้เกิดเทวรูปที่เรียกว่า "ปางนาฏราช" หรือ "ศิวะนาฏราช การร่ายรำครั้งนี้ถือเป็นการร่ายรำครั้งที่ ๑ ของพระอิศวร



ต่อมาพระยาอนันตนาคราชซึ่งได้ติดตามพระเป็นเจ้าทั้งสองเมื่อครั้งไปปราบพวกฤาษี ได้เห็นพระอิศวรฟ้อนรำเป็นที่งดงาม จึงใคร่อยากชมพระอิศวรฟ้อนรำอีก พระนารายณ์จึงแนะนำให้ไปบำเพ็ญตบะบูชาพระอิศวรที่เชิงเขาไกรลาศ เพื่อให้พระอิศวรทรงเมตตาประทานพรจึงทูลขอพรให้ได้ดูพระอิศวรทรงฟ้อนรำตามประสงค์ ครั้นเมื่อพระยาอนันตนาคราชบำเพ็ญตบะ จนพระอิศวรเสด็จมาประทานพรที่จะฟ้อนรำให้ดู โดยตรัสว่าจะเสด็จไปฟ้อนรำให้ดูในมนุษยโลก ณ ตำบลจิดรัมบรัม หรือ จิทัมพรัม ซึ่งอยูทางตอนใต้ของอินเดีย เพราะเห็นว่าเมืองนี้เป็นศูนย์กลางของมนุษยโลก พระอิศวรแสดงการฟ้อนรำให้ประชาชนชมถึง ๑๐๘ ท่าด้วยกัน ประชาชนจึงสร้างเทวาลัยขึ้นที่เมืองนี้ เพื่อเป็นที่เคารพบูชาแทนองค์พระอิศวร ภายในเทวาลัยนี้แบ่งออกเป็น ๑๐๘ ช่อง เพื่อแกะสลักท่าร่ายรำของพระอิศวรไว้จนครบ ๑๐๘ ท่า การร่ายรำครั้งนี้ถือเป็นการร่ายรำครั้งที่ ๒ ของพระอิศวร

ข้อมูลจากเวบ //www.thaidances.com/



ต่อจากนั้นมะลิพาพวกเราปีนป่ายขึ้นสู่ชั้นบนพอให้ขาสั่นขึ้นไปชมใบหน้าที่ยิ้มที่เรารู้จักว่ายิ้มแบบบายน






ด้วยความที่เวลาเรามีน้อย อาจจะเพราะเราออกช้าไป และมัวแต่ไปถ่ายรูปจุดอื่นๆ ทำให้เราพลาดที่จะชมภาพแกะสลักต่างๆที่ปราสาทบายนแห่งนี้จะแกะสลักเป็นรูปประวัติศาสตร์และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวขอมสมัยนั้น เราเลยได้ดูแต่ตัวปรางค์ปราสาทหลักๆเท่านั้นคะ




พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ผู้ทรงสร้างปราสาทบายนแห่งนี้ ทรงเป็นผุ้รวบรวมอาณาจักรขอมให้กลับมาเฟื่องฟูใหม่ หลังจาก สิ้นพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในราวปีพ.ส.1695 หลังจากนั้นอาณาจักรขอมก็ถูกกองทัพเรือของพวกจามเข้าโจมตีและทำลายเมือง



กระทั่งในปีพ.ศ.1724 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้ขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ทำการแก้แค้นพวกจาม โดยยกกองทัพไปในอาณาจักรจัมปาของพวกจาม และเมื่อปราบพวกจามได้ก็ทรงตั้งน้องเขยของพระองค์เป็นกษัตริย์จามแทน อาณาจักรจัมปาจึงตกเป้นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอมตั้งแต่ปี พ.ศ.1746-1763



ปราสาทบายนนั้นถือเป็นศูนย์กลางของนครธมและยังเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรอีกด้วย

ที่ปราสาทบายนนี้เราจะเห็นได้ว่า ลักษณะการสร้างปราสาทบายนต่างจากปราสาทอื่นๆ เพราะพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ต่างจากกษัตริย์พระองค์อื่นที่นับถือศาสนาพราหมณ์ ดูได้ง่ายๆจาก ยอดปรางค์ปราสาทที่แกะสลักเป็นใบหน้าที่เชื่อว่าเป็นพระพักตร์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือใบหน้าของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ที่คอยทอดสายตาสอดส่องความเป็นอยู่ของประชาชน




ดูแต่ตัวปราสาทมาแล้ว ก้ต้องมาดูสิ่งที่ขาดไม่ได้กับปราสาทหินคืออัปสราประจำปราสาทบายนกันคะ




สำหรับผ้านุ่งของอัปสราแบบบายนนี้ จะพิเศษกว่ายุคอื่นๆคือ ผ้านุ่งนั้นจะประกอบด้วยชายผ้าใหญ่รูปสามเหลี่ยมพับซ้อนกันด้านหน้า แล้วชายผ้านี้จะค่อยๆคลี่ออกมาและกลายเป็น หาง เราเรียกกันว่าหางปลาฉลาม




