Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
21 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
งานช่วงแรกในชีวิต ตอนที่ ๒ กบย้ายกะลา

        หนึ่งปีกว่าๆ หลังจากงานแรก  ปุ่นหางานใหม่ได้แล้วก็ออกจากบริษัทแรกด้วยความมั่นใจ เป็นช่วงที่ฟองสบู่แตกพอดี บริษัทใหญ่ ๆ ปิดตัวกันระนาว มองไปทางไหนก็มีแต่ข่าวปลดคนงานออก คนงานหนุ่มสาว เป็นแรงงานค่าจ้างต่ำที่ถูกขโมยตัวมาจากภาคเกษตรกรรม  มาถูกภาคอุตสาหกรรมหักหลัง ปลดทิ้งไปเหมือนปลดตะขอบรา  ปุ่นก็หางานแบบสวนกระแส คือเอาเนื้อหางานไว้ก่อน เอางานยาก ๆ ที่มันน่าสนใจ  จากการผ่านงานแรกมา ก็เริ่มเล็ง ๆ ดูแระ ว่างานแผนกไหนที่อยากเข้าไปทำมากที่สุด นอกจากโปรแกรมเมอร์ (สายงานที่เรียนจบมา แต่ว่าไม่ชอบงานเขียนโปรแกรมเอาซะเลย แล้วคงทำได้ไม่เอาอ่าว) ดูแผนกวางแผนการผลิต อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ต แต่งานพวกนี้มันเกี่ยวกับการเดินเอกสาร ติดต่อกรมศุลฯ (อี๋) เอาไปสมัครวางแผนวัตถุดิบละกัน ดูเข้าท่าดี ประสบการณ์ก็ไม่มีหรอก แต่อาศัยใจกล้า และพูดภาษาอังกฤษพอได้ ก็ไปสมัคร
       เจ้านายในตอนนั้นเป็นคนมาเลย์ เป็นหญิงจีนอายุน้อย ที่คล่องแคล่ว เก่งกาจ ฉลาด ฉะฉาน นางต่อเงินเดือนปุ่นซะลดลงจากงานแรกเลย แถมให้ตำแหน่ง Clerk แต่ต้องทำงานเป็น Planner เรียกว่า เงินเดือนน้อย งานหนัก เป็นไงล่ะ ได้เรียนรู้สมใจเลยคราวนี้
ทำงานบริษัทนี้ ชื่อเป็นอเมริกัน เป็นโรงงานผลิตของเล่นชื่อดังของอเมริกัน แต่โรงงานเป็นโรงงานเก่าสัญชาติฮ่องกงที่ถูกปรับปรุงใหม่  คนทำงานซุปเปอร์ไวเซอร์ส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีนฮ่องกง อา ๆ ทั้งหลาย จำชื่อไม่ค่อยได้แล้ว ทำงานเจ็ดโมงถึงห้าโมง ปีแรกยังให้ทำโอที แต่หลังจากหกเดือน บริษัทมีนโยบายให้งดโอที ใครอยู่ต่อเคลียร์งาน บริษัทไม่จ่ายนะจ๊ะ 
        งานที่ต้องทำคือดูวัตถุดิบ แพลนให้ของเข้ามาพอใช้ ไม่สั่งมากเกินไป ให้ของเหลือ ไม่สั่งน้อยเกินไปให้ของขาด แพลนให้ต่อเนื่อง  วิธีทำก็เหมือนจะง่าย ๆ พิมพ์รายงานจากระบบมา ใช้คณิตศาสตร์บวกลบคิดเปอร์เซ็นต์ของขาดเกิน ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ง่าย เพราะว่าไลน์การผลิตก็ต้องเปลี่ยนตามดีมานด์ ความต้องการของตลาด ที่ค่อนข้างจะเปลี่ยนแปลงบ่อย แล้วของแต่ละอย่าง สั่งซื้ออะไรรู้ป่ะ สั่งซื้อล้อรถเด็กเล่น รถคันเหล็กคันเล็ก ๆ ที่เด็ก ๆ เล่นไถไปมานั่นแหละค่ะ  ใครจะรู้ว่าล้อแต่ละรุ่นมันใช้ด้วยกันไม่ได้ ความกว้างของรถแต่ละรุ่น ถอดแบบย่อส่วนมาจากสัดส่วนรถจริง อย่างเฟี๊ยต หรือเชฟวี่ (มันคืออะไรคะ) ล้อคนละแบบ เวลาสั่งต้องกะให้ดี สั่งแล้วใช้ไม่หมด เงินทั้งนั้น ล้อยังไม่ยาก เปอร์เซ็นต์ของเสีย ของหายยังไม่มาก ไม่เหมือนของเหลว พอดีปุ่นดูสีด้วย สีพิมพ์รถแข่งคันเล็ก ๆ บระเจ้า รถคันหนึ่งใช้สี 0.1 ml ผลิตหมื่นคัน ต้องสั่งสีเท่าไหร่ อะไรแบบนี้
ตอนนั้น ความกดดันสูงมากแล้วของช็อตระนาว เพราะว่าตอนนั้นมีรถออกรุ่นใหม่ มีโรงผสมสีเองซึ่งเครื่องคอมพ์มันบอกว่า ใช้หมึกเท่านั้นเท่านี้ แต่ความจริง ใช้ของเยอะกว่านั้นเยอะมาก ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วทางฝ่ายวางแผนการผลิตต้องรอให้เอ็นจิเนียร์ออกสเปคมาว่าใช้จริง ๆ เท่าไหร่ (ตามที่ทดสอบในแล็บ) ปัญหาว่าตัวเลขใช้จริงกับตัวเลขใช้แพลนไม่ตรงกันจึงเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว แล้วยังมีปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่รอการแก้ไข  ถ้าไลน์การผลิตหยุดลงเพราะของไม่พอ แพลนนิ่งที่ทำของช็อตจะโดนตามจนสายไหม้ เวลาเข้าห้องประชุมก็อาจจะถูกสั่งประหารได้ โหะ โหะ ตอนนั้นไปทำงานร้องไห้ทุกวัน เพราะเครียดมาก ย้ายไปอยู่หอแถวสมุทรปราการ ห้องเท่ารูหนู พอซุกหัวนอน ไม่มีโทรศัพท์ในห้อง  ใช้โทรศัพท์แบบบัตรโทรหาแม่ที่อยู่เชียงราย  โทรไปทุกครั้งอยากจะบอกแม่ว่า หนูเหนื่อย หนูลำบาก แต่ไม่อยากให้แม่เสียใจ ได้แต่บอกว่า หนูสบายดี 
