ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

หลังจากเร่งพัฒนาเศรษฐกิจจนละเลยการพัฒนาสังคม

การศึกษา และวัฒนธรรม วันนี้ จีนมีปัญหาที่ยาก

ต่อการแก้ไขแล้วครับ จะใช้กฎหล่งกฎเหล็กกฎอะไร

ก็ไม่น่าจะทำให้สังคมจีนกลับไปมีอุดมการณ์และคุณธรรมสูงได้ดังเดิม


ไทยเป็นประเทศขนาดกลางค่อนข้างเล็ก มีประชากรแค่ 65 ล้าน

เรายังแก้เรื่องเงินกู้นอกระบบไม่ได้ ยังมีการข่มขู่ฆ่าฟันกัน

ไปทุกทั่วหัวระแหง เงินกู้นอกระบบเป็นเงินกู้ที่ไม่โปร่งใส

ไม่มีการตรวจสอบว่าใครเป็นคนปล่อย การปล่อยกู้นอกระบบ

เป็นการสร้างหนี้ที่ไม่มีคุณภาพ เมื่อไม่ใช้ ก็ต้องใช้ความรุนแรงไปทวง

สังคมก็อุดมไปด้วยความรุนแรง


ผู้อ่านท่านลองนึกถึงเมืองจีนที่มีประชากรพันกว่าล้านคนซีครับ

แม้แต่ธนาคารพาณิชย์ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน

เมื่อปล่อยเงินกู้ ยังเป็นเงินกู้ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ

เพราะระบบเส้นสายของจีนมีเยอะ ใครมีเส้นก็กู้เงินธนาคารได้


ตอนนี้ จีนยอมให้มีการปล่อยสินเชื่อนอกระบบเยอะเกินไป

จนเงินกู้นอกระบบมีอยู่ทุกทั่วหัวระแหงในประเทศ

เรื่องเงินกู้นอกระบบนี่แหละครับ ทำให้เศรษฐกิจจีนไม่มั่นคง

ภาคการเงินไม่มีความโปร่งใส

และเป็นมหันตภัยต่อระบบการเงินของจีนมากที่สุด


อีกเรื่องหนึ่ง ก็คือการศึกษา การศึกษาของจีนที่เคยเข้มแข็ง

ในสมัยคอมมิวนิสต์ วันนี้ก็เริ่มเละแล้วครับ ไม่ว่าจะสอบประจำปี

หรือสอบออกจากสถาบันการศึกษา เต็มไปด้วยการทุจริต

จนเดี๋ยวนี้ต้องมีการป้องกันกันอย่างเต็มที่ในการสอบแต่ละครั้ง


มิถุนายน 2556 นักเรียนที่จบมัธยมปลายสอบเข้ามหาวิทยาลัย

หลายเมืองต้องมีมาตรการป้องกันการโกงอย่างเข้มข้น

นักเรียนหญิงในมณฑลจี๋หลิน ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

ถูกห้ามใส่เสื้อผ้าชั้นในที่มีโลหะเข้าห้องสอบ

เพราะต้องใช้เครื่องตรวจหาชิ้นโลหะก่อน หากมีเสียงปี๊บๆ

คณะคุมสอบก็ต้องเสียเวลาค้นหาว่า

เอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อะไรไปซ่อนไว้หรือเปล่า?


การสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2556

ครูคนหนึ่งตรวจพบและยึดโทรศัพท์มือถือของนักเรียนไว้

ถึงกับโดนผู้ปกครองชกหน้า


ครูผู้คุมสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่วางระบบการควบคุมไว้

เคร่งครัดจนโกงได้ยาก ก็อาจจะถูกโจมตี เรื่องอย่างนี้นี่เกิดขึ้น

ที่โรงเรียนในเมืองจงเซียง มณฑลหูเป่ย นักเรียนและผู้ปกครอง

ได้ล้อมกรอบครูผู้คุมสอบไว้หลายสิบคน และมีครู 2 คน

ถูกทำร้าย เพราะคุมเข้มงวดเกินไปในระหว่างการสอบ


ย้อนหลังครั้งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว รัฐบาลของประเทศต่างๆ

ในทวีปแอฟริกาต่างพากันเชื้อเชิญรัฐบาลและนักธุรกิจจีน

ให้ไปลงทุนในประเทศของตน


แต่ตอนนี้ตรงกันข้ามแล้วครับ การลงทุนที่ทำไปแล้ว

ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนพื้นเมือง

และคนจีนขึ้นในมากมายหลายพื้นที่


เมื่อสิบปีก่อน พ่อผมตระเวนสาธารณรัฐกานา

ภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก พบว่า นักลงทุนชาวจีนแทบจะเป็น

พระเจ้าของคนที่นั่น รัฐบาลและคนจีนได้รับการต้อนรับอย่างสูง

จากทุกพื้นที่ที่สาวเท้าก้าวเข้าไป


แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วครับ ทุกครั้งที่พูดถึงจีนหรือคนจีน

คนกานาจะแขยงแขงขน มีความรู้สึกทั้งโกรธ เกลียด

และกลัว เกิดขึ้นพร้อมกัน


ลองมาดูข้อความที่โพสต์ต่อต้านคนจีนในกานากันนะครับ

“คนกานาที่ทำงานในเหมืองทองคำที่คนจีนเข้ามาลงทุน

โดนให้ไปทำงานที่สกปรกและลำบากที่สุด แต่ได้กินอาหารชั้นเลว

ยิ่งกว่าอาหารที่คนจีนเอาไปเลี้ยงหมา”


“คนงานจีนข่มขืนคนงานหญิงกานาอยู่เป็นประจำ

พวกผู้ชายกานาก็ได้แต่เงียบ เพราะกลัวตกงาน

จึงยอมให้คนจีนลวนลามข่มขืนสตรีกานาซึ่งเป็นคนของตนต่อไป”


ชายกานาคนหนึ่งถูกคนจีนยิง แต่ไม่ตาย เพราะไม่ถูกที่สำคัญ

แทนที่จะสำนึกผิด คนจีนผู้ยิงกลับพูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า

‘น่าเสียดาย ที่คนงานกานาไม่ตาย’


ทัศนคติของคนชาติต่างๆ ที่มีต่อคนจีนที่ออกไปทำงาน

และท่องเที่ยวทั่วโลก ผู้อ่านท่านหาดูได้ในอินเตอร์เน็ต

ทั้งที่โพสต์เป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน


อ่านแล้วก็ต้องระวังเรื่องการเข้ามาลงทุน

ของคนชาติใดชาติหนึ่งอย่างมากจนเกินไป

ถ้าสตรีของเราถูกข่มเหงจากนักลงทุนผู้ถือสตางค์เข้ามา

ชายไทยทั้งประเทศคงไม่ยอมอยู่นิ่ง

เพราะกลัวตกงานเหมือนชายบางชาติดอกครับ.

.............................................

อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 3 กรกฎาคม 2556

คอลัมน์ เปิดฟ้าส่องโลก โดยคุณนิติ นวรัตน์

Create Date : 03 กรกฎาคม 2556		0 comments
Last Update : 3 กรกฎาคม 2556 21:33:30 น.
Counter : 583 Pageviews.
Share Tweet