Group Blog All Blog |
เที่ยวสงกรานต์ ล่องแม่น้ำโขง แม้จะผ่านเทศกาลสงกรานต์มาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังคิดถึงบรรยากาศดีๆ ตอนที่ไปท่องเที่ยวได้อยู่ จึงอยากมาแบ่งปันเรื่องราวในบล็อกนี้ค่ะ โปรแกรมเที่ยวคือ เดินทางขึ้นเหนือเที่ยวจังหวัดน่าน ล่องเรือบนแม่น้ำโขงข้ามไปฝั่งลาว เดินทางตั้งแต่วันที่ 12 - 16 เมษายน 2556 เวลาตี 3
พอดีไม่ใช่คนเก็บข้อมูลเก่งอะไร เลยจำรายละเอียดไม่ได้มากนัก แต่ก็อยากแบ่งปันเรื่องราวและเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ มาฝากชาวบล็อกค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นรูปจากวัดพระธาตุสุโทนมงคลคิรี จ.แพร่ (วัดสวยมากๆ) จากนั้นก็เดินทางต่อไปล่องแม่น้ำโขงกัน โดยผ่านทางด่านห้วยโก๋น จ.น่าน (คนเยอะมาก) ดูสิ เห็นคุกลาวด้วยล่ะ เห็นเขาว่าที่นี่ยังน่าอยู่กว่าบ้านคนลาวซะอีก (ไม่ได้พูดเองนะคะ คนนำเที่ยวเขาบอกมา) ระหว่างอยู่บนเรือ 5-6 ชั่วโมงก็เริ่มไม่มีอะไรจะทำ เลยถ่ายภาพเครื่องดื่มแบบบ้านเรา ในเวอร์ชั่นภาษาลาวมาให้ชมกันซะหน่อย อันที่จริงบนเรือเขาก็จัดกิจกรรมให้เล่นนะคะ มีร้องคาราโอเกะ เล่นไพ่ ตามแต่ใจเราเลย ทานข้าวก็ทานบนเรือนั่นแหละ เป็นบุฟเฟ่ต์ด้วยนะ ห้องน๊งห้องน้ำสะอาดมีพร้อม ^v^ หลังจากแล่นเรือมานานหลายชั่วโมง (ยังไม่ได้ขึ้นฝั่งนะคะ) เรือก็ถูกแวะจอดที่ถ้ำลุ่มแห่งหนึ่ง เป็นถ้ำที่ภายในมีแต่พระโบราณองค์เล็กๆ เรียงกันอยู่ในถ้ำหินเต็มไปหมด ภายในถ้ำมีบริเวณพื้นที่ไม่มาก แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถานที่แบบนี้มาตั้งสันโดษอยู่ริมแม่น้ำโขงได้ ประมาณว่าถ้าใครอยากจะมาไหว้พระที่นี่ต้องมาทางเรืออย่างเดียว แถมแม่น้ำโขงกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาก มีน้ำวนหลายแห่ง ต้องอาศัยผู้ชำนาญเส้นทางพามาถึงจะมาถึงที่ได้ ไม่ได้ถ่ายรูปข้างในเพราะคนเยอะ ถ้ำเป็นถ้ำเล็กๆ เจอคนเยอะๆ เข้าไปก็เบียดกันจะแย่แล้ว หลังจากนั่งเล่น นอนเล่นบนเรือมานาน โดนลมพัดจนหน้ามันแล้ว ก็ได้ขึ้นฝั่งอย่างเป็นทางการ ขึ้นรถตู้ให้เขามาส่งที่โรงแรมวังไผ่คำ โรงแรมนี้อยู่ในระดับ 3.5 ดาว ถ้าเทียบเป็นเงินก็ประมาณ 65$ ดีที่ค่าเงินบาทไทยมีค่ามากกว่าลาว และตอนนี้ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าอยู่เลยได้ที่พักหรูพักสบายๆ เลย ตื่นเช้ามาก็ไปตักบาตรข้าวเหนียวกับครอบครัว เท่าที่รู้ประเทศไทยทางภาคเหนือก็มีธรรมเนียมการตักบาตรข้าวเหนียว แต่เราก็เพิ่งรู้จักธรรมเนียมนี้เป็นครั้งแรกที่นี่แหละ แถมพระภิกษุสงฆ์เยอะมากๆ ท่านจะเดินไม่รอ เราต้องรีบปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนเล็กๆ ใส่บาตรแต่ละรูปให้ทัน รูปไหนใส่ไม่ทันก็ผ่านไป เพราะยังไงก็มีพระเหลือให้ใส่อีกเยอะมาก ข้าวเหนียว 1 กระติ๊บใส่บาตรพระได้ประมาณ 30 รูปแหนะ ก่อนข้าวเหนียวจะหมดเราต้องเหลือข้าวเหนียวไว้อย่างน้อย 1 ก้อนหรือ 2 ก้อน ไว้ก้นกระติ๊บเพื่อนำข้าวเหนียวเหล่านั้นไปวางไว้ตามกำแพงหรือบนต้นไม้ เพื่อเป็นการให้ทานแก่พวกนก