Le Meridien Chiang Rai สัมผัสบรรยากาศดีๆริมแม่น้ำกก
สวัสดีครับ วันนี้จะชวนเพื่อนๆไปเที่ยวจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทยนั่นก็คือเชียงรายครับ ที่จริงทริปนี้เป็นทริปที่ทางโรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงรายเชิญผมและเพื่อนๆบล็อกเกอร์อีกหลายท่านไปเยี่ยมชมโรงแรมและเที่ยวจังหวัดเชียงรายกันครับ ตามไปชมรีวิวโรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงรายและเที่ยวจังหวัดเชียงรายกับผมกันนะครับ
ช่วงที่ผมไปเที่ยวเป็นช่วงที่ปลายฝนต้นหนาวเลยครับ พวกเราเดินทางด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ซึ่งมีเที่ยวบนไปลงเชียงรายวันละ 2 เที่ยวบิน เวลาการเดินทางก็ดีมากๆครับ มีช่วงเช้าและเย็นพอดีเลย
อาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องฮะ
ที่จริงก็ค่อนข้างอิ่มกันมาจากในเล้าจน์ของทางบางกอกแอร์เวย์ที่มีบริการอยู่ที่สุวรรณภูมิอยู่แล้ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.25 นาทีก็มาถึงแล้วครับเชียงราย .. รับกระเป๋าเรียบร้อยก็มีพนักงานต้อนรับของทางโรงแรมมารับที่สนามบินเลยครับ ข้อดีของโรงแรมเลอเมอริเดียวข้อแรกที่ต้องมาร์คไว้เลยคือโรงแรมอนู่ใกล้สนามบินมากครับ ออกจากสนามบินแค่ 10 นาทีก็มาถึงโรงแรมแล้วฮะ
ล็อบบี้แบบ Open Air ตกแต่งแบบล้านนาประยุกต์ของทางโรงแรมค่อนข้างใหญ่โตเลยครับ ข้างๆล็อบบี้จะมีห้องสมุดให้บริการอยู่ เราสามารถมาใช้บริการรวมถึงมีคอมพิวเตอร์ไว้ให้ใช้อินเตอร์เน็ตด้วยครับ
อีกด้านของล็อบบี้ก็จะเป็นบาร์ที่ชื่อว่า Latitude (ละติจูด) ซึ่งโรงแรมที่ใช้ชื่อว่าเลอ เมอริเดียนทุกแห่งจะมีบาร์ชื่อนี้เหมือนกันหมด แต่จะพิเศษตรงทุกแห่งจะมีตัวเลขต่อท้าย อย่างที่เลอ เชียงรายจะชื่อ Latitude 19 ซึ่งเลขต่อท้ายนี่ก็คือเลขละติจูดที่โรงแรมตั้งอยู่ครับ ถ้าเป็นที่เชียงใหม่ก็จะเป็น Latitude 18 ถ้าที่กรุงเทพก็จะเป็น Latitude 13 ประมาณนี้ ตัวอาคารของโรงแรมจะแยกออกเป็นหมู่อาคารหลายหลังเดินเชื่อมหากันได้ทุกหลังครับ แต่ละหลังก็จะสูงแค่ 4 ชั้นอย่างที่เห็น
ในโรงแรมจะมีต้นฉำฉาหรือที่คนกรุงเทพรู้จักกันในนามต้นจามจุรีใหญ่มากๆอยู่ 2 ต้นครับ ต้นไม้สองต้นนี้มีสตอรี่ที่น่าฟังอยู่ด้วย ต้นฉำฉาต้นแรกมีชื่อเรียกว่ามะเมียะ เป็นต้นไม้แทนเพศหญิงอายุของต้นไม้นี้น่าจะประมาณ 113 ปีได้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาคารล็อบบี้ครับ ต้นฉำฉาต้นที่สองอยู่ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำหลักของโรงแรมซึ่งอยู่อีกด้านของอาคารที่พักครับ ต้นนี้มีชื่อว่า ศุขเกษม อายุประมาณ 116 ปี หลายๆคนอาจจะเริ่มคุ้นชื่อใช่มั๊ยครับ ใช่แล้วครับ "เจ้าน้อยศุขเกษม" ราชโอรสผู้สูงศักดิ์ในเจ้าแก้วนวรัฐเจ้าเมืองเชียงใหม่กับ "มะเมียะ" หญิงสาวชาวพม่าแห่งเมืองมะละแหม่ง ผู้สร้างตำนานความรักอมตะอันโศกเคร้า