Bloggang.com : ART19 :

ค่ำนั้น...ณ ป้อมพระจุลฯ

เอกสารรายงานการประชุมสภาเสนาบดีสยาม ร.ศ.112

(ปกิณกคดีประวัติศาสตร์ไทย เล่ม 2 กรมศิลปากร พ.ศ.2554)

ยืนยันว่า การสูญเสียดินแดนไทยไปให้ฝรั่งเศส

สมัยนั้น ฝ่ายไทยรับรู้และเตรียมการป้องกันเต็มที่...

เพียงแต่เกินกำลังที่จะป้องกันไว้ได้

ก่อนหน้านั้น เสนาบดีสภาได้พิจารณางบประมาณ

ในการซื้ออาวุธ ประเภทของอาวุธ และที่สำคัญ

คือการสร้างป้อมแหลมฟ้าผ่าหรือป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ

ฝรั่งเศสได้เวียดนามไว้ในอำนาจ

ต้องการดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง

บริเวณประเทศลาว โดยอ้างว่าเป็นดินแดนอารักขาของเวียดนาม

ฝ่ายไทยยอมไม่ได้ ถือว่าลาวเป็นประเทศราช

สองฝ่ายส่งกำลังเข้าไป จนเกิดการกระทบกระทั่งกัน

ฝรั่งเศสขู่ส่งเรือรบ เลอ ลูแตง

เข้าจอดที่กรุงเทพฯ 14 มี.ค.2436

ฝรั่งเศสคุมทหารญวนเข้ายึดเมืองต่างๆ

มีการสู้รบกันที่เมืองคำม่วน และทุ่งเชียงคำ

ฝรั่งเศสจับตัวพระยอดเมืองขวางเจ้าเมืองคำม่วนได้

ไทยส่งทหารเข้าไปแย่งตัว เกิดการปะทะ

นายทหารฝรั่งเศส ชื่อโกรสกูแรงตาย

ฝรั่งเศสบังคับไทยให้รับผิดชอบ

และเริ่มบีบไทยด้วยการส่งกองกำลังเรือรบฝรั่งเศส

ในทะเลจีน มารวมกันที่ไซ่ง่อน แล้วส่งคนมาเจรจา

ฝ่ายไทยหารือกัน รัชกาลที่ 5 และเสนาบดีหลายคนเห็นว่า

ให้ส่งกองทัพรุกเข้าไปเขตฝรั่งเศส

แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ

เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ

ทรงทักท้วงว่า ถ้าสู้ก็เปิดช่องให้ฝรั่งเศสประกาศสงคราม

เห็นว่าควรใช้วิธีการเจรจา รัชกาลที่ 5 มีพระราชดำริว่า

การไม่สู้ศัตรูจะทำให้ถูกดูหมิ่น

โปรดให้เร่งรัดสร้างป้อมพระจุลฯ พระราชทานเงิน 1 แสนชั่ง

(1.6 ล้านบาทสมัยนั้น)

ทรงมีพระราชปรารภ “ถ้าเอกราชสยามสิ้นสุดไปเมื่อใด

ชีวิตฉันก็คงสิ้นสุดไปเมื่อนั้น ซึ่งจะทนอยู่อย่างธีบอ

(กษัตริย์พม่าองค์สุดท้าย) ไม่ได้เลยเป็นอันขาด”

“อย่าให้มีความคิดว่า ฉันจะยินยอมอย่างใด แก่ฝรั่งเศส

ที่สุดจนเอาปืนมาจ้องหน้าให้เซ็นชื่อ ฤาจะจับตัวลงเรือรบไป ก็ไม่ยอม”

ป้อมพระจุลฯสร้างเสร็จปี พ.ศ.2436

มีปืนอาร์มสตรองหรือปืนเสือหมอบ

ขนาด 6 นิ้ว หรือ 152 มม.

เป็นปืนใหญ่ประจำป้อม 7 กระบอก

การสู้รบที่บริเวณแม่น้ำโขงผ่านไป 3 เดือนกว่า

ฝรั่งเศสเอาชนะไทยไม่ได้ จึงระดมกองเรือ 11 ลำมาที่อ่าวไทย

และแจ้งต่อไทยว่าจะส่งเรือรบ 2 ลำเข้ากรุงเทพฯ

ไทยไม่ยอม

13 ก.ค.2436 (ร.ศ.112) ฝรั่งเศส ใช้เรือเซย์

เป็นเรือนำร่อง นำเรือโกแมต และเรือแองกองสตอง

รุกเข้าปากแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ป้อมพระจุลฯ

ทหารไทยยิงเตือนด้วยกระสุนหลอก 2 นัด

ฝรั่งเศสยังแล่นเรือต่อไป ไทยจึงยิงด้วยกระสุนจริง

18.45 น. มีการยิงตอบโต้กัน เรือนำร่องฝรั่งเศสถูกยิงเกยตื้น

ถึงเวลานั้น มุมการยิงปืนใหญ่จากป้อมพระจุลฯ เป็นมุมแคบ

ยิงเรือฝรั่งเศสไม่ถนัด ทั้งปืนเสือหมอบมีข้อจำกัด ยิงนัดหนึ่ง

ก็ต้องหมอบลง 3 เมตร เพื่อยิงใหม่ ขณะนั้นเริ่มมืดมากแล้ว

เรือฝรั่งเศสแล่นเข้าถึงกรุงเทพฯ

จอดหน้าสถานทูตฝรั่งเศสที่บางรักจนได้

พระยาชลยุทธโยธิน รองผู้บัญชาการทหารเรือ

ขอนำเรือพระที่นั่งจักรีไปชนเรือฝรั่งเศส รัชกาลที่ 5 ไม่อนุญาต

แต่โปรดให้นำปืนใหญ่ไปซุ่มล้อมเรือรบฝรั่งเศส ให้ทหารกว่า 5 พันคน

และอาสาสมัครอีก 1,800 คน เตรียมพร้อม

ผลการสู้รบ ไทยตาย 8 นาย บาดเจ็บ 41 นาย ฝรั่งเศสตาย 3 นาย

บาดเจ็บ 3 นาย เรือรบเสียหายเล็กน้อย

รัชกาลที่ 5 ขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย เยอรมนี อังกฤษ

แต่ทั้ง 3 ประเทศไม่ช่วย

รัสเซียขัดแย้งกับเยอรมนี...กำลังต้องการพันธมิตร

รัสเซียขอกู้เงินฝรั่งเศส เกรงใจฝรั่งเศส

ขณะเยอรมนีไม่มีได้เสีย

กรณีไทยฝรั่งเศส อังกฤษเองก็เกรงฝรั่งเศส

3 ต.ค.2436 ไทยยอมสละสิทธิดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง

ไม่นำเรือรบเข้าทะเลสาบแม่น้ำโขง ยอมเสียเงินค่าปฏิกรรมสงคราม

เป็นเงิน 3 ล้านฟรังก์...วิกฤติ ร.ศ.112 จึงยุติลง.

................

บาราย

อ้างอิงจาก คอลัมน์ "คัมภีร์จากแผ่นดิน"

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 8 กันยายน 2556

Create Date : 14 กันยายน 2556

0 comments

Last Update : 15 กันยายน 2556 15:54:16 น.

Counter : 1208 Pageviews.