Belle + Simon = Bimon
 
ธันวาคม 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
12 ธันวาคม 2549

ยิ้มไว้...เมื่อภัย(มะเร็ง)มา ตอน 5 (เล่าจากเรื่องจริง)

ฉันหลับไหลเพราะฤทธิ์ของยาสลบ คงเป็นช่วงแห่งความสุขช่วงหนึ่งที่ฉันหลับได้นาน โดยไม่ตกใจตื่น ตั้งแต่ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ฉันก็นอนไม่ค่อยหลับ ร่างกายซูปผอม น้ำหนักเริ่มลดลง ทีละนิด ละนิด และท้องเสียไม่หยุด มันเป็นความรู้สึกที่ถ่ายไม่สุด ถึงแม้จะเข้าห้องน้ำบ่อยๆ แต่มันไม่สุดสักที ฉันหวังว่าผ่าตัดคงดีขึ้น แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดนะสิ ยังไม่บอกให้ติดตามกันเอาเองนะ

คิดดูแล้วช่วงเวลาเกือบปีที่ผ่านมาที่ฉันได้รู้จักชอน ได้เจอเขา ได้พูดคุย และได้เป็นแฟนของเขา หนึ่งเพื่อนฉิงของฉันก็บอกว่า “เจอกันทางอินเตอร์เนทนะ อย่าไปคาดหวังมาก ไม่รู้ว่าเขาดีจริงหรือปล่าว” หนึ่งพูดเตือนด้วยความเป็นห่วง “จ้า ขอบใจมาก เราจะจำไว้” ฉันรับคำไม่อยากให้เพื่อนไม่สบายใจ เราเคยทำงานด้วยกันในร้านอาหารเวียดนาม และเรารู้จักกันตั้งแต่เรียนภาษาและจนมาถึงเรียน Diploma ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเมือง แต่ตอนหลังฉันเปลี่ยนมาเรียนปอโท แต่หนึ่งก็ยังเรียนอยู่ที่เดิม จากนั้นเราก็เริ่มห่างกัน แต่นานๆเรานัดเจอกันที

ฉันย้ายมาอยู่กับตุ๊กติ๊กน้องคนไทยพักอยู่ใกล้กับมหาลัยได้เกือบปีแล้ว น้องเขาเป็นสาวมั่นที่หน้าตาสะสวย ขาว สวย หมวย เอ๊กซ์ เป็นสโสแกนของตุ๊กติ๊ก เธอเสน่ห์แรงมาก ถึงขนาดมีคนเห็นเธอขึ้นรถไฟแล้วเขาก็ตามขอเบอร์โทรของเจ้าหล่อน

ตอนที่ตุ๊กติ๊กมาอยู่เมลเบิร์นใหม่เธอหนักประมาณ 45 กิโล พอมาอยู่ได้ 3 เดือน น้ำหนักเธอก็ขึ้นเอ๊า ขึ้นเอา พอมาอยู่ได้ 2-3 ปี น้ำหนักเธอก็ปาไป 65 กิโล ถึงแม้ว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้น ความนิยมจากเพศตรงข้ามก็ไม่เคยตก เธอมาแรงจริงๆ ไม่รู้ว่าทำบุญมาด้วยอะไร แต่เธอทำงานเก่งมาก ไม่ว่างานร้านอาหาร งานโรงงานรีดผ้าเธอก็ทำมาหมด เธอก็ได้แนะนำให้ฉันไปทำงานโรงงานซักผ้า แต่ตอนหลังต้องเลิกไปเพราะที่พักเราอยู่ไกล ตุ๊กติ๊กเป็นเพื่อนที่ดีและสนิทคนหนึ่งของฉัน วันไหนชอนมารับไปเที่ยวถ้าไม่มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ก็จะขอยืมตุ๊กติ๊ก บางทีก็ขอซื้อเอาเลย เธอจะมีเสื้อผ้าน่ารัก น่ารักตอนที่เธอผอม เธอขนมาจากเมืองไทยไม่รู้กี่กระเป๋า โชคดีที่ไซส์เราทั้งนั้น เลยได้อานิสงน์จากเธอ