เนื่องเพราะราชประเพณีที่มิอาจให้เจ้าชายได้แต่งงานกับหญิงธรรมดาได้แถมหญิงผู้นี้ยังเป็นชาวมอญต่างบ้านต่างเมืองอีกตะหาก ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อเจ้าน้อยศุขเกษมไปเรียนต่ออยู่ที่เมืองมะละแหม่งตั้งแต่เยาว์วัยแล้วได้พบกับสาวน้อยชาวบ้านจึงถูกตาต้องใจจนได้ร่วมหอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาด้วยกัน จนเจ้าน้อยต้องกลับมาเมืองเชียงใหม่ มะเมียะก็ได้ปลอมตัวเป็นสหายชายชาวพม่าตามกลับมาด้วย มะเมียะต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆเนื่องจากผู้ใหญ่ของทางเจ้าน้อยได้หมายมั่นหญิงสาวสูงศักดิ์ไว้ให้เจ่าน้อยแล้ว กอปรกับมะเมียะเป็นสาวต่างชาติต่างเมืองและเป็นคนธรรมดาสามัญ จนตอนหลังมะเมียะได้ตัดใจกลับมะละแหม่งเนื่องจากกลัวว่าเจ้าน้อยจะได้รับความเดือนร้อนที่นำตนมาเลี้ยงดูไว้ในวัง ทั้งคู่ต้องจากกันทั้งที่ยังคงมีความรักให้กัน มะเมียะกลับไปมะละแหม่งก็บวชชีตลอดชีวิต ส่วนเจ้าน้อยศุขเกษมก็ตรอมใจและต้องแต่งงานกับหญิงอื่นที่ตนไม่ได้รักไม่มีความสุขในชีวิตสมรส ใช้สุราเป็นเครื่องดับทุกข์จนสิ้นชีพิตักษัยด้วยโรคเส้นประสาทพิการเรื้อรังขณะมีอายุเพียงแค่ 33 ปีเท่านั้น แล้วทำไมต้นไม้ 2 ต้นนี้ถึงใช้ชื่อตามตำนานรักนี้ .. เพราะว่าตอนจะสร้างโรงแรมตอนแรกตั้งใจจะโค่นต้นไม้ 2 ต้นนี้ลง แต่เมื่อขุดรากลงไปก็พบว่าต้นฉำฉา 2 ต้นนี้มีรากที่พันผูกกันอยู่ก็เลยล้มเลิกการโค่นต้นไม้นี้ลง แต่เนื่องจากต้องสร้างอาคารแยกต้นไม้ 2 ต้นนี้อยู่ดีก็เลยตั้งชื่อต้นฉำฉา 2 ต้นนี้ว่า ศุขเกษมและมะเมียะนั่นเอง ... ข้างต้นฉำฉาศุขเกษมก็จะเป็นสระว่ายน้ำหลักของโรงแรมครับ บรรยากาศค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว เดี๋ยวขึ้นไปชมห้องพักกันบ้างดีกว่าครับ
ห้องอีกแบบที่จะพาไปชมเป็นห้องแบบที่ดีที่สุดของโรงแรมครับเรียกว่า Grand Suite เป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดแล้วเป็นห้องมุมของอาคาร ขนาดห้องใหญ่มากมีห้องแยกออกเป็นสองส่วนคือห้องพักและห้องนั่งเล่นซึ่งมีขนาดไม่ต่างกัน มีส่วนของห้องแต่งตัวแยก ห้องอาบน้ำมีอ่างแช่อยู่กลางห้องซึ่งติดกับห้องนอนฮะ
ส่วนแรกจะพาไปชมสปาที่ชื่อ ภาวาตีสปา ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำกกกันครับ สปาแห่งนี้เปิดบริการ 10.00-22.00น. สำหรับคนที่ชอบนวดผ่อนคลายคงชอบสปาบรรยากาศดีๆสงบเงียบพร้อมฟังเสียงจากธรรมชาติที่อยู่รอบๆไปด้วย ที่นี่บริการทรีทเม้นท์ นวดผ่อนคลาย นวดน้ำมัน บำรุงผิว บอดี้สครับ ครบครันฮะ
Latest Recipe ห้องอาหารหลักสไตล์อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นห้องอาหารที่เสิร์ฟบุฟเฟ่ต์นานาชาติซึ่งทางโรงแรมจะมีบริการอาหารบุฟเฟ่ต์อาหารทุกมื้อตั้งแต่ บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าราคา 499 บาท บุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันราคา 269 บาท บุฟเฟ่ต์อาหารค่ำนานาชาติราคา 799 บาท และซันเดย์ บรันช์ บุฟเฟต์ราคา 699 บาท(เพิ่มเสิร์ฟไวน์ไม่อั้น 499 บาท) Favola ห้องอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนริมน้ำกก บรรยากาศน่านั่งมากๆ คืนนั้นเราทานอาหารกันที่ Favola ครับ เชฟทำอาหารมาให้ชิมหลายจานเลย