เด็กยากไร้ที่ไม่มีข้าวทาน หรือสัพผเวสีทั้งหลาย ตามความเชื่อของคนที่นี่ ส่วนวัดที่ท่านเห็นในรูปก็คือวัดนี้... พอตกเย็นก็ไปทานข้าวกันที่ร้านอาหาร อ่านไม่ออกว่าชื่ออะไร แต่อาหารอร่อยดี อาหารของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นบ้าน เน้นพวกผัก พวกเนื้อส่วนใหญ่ก็จะเป็นปลา มีหมู ไก่บ้าง คงเพราะเขารู้ว่าเราเป็นคนไทย เมนูต่างๆ เลยรสชาติไม่จัดจ้าน (อันที่จริงบางอย่างรสจัดหน่อยก็ดีเน้อ พวกต้มยำ อะไรงี้) แต่โดยรวมอาหารอร่อยมากค่ะ แถมจานนึงให้เยอะมากด้วย ถ้าไปสั่งกินที่เมืองไทยเห็นแต่พวกจานใหญ่ๆ มีปริมาณอาหารที่ดูไม่ค่อยเหมาะสมกับพื้นที่ในจานเท่าไหร่ 555 แถมพนักงานต้อนรับก็อยู่ในชุดประจำชาติลาว ยังมีการแสดงรำพื้นเมืองโชว์ระหว่างทานอาหารอีกด้วย ก็เลยกินเพลิน ดูเพลิน ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเลย (ห่วงกินนั่นเอง) เหลือแต่ป้ายหน้าร้านที่ถ่ายไว้ตอนทานอาหารเสร็จแล้ว ชื่อร้านอะไรออกเสียงไม่ถูก กินอิ่มพุงพลุ้ยเสร็จก็ไปเดินย่อยอาหารที่ตลาดมืด เห็นคนนำเที่ยวเขาบอกว่าถ้าซื้อของที่นี่ ให้ต่อราคาลงได้อีก 30% แถมไม่ต้องกลัวเรื่องภาษา คนที่นี่พูดภาษาไทยได้ ถ้าอยากถามราคาเป็นภาษาลาวก็พูดว่า 'จั๊กบาท' = กี่บาท เนื่องจากเป็นเหมือนถนนคนเดินเลยมีคนเยอะ ก็เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ อีกอย่างกล้องของ จขบ.ก็เก่าใกล้เกษียณแล้ว ภาพถ่ายเลยไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ก็เลยเก็บบรรยากาศมานิดเดียว ของที่ขายส่วนใหญ่เป็นพวกผ้าไหม ผ้าซิ่นแบบที่ผู้หญิงชอบเอาไว้นุ่ง แล้วก็มีร้านขายเครื่องประดับที่ทำจากเงินอยู่หลายร้านเลย (แน่นอนว่าเป็นเงินชุบ) มีพวกน้ำปั่นกับของกินนิดหน่อย แต่โดยส่วนตัวคิดว่าที่นี่ของแพงค่ะ สินค้าไม่หลากหลาย คุณภาพสู้งานของเมืองไทยไม่ได้ สินค้าหลายๆ อย่างดูเหมือนจะรับจากเมืองไทยมาขาย แต่ขายในราคาที่เท่ากัน รู้สึกเอาเปรียบผู้บริโภคมากไปหน่อย อีกอย่างถึงจะบอกว่าต่อราคาได้ 30% แต่พอเจอเข้าจริงๆ พวกนี้ก็ลดให้อย่างมากแค่ 10-20 บาท ถามเพื่อนๆ ในทัวร์คนอื่นมาแล้ว ก็บอกว่าลดได้แค่นี้เหมือนกัน (โอ้ว! ฉันคิดถึงเมืองไทย) กลับไปนอนที่โรงแรมดีกว่า เช้าวันต่อมาก็ทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้วไปเที่ยวต่อที่วัด...(กลัวอ่านออกเสียงไม่ถูก) เห็นบนหลังคามั๊ย มีพญานาค 5 ตัว หมายถึงศีล 5 คนที่นี่เค้ามีความเชื่อเรื่องพญานาคอยู่มาก เห็นได้จากเวลาไปเที่ยววัดกี่แห่ง ก็จะมีสัญลักษณ์พญานาคอยู่ด้วยเสมอ จากนั้นก็ไหว้พระไปเรื่อย แล้วไปเที่ยวต่อที่พิพิธภัณฑ์ของลาว เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นที่ประดิษฐานหลวงพระบาง พระคู่เมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ด้วย น่าเสียดายที่ห้ามถ่ายรูป เลยได้แต่เก็บบรรยากาศโดยรอบมาให้ดู ทั้งที่ข้างในนั้นเจ๋งมาก มีของแปลกๆ อยู่เยอะแยะ ทั้งกระจกอินฟินิตี้ ภาพวาดราชวงศ์แบบ 3 มิติ ทั้งที่สมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยีอะไรแต่ก็สามารถทำออกมาได้ ผ้าปักเป็นรูปน้ำตก ปักได้ละเอียดมาก มองไกลๆ นึกว่าเป็นภาพวาดสีน้ำมันซะอีก ขนาดภาพฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ยังมีแค่ 9 มือเอง (มือที่ 10 หายไปไหน?) เรียกได้ว่าข้างในมีแต่ของเจ๋งๆ ใครมีโอกาสไปอย่าลืมแวะมาชมนะคะ ถ้ามองจากบนพิพิธภัณฑ์จะเห็นเป็นวิวแบบนี้ สถานที่ที่ดูเหมือนวัดที่เห็นในรูปข้างในก็จะมี และตรงภูเขาข้างๆ วัด ที่ถูกต้นปาร์มต้นใหญ่บังนั้น คือเขาที่เราจะเดินขึ้นไปไหว้พระ 300 ขั้นบันได (อันนี้เหนื่อยจริงๆ ขอบอก) จากมุมมองบนเขาจะเห็นบ้านเรือนข้างล่าง คนลาวเขาเรียกว่า 'เฮือน' สังเกตในภาพจะเห็นแม่น้ำคาอยู่ด้วย ซึ่งก็คือแม่น้ำที่ไหลไปบรรจบกับแม่น้ำโขง และบ้านคนข้างล่างจะไม่เห็นตึกสูง เพราะกฎหมายของประเทศลาวไม่ให้สร้างบ้านสูงเกิน 2 ชั้น หลังจากนั้นเราก็ไปเล่นน้ำตกกัน ไม่มีภาพให้ดูอีกแล้ว เพราะ จขบ.มัวแต่เล่นน้ำป๋อมแป๋มตัวเปียกไปทั้งตัวอยู่ ^^ อันนี้เป็นภาพท่าเรือวันที่จะเดินทางกลับจากลาวยามเช้าตรู่ ดวงอาทิตย์ยามเช้าระหว่างล่องเรือบนแม่น้ำโขงช่างสวยงามจับใจ (ที่เห็นท้องฟ้าเป็นสีส้มเพราะโปรแกรมของกล้องดิจิตอลค่ะ) ใช้เวลาอยู่บนเรือนานเหมือนเดิม กว่าจะถึงฝั่งก็ประมาณเกือบ 4 โมงเย็น พอกลับมาถึงฝั่งไทยก็ขึ้นรถตู้ให้ไปส่งที่โรงแรมที่จอดรถยนต์ทิ้งไว้ตอนก่อนจะข้ามไปลาว และเตรียมเดินทางไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่จริม จ.น่านต่อ ถึงที่พักประมาณ 1 ทุ่ม หลับสนิทเลย ตื่นมาก็ทานอาหารเช้าและนัดกับเพื่อนๆ ไปล่องแก่งกันที่ แก่งแม่หว้า แต่แก๊งค์เราก็ผ่าเหล่ามาเที่ยวเอาตอนฤดูร้อน น้ำในแก่งมันเลยน้อย ช่วงเป็นแก่งน้ำก็ไม่ค่อยแรง บางช่วงน้ำก็นิ่งมาก บางช่วงน้ำก็ไหลย้อนกลับ? เล่นพาเรือไหลย้อนถอยหลังไปด้วย เล่นเอาพายกันหืดขึ้นคอ กลับมาตัวดำกันทั้งครอบครัว พายเรือเสร็จก็กลับมาเก็บของที่ที่พักเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ ระหว่างขับรถกลับก็แวะเที่ยวต่ออีกหน่อย ที่นี่เลย วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน มีพระพุทธรูปปางแปลกๆ ด้วยก็เลยถ่ายภาพเก็บไว้ หลังจากไหว้พระเสร็จก็ออกเดินทางกลับบ้าน ขากลับแวะซื้อของฝากที่ศูนย์ OTOP จ.น่าน ไม่ไกลจากศูนย์ OTOP มีศาลหลักเมือง จ.น่านอยู่ ครอบครัวจขบ. ก็เลยแอบแว๊บออกมาชมสักหน่อย เป็นงานสถาปัตยกรรมที่สวยจริงๆ จขบ.แอบกระซิบถามคุณแม่ว่า ตลอดทริปนี้ตั้งแต่ไปจนกลับ 5 วันเนี่ย คิดราคาต่อคนเป็นเงินเท่าไหร่หรือคะ แม่ก็ตอบว่าประมาณ 1 หมื่นบาท อืม... หนูว่าหนูเที่ยวคุ้มแล้วล่ะค่ะ...
สวัสดีปีใหม่ไทยนะคะทุกท่าน ^v^ |
คุณหนูฤดูร้อน
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() นานาประเทศล้วน นับถือ คนที่รู้หนังสือ แต่งได้ ใครเกลียดอักษรคือ คนป่า ใครเยาะกวีไซร้ แน่แท้คนดง ***พระราชนิพนธ์ ร.6
Friends Blog
Link |
ถ้ำที่มีพระเล้กๆนั่น น่าจะเป็นถ้ำติ่งครับ
ส่วนวัเชียงทองที่หลวงพระบาง
ยังสวยและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เยอเหมือนเดิม...
วัดร่องขุ่น, เชียงราย