Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
8 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
ความฝันอันสูงสุด...

18 กรกฎาคม กำหนดเวลาเครื่องขึ้น ตี 1
มีกลุ่มเพื่อนสนิทมาส่งร่วม 10 คน
พ่อ แม่กับน้องสาวตัวอ้วน มากันพร้อมหน้า เดินเข้าประตู
เหมือนที่เราเคยดู ในละครดังหลังข่าว
พระเอกหรือนางเอกเดินทางไปเมืองนอก
นอกจากเจ๊กเก๊ตหรือเสื้อโค้ทสีดำที่ต้องใส่แล้ว
พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนฝูง ญาติโกโหติกา จะยืนส่งกันตรงประตูที่ว่านี้

ภาพสุดท้ายของเราตอนนั้น ไม่ใช่พระเอกหน้าตี๋
แต่กลับเป็นหน้าขาวๆ หมวยๆของแม่
เราเห็นแม่ยืนร้องไห้ นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่ต้องอาศัยน้ำตาเทียม

เดินไปรอประตู 52 กับเพื่อนคนหนึ่งชื่อ แอ๋ว
แอ๋วหญิงตัวเล็ก ร่างบาง รู้สึกหิวน้ำ สอบถามราคาน้ำเปล่าขวดเล็กๆ ที่สนามบินดอนเมือง
ทำเอากระเหรี่ยงตกใจ 40 บาทครับท่าน ดีที่กะเหรี่ยงไม่เคยพลาด หอบน้ำมาจากบ้าน
ปั้มตรายี่ห้อ มิเนเร่ (10 บาท) แต่ข้างในเป็นน้ำก๊อกจากบ้านบนดอย


ภาพสุดท้ายของเมืองไทยคือ แสงไฟอันสวยงาม ในมุมมองของนกยักษ์
คนกรุงเทพมหานครใช้ไฟกันมากมายขนาดนี้เชียวหรือ..
ด้วยความตื่นเต้นหลายหลายตื่นเต้นรวมกัน
ทำให้ลืมระยะทางที่กำลังจะห่างไกล

มองซ้ายมองขวา เป็นโอแปคนไทยซะ 6 คน รวมตัวเราด้วย มีฝรั่งหัวแดงบ้างประปราย
แต่แอร์โฮสเตส สาวบริการบนเครื่องนี่ดิ ทำเอาเราตกอกตกใจ มีแต่สาวอาหรับ
พูดไทยไม่ได้ซักคำนี่เราเพิ่งออกจากเมืองไทยเองหน่า..

................................................

นั้นเป็นบันทึกสั้นๆจากสมุดบันทึกเล่มเล็ก ที่เผอิญเปิดอ่าน ลงวันที่ 18 ก.ค.48
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ใช้ชีวิตจนเดินทางมาถึงทางแยก ต้องเลือก ต้องตัดสินใจ
อะไรคือตัวปัญหาที่ทำให้เกิดความทุกข์ คงเป็นเพราะไม่มีความมั่นใจว่า
เส้นทางที่เลือกจะมั่นคง หรือถูกต้องแค่ไหน หรือ..แล้ว..ใครจะรู้

เพื่อนหลายคน ตัดสินใจกลับบ้านเกิด
หลายคนตัดสินใจต่อวีซ่าเพื่อจะเรียน
หลายคนตัดสินใจแต่งงาน ความรักค่อยว่ากันทีหลัง
ส่วนเราไม่ได้อยู่ในกรณีข้างต้นเลย เพราะตั้งใจแน่วแน่จะเป็นโรบินฮูด

เพราะไม่อยากเรียน ไม่มีคำตอบว่าเรียนไปเพื่ออะไรตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย
สิ่งที่ได้คือสิ่งที่ไม่ได้เรียน
เพราะไม่อยากเริ่มต้นกับใครโดยไม่มีความรู้สึกรัก
แล้วเราจะกล่าวตอบคำใดต่อเค้า ถ้าเค้าให้..รัก..แก่เรา

โฮสฝรั่งตกใจ อะไรคือโรบินฮูด เราเลยอธิบายสั้นๆว่า
ไอจะอยู่ที่บ้านเมืองยูอย่างผิดกฏหมาย ไอไม่ต่อวีซ่า..
โฮสฝรั่งอ้าปากกว้าง ยูจะอยู่ยังไง..
ไอก็ไม่รู้ แต่ต้องอยู่..