บนดอยแม่สลอง มีชาวจีนฮ่อที่ตั้งรกรากอยู่ที่นี่กว่า 800 ร้อยครัวเรือน มีหมู่บ้านที่ชื่อว่าหมู่บ้านสันติคีรี คนที่นี่นับถือศาสนาหลากหลายเลยมีทั้งวัด โบสถ์ มัสยิด บนนี้อากาศหนาวตลอดปีครับ เป็นแหล่งปลูกชาที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย ขับรถไปก็จะเห็นแปลงชาอยู่ริมถนนหลายแปลงเลย
ไปทานอาหารเช้ากันครับ อย่างที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ ที่นี่มีบุฟเฟ่ต์อาหารทุกมื้อให้บริการกับลูกค้าทั้งในและนอกโรงแรมเพราะฉะนั้นอาหารที่นี่จัดเต็มมากๆครับ
เรือพวกนี้เราสามารถติดต่อผ่านทางโรงแรมได้นะครับ เค้าจะมีบริการอยู่ราคาก็ไม่ได้แพงอะไร สถานที่ที่เราจะแวะเที่ยวชมคือ โบราณสถานถ้ำพระหรือวัดถ้ำพระครับ เราขึ้นจากเรือกันที่ท่าน้ำด้านหน้าเลยฮะ จุดเด่นเป็นที่สังเกตของที่นี่เลยคือมีแท่นหินกลางน้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่
เข้ามาภายในจะมีโถงถ้ำขนาดเล็กเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปหลายองค์อีกทั้งยังมีพระมาจำพรรษาอยู่ด้วย โถงถ้ำนี้นอกจากจะมีค้างคาวอาศัยอยู่ก็ยังมีรอยจารึกอักษรย่อหรือชื่อต่างๆของบุคคลสำคัญหลายๆคนอยู่ด้วยเพื่อให้รู้ว่าได้เคยมาเยี่ยมเยียนที่นี่แล้ว อย่างเช่นเจ้าดารารัศมีเป็นต้นครับ วิถีชีวิตริมน้ำกกที่เชียงรายยังมีวิถีเก่าๆอยู่มากมายครับ ทั้งพายเรือหาปลา ขุดทรายจากแม่น้ำไปขายก็ยังมีให้เห็นอยู่
เราล่องเรือกลับกันมาที่ร้านเค้กชื่อดังอีกแห่งของเชียงรายที่หลายๆคนบอกว่าไม่มาร้านนี้มาไม่ถึงเชียงราย นั่นก็คือร้านชีวิตธรรมดาครับ
ได้เวลากลับกันแล้วครับ อย่างที่บอกว่าสายการบินบางกอกแอร์เวย์มีเที่ยวบินไปกลับเชียงรายวันละ 2 เที่ยวบินเที่ยวบินขากลับของเราเลยเลือกเป็นช่วงค่ำครับ ที่สนามบินเชียงรายไม่มีเล้าจน์ของบางกอกแอร์เวย์นะครับ แต่ก็ยังมีบริการเครื่องดื่มและของว่างให้ผู้ที่เดินทางกับบางกอกแอร์เวย์นิดหน่อย อาหารบนเครื่องครับ อาหารพิเศษสำหรับคุณหนูครับ
ทริปนี้ขอขอบคุณบางกอกแอร์เวย์สำหรับการเดินทางแบบบูทีคๆ ขอบคุณโรงแรมเลอเมอริเดียนสำหรับการเชิญไปร่วมทริปในครั้งนี้ ขอบคุณเพื่อนๆบล็อกเอร์หลายๆท่านที่ร่วมทริปและน่าจะรีวิวไปกันหมดแล้ว ผมคงเป็นคนสุดท้ายในทริปที่มารีวิวปิดทริปนี้นะครับ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อ่านรีวิวจนจบ รีวิวนี้มีรูปเยอะมากจริงๆ รีวิวหน้าจะพาไปเที่ยวที่ไหนตามชมกันนะครับ ขอบคุณครับ
ทริปนี้มีคลิปวิดิโอให้ชมกันด้วยนะครับ
Create Date : 05 พฤษภาคม 2558 |
|
4 comments |
Last Update : 5 พฤษภาคม 2559 17:12:18 น. |
Counter : 8530 Pageviews. |
|
|
|