Bloggang.com : weblog for you and your gang
blog แห่งนี้ถ้าชมจากคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก และจาก IE Browser ตัวหนังสือและรายละเอียดจะไม่สวยงาม
คลอดยาก....
เมื่อจะคลอด คุณแม่ท้องทุกคนล้วนปรารถนาให้การคลอดลูกของตนราบรื่น ผ่านไปโดยง่ายและปลอดภัย แต่ใช่ว่าความต้องการนั้นจะเป็นจริงได้ทุกราย เพราะมีคุณแม่หลายคนที่ต้องเจอกับภาวะ "คลอดยาก" ขอพาว่าที่คุณแม่คนใหม่ทั้งหลายทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่อง "คลอดยาก" จากสูติแพทย์ คือคุณหมอเยาวลักษณ์ รพีพัฒนา
แค่ไหนล่ะที่ว่า "คลอดยาก"
คุณหมอเยาวลักษณ์เริ่มต้นอธิบายว่า "การคลอดยากก็คือการคลอดที่ยาวนานกว่าปกติ ทำให้คลอดทางธรรมชาติไม่ได้ หรือจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือช่วย ระยะเวลาจะนับจากการเจ็บครรภ์จริง 20 ชั่วโมงสำหรับท้องแรก และ 12 ชั่วโมงสำหรับท้องหลัง ภายในระยะเวลาดังกล่าวนี้ ถ้ายังไม่คลอดก็ถือว่าเป็นการคลอดช้าค่ะ"
การเจ็บครรภ์จริงที่ว่านี้เราจะดูได้จากการที่มดลูกหดรัดตัวแรงขึ้น สม่ำเสมอขึ้น มีระยะเจ็บที่นานขึ้นและถี่กว่าเดิม ถุงน้ำคร่ำแตก เริ่มมีการเปิดของปากมดลูก ซึ่งต่างจากการเจ็บครรภ์เตือนที่จะเป็นแบบเจ็บๆ หายๆ ไม่สม่ำเสมอ แล้วเมื่อตรวจดูปากมดลูกก็ยังไม่เปิด
"องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ให้นิยามของคำ"คลอดยาก"ว่า เมื่อแม่เข้าสู่ระยะการคลอดที่เรียกว่าเจ็บครรภ์จริง หรือระยะ active จะต้องมีการเปิดของปากมดลูกอย่างน้อย 1 เซนติเมตรต่อชั่วโมง ถ้าปากมดลูกไม่เปิด 1 เซนติเมตรต่อชั่วโมงหลังจากที่รอแล้วช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็ควรผ่าตัดคลอด หรือถึงแม้ว่าปากมดลูกเปิด 1 เซนติเมตรต่อชั่วโมงแล้ว แต่ศีรษะของเด็กยังลอยอยู่ ไม่ลงต่ำลงมาเกินกว่า 3 ชั่วโมงสำหรับท้องแรก และ 1.5 ชั่วโมงสำหรับท้องหลังก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์คลอดยากแล้วค่ะ"
นอกจากนั้น การคลอดยากยังมีสัญญาณที่เด่นชัดคือ การคลอดไม่มีความก้าวหน้า ซึ่งคำว่า "ความก้าวหน้า" ในที่นี้หมายถึงสภาพปากมดลูกที่เปิดกว้างขึ้น และการเคลื่อนต่ำของส่วนนำ (ศีรษะ) ของเด็ก โดยดูได้จากความแรงของการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกที่จะเป็นส่วนทำให้ปากมดลูกเปิดได้ดีขึ้น ทารกในครรภ์สามารถเคลื่อนผ่านอุ้งเชิงกรานได้ และอุ้งเชิงกรานมีขนาดกว้างเพียงพอให้ทารกเคลื่อนผ่านได้สะดวกนั่นเอง
อะไรทำให้ "คลอดยาก"
ทางการแพทย์แบ่งออกเป็น 3 สาเหตุด้วยกันค่ะ คือ
1. แรงบีบรัดตัวของมดลูกไม่ดีพอ
