|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ภูหลง ป่าปฐมภูมิแห่งสุดท้ายบนเทือกเขาภูแลนคา ตอนที่ 2
ตี 5 เสียงนาฬิกาปลุกดังพร้อมกันจากหลายเต้นท์
เราต้องรีบตื่นจัดการล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเตรียมตัวขึ้นไปสวดมนต์ทำวัตรเช้าตอนตี 5 ครึ่งค่ะ ป้าแจ๋วได้พยายามลุกแต่หัวก็ทิ่ม ทำไมหัวจึงหนักจังเลย ปวดหัวมากๆ นี่เป็นเพราะเราตากฝนที่พร่ำๆแทบทั้งวันเมื่อวานนี้แน่ๆเลย
ลุกค่ะ ต้องลุก ตั้งใจไว้แล้วจะต้องเก็บเกี่ยวให้มากที่สุด โอกาสอย่างนี้ไม่ทำได้บ่อยนัก สวดมนต์ทำวัตรเช้าเสร็จก็นั่งสงบนิ่งและต่อด้วยฟังธรรมจากพระอาจารย์ไพศาล ท่านพูดถึงเรื่องใกล้ตัว เรื่องของธรรมชาติ ฟังเข้าใจง่าย
หลังจากนั้น เราก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ บ้างก็ไปล้างห้องน้ำ เก็บขยะ ล้างลานรอบศาลา เตรียมกาแฟ ส่วนป้าแจ๋วลงครัวค่ะ ไปช่วยเขาหยิบจับเล็กๆน้อยเท่าที่ช่วยได้ พอได้เวลา 7.00 น . สมาชิกที่ชอบดูนกก็เริ่มแบกกล้อง เทเล กล้องส่องทางไกล กล้องถ่ายรูปออกเดินไปดูนกกันที่แนวป่าโปร่งหลังเขา มีน้องกลุ่มรักนกเป็นผู้นำทาง จากกลุ่มเล็กๆ พักเดียวก็มีเพื่อนเดินมาสมทบ เราเห็นนกเขาใหญ่ นกปรอดหัวจุก และก็มีเสียงร้องของนกอีกหลายชนิดดังมาจากราวป่า
เขาที่มองเห็นไกลๆเป็นป่าที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง แต่ก็ได้มีโครงการปลูกป่าภูแลนคาป่าภูหยวกเกิดขึ้น เริ่มลงต้นไม้ใหม่ไปได้มากแล้ว ส่วนชายป่าด้านล่างได้มีการจับจองปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง บ้างก็ทำคอกวัว ก่อนหน้านี้ชาวบ้านใช้สารเคมีในการเกษตรเยอะมาก มีการชะล้างลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้คุณภาพของน้ำและสัตว์น้ำที่เคยอุดมสมบูรณ์ได้เปลี่ยนไป ชาวบ้านรับรู้ผลกระทบและได้พยายามช่วยกันฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำแห่งนี้ สักวันหนึ่งต้นน้ำลำปะทาวจะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
เส้นทางนี่เป็นทางลูกรัง น้ำเซาะเป็นช่วงๆ สองข้างทางมีต้นไม้ที่ชาวบ้านปลูกไว้และไม้ป่าที่ขึ้นเอง สักวันตรงจุดนี้ก็คงจะกลับมาเขียวขจีอีกครั้งหนึ่งค่ะ
ต้นนี้ชื่อต้นเป้าค่ะ ชาวบ้านบอกว่าถ้าเห็นใครมาเก็บเจ้าใบเป้าล่ะก็ แสดงว่าที่บ้านต้องเกิดรถเครื่องล้มหรืออะไรสักอย่าง ชาวบ้านจะใช้ใบนี้รวมกับใบส้านไปปูบนแคร่ไม้ไผ่แล้วสุมไฟด้านล่างคนเจ็บที่ฟกช้ำต้องนอนบนใบไม้ทนความร้อนให้ได้ เพื่อที่จะได้หายไวๆ
เถากระทกรกขึ้นข้างทาง ดอกสวยดี
8.30 น. พวกเราgดินกลับมาสบทบกับเพื่อนที่ครัว เติมกำลังกันก่อนออกเดินทางไปปลูกป่า มื้อกลางวันจะมีชาวบ้านเอาอาหารขึ้นไปส่งบนภูค่ะ เพื่อที่พวกเราจะได้ทำงานได้เติมที่ และระยะทางจากวัดไปถึงจุดที่ปลูกป่าก็ไม่ใช่ใกล้ๆเลย เดินทางลัดเข้าป่าจะประมาณกิโลครึ่ง อ้อมหลังเขาไปตามถนนที่เราเดินไปดูนกก็สองกิโลกว่า ที่ว่านี่เป็นทางขึ้นลงเขานะคะ ไม่ใช่ทางราบ
กระเจียว ดอกเข้าพรรษาขึ้นเต็มสองข้างทางขึ้นเขา
บัวสายในอ่างเก็บน้ำธรรมชาติบนภู
ทยอยกันเดินไปค่ะ ใครไปถึงก่อนก็นั่งคอยเพื่อนๆที่ตามมา ดูนกชมไม้กันไปพลางๆ ป้าแจ๋วก็ได้ใช้เวลานี้เก็บภาพเจ้าผีเสื้อหลากหลายพันธุ์ที่ขยันบินกันซะจริงๆ
