Belle + Simon = Bimon
 
ธันวาคม 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
17 ธันวาคม 2549

ยิ้มไว้...เมื่อภัย(มะเร็ง)มา ตอน 14 (เล่าจากเรื่องจริง)

และแล้วพวกคุณพยาบาลก็พาฉันขึ้นมาพักชั้นที่ 4 เมื่อคราวก่อนก็อยู่ชั้นนี้แหละค่ะแต่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ฉันมักจะถูกโฉลกกับชั้นนี้เสมอ ฉันหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ชอนก็เฝ้ารอดูอาการอยู่ข้างๆ เขาก็ตกใจมาก ไม่นึกว่าฉันจะเป็นมากถึงขนาดนี้ พวกเราไปพักผ่อนกันแท้ๆแต่กลับมาเกิดการติดเชื้อขึ้นอีก เขารีบโทรศัพท์ไปบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าฉันจะต้องพักอยู่ในโรงพยาบาลเพราะแขนฉันเกิดการต
ิดเชื้อและไข้ขึ้นสูงมาก พอฉันหลับเขาก็กลับไปรออยู่ที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเป็นห่วงอาการของฉัน

เช้าวันรุ่งขึ้นฉันลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อพยาบาลมาปลุก เขากล่าวสวัสดีตอนเช้า แล้วก็มาเปิดม่านให้ฉันได้รับแสงแดดในยามเช้า ฉันก็รู้สึกเหนื่อยๆ ยังไม่เห็นชอนเพราะเขาคงไปทำงาน นางพยาบาลเลยเอารายการอาหารมาให้ฉันดูเพื่อที่จะทำการเลือกเมนูที่ฉันอยากกิน ตอนนั้นด้วยความที่ฉันเบื่ออาหารฝรั่ง เบื่อขนมปัง กินอะไรไม่ค่อยลงเพราะฉันเป็นร้อนในที่ปาก แต่ฉันอยากกินอาหารอ่อนๆ คงเป็นเพราะว่าเมื่อวานอุณหภูมิในร่างกายฉันสูงมากความร้อนในร่างกายเลยถูกขับออกมาท
ำให้ปากพุพองเป็นแผล ทานอะไรก็ลำบาก ฉันก็เลยไม่เลือกอะไร แล้วฉันก็เขียนหลังกระดาษว่าฉันอยากกินข้าวต้มกุ้ง ตอนนั้นฉันบ้ามั่กมาก ด้วยความที่อยากกินมาก ฉันเลยเขียนวิธีทำเป็นภาษาอังกฤษอย่างละเอียด เพื่อที่จะให้ในคนที่เป็นแม่ครัวของโรงพยาบาลทำข้าวต้มกุ้งให้ฉันกิน ฉันก็เฝ้ารออาหารของฉันด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวังว่าจะได้กินให้หายอยาก

พอสายๆ นางพยาบาลก็มาพาฉันลงไปข้างล่าง เพื่อที่จะไปทำอัลตราซาวน์ เพราะหมอเบนเขายังไม่วางใจ กลัวว่าเจ้าหนองจะขึ้นไปถึงช่วงลำคอ และอาจจะติดเลยขึ้นไปจนถึงสมอง จึงต้องไปตรวจโดยเครื่องอัลตราซาวน์ให้ละเอียด หมอที่นี่ก็ดีนะ เขาเป็นห่วงเรามาก และพยายามทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อที่จะให้ฉันได้มีชีวิตอยู่ เขาก็ให้ฉันนั่งในรถเข็นแล้วก็เข็นฉันไปที่ชั้นสองเพื่อไปหาเจ้าหน้าที่ในแผนกที่ทำอ
ัลตราซาวน์ ฉันไปถึงหน้าห้อง เจ้าหน้าที่ก็ไปจัดเตรียมห้องเพื่อที่จะให้ฉันตรวจเป็นคนต่อไป

