Group Blog
 
 
ธันวาคม 2558
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 ธันวาคม 2558
 
All Blogs
 

หลวงพ่อชาวางแนวปฏิบัติของพระสงฆ์ในวัดหนองป่าพงเรื่อง เงิน-ทอง







เป็นที่ทราบกันดีว่า พระสายปฏิบัติวัดหนองป่าพง

มีความเคร่งครัดในสิกขาบทที่เกี่ยวกับ

เงินทองเป็นอย่างมาก จะไม่มีพระรูปใดที่จับเงิน

หรือมีปัจจัยเงินทองเป็นส่วนตัวฝากไว้ในธนาคาร

ไม่ถือกรรมสิทธิ์ในเงินและทองด้วยวิธีใด ๆ ทั้งสิ้น

ซึ่งตามพระวินัยบัญญัติได้มีสิกขาบทว่า

................................................................

“ภิกษุรับเองก็ดี ใช้ให้ผู้อื่นรับก็ดี

ซึ่งทองและเงิน หรือยินดีทอง

และเงินที่เขาเก็บไว้เพื่อตน

ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์”

และ

................................................................

“ภิกษุทำการซื้อขายด้วยรูปิยะ คือ

ของที่เขาใช้เป็นทองและเงิน

ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์”

................................................................

เงินทองหรือของที่ซื้อขายได้มา

ต้องนำมาเสียสละแก่สงฆ์จึงจะแสดงอาบัติตก

การปฏิบัติอย่างจริงจังต่อ

สิกขาบทนี้มีอานิสงส์มาก

................................................................

เงินคืออำนาจ

................................................................

การงดเว้นจากการใช้เงินและทอง คือ

การสละสิทธิ์ในการบังคับ

สิ่งนอกตัวให้เป็นไปตามใจ

เป็นการทรมานกิเลสที่ดีเยี่ยม

สิกขาบทนี้เป็นข้อสำคัญ

ที่ทำให้วิถีชีวิตของนักบวช

ต่างจากของฆราวาส

จึงเป็นสิ่งส่งเสริมสร้าง

สมณสัญญาในจิตสำนึกของพระ

................................................................

อนึ่งในเมื่อคนในโลกส่วนใหญ่หมกหมุ่น

แต่ในเรื่องเงินและทอง

พระสามารถเป็นตัวอย่าง

พิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า

ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่วัตถุ

ในแง่ของหมู่สงฆ์ สิกขาบทนี้ช่วยสร้าง

ความสามัคคีในหมู่เพื่อนสหธรรมิก

บรรยากาศของสำนักปฏิบัติ

ก็เป็นไปอย่างราบรื่น

ไม่มีการอิจฉาริษยา

หรือแก่งแย่งเกี่ยวกับเอกลาภ

หลวงพ่อเคยปรารภเรื่อง

การเก็บสะสมปัจจัยส่วนตัว

ซึ่งเป็นการสรุปในเรื่องนี้ที่ดี

................................................................

“ถ้าผมสิ้นไป พวกท่านทั้งหลายค้น

เห็นปัจจัยเงินทองอยู่ในกุฏิผม

โอ๊ย ! เสียหายหมด เสียหายมาก

เสียศักดิ์ศรีของพระปฏิบัติมากที่สุด”

................................................................

การออกปากขอสิ่งของ

หรือเรี่ยไรเงินทองจากญาติโยมทุกรูปแบบ

เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลวงพ่อชาเข้มงวดมาก

แม้แต่การตั้งตู้บริจาคในวัดก็ไม่มี

เมื่อญาติโยมนำเงินมาถวาย

ท่านก็ไม่เคยแสดงความยินดี

หรือตระหนี่หวงแหน เพราะท่านถือว่า

เงินทองไม่ใช่เรื่องของพระ

เป็นเรื่องศรัทธาญาติโยม

................................................................

แม่ชีบุญยู้ได้เล่าขยายความให้ฟังว่า

“เมื่อญาติโยมมาถวายปัจจัย

ท่านจะมีไวยาวัจกรเป็นผู้เก็บเอาไว้

โดยที่ท่านจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย

................................................................

ถ้าเขาจะโกงกินก็กินกันจนอาเจียนนั่นแหละ

บางครั้งไวยาวัจกรไม่อยู่

ท่านก็ให้เขาเอาปัจจัยใส่ไว้ในสมุด

แล้วท่านก็ไปทำธุระของท่าน

ไม่ได้มาใส่ใจกับเรื่องปัจจัยนั้น

กลับมาอีกครั้งปัจจัยหายไป

เหลือแต่สมุดเปล่าๆก็มี

................................................................

ท่านก็จะไม่ไปโจทก์ขานซักไซ้ไล่เลียง

เอากับผู้อื่น ว่า ใครมาที่นี่บ้าง

เห็นพระเห็นโยมมาที่นี่ไหม

................................................................

ท่านจะว่า เขาไม่มี เขาถึงมาเอา”

ก่อนที่หลวงพ่อจะออกปฏิบัติ

ท่านก็ยังจับเงินอยู่ ท่านเล่าให้ฟัง

ถึงคราวที่ตัดสินใจเลิกใช้เงินอย่างเด็ดขาดว่า

................................................................

“เรื่องพระวินัยนี้ ถ้าหากว่า

มันไม่เห็นในใจของตน มันก็ยาก

ในเวลาก่อนมาอยู่วัดป่าพงหลายสิบปี

ผมก็ตั้งใจจะทิ้งเงิน

ตลอดทั้งพรรษา ๒ เดือนกว่า

ยังตัดสินใจไม่ได้

จวนจะออกพรรษาแล้ว

จับเงินในกระเป๋ามีอยู่

หลายร้อยเหมือนกัน

ตกลงใจว่าวันนี้จะต้องเลิก

เมื่อมันทะลุปุ๊ปตกลงว่ามันจะเลิกเท่านั้น

เลยสบาย

................................................................