เจ้าดำ นักเลงประจำวัดก็ตามท่านอาจารย์ไปด้วย ใจดีกับคนเชียวค่ะ แต่กับหมานี้คงจะไม่ สังเกตุได้จากที่หมาตัวอื่นรีบหลีกให้พ้นทางเมื่อเห็นเจ้าดำเดินมา ส่วนหน้าตาเจ้าดำเองก็สุดๆไปเลย ตาก็แหก แผลยังสดๆอยู่เลยค่ะ
แล้วเราก็ออกไปปลูกป่ากันค่ะ ชาวบ้านได้มาช่วยกันถางพงหญ้าคาไว้แล้วเป็นแนว ผู้ชายแข็งแรงก็รับหน้าที่ขุดไป หญิงสาว เด็กๆก็ช่วยกันขนต้นไม้ ปลูกต้นไม้กันเป็นที่สนุกสนาน
เราปลูกกันตามไหล่เขาจรดไปถึงอ่างน้ำ แดดร้อนสักพัก ฝนเริ่มย้อยเม็ดลงมาสลับกันอย่างนี้ทั้งวัน แต่ก็ยังไม่ย่อท้อกันค่ะ ทำกันตามกำลัง จนกล้าไม้หมด ต้องให้รถลงไปเอามาเพิ่มอีก ไม่น่าเชื่อว่าเราปลูกกันได้เป็นหมื่นๆต้นเชียวค่ะ
พักเที่ยง เรามาพักเอาแรงกันที่กระท่อมพักใจ ชาวบ้านเอาอาหารมาส่งเป็นข้าวเหนียว ปลาย่างชิ้นน้อยๆ 4 ชิ้น ไข่ต้ม 1 ฟอง น้ำพริก 1 ช้อน มีส้มตำแซบๆแถมด้วยถ้าชอบรสจัด บอกตามตรงว่าเราไม่ชินกับอาหารแบบนี้ แต่เราก็กินกันอย่างอร่อยและหมดเกลี้ยง ต่อด้วยขนมที่เตรียมกันไปเอง น้ำก็เตรียมถือกันไปเอง นั่งพักสักครู่เราก็ออกไปทำงานกันต่อ ช่วงบ่ายนี่แดดร้อนสุดๆไปเลย มีเพื่อนหลายคนรวมทั้งป้าแจ๋วเริ่มมีอาการกันแล้ว จากปวดหัวตั้งแต่เมื่อคืน มาถูกฝนอีก รวมทั้งแผลที่ถูกหญ้าบาดทั้งที่แขนและขา พอเหงื่อออกมันทั้งแสบทั้งคันดีจริงๆ แต่ก็มาช่วยในส่วนอื่นแทน พอบ่ายสามโมง เริ่มลมพัดเย็นมาอีกแล้ว ฝนเริ่มลงเม็ดอีกครั้งใครที่ไม่ไหวก็ไปคอยที่กระท่อมก่อน ที่ยังพอไหวก็ทำกันต่อไปจนฝนลงหนักจึงเดินเข้าไปที่กระท่อม เปียกปอนกันเชียวค่ะ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มจากพวกเราเสมอ
อากาศปิดเร็วจริงๆ ครึ้มจนคณะไม่สามารถเคินลัดป่ากลับได้ ต้องเดินอ้อมขึ้นเขาไปลงด้านหน้า เล่นเอาขาล้าไปเหมือนกัน แต่ก็พอมีอะไรให้ชื่นใจระหว่างทาง เมื่อฝนซาเม็ดลง ผีเสื้อก็ออกมาโบยบิน เก็บรูปได้อีกนิดหน่อยก่อนกลับมาอาบน้ำกินยาและก็นอนคลุมโปงเพราะหนาวสั่น ข้าวปลากินแทบไม่ลงแล้ว คืนนี้ฝนเทลงมาทั้งคืนเชียวค่ะ คืนสุดท้ายแล้ว ต้องนอนฟังเสียงป่าให้คุ้มกับที่โหยหา
ติดตามวันสุดท้ายที่ภูหลงด้วยนะคะ
Create Date : 15 สิงหาคม 2548 |
Last Update : 16 สิงหาคม 2548 17:36:18 น. |
|
8 comments
|
Counter : 528 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ดา ดา วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:21:59:40 น. |
|
|
|
โดย: โอน่าจอมซ่าส์(โอเล่คะ) IP: 67.51.156.207 วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:23:39:45 น. |
|
|
|
โดย: วันที่ฝนจาง IP: 203.155.78.94 วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:23:43:11 น. |
|
|
|
โดย: yadegari วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:3:59:21 น. |
|
|
|
โดย: journey (thai_friends ) วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:9:27:21 น. |
|
|
|
โดย: ชมนาด IP: 61.91.105.93 วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:10:58:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|