ส่วนห้องถัดไปคงจะเป็นห้องฉายเอ๊กซ์เรย์อะไรสักอย่าง เพราะช่วงที่ฉันรออยู่หน้าห้องนั้น ฉันเห็นนางพยาบาลคนหนึ่งซึ่งจะเป็นคนเอเชีย ฟังจากสำเนียงเขาก็ไม่ใช่คนออสเตรเลียโดยกำเนิด แต่เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ สิ่งที่ทำให้ฉันประทับใจนางพยาบาลคนนี้ก็คือเขาเป็นคนที่มีจิตใจดีมีเมตตามาก เขาก็เข็นเตียงคนไข้ ซึ่งเป็นคุณยายแก่ๆท่านหนึ่ง ท่านนอนซมอยู่บนเตียงที่จอดอยู่ ใกล้ๆกับรถเข็นของฉันเพื่อที่ท่านจะรอทำเอ็กซ์เรย์ในห้องถัดไป ฉันมองดูเห็นท่านแก่มากแล้ว รูปร่างท่านผอมแห้งเหมือนกับกินอะไรแทบไม่ได้แล้ว ผมของคุณยายคนนั้นขาวโพลน ตาฟ่าฟาง ในปากก็ไม่มีฟันเลยสักซี่ ฉันคิดว่าท่านคงจะใกล้ถึงวาระสุดท้ายแล้วเพราะอาการค่อนท่านข้างหนัก คุณยายท่านจำอะไรแทบไม่ได้ ฉันได้ยินท่านบ่นพึมพัม "ฉันอยู่ที่ไหน ฉันอยู่ที่ไหน" ท่าทางหวาดกลัวและวิตกกังวล พูดแทบไม่เป็นภาษา ท่านอยู่คนเดียวไม่มีญาติที่ไหน ฉันยังนึกว่าถ้าฉันเป็นท่านจะทำยังไง ฉันพูดกะตัวเองว่าฉันยังโชคดีนะ ที่ไม่ได้เป็นหนักอย่างท่าน มองแล้วท่านน่าสงสารมาก แต่ก็โชคดีที่ท่านมากับพยาบาลคนนี้ ฉันได้ยินนางพยาบาลพูดกับคุณยายคนนั้นว่า "ไม่ต้องกลัวนะ ชอบร้องเพลงไหมคะ เรามาร้องเพลงกันนะ" แล้วนางพยาบาลก็ร้องเพลงด้วยเสียงอันไพเราะจับใจ "Twinkle, twinkle, little star,How I wonder what you are.(ทวิงเคิล ทวิงเคิล ลิตเต้ล สตาร์ ฮาว ไอ วันเดอร์ ว็อท ยู อาร์)" พอฉันได้ยินฉันน้ำตาคลอ ฉันรู้สึกตื้นตันใจ ที่คุณยายได้รับการดูและจากนางพยาบาลเป็นอย่างดี เขาไม่ทอดทิ้งให้คุณยายต้องนอนเหงาอยู่อย่างโดดเดี่ยว ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ น้ำตาคลอเบ้า แอบร้องไห้เพราะสงสารคุณยายท่านนั้นมาก แล้วฉันก็ได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของคุณยายร้องเพลงตาม ".. วิงเคิล ...วิงเคิล ลิตเต้ล ..ตาร์..." ท่านร้องกลับไปกลับมา ไม่เป็นเพลง ตอนนี้ท่านเหมือนเด็กอ่อนเลย แต่อย่างน้อยนางพยาบาลเขาก็อยู่เป็นเพื่อนและร้องเพลงกล่อม คอยทำให้คุณยายมีความสุข

เมื่อเห็นคุณยายแล้วทำให้ฉันปลงกับชีวิตและคิดอะไรได้อีกเยอะ ฉันยังดีที่ยังมีชอนคอยอยู่เคียงข้าง และฉันก็มีหมอเบนคอยดูแล ฉันมองดูคุณยายแล้วทำให้อาการเจ็บปากมั่ง เจ็บแขนมั่ง หายไปในพริบตา เพราะความเจ็บของฉันมันดูน้อยนิดนักเมื่อเทียบกับคุณยายแก่ๆท่านนั้น แล้วนางพยาบาลก็มีพาฉันไปในห้อง ฉันก็หันไปมองคุณยายที่ร้องเพลงอยู่บนเตียง จนเขาปิดประตูห้อง และฉันก็ไม่ได้เจอคุณยายอีกเลย ฉันรีบเช็ดน้ำตา หน้าฉันแดง ตาช้ำไปหมด นางพยาบาลคงแปลกใจคงคิดว่าฉันกลัวเครื่องอัลตราซาวน์ถึงกับร้องไห้เลยเหรอ

