Time will tell, Only time can tell.

<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
21 ธันวาคม 2549
 

เที่ยวภูกระดึงเดือนธันวาคม ตอนที่ 1

ตอนที่ 1 เตรียมตัวก่อนขึ้นภูกระดึง

เมื่อวันที่ 17-20 ธ.ค.49 เรา น้อง และเพื่อน(ญ) ได้มีโอกาสไปขึ้นภูกระดึงเป็นครั้งแรกในชีวิต จริงๆ แล้วอยากจะไปตั้งนานแล้ว แต่พลพรรคผองเพื่อนก็ไม่ว่างตรงกันซะที ได้แต่ผลัดวันประกันพรุ่งกันมาเรื่อย คราวนี้เราเลยต้องใช้วิธีหักดิบ แบบว่า เฮ้ย! ไปเลย (ไปเลยจริงๆ ก็ภูกระดึงอยู่ จ.เลย นี่จ๊ะ) ไม่รอแล้ว ก็เลยอย่างที่บอก ทริปนี้มีแค่ 3 คน ไม่ง้อใคร อิอิ :-)

เราเตรียมการล่วงหน้าอย่างเร่งด่วน ประมาณ 2 วัน คือหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งจาก Google จากห้องกล้อง และห้อง BP ที่เจ๋งๆ ก็มี //www.phukradung.com/ และ //www.gotoloei.com/ เลยรู้ว่าช่วงเดือนธันวาคมนี่แหละ เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวขึ้นภูกันมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงต้นเดือน (ก่อนวันที่ 12 ธ.ค.) และช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่ ก็จะค่อนข้าง High Season อย่างช่วงวันหยุดรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวประมาณเกือบ 1 หมื่นคนแน่ะ เราก็เลยตัดสินใจไปมันช่วงนี้เลยดีกว่า

อันดับแรกที่เรากังวล ก็คือเรื่องที่พัก และน้องเรามันก็ไม่ค่อยอยากจะนอนเต็นท์ด้วย ก็เลยจองบ้านพักทางเว็บไซต์ของกรมอุทยานฯ //www.dnp.go.th/parkreserve/ ซะเลย ในเว็บไซต์ก็มีรายละเอียดของที่พัก จำนวนคนที่สามารถพักได้ สิ่งอำนวยความสะดวก ราคาที่พักต่อคืน รวมทั้งรูปถ่ายของที่พักมาให้ดู เพื่อประกอบการตัดสินใจ จริงๆ แล้ว ถ้าเป็นช่วงฤดูที่คนไม่เยอะ ไม่ต้องกังวลเลยสำหรับเรื่องที่พัก เพราะจะมีเต็นท์ของกรมอุทยานฯ ให้บริการเช่าอยู่แล้ว รวมทั้งเครื่องนอน จำพวกถุงนอน ที่รองนอน ก็ยังมี ราคาถูกแสนถูกอีกต่างหาก

เมื่อเราได้ทำการจองที่พักจากเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว ก็จะต้อง print ใบแจ้งการชำระเงินออกมา เพื่อนำไปชำระเงินที่ธนาคารกรุงไทย ภายในวันที่กำหนด เพราะถ้าเลยกำหนดไป การจองนั้นก็จะถูกยกเลิกไป ซึ่งเมื่อธนาคารรับชำระเงินแล้ว ก็จะออกเอกสารการชำระเงินมาให้ เราจะต้องนำเอกสารส่วนนี้จากธนาคารมาพร้อมกับใบแจ้งการชำระเงินส่วนแรก เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ในการเข้าพักต่อไป

อันดับต่อไปก็คือเรื่องการเดินทาง เราไปจองตั๋วรถทัวร์ของ บ.แอร์เมืองเลย เป็นรถ VIP 32 ที่นั่ง ราคาที่นั่งละ 481 บาท ซึ่งมีรอบ 3 ทุ่มครึ่ง กับรอบ 4 ทุ่มครึ่ง เพราะจะไปถึงที่ผานกเค้า (ร้านเจ๊กิม) ประมาณตี 5 นั่งพักผ่อนและกินข้าวก็พอดีได้เวลาขึ้นรถ เตรียมขึ้นภูตอน 7 โมงเช้ากันเลย เสร็จจากเรื่องตั๋ว ก็กลับมาจัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทาง เราเตรียมเป้ไว้ 2 ใบ ใบใหญ่กับใบเล็ก ใบใหญ่เอาไว้ใส่ของต่างๆ ซึ่งจะจ้างลูกหาบหาบขึ้นไป ส่วนใบเล็กจะเป็นพวกของจุกจิก หรืออื่นๆ ที่เราอยากขนไปเอง ได้แก่ กล้องถ่ายรูป ยา หมวก เสื้อกันหนาว น้ำดื่ม ฯลฯ