ปกติระยะที่เข้าสู่การคลอด มดลูกจะต้องมีการบีบรัดตัวทุกๆ 2-3 นาที มีความแรงอย่างน้อย 40-50 มิลลิเมตรปรอท ที่เรียกว่าน้อยไปก็คือน้อยกว่าทุก 3 นาที และมีความแรงน้อยกว่า 40-50 มิลลิเมตรปรอท หรือบางทีมดลูกก็บีบรัดตัวดีมาตลอดแล้วมาล้าเอาทีหลังในกรณีที่การคลอดยาวนาน แต่หากจะถามว่าทำไมการบีบรัดตัวจึงไม่ดีพอนั้นส่วนใหญ่เราไม่ทราบสาเหตุ บางทีอาจเกิดจากสุขภาพของคุณแม่ที่ไม่ค่อยแข็งแรง พักผ่อนไม่เพียงพอ อ่อนเพลีย หรือว่ามดลูกมีความผิดปกติค่ะ
2. ทางคลอดแคบผิดปกติ
อย่างเช่นมีกระดูกส่วนก้นกบแหลมยื่นออกมา หรือว่าส่วนกระดูกเชิงกราน 2 ข้าง แหลมสอบเข้าไป แล้วก็แคบผิดปกติ กลุ่มนี้จะสามารถรู้ได้ตั้งแต่เมื่อแรกที่ตรวจภายในเลยค่ะว่าอุ้งเชิงกรานแคบมาก คือมีส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางด้านหน้า และหลังน้อยกว่า 10.5 เซนติเมตร ในกรณีเช่นนี้ คุณแม่ต้องผ่าคลอดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ใช้เครื่องมือช่วยพาลูกออกมาไม่ได้เลย จะอันตรายมาก เนื่องจากเวลาเราใส่เครื่องมือเข้าไปแล้ว ถ้าเรา ดึงและกระชากลากถู ข้างใต้กระโหลกของลูกคือสมองก็จะเกิดอันตรายได้ ดังนั้น หากประเมินได้ตั้งแต่แรกแล้วก็ควรจะตัดสินใจผ่าตัดเลย ไม่ต้องเสี่ยงให้เกิดอันตรายกับลูกค่ะ
3. ตัวลูกเอง
มีตั้งแต่ ตัวลูกโตเกินไปเมื่อเทียบกับขนาดของคุณแม่ ท่าของลูกไม่ถูกต้อง เช่น ลูกอยู่ในท่าขวาง (เด็กนอนขวางท้อง) ท่าก้น หรือเป็นท่าศีรษะแต่ว่าลูกไม่ยอมก้ม แหงนหน้าออกมา หรือว่าเอียง ก็จะทำให้คลอดยากค่ะ การที่ลูกอยู่ในท่าที่ผิดปกตินี้เรายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนเช่นเดียวกัน แต่มักจะพบได้ในกรณีที่คุณแม่มีมดลูกที่ ผิดปกติ เช่น มีรูปร่างผิดปกติ มีแผ่นพังผืดหรือมีเนื้องอกอยู่ข้างในมดลูก เป็นต้น
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการคลอดยาก
เมื่อเกิดการคลอดยากขึ้นตามปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา หากเรายืนยันที่จะยังคงคลอดธรรมชาติต่อไป โดยไม่ยอมให้ใช้เครื่องมือช่วยหรือผ่าตัดคลอด สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือ มดลูกจะล้า จะเกิดการตกเลือดหลังคลอด หรือหากเด็กไม่สามารถคลอดลงด้านล่างตามปกติได้ ก็จะพยายามดันขึ้นข้างบน ผลก็คือเกิดมดลูกแตก
หรืออีกอย่างหนึ่งคือถ้าเราพยายามให้แม่คลอดออกมาได้ก็จริง แต่ระหว่างที่คลอดนั้นอวัยวะของลูกอาจเกิดการติดขัด ไม่สามารถออกจากช่องคลอดได้อย่างราบรื่นก็จะเป็นอันตรายมาก เช่น ถ้าเป็นศีรษะก็จะทำให้ตกเลือดในสมอง หรือเกิดกระดูกไหล่ ไหปลาร้าหัก เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ หรือไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากเด็กถูกมดลูกบีบรัดตัวก็เป็นได้ค่ะ
มีสิทธิ์รู้ตัวก่อนไหม?