แล้วฉันก็ไปนั่งที่เตียงเล็กๆ สีขาว มีเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ อยู่ข้างเตียง เขาก็เอา้เจลเหนียวๆ รู้สึกจะเย็นนิดๆมาทาที่แขนจนไปถึงต้นคอและปลายคาง เพื่อที่จะตรวจดูหนองว่าจะขึ้นไปถึงบริเวณนั้นหรือปล่าว สักพักเขาก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร หนองแค่อยู่ที่ต้นแขน แล้วเจ้าหน้าที่ก็เช็ดเจลเหนียวๆออกที่แขนและต้นคอ หลังจากนั้นนางพยาบาลก็พาฉันไปที่ห้องพัก

พอเขามาในห้องฉันก็เห็นอาหารวางไว้ แต่เสียใจค่ะ มันไม่ใช่ข้าวต้มกุ้งอย่างที่ฉันคิดไว้ ฉันผิดหวังมาก แล้วเขาก็เขียนในแนวเตือนๆว่า "เสียใจด้วยนะ อาหารที่คุณสั่งเราทำให้ไม่ได้ (คราวต่อไปกรุณาสั่งอาหาร ตามที่จัดไว้ อย่าได้สั่งอะไรนอกเหนือกว่านั้นอีก)" ฉันผิดหวังมาก กินอาหารฝรั่งมื้อนั้นแทบไม่ลง ฉันก็เลยขอพวกอาหารเหลวที่ทำเป็นกล่องเหมือนแล็คตาซอย แต่มันชื่อเอ็นชัวร์ (Ensure) อะไรทำนองนั้นแหละค่ะ ฉันชอบแบบรสดั้งเดิม ไม่ต้องผสมอะไรก็อร่อยแล้ว แค่ดูดๆ ไม่ทำให้ปากฉันเจ็บด้วย สักพักฉันก็ขอให้นางพยาบาลเอาเกลือมาให้ เพราะฉันจะใช้เกลือผสมน้ำอุ่นไว้ป้วนปากหลังอาหาร นางพยาบาลเขาก็ดีมากเลย เขาก็เอายาต่างๆรวมทั้งเกลือมาให้ฉัน มีทั้ง น้ำยาป้วนปาก ชื่อไซโลเคน วิสคอส (Xylocaine Viscous ) โดยให้ใช้ครั้งละ 20 มิลลิกรัม แล้วก็ยังมีผงที่ใช้ผสมน้ำเพื่อใช้ป้วนปาก (Mouthwash Powder PMCC) ซึ่งจะใช้ผสมกับน้ำอุ่น แล้วก็ยังมีเจลใสๆใช้ทาแผลที่ปาก ชื่อ เอ็ส เอ็ม 33 (SM-33 Gel) ใช้ทาแผลที่ปากมันจะเย็นๆ แสบๆ โห...ฉันมียาหลายขนานในการจัดการกับปัญหาเรื่องปากๆของฉัน แต่มันก็ได้ผลนะ 3-4 วัน ปากที่เป็นแผลก็แห้งสนิท ต้องขอขอบคุณนางพยาบาลอย่างยิ่งที่ดูแลฉันเป็นอย่างดี