เพื่อนหลายคนไม่เห็นด้วย
เพื่อนหลายคนไม่มีความเห็น
กลับมาถามตัวเองอีกว่า แน่ใจแล้วหรือ
กลับมาถามตัวเองอีกหลายรอบว่า แล้วที่ทุกข์ใจอยู่นี่เพราะอะไร..


...ความฝันอันสูงสุด..

ภาพบ้านหลังเล็กๆ หันหน้ารับแสงตะวันยามเช้า
แม่ตื่นทำกับข้าว พ่อออกตรวจตรางานที่สวน ลูกสองคนนอนอุตุบนเตียง
ทั้งเสียงแม่ เสียงนกยามเช้า (สายๆ) ปะปนกัน แต่ยังแยกออก
เสียงแม่เรียกให้มากินข้าว (จะสบายเกินไปแล้ว) พร้อมหน้าพร้อมตา

ได้มีเวลานอนอ่านหนังสือบนเปลนอนหลังโปรด
ที่ผูกเอกเขนกกับต้นดอกปีปสีขาวหลังบ้าน
ได้นั่งวาดรูปพระอาทิตย์ตก กับเพื่อนรู้ใจ
ได้ร่ำเพลงตอนดึกๆ รอบกองไฟกับมิตรเก่าๆ

ได้นั่งเล่านิทานให้เด็กน้อยฟัง ทุกยามที่นึกอยาก

กลับมาถามตัวเองอีก เกือบครั้งสุดท้ายว่า..
ในเมื่อได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว ทำไม..





Create Date : 08 กรกฎาคม 2550
Last Update : 9 กรกฎาคม 2550 10:28:55 น. 10 comments
Counter : 846 Pageviews.

 
ถ้าสนุกก็ทำไป

แต่ถ้าไม่ขอจงย้อนถามตัวเองย้ำๆ อีกสักนิดว่าทำไม...

***********************

ผมมักจะสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองว่า

เราเกิดมาเพื่อทำสิ่งสร้างสรรค์บางสิ่ง บางสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ให้เราเท่านั้นที่ทำได้

ดังนั้นจะด้วยเราเลือกกำหนดเองหรือบางอย่างกำหนดให้เราจึงต้องเผชิญประสบการณ์ที่เป็นของเรา

มีทางแยกในชีวิตที่เป็นของเรา

เพื่อสิ่งเหล่านี้จะได้เป็นวัตถุดิบ เป็นปุ๋ยที่เราจะใช้เพาะปลูกต้นกล้าแห่งสิ่งสร้างสรรค์นั้น

แต่น่าเสียดายที่เรามักจะไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์แห่งความสร้างสรรค์นั้นมันมีอยู่ในส่วนไหนในหัวใจ

และบางครั้งเราก็เลยลืมรดน้ำ

และน่าเสียดายที่มันเฉาตาย...

สุ้นะเธอจ๋า
****************************


โดย: bite25 IP: 202.44.135.34 วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:29:19 น.  

 
ขอบคุณมาก..
จะระลึกไว้เช่นนั้นเสมอ..


โดย: ก้อนหินริมทาง วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:29:44 น.  