แล้วอีตำแหน่ง clerk อีกนะ มันค่อนข้างจะบั่นทอน งานเยอะ ความรับผิดชอบสูง ให้เงินเดือนชั้นเท่ากับเด็ก ๆ พิมพ์งานตำแหน่งclerk จริง จริง ๆ แล้วถ้าตอนนี้มีวุฒิภาวะมากกว่านี้ซักนิด รู้จักคำว่ารับผิดชอบ เพราะรับงานเขามาเงื่อนไขก็รู้ แต่พอมาทำจริงก็อดรู้สึกแย่กับตัวเองไม่ได้  ท่องคำว่าอดทนให้เป็น จิตใจจะดีกว่านั้น จะมีแรงต่อสู้ได้มากกว่านั้น   ก็อดทนทำงานไป แต่ทำแบบแค้น ๆ ในใจ ใครพูดอะไรไม่เข้าหูก็พร้อมจะระเบิดลงได้ทุกเวลา ซึ่งมันทำลายบรรยากาศการทำงาน แต่ไม่ได้เป็นคนเดียวนะ  เป็นกันหลายคนอยู่ พี่ที่เป็นผู้จัดการแผนกข้าง ๆ ก็เป็น ตอนนั้นแรงผลักดันภายในมันบอกว่า ชั้นจะต้องหลุดจากสิ่งแวดล้อมตรงนี้ไปให้ได้  แล้วชั้นจะไม่ยอมรับเงื่อนไขแย่ ๆ อีกแล้ว  นึกย้อนไปตอนนั้น เพื่อนร่วมงานคงจะส่ายหัวกันไปตาม ๆ กัน แล้วคงจะคิดว่า ยายคนนี้มันทำงานแย่สิ้นดี แล้วยังจะมาเรียกร้องอีก  แต่หลังจากพ้นโปรไปปุ่นก็ได้หลุดจากตำแหน่ง clerk นี้ ได้เป็นแพลนเนอร์สมใจ แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่มีความสุขกับงานอยู่ดี 
สิ่งที่เรียนรู้จากงานนี้
-อย่าตีค่าตัวเองต่ำไป ให้เรียกเงินเดือนให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ
-ถ้าคิดจะแลกแล้วก็เต็มที่กับมันไปเลย ในที่นี้แลกเงินเดือนกับประสบการณ์ ห้ามคิดลงโทษตัวเองว่าคิดผิด ความคิดนี้จะฉุดให้เขวและเราทำงานได้ไม่เต็มที่
-อย่ากลัวที่จะตกงานเพราะทำผิด เพราะว่าไม่เคยมีใครไม่ทำผิด แต่ให้เรียนรู้จากงาน อย่าผิดซ้ำ ๆ ด้วยความประมาท
-ให้ตั้งใจทำงาน ตั้งสติให้ดี  มองงานให้ขาด  บางทีกลลวงมันลวงเราเพราะความเยาว์ ความเขลา บางทีตั้งใจแล้วก็ยังพลาดได้  อย่าซ้ำเติมตัวเอง ให้ใช้มันเป็นประสบการณ์
-อย่าคิดจะเป็นเพื่อนกับคนที่ทำงาน อย่าไว้ใจใคร เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองทั้งนั้น
-เลือกบริษัททำงานให้ดูคุณธรรมของบริษัทด้วย ถ้าไปสัมภาษณ์ แล้วว่าที่เจ้านายบอกว่า ต้องการคนที่มีความอดทนสูง ให้ระวังเสือสิงห์กระทิงแรดให้ดี  ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ถ้าร่วมมือกัน  ปัญหาที่มันใหญ่ขึ้นเพราะคนเห็นแก่ตัว ไม่ยอมมองงานในองค์กรว่าเป็นงานของทุกคน คนประเภทนี้จะทำเฉพาะงานที่ได้รับมอบหมายให้เท่านั้น งานของตัวเองที่ช่วยให้คนอื่นทำงานง่ายขึ้นจะถูกคนประเภทนี้มองข้ามไป ถ้าองค์กรไหนมีคนแบบนี้เยอะ ๆ ลางไม่ดีแล้ว ถอยดีกว่า
- ถ้าทำงานแล้วรู้สึกว่าล้มเหลว ท้อแท้ ให้สร้างภาพในหัว ถึงวันที่ประสบความสำเร็จ วันที่เอาชนะปัญหาทุกอย่าง แล้วทำให้ได้ ไปให้ถึง
- รู้จักคำว่า can do attitude
พอทำงานไปได้ซักพักนึง  บริษัทก็รับเด็กรุ่นน้องคนนึงมาทำงาน เด็กคนนี้เก่งมาก เป็นนักกิจกรรมตัวยงจบมหาวิทยาลัยที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ (ในสมัยนั้นคงเป็นที่เดียว เพราะยังไม่มีภาคอินเตอร์) น้องคนนี้เก่งมาก ลุยงานทุกอย่าง คิดทุกอย่างในแง่บวก น่ารัก คุยดีกับทุกคน แล้วปรับสถานการณ์จากแย่ ๆ เนือย ๆ เป็น กระตือรือร้น เปี่ยมพลังงาน เรียกว่าทำงานได้ค่อนข้างดี แล้วปุ่นก็ยังได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากน้องคนนี้ โดยเฉพาะคำว่า ทำไม่ได้หรอก เพราะ../แต่ ไม่เคยออกมาจากปากน้อง แต่น้องพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้  แต่น้องอยู่ได้ไม่นานก็ได้โอกาสไปอยู่ญี่ปุ่นหนึ่งเดือนด้วยทุนสโมสรอะไรซักอย่าง ทางบ้างน้องฐานะดีด้วย เลยตัดสินใจไม่ยากที่จะออกจากงาน
-รู้จักตั้งคำถาม
ฝนทำไมจึงตก เพราะกบร้อง อะไรแบบนี้ ถามถึงที่มาของปัญหา ถามว่า ทำไมสีไม่พอ เพราะสั่งมาน้อย หรือใช้เยอะเกินไป ทุกปัญหามีคำตอบเสมอ