บ้านเช่าของชอนจะอยู่ไกลมากจากบ้านฉัน ขับรถประมาณ 45 นาทีถ้ารถไม่ติด ฉันไปเรียนหนังสือ ประมาณ อาทิตย์และ 3 วัน ทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน เจอชอน อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ทุกวันพุธฉันจะไม่มีเรียน ฉักก็จะทำกับข้าวรอ เพื่อที่เราจะทานข้าวเย็นด้วยกัน ฉันหัดทำอาหารไทย จากเมื่อก่อนก็ไม่เคยจับงานครัวมาก่อน อยู่ที่นี่ต้องช่วยเหลือตัวเอง ทำกับข้าวกินเอง จำมาจากร้านอาหารมั่ง เปิดดูสูตรตามหนังสือของเจ้าแม่ตุ๊กติ๊กมั่ง ทุกวันเสาร์ตอนเย็นก็จะไปค้างบ้านชอน ซึ่งเขาอยู่กับน้องสาวนิคกี้ ไม่รู่ว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันได้ยังไง ชอนสูงยังกะเสาไฟฟ้า ส่วนนิกกี้สูงกว่าฉันนิดเดียว อิอิอิ ฉันก็สูงแค่ 150 เซนต์เอง เวลาถ่ายรูปด้วยกันฉันเท่าอกเขาเอง ความสูงไม่เป็นอุปสรรค์ถ้าหัวใจเรารักกัน คุณพ่อเฮนรี่กับคุณแม่เดลของชอนนั้น ท่านมีรีสอร์ทเล็ก 5 ห้องชื่อ Kingross Bed and Breakfast ระดับ 4 ดาวครึ่ง ซึ่งจะอยู่เมือง Beechworth ค่อนข้างไกลจากที่เราอยู่ ขับรถประมาณ 4 ชั่วโมง ฉันกับชอนก็เคยไปเที่ยวบ่อยๆ Kingross เป็นบ้านสไตล์วิคตอเรียน อายุประมาณ 150 ปี สวยมากซึ่งแต่ละห้องราคาห้องละ 165 เหรียญต่อคืน ภายบ้านตกแต่งมีวอล์เปเปอร์ลายดอกไม้สวยมาก และมีสวนดอกไม้สวยๆ และยังมีเถากีวี กับเถาองุ่นพันอยู่ด้านหน้าของบ้าน เป็นบ้านที่แสนจะอบอุ่นเหมือนอยู่ในฝัน ฉันชอบที่นั่นมากแถมยังไม่ต้องเสียค่าที่พัก อิอิอิ แต่อยู่ไกลไปหน่อย

ฉันโชคดีที่ท่านทั้งสองรักและเอ็นดูฉันมาก เพราะฉันเป็นแฟนคนแรกชองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่าน นอกจากคุณพ่อและคณแม่จะใจดีแล้ว คุณปู่คุณย่าและคุณยายท่านน่ารักมาก ท่านๆอายุ 80 กว่าๆ แล้วแต่ว่ายังขับรถยนต์ไปไหน มาไหนสบายๆ คนแก่บ้านเราอายไปเลย ไม่รู้ว่าเป็นกรรมของชอนหรือเปล่านะ คบกับฉันได้ปีกว่าๆ ฉันก็มาเป็นมะเร็งไปเสียละ ถึงแม้ว่าเราจะพบกันทางอินเตอร์เนท แต่เขาก็เป็นคนที่รักเราจริง ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นยังไง แต่ชอนคนนี้ฉันรู้สึกว่าคือคนที่ใช่

“แพรวๆ แพรว รู้สึกตัวหรือยัง” ฉันได้ยินคุณพยาบาลคนหนึ่งเรียก เพื่อให้ฉันตอบรับแล้วบอกว่าเราผ่าตัดเสร็จแล้ว ฉันเหลือบตาขึ้นเห็นคุณหมอ คุณพยาบาลต่างมองมาที่ฉันและพยายามปลุกให้ฉันรู้สึกตัว แต่ว่าฉันรู้สึกเหนื่อยมาก ได้แต่คราง อือ อือ พูดไม่เป็นคำ แล้วก็หลับไปอีกทีนึง