 
เราทุกคนเกิดมาบนโลกใบนี้ เราย่อมีความฝัน เราย่อมมีความต้องการอยากทำในสิ่งที่เป็นตัวเรามากที่สุด เราอยากทำในสิ่งที่เราคิดว่า ""นี่แหล่ะคืนตัวตนที่แท้จริงของฉัน"" แต่เมื่อใดที่เราไม่สามารถเป็นตัวตนของเรา เราไม่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เราต้องการ และที่น่าเศร้ากว่านั้นก็คือ เราไม่รู้เลยว่าตัวของเราต้องการอะไร เรายืนอยู่ ณ ที่ใด ถึงแม้ว่าเราทำในสิ่งที่เราเลือก แต่ไม่ใช่ในสิ่งที่เราต้องการ สิ่ง ๆ นั้นจะหวนกลับมาทำร้ายเรา ทำร้ายจิตใจเราเอง เพราะผลที่มาจากการกระทำของตัวเราเอง ใครบางคนอาจจะคิดว่า ฉันอาจจะบ้า แม้กระทั่งว่าเรายืนอยู่ ณ ที่แห่งไหน มันก็คงใช่ ฉันฉันคงบ้าไปแล้ว เพราะทุกครั้งที่ฉันเราสึกตัวว่าตอนนี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่ ทุก ๆ วัน ฉันทำร้ายตัวเอง วันล่ะ 8 - 9 ชั่วโมง และฉันก็เจ็บวันละหลาย ๆ ชั่วโมง ร้องไห้กับตัวเองทุกครั้งที่ฉันรู้สึกตัว ว่าเอาอีกแล้วหรอตัวเรา เราทำอะไรเหรอ แล้วสักพักน้ำใส ๆ ก็หล่นลงบนหน้าตักของฉัน แล้วเมื่อนั้นฉันถึงจะรู้สึกตัวว่าฉันกำลังร้องไห้หรือนี่ จริงหรอ ที่ฉันห้องไห้ออกมาอย่างที่ฉันไม่รู้ตัว มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ฉันต้องทนรับความรู้สึกแบบนี้ ฉันเจ็บจังเลย แต่ฉันก็พยาบามที่จะรักษจิตใจของฉันให้เป็นปกติ ฉันพยายามฟังพระท่านสอน อ่านหนังสือธรรมมะ และพยายาม
ลดความต้องการ ลดความเจ็บปวด โดยการที่ไม่ทำให้ฉันคิดมาก แต่มันก็ช่วยฉันได้จริง ๆ ช่วยได้ในขณะที่ฉันอ่าน ฉันฟัง และฉันดู แต่พอหลังจากนั้นความเจ็บปวดมันก็กลับมาเยี่ยมเยียนฉันอีกทุกครั้งที่มีนมีโอกาส ฉันเดินถอยหลังทุกวัน ๆ ฉันทำร้ายตัวเองทุกวัน ความเจ็บปวดมันกลับหาฉันอีกรั้งเมื่อฉันตื่น เมื่อฉันเหงา และเมื่อที่ฉันโหยหา ตัวตนที่แท้จริงของฉัน..........


โดย: ใครหนอ IP: 202.28.179.3 วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:40:12 น.  

 
รู้คำตอบแล้วว่าทำไม
แล้วทำไมล่ะ
ทำไมไม่หันหลังกลับ
ชอบความรู้สึกที่บันทึก มันจริงใจ ใช่เลย เห็นภาพ
ขว้างก้อนหินริมทาง ถามทาง หัวใจตัวเอง
ทั้งที่รู้คำตอบดีแก่ใจ
ก็ก้าวต่อไปตามใจปรารถนาเถอะ
กห้าวยาวๆ ก็ไม่นานหรอก


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:13:24 น.  

 
ใครหนอ..ช่างโหดร้ายต่อตัวเองยิ่งนัก
แต่ในเมื่อเราต้องเลือก จึงจำเป็นต้องมีความสุขกับมัน
ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจจะเป็นอย่างที่เป็น


สัญจร ขอบคุณที่เข้ามาเป็นเสมือนดาวส่องทาง..


โดย: ก้อนหินริมทาง วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:57:15 น.  

 

ถามใจตัวเอง แล้วเดินไปทางที่หัวใจมีอยู่
เพราะนั่นเราจะพบความสุขของใจ
เอาใจช่วยในทุกเรื่องนะ




เช็คหลังไมค์ด้วยจ้ะ


โดย: p_tham วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:47:26 น.  

 
มากล่าวทักทายสวัสดีครับ หวังว่าคุณก้อนหินคงมีความสุขเน้อ


โดย: bite25 IP: 202.44.135.35 วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:01:35 น.  

 



โดย: p_tham วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:58:17 น.  

 

ได้รับหนังสือหรือยังจ้ะ


โดย: p_tham วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:52:46 น.  

 
เพิ่งผ่านมาดู
รูปสวยจัง..
รองเท้าสะอาดเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นของ"เด็กดี"

เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย


โดย: ท.ต.ว. IP: 58.10.164.212 วันที่: 9 ธันวาคม 2550 เวลา:17:08:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ก้อนหินริมทาง
Location :
Boston United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ก้อนหินริมทาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.