เอาไปเอามาฉันก็ได้พักอยู่ที่โรงพยาบาลตั้ง 14 วันแน่ะ ไม่น่าเชื่อเลย แต่ว่ากว่าจะผ่านไปได้ในแต่ละวัน บางวันก็ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่บางวันไอ้เจ้าเส้นเลือดที่เขาเจาะเพื่อเติมยา คล้ายๆกับเติมน้ำเกลือ พอเติมไปทุกวันๆ เส้นเลือดมันก็ตีบตัน ฉันก็ต้องเปลี่ยนไปเจาะแขนอีกข้างนึง ใช้ไปวันสองวันมันก็ตันอีก ฉันก็ต้องเปลี่ยนไปเจ้าแขนข้างอื่นอีก แล้วพอเจ้าที่ข้อพับไม่ได้ ก็ไปเจ้าที่หลังมือ เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเป็นข้อพับหรือหลังมือซ้าย - ขวา ของฉัน มีรอยรูเข็มเจาะเต็มไปหมด พอนานๆไปมันก็จะเป็นรอยดำๆ เต็มไปหมดเลยค่ะ นี่ถ้าฉันมีเจ้าพิคค์ไลน์ ก็คงจะไม่เป็นอย่างนี้ แต่พอมีเจ้าพิคค์ ไลน์ ฉันก็แพ้มันอีก ชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่จะพอเหมาะพอดีเลยค่ะ ฉันก็เลยต้องมาทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้

ก่อนที่จะกลับบ้านมิสเตอร์เบลมมี่ก็มานัดว่าจะต้องทำการผ่าเอาลำใส้สตอม่าเข้าไปไว้ใ
นท้องตามเดิมเพื่อที่จะเอาเจ้าถุงอึออก แล้วก็จะต่อลำไส้เข้าตามที่เดิม เพื่อเวลาถ่ายของเสียจะได้ส่งออกมาจากรูก้นตามวิสัยของคนปรกติ อิอิอิ จริงๆแล้วเขาก็จะผ่าอาทิตย์นี้นั่นแหละ แต่ว่าฉันมาป่วยเข้าโรงพยาบาลซะก่อนเลยรอให้หายทีละโรค ทีละโรคก่อนละกัน ก็เอาเป็นว่าฉันจะต้องผ่าตัดเดือนสิงหา ก็คือเดือนหน้านี้เอง อีกทั้งยังตรงกับอาทิตย์ที่สองของเทอมต่อไปอีกต่างหาก แต่ก็เอาร่างกายไว้ก่อน การเรียนมาทีหลังค่ะ

หลังจากที่ฉันย้ายกลับบ้านไปแล้ว ก็ยังไม่วายฉันจะต้องไปตรวจเลือดที่คลีนิกแถวๆ้บ้าน ทุกๆ 2 วัน เพราะการติดเชื้อครั้งนี้มันร้ายแรงมากจึงต้องทำการรักษาอย่างจริงจัง ฉันจะต้องกินยาวอร์ฟะเรน(Warfarin) เป็นยาที่ป้องกันเลือดแข็งตัว มีอยู่ด้วยกัน 3 ขวดค่ะ ขวดที่หนึ่งเป็นฝาสีม่วง ซึ่งจะมีวอร์เฟรน โซเดียม 2 มิลลิกรัม ขวดที่สอง เป็นฝาสีน้ำตาล จะมีวอร์ฟะเรนโซเดียม 1 มิลลิกรัม ส่วนขวดสุดท้ายเป็นฝาสีเขียวแก่ จะมีวอร์ฟะเรน โซเดียม 5 มิลลิกรัม พอฉันไปตรวจเลือดแล้วตอนเย็นก็จะโทรไปหาเจ้าหน้าที่ หรือว่าเขาจะโทรมาหาฉันหลังจากที่เขาได้ผลเลือดแล้ว เขาก็จะบอกว่าวันนี้กินฝาสีม่วงกี่เม็ด สีน้ำตาลกี่เม็ด สีเขียวกี่เม็ด เป็นอย่างนี้ไป ปราะมาณ 2 อาทิตย์ หลังจากนั้นก็ต้องหยุดยา เพื่อเตรียมตัวไปทำการผ่าตัด ช่วงที่ฉันใช้ยานี้ฉันจะต้องไม่ให้ร่างกายเป็นแผลเพราะว่ามันจะมีผลทำให้เลือดไหลไม่
หยุด ฉันเลยต้องดูแลตัวเองดีๆ ไม่ไห้เกิดแผล ไม่งั้นฉันแย่แน่ๆเลย