การที่จะรู้ว่าท้องไหนคลอดยากหรือไม่นั้นสามารถจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ในบางกรณีเท่านั้น อย่างกรณีคุณแม่ตัวเล็ก ส่วนสูงน้อยกว่า 150 เซนติเมตร หรือสูงกว่านั้นนิดหน่อย และลูกมีขนาดตัวโตมาก ทำให้ไม่สามารถคลอดเองได้ โดยสามารถคาดการณ์ได้จากการอัลตราซาวนด์หรือดูจากหน้าท้องหากมีความชำนาญ และรู้ได้จากการตรวจภายในว่ากระดูกเชิงกรานแคบ ท่าคลอดของลูกบางท่าก็สามารถรู้ได้ก่อนคือ ท่าก้น และท่าขวาง ส่วนกรณีอื่นไม่สามารถรู้ได้ก่อน ต้องไปรอลุ้นกันตอนคลอดเลยละค่ะ
ช่วยอย่างไรดีเมื่อคลอดยาก
ในปัจจุบันคุณแม่แทบไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการคลอดยากแล้ว เพราะแนวทางการช่วยเหลือมีมากขึ้น แต่ในท่ามกลางโอกาสที่ลดลงอย่างมากนั้น หากคุณแม่ตั้งครรภ์คนหนึ่งต้องเจอกับเหตุการณ์คลอดยาก คุณหมอก็จะมีวิธีช่วยคุณแม่อย่างนี้ค่ะ...
* ใช้ยา Oxytocin (หรือยาเร่งคลอด)
ในกรณีที่คุณแม่มีแรงบีบรัดของมดลูกไม่ดีพอ คุณหมอจะให้ยาผ่านน้ำเกลือ แล้วคอยปรับอัตราเร่งของหยดน้ำเกลือว่าจะให้มดลูกบีบรัดมากหรือน้อย สำหรับการใช้ยาเพิ่มแรงบีบรัดตัวของมดลูกนี้ถ้าถามว่ามีอันตรายไหม หากควบคุมอย่างดี อันตรายก็ไม่เกิด แต่หากให้ยามากเกินไปทำให้มดลูกหดตัวมากอาจมีอันตรายต่อแม่คือ มดลูกแตก ส่วนอันตรายต่อตัวลูกคือ เกิดภาวะขาดออกซิเจน โดยแรงบีบรัดที่เหมาะสมนั้นควรอยู่ในอัตราความถี่ไม่เกิน 1 นาที กับ 30 วินาทีต่อครั้ง และความนานของการบีบรัดตัวแต่ละครั้งไม่ควรนานเกินกว่า 60 วินาที ทั้งนี้ เมื่อมดลูกมีแรงบีบรัดที่มากพอในอัตราที่เหมาะสมแล้วคุณแม่ก็จะสามารถคลอด ลูกได้ตามปกติค่ะ
* ใช้คีมช่วยคลอด หรือ ใช้เครื่องดูดสูญญากาศ
เครื่องมือช่วยคลอดทั้ง 2 อย่างนี้จะถูกใช้ในกรณีที่คุณแม่ไม่มีแรงเบ่งเพียงพอ หัวใจของลูกเต้นช้าลง ท่าของลูกผิดจากที่ควรจะเป็น (ซึ่งท่าที่ดีที่สุดที่จะทำให้ลูกคลอดออกมาได้ คือลูกต้องกลับตัวลง ศีรษะตั้งตรงแล้วก้ม) แต่เด็กบางคนตะแคงซ้าย ตะแคงขวา หรือเงยหน้า แม้ว่าตัวเด็กจะขยับลงมาได้เรื่อยๆ ผ่านกระบวนการมาจนจะคลอดอยู่แล้ว แต่หัวยังตะแคงหรือเงยอยู่นิดหน่อยก็จะทำให้คลอดไม่ได้ ตอนนี้เองที่คุณหมอจะใช้เครื่องมือช่วยดึงออกมาค่ะ เพราะถ้าปล่อยให้ลูกคาอยู่อย่างนั้นนานเกิน 2 ชั่วโมงสำหรับท้องแรก และ 1 ชั่วโมงสำหรับท้องหลัง ลูกอาจเกิดภาวะขาดออกซิเจน ทำให้เป็นอันตรายต่อสมองได้