สรุปของที่ควรจะเตรียมไปดังนี้
- เงิน ควรเตรียมเงินเศษ จำพวกแบ็งค์ยี่สิบ แบ็งค์ร้อย และเหรียญไปด้วยนะครับ เพราะร้านบนภูไม่ค่อยมีทอนแบ็งค์ห้าร้อย แบ็งค์พันเท่าไหร่หรอกครับ และควรกดเงินมาให้เรียบร้อยด้วย เพราะหาตู้กดได้ยากมาก เห็นมีตู้ ATM ของแบ็งค์ออมสินอยู่ที่ศูนย์ฯ บ.ศรีฐาน ตีนภูเท่านั้นเอง
- เสื้อกันหนาว เอาแบบที่กันลมหนาวดีๆ นะครับ ถ้าจะให้ดีเอาแบบที่มีฮู้ดด้วยจะดีมาก เผื่อเอาไว้ใช้แทนหมวกในกรณีที่หมวกหาย หรือลืมหมวก
- หมวกไอ้โม่ง หรือไม่ก็หมวกไหมพรม แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นแฟชั่น ก็คือหมวกไหมพรมที่มีขายอยู่แทบทุกร้าน มีปักคำว่าภูกระดึงด้วย จะซื้อเป็นที่ระลึกหรือของฝากก็ดีเหมือนกัน เอาไว้ใส่เวลาไปเที่ยว จะได้ปิดหู มิฉะนั้นเวลาโดนอากาศหนาวๆ เย็นๆ หูอาจจะแข็งได้
- ถุงมือ เอาไว้กันหนาวมือน่ะครับ ถ้าไม่ได้เตรียมไป หาซื้อได้ที่ร้านบนภู ราคาประมาณ 25 บาท
- ยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งถ้าไม่ได้เตรียมไปหาซื้อได้ที่ร้านบนภู ราคาเม็ดละ 10 บาท
- ยานวด จำพวกเค้าเตอร์เพลน เอาไว้นวดกล้ามเนื้อที่ปวดเมื่อย
- ผ้ายืดสำหรับพันขา อาจได้ใช้ในการขึ้น-ลงภู เพราะว่าบางรายอาจมีอาการปวดมาก ถ้าได้ผ้ายืดจะช่วยได้มาก
- ถุงเท้า เอาไว้ใส่แทบจะทุกช่วงของวัน ช่วงกลางวันถ้าใส่รองเท้าผ้าใบก็ควรจะใส่ถุงเท้าด้วย ช่วงกลางคืนก็เอาไว้ใส่ตอนนอน จะกันหนาวเท้าได้ดีเช่นกัน
- โลชั่นทาหน้า มิฉะนั้นจะกลับมาหน้าไหม้เพราะลมหนาว แสบมากๆ จะได้รักษาหน้าให้หล่อสวยด้วยนะครับ
- ลิปมัน ทาริมฝีปากกันปากแตก เพราะถ้าแตกแล้วจะกินอะไรไม่อร่อย แล้วก็รำคาญอีกต่างหาก
- ไฟฉาย และถ่านไฟฉายที่มีอายุการใช้งานนานๆ เพราะต้องใช้เวลาไปดูพระอาทิตย์ขึ้น หรือใช้ขากลับหลังจากดูพระอาทิตย์ตก หรือถ้าจะต้องไปไหนหลังจากช่วง 4 ทุ่มแล้ว เพราะหลังจาก 4 ทุ่ม ทางอุทยานฯ จะดับไฟ จะมีไฟแต่ที่ศูนย์บริการนักเที่ยว และที่ห้องน้ำเท่านั้น
- ที่ชาร์จแบตเตอร์รี่โทรศัพท์มือถือและกล้อง เอาไว้ไปขอบริการชาร์จได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่เต้าเสียบจะมีจำกัด ดังนั้นจะต้องเลือกช่วงเวลาที่จะไปชาร์จดีๆ และเราต้องอยู่เฝ้าที่ชาร์จเองด้วย ไม่มีคนดูให้นะครับ อย่างเราจะชอบไปชาร์จตอน 3 ทุ่ม หรือกว่านั้น เพราะแทบจะไม่มีคนเลย แต่ช่วง 9-10 โมงเช้า จะค่อนข้างมีคนใช้บริการเยอะ เผลอๆ ไม่มีเต้าเสียบเหลืออีก ก็ต้องรอกันไป นอกจากนี้ก็สามารถใช้บริการที่ร้านต่างๆ บนภูได้เช่นกัน บางร้านอาจให้บริการฟรี บางร้านอาจคิดเงิน แต่ร้านค้าก็จะมีไฟฟ้าใช้แค่ช่วง 6 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่มเท่านั้นนะครับ
- สบู่หรือครีมอาบน้ำที่ล้างออกง่ายๆ เนื่องจากจะได้ไม่ต้องทนหนาวกับน้ำที่ล้างตัวมากเกินไป ถ้าไม่เชื่อจะลองก็ได้นะครับ แล้วจะรู้ว่าหนาวจนปวด หรือที่เรียกกันว่าหนาวจนเข้ากระดูกน่ะเป็นอย่างไร อิอิ

จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางกันเลยครับ




 

Create Date : 21 ธันวาคม 2549
1 comments
Last Update : 22 ธันวาคม 2549 2:01:56 น.
Counter : 1027 Pageviews.

 
 
 
 

เพิ่มเติมให้ครับ..

ควรเอาสายพ่วงไปด้วย เวลาไปชาร์จแล้วปลั๊กไม่ว่างจะได้ไม่ต้องรอนานๆครับ

 
 

โดย: smartman หล่อสุดๆ วันที่: 22 ธันวาคม 2549 เวลา:12:40:27 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

bugsong
 
Location :
Saint Paul, Minnesota United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add bugsong's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com