พอฉันฟื้นขึ้นมาฉันก็ไม่เห็นใคร ไม่เห็นแม้แต่ชอน เห็นแต่แสงไฟที่อยู่กลางห้อง ได้ยินเสียงรูมเมทบางคนร้องครวญครวงอยู่เตียงข้างๆ พวกเขาอายุมากแล้วหล่ะ ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร แต่ก็มีพยาบาลคอยมาดูพวกเราเป็นระยะ ๆ ถ้าอยากได้อะไรก็กดปุ่มเรียก แต่กว่าจะมาหาเราก็นานเหมือนกัน น่าเสียดายที่นี่เขาไม่อนุญาตให้ญาติมานอนค้างได้ เขาจะกำหนดเวลาให้เยี่ยม จาก 11 โมงเช้า ไปจนถึง 2 ทุ่มครึ่ง แล้วแต่บางโรงพยาบาลบางแห่งก็ต่างออกไป แต่จะไม่ให้เยี่ยมเกิน 2 ทุ่มครึ่ง พอฉันตื่นมา ฉันเริ่มงอแง เริ่มเจ็บแผลนิดๆ ฉันคอแห้งมาก แต่พยาบาลไม่ให้กินอะไร ได้แต่อมน้ำแข็ง แถมยังไม่ให้กินเยอะอีกต่างหาก


ฉันเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ เลยกระเสือกกระสนคว้าโทรศัพท์มาเพื่อที่จะโทรหาชอน ในใจนึกโกรธที่เขาไม่มาหา พอฉันโทรไปเขาก็บอกว่าเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล เขาไปเยี่ยมฉันแต่ว่าฉันนอนหลับอยู่เขาเลยไม่ได้ปลุก เขาบอกว่าเขาเห็นแล้วสงสารฉันมาก ในวันนั้นเขาไม่อันเป็นทำงาน เพราะคิดถึงฉันที่กำลังผ่าตัดอยู่ทั้งวัน พอตกเย็นคุณหมอโรมก็โทรมาบอกเขาว่าการผ่าตัดของฉันเป็นไปด้วยดี หมอที่นี่จะดีมากเขาจะโทรไปรายงานญาติของผู้ป่วย ว่าการผ่าตัดเป็นยังไงแล้วค่อยให้ญาติมาเยี่ยม ญาติไม่จำเป็นต้องมาเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดเหมือนในหนังหรือในทีวี มันเป็นแค่ในหนังนะ ไม่เหมือนชีวิตจริง แต่เรื่องราวของฉันนี่สิมัน ยิ่งกว่าในหนังซะอีก

รุ่งขึ้นคุณหมอโรมมาคุยกับฉันและบอกว่าผลการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจ เขาได้ยกรังไข่ข้างซ้ายของฉันไปเหน็บไว้ที่ซี่โครง แต่ว่ารังไข่ข้างขวาอยู่ติดกับเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็งจึงไม่สามารถทำให้ยกไปได้ เป็นอันว่าฉันเหลือรังไข่อยู่ข้างเดียว แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลยสักข้าง ในอนาคตฉันอาจจะมีโอกาศมีลูกกับเขาได้บ้าง คุณหมอมาดูแผล จึงทำใ้้ห้ฉันเหลือบมองเห็นรอยแผลเป็นทางยาวประมาณ 10 เซนค์จากใต้สะดือลงไป แผลน่ากลัวมาก ฉันคงไม่มีโอกาสได้ใส่บิกินี่แล้วหล่ะ หมอบอกว่าเป็นไหมละลาย ฉันไม่ต้องมาตัดไหม แค่ระวังอย่ายกของหนักและพยายามกินอาหารอ่อนๆ

ตอนที่ฉันพักรักษาตัวอยู่นั้น นางพยาบาลก็สอนให้ฉันลุกขึ้นนั่ง และสอนให้ฉันเดิน เจ็บมากฉันต้องกดมอร์ฟีนวันละหลายๆ ครั้งเพื่อระงับความเจ็บปวด ชอนมาหาวันรุ่งขึ้น ตุ๊กติ๊กกับเพื่อนๆ ก็มาเยี่ยมฉันเหมือนกัน เห็นสีหน้าแต่ละคน ดูท่าเขาคงสังเวชฉันมาก แต่ฉันก็ดีใจที่มี่คนมาเยี่ยม เพราะอยู่คนเดียวเหงามาก คิดถึงแม่ คิดถึงน้องชาย คุณตา คุณน้า คิดถึงทุกๆคน เพื่อนๆที่เมืองไทย ฉันแอบร้องไห้ทุกคืน

ฉันพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 1 อาทิตย์แล้วก็ย้ายไปอยู่บ้านของชอน ก่อนหน้าที่ฉันจะเข้าโรงพยาบาล ชอนขอให้ฉันย้ายมาอยู่กับเขาและน้องสาวเพื่อที่หลังจากการผ่าตัดเขาจะได้ดูแลฉันได้ และฉันไม่ต้องทำงาน เขาจะเลี้ยงดูฉันเอง และเขาก็รับดูแลค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ที่เหลือจาก medibank เขาดีกับฉันมาก เขาไม่ให้ฉันรบกวนทางบ้านเลย เขาทำให้ฉันอยากที่จะมีชีวิตอยู่ และต่อสู้อีกครั้ง.... โปรดติดตามตอนต่อไป



Create Date : 12 ธันวาคม 2549
Last Update : 12 ธันวาคม 2549 12:35:10 น. 5 comments
Counter : 572 Pageviews.  

 
แวะมาเยี่ยมพี่แป๋วค่ะ รักษาสูขภาพนะคะ


โดย: soomchon วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:11:48:16 น.  

 
ขอบคุณค่ะน้องส้มฉุน น่ารักจริงๆ ดื่มน้ำ ดื่มท่ามาอะยัง เดี๋ยวจัดให้ อิอิออิ


โดย: summer_scent (Summer_scent ) วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:11:09:42 น.  

 
โอโฮ......บุญจริงๆ ที่มีคนจริงใจมีน้ำใจช่วยเหลือขนาดนี้นะ เคยได้ยินเรื่องรักแท้จนได้แต่งงานกันจากเนตเป็นเรื่องราวของฝรั่ง นี่เพิ่งจะได้สัมผัสจริงๆจากคนไทย ถึงได้เข้าใจว่า "พรหมลิขิต" มันมีจริงไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสื่อรูปแบบไหนหรอก อาจแค่เดินชนกันก็ได้

อย่างของเราก็แต่งงานกันลูกหนึ่งแล้ว เพราะเราไปยืมปากกาเค้ามาใช้ ตอนนี้ก็เลยเป็นสาวชาวไร่องุ่นที่ออสเตรีย


โดย: คุณจ๊ะจ๋า วันที่: 20 ธันวาคม 2549 เวลา:2:55:19 น.  

 
อ้าวคุณจ๊ะจ๋า ก็อยู่ที่ออสเหรอคะ ดีจังเรยยย เมืองอารายยอะ


โดย: summer_scent (Summer_scent ) วันที่: 20 ธันวาคม 2549 เวลา:10:30:00 น.  

 
อ้าวเข้าใจผิด ออสเตรีย ไม่ใช่ออสเตรเลีย 5555


โดย: summer_scent (Summer_scent ) วันที่: 20 ธันวาคม 2549 เวลา:17:46:12 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Summer_scent
Location :
กรุงเทพฯ Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หวัดดีค่ะ มาอยู่เมลเบิร์นได้ เกือบ 6 ปีแล้วค่ะ
ตอนนี้มีครอบครัวอยู่ที่เมลเบิร์นค่ะ
ชีวิตคนเรามีทางเดินแตกต่างกันออกไป แต่ละคนมีวิถีชีวิตไม่เหมือนกัน สำหรับชีวิตของฉันแล้ว ยิ่งต่างจากคนอื่นไปอีก ดูเหมือนจะสมบูรณแบบ มีสามี มีบ้าน มีรถ มีความสุข แต่ฉันก็สุขไม่ได้นาน เพราะ่ว่า ....ฉันเป็นมะเีีีร็งในสำไส้หน่ะสิ บล็อกนี้เลยอยาถ่ายทอด เรื่องราว ความรู้สึกของฉัน ว่าฉันต่อสู้กับโรคนี้ได้ยังไง ...ตามอ่านดูนะคะ ....มีหลายตอนมากเลย
[Add Summer_scent's blog to your web]