ส่วนเครื่องมือแต่ละชนิดที่กล่าวมานั้น คุณหมอบอกว่ามีกฎของการเลือกใช้อยู่ค่ะ
- ถ้าเป็น คีมช่วยคลอด จะใช้ในกรณีที่ปากมดลูกเปิดหมดเท่านั้น และศีรษะของเด็กจะต้องลงมาในระดับต่ำเกินกระดูกเชิงกรานส่วนกลางมาแล้ว ถ้าศีรษะยังอยู่สูงคุณหมอจะไม่ใช้เพราะอาจเกิดอันตรายต่อสมองของลูกได้ และอาจทำให้กระดูกเชิงกรานของแม่แยก หรือมดลูกแตกได้ และการใช้คีมช่วยคลอดนี้ศีรษะของเด็กต้องเอียงไม่เกิน 45 องศา
- ส่วนเครื่องดูดสูญญากาศจะใช้เมื่อต้องการดูดให้เด็กคลอดภายในไม่เกิน 40 นาที เพราะถ้าใช้เวลาเนิ่นนานกว่านี้จะเป็นอันตรายกับลูกได้ นอกจากนั้น ในการใช้เครื่องดูดสูญญากาศต้องใช้ถ้วยครอบศีรษะเด็กเพื่อที่จะดูดออกมาด้วย ซึ่งมีข้อจำกัดว่าในขณะที่ดึงต้องระวังไม่ให้ถ้วยครอบหลุดจากศีรษะเกิน 2 ครั้ง ถ้าหากหลุดเป็นครั้งที่ 3 ก็ต้องผ่าคลอดแล้วละค่ะ
การเลือกว่าจะใช้เครื่องมือชนิดใดนั้นคุณหมอเยาวลักษณ์บอกว่าเป็นความชอบ ความถนัดส่วนตัวของสูติแพทย์แต่ละท่านด้วย ซึ่งแพทย์ทุกท่านจะรู้ตัวเอง ถ้าทำในสิ่งที่ถนัด นั่นคือสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณแม่และลูกน้อย
--------------------------------------------------------
ผ่าตัดคลอด...ทางออกสุดท้าย
ถึงแม้จะมีเครื่องมือช่วยคลอดแล้วก็ตาม แต่ยังมีบางกรณีที่จำเป็นจะต้องผ่าตัดคลอดค่ะคือ กรณีที่เด็กตัวโตมากเมื่อเทียบกับสรีระของคุณแม่ เมื่อตรวจภายในแล้วพบว่ากระดูกเชิงกรานแคบ หรือกระดูกเชิงกรานมีความผิดปกติ ท่าของเด็กผิดปกติคือ ท่าขวาง ท่าก้น หรือท่าศีรษะแต่ว่าเด็กแหงนหน้ามาก ก็ต้องผ่าตัดคลอดค่ะ
แต่ไม่ว่าเราจะคลอดยากหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์อย่างเราจะทำได้ดีที่สุดก็คือ การเตรียมตัวให้พร้อมทั้งกาย ใจ และความรู้เท่าทันต่อสภาพครรภ์ของเราเอง และการพยายามพูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคุณหมอสูติฯ ประจำตัวของเราอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าคุณหมอสูติฯ ที่ดูแลเราอยู่จะมีวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือให้การคลอดเป็นไปอย่าง ปลอดภัยทั้งแม่และลูกค่ะ
