|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
อาวุธเคมีซีเรีย ใครอยู่เบื้องหลัง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ว่าคลิปภาพร่างผู้เสียชีวิตชาวซีเรีย
กว่า 1,300 ศพ ส่วนใหญ่เป็นเด็กนอนเรียงราย
อยู่ตามพื้นบ้าง และถูกห่อด้วยผ้าขาวบ้าง
ท่ามกลางผู้ปกครองที่ร่ำไห้อย่างหนัก
พร้อมเสียงร้องตะโกนของผู้คน
จำนวนมากที่ดังไปทั่วว่า "อาวุธเคมี!" พร้อมกับขอให้
ผู้ที่อยู่แถวนั้นรีบหาที่หลบภัย และสวมหน้ากาก
ป้องกันการสูดควันพิษ สร้างความตกตะลึงไปทั้งโลกว่า
กำลังเกิดอะไรขึ้นที่ "ซีเรีย"
เป็นฝีมือของใคร
แน่นอนว่าไม่มีฝ่ายใดออกมายอมรับว่าเป็นผู้ส่งอาวุธสังหาร
ที่เป็นจรวดบรรจุสารพิษหลายลำถูกยิงมาจากสถานที่
ที่ไม่มีใครทราบ แล้วมาตกลงที่เขตโกตา
ทางตะวันออกของกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 ส.ค.
แต่ประชาคมโลกพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลภายใต้การนำ
ของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยอัตโนมัติ
เพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มกบฏ
ซึ่งกองทัพรัฐบาลกำลังพยายามยึดคืน อย่างไรก็ตาม
นายอิมราน อัล-ซูบี รมว.กระทรวงข่าวสารซีเรีย
ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของเลบานอนว่า
คลิปที่ออกมาเป็น "การแสดง" ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
และเป็นความพยายามสร้างกระแสโจมตีฝ่ายรัฐบาล
ทำไมต้องตอนนี้
เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่คณะผู้ตรวจสอบ
ด้านอาวุธเคมีของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เดินทางถึงซีเรีย
เมื่อวันจันทร์ เพื่อตรวจสอบเรื่องการใช้อาวุธเคมีใน 3 เมือง
ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมี.ค. และทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 ศพ
กระตุ้นให้ยูเอ็นออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่ผู้รอดชีวิตหลายคนกล่าวอย่างกังวลว่า
เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นคงมาช่วยพวกเขาไม่ได้แล้ว
เพราะอัสซาดรู้ว่า ทีมงานของยูเอ็นจะไปที่ไหนบ้าง
และที่ทำแบบนี้ก็เพื่อขัดขวางยูเอ็น
ท่าทีสหรัฐ-รัสเซีย
เมื่อช่วงเดือนมิ.ย. ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ
กล่าวอย่างตรงไปตรงมาครั้งแรกว่า รัฐบาลซีเรียกำลัง
"ล้ำเส้น" ด้วยการใช้อาวุธเคมี ซึ่งวอชิงตันถือเป็นแรงผลักดัน
ให้ตัวเองต้องมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่กลุ่มกบฏ
แน่นอนว่ารัสเซียต้องออกมาขัดขวาง ด้วยการกล่าวว่า
ฝ่ายกบฏเองก็ใช้อาวุธเคมีเช่นกัน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในครั้งนี้ สหรัฐออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรง
ขณะที่รัสเซียกล่าวในเชิงอย่าเพิ่งกล่าวหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ควรรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อน
มุมมองผู้เชี่ยวชาญ
ศาสตราจารย์อเล็กซานเดอร์ เคคูเล
จากสถาบันจุลชีววิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยฮัลเลอในเยอรมนี
กล่าวว่า เหยื่อทั้งหมดมีอาการป่วยของโรคทางเคมีต่อระบบประสาท
ไม่ใช่สารพุพองตามร่างกายจากสารเคมี อาทิ แก๊สมัสตาร์ด
ที่ใช้เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่เขายังไม่เห็น
รูม่านตาของเหยื่ออย่างชัดเจน ว่าหดเล็กลงเท่ารูเข็มหรือไม่
ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการของการได้รับสารพิษจำพวก
ออร์กาโนฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารพิษร้ายแรง
ด้านศาสตราจารย์พอลลา วันนินเนน จากสถาบันเวอริฟิน
ในฟินแลนด์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมี กล่าวแสดงความสงสัย
ในขั้นตอนการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เนื่องจากผู้ที่เข้าไปช่วย
ทั้งหมดแทบไม่มีใครสวมเสื้อคลุม หรือหน้ากากป้องกันเลย
ซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษด้วยอย่างมาก
ขณะที่นายฮามิช เดอ เบรตตัน-กอร์ดอน ผู้เชี่ยวชาญ
ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งเคยทำงานให้กับหน่วยงาน
ต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษ กล่าวว่า การที่ผู้เสียชีวิต
ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ถือเป็นเรื่องบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า "บางสิ่ง"
ที่เลวร้ายกว่าเดิมกำลังเกิดขึ้นแล้วในซีเรีย
แต่สิ่งนั้นคืออะไร คงต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกนานพอสมควร
.............................................
อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2556
Create Date : 26 สิงหาคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 27 สิงหาคม 2556 13:01:59 น. |
Counter : 1421 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|