-รักษาร่างกายให้ดี
พักผ่อนให้มาก ๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แล้วจะมีแรงแก้ไขปัญหา

ปุ่นทำงานที่นี่ได้เกือบสองปี  ชีวิตพลิกผันให้ไปเริ่มต้นใหม่ในใจกลางเมืองกรุงเทพ ได้มีโอกาสพัก ไปลงเรียนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่สาม เลยตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อรอโอกาสงานใหม่





Create Date : 21 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2556 4:15:53 น. 0 comments
Counter : 1770 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bananarumba
Location :
โคโลญจ์ Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




จากเชียงราย ผ่านเชียงใหม่ ไปกรุงเทพ ปัจจุบันลงตัวอยู่ที่โคโลญจ์ มีความสุขดีเหมือนเป็นบ้านที่สอง
ผ่านชีวิตมาเกือบครึ่งคนแล้ว เขียนบล้อกมาหลายปี จากตอนแรกที่อยากเขียนเพราะต้องการแบ่งปันและอยากมีเพื่อน ตอนนี้จุดหมายในการเขียนเปลี่ยนไปเป็น เขียนเพราะใจอยากเขียน รู้สึกรักภาษาไทยเหมือนเป็นนางงามมิตรภาพ
กิจการปิ่นโตดำเนินไปด้วยดีค่ะ ขอขอบคุณที่สนใจคลิกเข้าไปดูเว็บไซด์นะคะ
Friends' blogs
[Add Bananarumba's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.