ปลายเดือนกรกฏาคมฉันก็เอาพาสปอร์ตมาดู ปรากฏว่าวีซ่านักเรียนของฉันจะหมดในปลายเดือนสิงหาคม ฉันก็เลยต้องไปต่อวีซ่าใหม่ ซึ่งฉันก็จะต้องตรวจร่างกายและเอ๊กเรย์ด้วย แล้วฉันก็ไปตรวจร่างกายตามที่นัดไว้ บังเอิญฉันปวดฉี่มากเลยรอไม่ไหว จึงไปฉี่ที่ห้องน้ำข้างๆที่ตรวจ แต่ฉันลืมนึกไปว่า ฉันจะต้องทำการตรวจฉี่ด้วย แล้วฉันก็กลับมานั่งรอคิวต่อ โชคดีที่ฉันได้กรอกแบบฟอร์มต่างๆมาจากบ้านแล้ว โดยที่ชอนเขาดาวน์โหลดมาจากอินเตอร์เนท ฉันก็ไปจ่ายเงิน ประมาณ 200 เหรียญ (ในตอนนั้น ตอนนี้ราคาเปลี่ยนแล้วเพราะเขาขึ้นราคาทุกๆปี) แล้วเขาก็ให้ฉันถอยติดไปที่ผนัง เพื่อทำการถ่ายรูป เสร็จแล้วก็นั่งรอ สักพักก็มีเจ้าหน้าที่มาเรียก เขาพาฉันไปหน้าห้องน้ำแล้วก็เอาขวดเล็กๆมาให้ใส่ฉี่ ตายละ... ฉันก็เพิ่งฉี่ไปเมื่อตะกี้นี้เอง แล้วฉันก็นั่งในห้องน้ำ นั่งตั้งนาน สองนาน พยายามรีดฉี่ออกมาจากร่างกาย แต่มันก็ออกมานิดเดียว เพราะความโง่เขลาของฉันแท้ๆ ขอเตือนนะคะ ว่าถ้าจะไปตรวจร่างกายต้องดื่มน้ำเยอะๆ และก็อย่าฉี่ก่อนหละ ไม่งั้นจะเป็นเรื่องเหมือนอย่างฉัน แล้วเจ้าหน้าที่ก็เอาฉี่อันข้นๆของฉันไปตรวจ แล้วเขาก็วัดความดัน วัดส่วนสูง น้ำหนัก และตรวจสายตา สักพักก็มีหมอมาเรียกฉันไปตรวจ เขาบอกว่าฉี่ของฉันมีเลือดออกมานิดหน่อย ฉันจะต้องไปติดต่อกับหมอประจำตัว เพื่อตรวจดูว่ามีอะไรผิดปรกติหรือปล่าว ฉันก็พูดในใจว่าก็ฉันไม่ปวดนี่นา แล้วเขาก็บังคับให้ฉันฉี่ ฉันก็เลยบังคับตัวเองให้ฉี่อีกที เลยได้เลือดปนมาเลย

แล้วหมอก็ให้ฉันไปนอนที่เตียงแล้วเขาก็ตรวจช่วงท้องต่างๆ เขาก็เห็นว่าฉันเป็นมะเร็งเพราะชอนเขาก็เขียนรายละเอียดไว้ในแบบฟอร์มแล้ว (บางทีชอนเขาก็เขียนละเอียดเกินไป จริงๆแล้วไม่ต้องเขียนละเอียดถึงขนาดนั้นก็ได้ ก็เลยทำให้มีป้ญหาในภายหลัง) พอหมอตรวจดูเขาก็ว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่คนที่จะตัดสินว่าผ่านไม่ผ่าน ไม่ใช่เขา ซึ่งจะเป็นคนอื่นที่ตำแหน่งสูงกว่าซึ่งเขาจะอ่านดูรายงานที่หมอเขียนอีกที แต่เขาก็บอกว่าอาจจะไม่มีปัญหาอะไร เลยส่งให้ฉันไปแผนกเอ๊กซ์เรย์ต่อ ฉันรู้สึกโล่งอกเมื่อการตรวจทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ดูเหมือนไม่มีปัญหา ฉันก็ไม่ได้เอะใจเรื่องอะไร แล้วก็กลับบ้านไปด้วยความสบายใจ แล้วพวกเราก็สมัครต่อวีซ่าออนไลน์ โดยที่ไม่ต้องไปที่อิมมิเกรชั่นให้เสียเวลา แต่ก็ต้องรอจนกว่าเขาจะติดต่อมา