------------------------------------------------------------------
เคล็ดลับช่วยป้องกัน "คลอดยาก"
สำหรับคุณแม่คนไหนที่ไม่อยากคลอดยากละก็ คุณหมอเยาวลักษณ์มีคำแนะนำแถมท้ายที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการคลอดยากลงไปได้บางส่วนมาฝากกันค่ะ
* คุมน้ำหนักกันหน่อย
"ถ้าไม่อยากให้คลอดยากก็ควรพยายามควบคุมน้ำหนักให้ขึ้นไม่เกิน 11-15 กิโลกรัม ถ้าเกินนั้นแล้ว โอกาสที่ลูกจะตัวโต และส่วนของเชิงกรานคุณแม่ที่เป็นส่วนของไขมันที่เป็นทางผ่านของช่องคลอดจะถูกพอกด้วยไขมันหนาขึ้น ทำให้การคลอดยากขึ้น เหมือนกับว่าประตูแคบลง เพราะฉะนั้นก็ต้องควบคุมน้ำหนักให้ได้
การควบคุมน้ำหนักไม่ได้หมายความว่าต้องอดทุกอย่าง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นเนื้อ นม ไข่ อย่ารับประทานอาหารหวานมาก จำกัดอาหารจำพวกแป้ง คาร์โบไฮเดรตให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ที่ทำให้ทั้งคุณแม่และลูกอ้วนไปเปล่าๆ
แต่ว่าเรื่องนี้พูดยาก ตามทฤษฎีก็บอกคุณแม่ได้ แต่ถ้าเป็นคนท้องจริงๆ จะรู้ว่าห้ามปากยากมาก จะหิวอยู่ตลอดเวลา ก็ยากเหมือนกัน"
* ออกกำลังบ้างก็ดีนะ
อีกเรื่องหนึ่ง คือ ควรออกกำลังกายบ้างโดยเฉพาะช่วงท้องแก่ พยายามเดินหน่อย ใช้พลังงาน ก็จะช่วยการคลอดได้ เพราะว่าแรงโน้มถ่วงของลูก (Gravity) จะ ทำให้ศีรษะของลูกลง และการออกกำลังกายจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อส่วนเชิงกรานมีความกระชับ แข็งแรง สามารถที่จะยืดหยุ่นและก็เบ่งคลอดได้ในตอนคลอดค่ะ
.............................................................................................
จาก: รักลูก
Create Date : 08 มิถุนายน 2552
Last Update : 23 กรกฎาคม 2552 20:45:04 น.
Counter : 1984 Pageviews.
0 comments
Share
Tweet
เจ้าแม่แฟชั่น
Location :
Maldives
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [
?