ตอนเช้าถือกระเป๋าสตางค์มาพบเพื่อนองค์หนึ่ง

เป็นมหาเปรียญ ท่านกำลังล้างหน้าอยู่

ผมโยนกระเป๋าสตางค์ให้ แล้วว่า

นิมนต์เถิดท่านมหา เอาไปเถิด

เอาไปเรียนหนังสือ ไม่ต้องห่วงผมหรอก

ผมเลิกแล้ว

................................................................

ตกลงกันแล้วเมื่อคืนนี้ ตกลงกันแล้ว

ช่วยเป็นพยานให้ผมด้วย

ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่

ผมจะไม่แตะต้องเงินทองเป็นอันขาด

ตั้งแต่วันนั้นมาผมยังไม่เคยทำอะไรเลย

ไม่เคยซื้อ ไม่เคยแลกไม่เคยเปลี่ยน

มีแต่ปฏิบัติทั้งนั้นแหละ

อะไรต่างๆก็สำรวมอยู่ ”

................................................................

หลวงพ่อชาเคยพูดถึงการใช้เงินครั้งหนึ่งว่า

................................................................

“เอาเงินค่ารถหมกไว้ซ่อนไว้ไม่ให้ใครรู้

แต่ตัวเราก็รู้ พระอื่นไม่รู้แต่พระเรานี่ก็รู้

เพราะเราก็เป็นพระเหมือนกัน

ร้อนระอุอยู่อย่างนั้น

................................................................

อย่างวัดป่าพงเราไปไหนก็ไม่มีค่ารถ

แต่เขาก็ให้ไป มันดีกว่าเรา

ต้องมาหอบสตางค์เสียอีก”

“ความจริงไม่มีเงินไม่ใช่ว่าจะไปไหนไม่ได้

ยิ่งไปได้ดีกว่าเก่า ค่ารถไม่มีก็เดินเอา

ทำจริง ๆ เสีย เดี๋ยวเขาก็นิมนต์ขึ้นรถเอง”

................................................................

หลวงพ่อชาอธิบายว่า

ถ้าเรารักษาสิกขาบทข้อนี้ได้

ก็เป็นการสร้างบารมี

ญาติโยมเห็นแล้วก็เลื่อมใส

มีจิตศรัทธาที่จะช่วยเหลือ

สำคัญที่เราไม่ขอ พร้อมที่จะอดอยู่เสมอ

เป็นสิกขาบทที่ช่วยสร้าง

ความมักน้อยสันโดษเป็นหลักชีวิต

................................................................

เคยมีพระรูปหนึ่งมาต่อรองกับท่าน

ในเรื่องการถือปัจจัยเงินทอง

ว่าจะใช้แบบไม่ยึดมั่นถือมั่น

หลวงพ่อได้ให้คำตอบเรียบ ๆ ว่า

“ถ้าท่านกินเกลือหมดกะทอไม่เค็ม

ท่านก็อาจทำได้”

................................................................

จากอุปลมณี หน้าที่ ๑๔๒-๑๔๓

................................................................

เพิ่มเติม **ปัจจุบัน ในยุคหลังหลวงพ่อชา

สาขาส่วนใหญ่ใช้ระบบปวารณา

คือญาติโยมออกปากรับดูแล

เช่น บางท่านออกปากว่าจะไปที่ไหน

ก็จะรับอาสานำรถไปส่ง

หรือนิมนต์ขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ

ถ้าโยมปวารณาท่านนั้นไม่พร้อม

ก็จะติดต่อคนปวารณาที่พร้อม

ถ้าไม่มีใครพร้อม

ก็คงพยายามดำเนินการเอง

ในส่วนค่าน้ำ ไฟฟ้าก็มีโยมปวารณา

รับเป็นผู้จ่ายแทน

บางที่ก็เป็นคณะศรัทธา

ที่รวมตัวกันดูแลในส่วนนี้

พระหนองป่าพงจึงใช้ค่าน้ำ ไฟฟ้า

เท่าที่จำเป็น คือใช้ในการทำวัตร

ทำสังฆกรรม เท่านั้น

ที่อุโบสถ ที่ศาลาการเปรียญ

หลีกเลี่ยงการใช้ส่วนตัวตามกุฏิ

เพื่อไม่เดือดร้อนญาติโยมปวารณาเกินไป

สาขาส่วนน้อยที่เป็นไป

ตามแนวทางปวารณามิได้

เนื่องจากเงื่อนไขบางท้องที่ไม่เหมือนกัน

หรือคณะศรัทธาญาติโยมยังไม่พร้อม

ก็อาจปรับเปลี่ยนเท่าที่จะเป็นไปได้

ซึ่งทุกสาขาจะมีการตรวจสอบ

จากคณะสงฆ์หนองป่าพงว่าสมควรหรือไม่

ซึ่งถ้าสาขาไหนทำไม่เหมาะสม

และชี้แจงความจำเป็นไม่ได้

สาขานั้นจะถูกปลดจากการเป็น

สาขาวัดหนองป่าพงในการประชุมใหญ่

วันที่17 มิถุนายนอยู่แล้ว






 

Create Date : 22 ธันวาคม 2558
0 comments
Last Update : 22 ธันวาคม 2558 23:51:38 น.
Counter : 1530 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ART19
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]





ความเสมอภาคที่แท้จริง คือ
การที่ทุกคนต้องมีหน้าที่
การทำหน้าที่ของตนเอง
จะเป็นสิ่งที่กำหนดว่า
เราควรได้รับอะไร แค่ไหน
Friends' blogs
[Add ART19's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.