พักเรื่องหนักๆ มาอำชาวบ้านกันดีกว่า



นี้ก็อัปสราคะ แต่มาจากไทยแลนด์ อิๆๆๆ โดนกันอีกแล้ว



อัปสราไทยแลนดร์ เลยมานั่งเหม่อลอยทำมิวสิคมองดูเหล่าอัปสรากัมพูชาตรงนี้เอง

ได้อำชาวบ้านแล้ว เสียวสันหลังเหมือนกันนะเนี่ย เลยขอกลับมาเล่าเรื่องปราสาทกันต่อคะ




สำหรับปรางค์ปราสาทบายนนั้นเมื่อแรกเริ่มจะมีทั้งหมด54 ปรางค์ เท่ากับจำนวน จังหวัดที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปกครองในยุคนั้น แต่ปัจจุบันพังทลายลงไปเหลืออยู่แค่ 37 ปรางค์เท่านั้น



ตอนเรามาเดินกันที่ปราสาทบายนขอบอกว่าร้อนสุดๆคะ ตัวดำเป็นเหนี่ยงเลยคะ ซันบล็อกโปะแล้วก็เอาไม่อยู่แตว่า พวกเราก็ไม่หวั่นในเรื่องถ่ายรูปคะ





และการได้มาที่นี้ทำให้รู้ว่ากิจกรรมที่หลายคนชอบคือการถ่ายรูปจูบกับหน้าของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพราะว่าเพื่อนดาริร่ำร้องอยากจะถ่ายรูปมาตั้งแต่ขึ้นชั้น 3 แต่ไม่ว่าใครก้ตามก็ต้องถ่ายมุมนี้เหมือนกันคะ นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ก้พอกันเลียนแบบพวกเรา





แต่ยายคนในรูปน่ะ คนไทยแท้ๆคะ ดำซะขนาดนั้น



หลังจากถ่ายรูปกันจนหนำใจ ก็ปีนป่ายขาสั่นลงๆมาข้างล่างคะ






แนะนำคนชอบถ่ายรูปว่าให้ใส่เสื้อผ้าสีสดๆเค้าไว้คะ รูปออกมาจะได้สวยๆ เห็นได้ชัดแจ๋ว




หุๆๆ และพวกเราก็ สรรหาการถ่ายรูปจริงๆคะ ไปกัมพูชาคราวนี้ พวกเรามีท่าประจำกลุ่มคือ กระโดดถ่ายรูปคะ คนอื่นคงคิดว่าไอ้พวกนี้มันแปลก




ได้เวลาต้องอำลา ปราสาทบายนแล้วคะ แต่ก้ต้องถ่ายหมู่กันไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย



บ๊าย บายปราสาทบายน มุ่งหน้าสู่ปราสาทตาพรหมกันต่อคะ ถ้ามีโอกาสจะมาใหม่ให้ได้




ระหว่างทางที่จะไปปราสาทตาพรหมเราก็ขับรถผ่านปราสาทนางสิบสองคะ เห็นมะลิบอกว่า เป็นปราสาทที่สร้างให้นางสนมคะ



เราออกจากนครธม มุ่งหน้าสู่ปราสาทตาพรหม ที่โด่งดังจากที่เป็นฉากในเรื่องTomb rider ของแม่สาวโจลี่ย์นั้นล่ะคะ





 

Create Date : 02 เมษายน 2551
9 comments
Last Update : 2 เมษายน 2551 16:49:38 น.
Counter : 5619 Pageviews.

 

อยากไปค่ะ แต่กลัวขึ้นไปแล้วลงมาไม่ได้

 

โดย: เบบูญ่า 2 เมษายน 2551 14:39:01 น.  

 

คุณเบบูญ่า คะความชันของปราสาทก็พอๆ กับพวกปราสาทแถวๆ อยุธยานั้นละคะ

 

โดย: ดาริเมยา 2 เมษายน 2551 16:54:35 น.  

 



ภาพสวยมากๆ เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยล่ะ

 

โดย: อุ้มสี 2 เมษายน 2551 17:10:06 น.  

 

สวยจังเลยครับ
ภาพถ่ายปราสาทตัดกับท้องฟ้าสีเข้ท

อยากจะไปเยือนที่นี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต

 

โดย: กระต่ายไม่ขูดมะพร้าว 2 เมษายน 2551 21:55:53 น.  

 

สวยจังเลยค่ะ น่าเที่ยวนะค่ะ
สวยทุกรูปเลยค่ะ

 

โดย: whitelady 2 เมษายน 2551 22:39:35 น.  

 

ดาริเมยา เผากันในกระทู้ไม่พอ ในบลอกก็ยังตามมาเผากันอีก
แต่เผายังงัยเราก็ไม่มีวันดำ

 

โดย: แม่มด IP: 203.107.219.226 6 เมษายน 2551 23:39:04 น.  

 

รูปสวย...

 

โดย: kairas IP: 124.120.81.195 19 เมษายน 2551 20:18:50 น.  

 

สวยครับ น่าเทียวมาก

 

โดย: บายน IP: 124.121.173.36 7 เมษายน 2553 15:58:11 น.  

 

สวยมากครับ น่าไปเที่ยวมากเลย ง่ะ

 

โดย: บายน IP: 124.121.173.36 7 เมษายน 2553 15:59:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

ดาริเมยา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Love is in the air ความรักล่องลอยอยู่ในอากาศ เพียงแต่คุณจะไขว่คว้ามันได้หรือไหม
[Add ดาริเมยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com