]
Group Blog
Hello..Momma
>>ครรภ์ที่สี่<<
--- ครรภ์ที่สาม (Miscarriage)---
++ ประสบการณ์แท้งลูก ครั้งแรก ++
-- > ปิ่นมุกวัยแรกเกิด - 1 ขวบ
-- > ปิ่นมุกวัย 1 ขวบ
-- > ปิ่นมุกวัย 2 ขวบ
-- > ปิ่นมุกวัย 3 ขวบ
-- > ปิ่นมุกวัย 4 ขวบ
-- > ปิ่นมุกวัย 5 ขวบ
-- > เรื่องราววัย 13-24 เดือน
--> พัฒนาการวัย 1-2 ขวบ
--> All about 'ปิ่นมุก'
--> การฉีดวัคซีน และฟัน
--> อาหารการกิน
--> คลังภาพ "ปิ่นมุก"
--> ผม "ปิ่นมุก"
--> แฟชั่น "ปิ่นมุก"
--> ของ ของ เรา และ "ปิ่นมุก"
--> "ปิ่นมุก" ในครรภ์มารดา
--> พบหมอช่วงตั้งครรภ์
--> ** TriViAL **
--> M I X
--> BEAUTY - Momma
--> OtherS
>> mE - cOllection -
-- > ทำสวยหลังคลอด {อกฟู..รูฟิต}
--> Clip บริหารร่างกาย (เจ๋งๆ)
*Health Corner*
^ -Low Fat Recipes- ^
- BBQ Recipes -
= Salad =
+ Side Dish Recipes +
-- Smoothie **
-----------------------------------
== My Hobby ==
== My gears ==
== Photography ==
== LR3 & PS ==
+++++++++++++++++++++
ความรู้แนววิทย์ & ดาราศาสตร์
Tsunami in Japan 2011
IF I RICH, I WILL GO!
*********************
ดูแลครรภ์
ออกกำลังกาย
ยา อาหาร และวิตามิน
อาการแทรกซ้อน
สวยต้องห้าม
ลูกสาว-ลูกชาย
สวยในยามตั้งครรภ์
การคลอดบุตร
หลังคลอด
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ดูแลลูกน้อย
เกี่ยวกับวัคซีน
พัฒนาการของเด็ก
อาหารของทารก
เดินทางกับลูกน้อย
Learning -- corner
======================
++ บริการถ่ายรูปเด็กแรกเกิด - 6 เดือน ++
>> รับพรีออร์เดอร์ <<
เปิดท้ายขายเสื้อผ้า ปี 2013-2014
เปิดท้ายขายเสื้อผ้า ปี 2012-2013
เปิดท้ายขายเสื้อผ้า ปี 2011-2012
เปิดท้ายขายเสื้อผ้า ปี 2010-2011
พรีออร์เดอร์ ชุดคอสตูม แฟนซี
น้ำหนัก*ส่วนสูง*อาหารเด็ก
<<
มิถุนายน 2552
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
8 มิถุนายน 2552
คลอดยาก....
นี่ไง...สัญญาณใกล้คลอด
เลือกคลอดให้ตรงใจ
ท้องแบบไหนถึงผ่าคลอด
All Blog
รับมือใกล้คลอด
เตรียมกายใจ ก่อนไปคลอด
6 ย. ช่วยลดอาการท้องแข็ง
ท้องแข็งโป๊ก!
เตรียมตัวคลอดอย่างมืออาชีพ
การเจ็บท้องคลอด
การซ้อมหดรัดตัวของมดลูก
ติวคุณแม่ เตรียมตัวคลอด
คลอดยาก....
นี่ไง...สัญญาณใกล้คลอด
เลือกคลอดให้ตรงใจ
ท้องแบบไหนถึงผ่าคลอด
12 ชั่วโมงก่อนคลอด
Checklist for Baby
เทคนิคคลอดให้ง่าย
คลอดธรรมชาติ ผ่าคลอด
เทคนิคเตรียมตัวก่อนคลอด
เลือกคลอดแบบไหนดี
ขั้นตอนต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อไปถึงโรงพยาบาลเพื่อคลอดลูก
รายการสิ่งของในกระเป๋าเตรียมไปคลอด
เมื่อไรจะคลอด
Friends Blog
มิสซิสอาร์โนลด์
คุณแม่ลูกห้า
AnaBerry
จ้าว..จอม
บลูม่า
Minjoo
How is beautiful life
แม่มินจู
flower over the moon
i_tom
Webmaster - BlogGang
[Add เจ้าแม่แฟชั่น's blog to your weblog]
Link
เพลงเด็กๆ
อยู่ไฟด้วยตนเอง
การตั้งครรภ์ และคลอด
การวัดแสง
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.