และแล้วก็ถึงวันเปิดเรียน ฉันก็ไปเรียนตามปรกติ เพื่อที่จะเอาเอกสารที่มิสเตร์เบลมมี่ให้อาจารย์ที่สอนว่าอาทิตย์หน้าฉันจะต้องผ่าตั
ดอีกหนึ่งครั้ง แต่ว่ามันแค่เอาถุงอึออกแล้วก็ต่อให้ฉันอึได้แบบคนปรกติ ฉันก็เลยขอลาอาจารย์ สัก 2 อาทิตย์ เทอมนี้ฉันเรียนแค่ 2 ตัว เพราะตัวที่ทำซีดีนั้นฉันได้ส่งงานอาจารย์วีเจ เรียบร้อยแล้ว ก็เลยเรียน วิชาทำวิจัย กับวิชาอินโนเวชั่น (Innovation) ฉันก็เอาเอกสารให้อาจารย์เดนนิส ผู้สอนวิชาการทำวิจัย แต่อาจารย์บิล ผู้สอนวิชาอินโนเวชั่น เกิดป่วยกระทันหันมาสอนไม่ได้เราก็เลยไม่ได้พบกัน แต่ฉันก็ฝากเอกสารไว้กับเอฟลินและโรสเพื่อนของฉันที่เคยเรียนด้วยกัน เพื่อเอาไปให้อาจารย์บิลอาทิตย์ถัดไป .... โปรดติดตามตอนต่อไป


Create Date : 17 ธันวาคม 2549
Last Update : 17 ธันวาคม 2549 9:13:13 น. 2 comments
Counter : 356 Pageviews.  

 
จะกิน "มาโรนี่" ด้วยกันไหมแพรวบ้านเราเรียกเกาลัดไง เอาใส่ตู้อบเมื่อตอนนั่งอ่านสองตอนที่แล้ว นี่ก็นั่งกินไปอ่านไปห้าทุ่มยี่สิบแล้วนะ อยากอ่านอีกนิดก่อนจะไปแปรงฟันนอน อยากรู้ว่าแพรวจะอาการดีขึ้นในตอนต่อไป


โดย: คุณจ๊ะจ๋า วันที่: 20 ธันวาคม 2549 เวลา:5:23:41 น.  

 
ิอิอิอิอิ แบ่งให้กันกินมั่งจิคะ คิดถึงเนอะ เกาลัดหอมกลิ่นควัน .. อร่อยมันๆดี ตอนนี้ดีแล้วค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ


โดย: summer_scent (Summer_scent ) วันที่: 20 ธันวาคม 2549 เวลา:10:12:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Summer_scent
Location :
กรุงเทพฯ Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หวัดดีค่ะ มาอยู่เมลเบิร์นได้ เกือบ 6 ปีแล้วค่ะ
ตอนนี้มีครอบครัวอยู่ที่เมลเบิร์นค่ะ
ชีวิตคนเรามีทางเดินแตกต่างกันออกไป แต่ละคนมีวิถีชีวิตไม่เหมือนกัน สำหรับชีวิตของฉันแล้ว ยิ่งต่างจากคนอื่นไปอีก ดูเหมือนจะสมบูรณแบบ มีสามี มีบ้าน มีรถ มีความสุข แต่ฉันก็สุขไม่ได้นาน เพราะ่ว่า ....ฉันเป็นมะเีีีร็งในสำไส้หน่ะสิ บล็อกนี้เลยอยาถ่ายทอด เรื่องราว ความรู้สึกของฉัน ว่าฉันต่อสู้กับโรคนี้ได้ยังไง ...ตามอ่านดูนะคะ ....มีหลายตอนมากเลย
[Add Summer_scent's blog to your web]