เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
พัฒนาผลิตภัณฑ์แบบฟลุคๆ

ด้วยความเป็นคนใหม่ในพื้นที่ ไม่รู้จักใคร ดังนั้นช่างที่หาได้ก็หาเอาตามอินเตอร์เน็ต ก็สู้รบปรบมือกันไป เปลี่ยนช่างบ้าง โทรหาช่างกลางดึกบ้าง เพราะอยู่ๆ น้ำก็ไม่ไหล ทั้งยังต้องรับมือกับคนเฝ้าบ้านที่แม้จะย้ายออกแล้วยังคอยมาตามตอแย ฉันว่ามันคงเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เอาเหอะ ยังไงฉันก็ผ่านมาด้วยดี ทุกอย่างก็จบสวยงาม ถูกใจทั้ง อย. และถูกใจตัวแทนฯ ที่เรามีหมายเลข อย. เสียที

ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโรงรถ เริ่มจากการวางแปลนให้มีทางเข้าออกที่ไม่สวนทางกัน กั้นส่วนบริเวณต้มผสมกับบรรจุ ปูพื้นกระเบื้อง ทำมุ้งลวดรอบโรงผลิต โชคดีที่โรงรถเราค่อนข้างใหญ่จึงพอถูไถทำไปได้ เทพื้นคอนกรีตด้านหน้าประมาณ 50 ตรมฺ. พร้อมปรับแต่งห้องน้ำในโรงรถให้เป็นห้องน้ำพนักงาน ค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ 150,000 บาท นี่ถ้าเราไม่เปลี่ยนช่างบ่อย ค่าใช้จ่ายอาจถูกลงได้อีก แต่สำหรับฉันแล้ว นี่ก็ดีกว่าที่คิดแล้ว เพราะพูดกันจริงๆ เราได้ช่างที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเป็นใคร ทำอะไรที่ไหนมาก่อน เรียกมาตีราคา สองสามราย เราก็เลือกคนที่น่าจะคุยกันรู้เรื่องที่สุด อีกอย่างเราเป็นเพียงผู้หญิงสองคนที่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

สิ่งที่เรามักบอกกันเสมอ นั่นคือ เราโฟกัสไปที่เป้าหมาย ไม่ว่าคนที่เราดีลด้วยจะเป็นเช่นไร เราไม่ควรให้ความสนใจไปกว่าเป้าหมายของเราที่ต้องสร้างโรงงานให้เสร็จ ดังนั้นคำที่เราพูดกับตัวเองเสมอๆคือ อดทนและอดทน
แม้สุดท้ายแล้ว เหลืองานนิดหน่อยที่ช่างหนีจากเราไป เราก็ลุยลงมือทาสีกันเอง จนเสร็จสวยงาม
นี่ตอบคำถามที่สองแล้วนะคะ ทั้งหมดคือเท่านี้จริง

เมื่อเรามี อย. เราก็เริ่มมองหาหนทางการจำหน่ายต่อๆไป ฉันคงไม่งอมืองอเท้ารอการสั่งซื้อเพียงอย่างเดียว ฉันติดต่อหาพนักงานขายประจำบู้ท ซึ่งเป็นเด็กเชียงใหม่ที่สมัครมาตามประกาศ เราเช่าพื้นที่ตลาดนัดตรงไพร์ม โลเคชั่น ในตลาดนัดถนนคนเดินที่มีทุกวันตามตลาดต่างๆ ในเชียงใหม่ แต่ปรากฏว่าถึงวันนัด น้องทั้งสองไม่มาตามนัด ฉันและตู๊เลยต้องสวมบทพริตตี้รุ่นแม่แนะนำสินค้าเอง 555

การได้ออกตลาดขายเอง การได้พูดคุยกับลูกค้ารวมถึงนิสัยเราที่ค่อนข้างตลกเฮฮา ไร้สาระ ทำให้เราได้ลูกค้าที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันทีหลัง เราได้ลูกค้าที่ซื้อกิน และซื้อฝาก เราได้ลูกค้าต่างจังหวัด เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว คนที่มารวมกันที่ถนนคนเดินก็เป็นนักท่องเที่ยวเสียส่วนมาก

ตอนนั้นเราใช้วิธีการพาสเจอร์ไรส์ วิธีการจึงไม่ยุ่งยากมาก แต่จะยุ่งยากในขั้นตอนการจัดเก็บและขนส่ง นอกจากนั้นเรายังพบว่ามีคนทำน้ำฟักข้าวขาย และทุกคนเหมือนกันหมดคือ นำฟักข้าวผสมเสาวรส สัปรดและน้ำตาล ขายกันอยู่ที่ราคา 15-20 บาท ขณะที่ฉันขายในราคา 25 บาท แม้ว่าฉันจะมี อย. ขณะที่คนอื่นไม่มี ก็ไม่ได้ทำให้ฉันเหนือกว่าคู่แข่งตามตลาดนัดไปสักเท่าไหร่

"ฉันไม่คิดจะเป็นแม่ค้าตลาดนัดไปตลอดหรอกนะ" ฉันบอกตุ๊ "ตอนที่บอกทำโรงงาน ฉันมีแต่ภาพว่ากดปุ่ม น้ำก็ออกมาเป็นขวด มีคนมารับซื้อ แต่นี่เราต้องมาแบกน้ำขายตามตลาดนัด มันไม่ใช่นะ" ฉันพยายามอธิบายความรู้สึกให้ตุ๊ฟัง

ถ้าเรามัวแต่ทำงานรูทีน เราจะไม่ได้ทำอะไรเพราะเวลาของเราจะหมดไปกับงานประจำเหล่านี้ พอฉันเข้าถึงสัจธรรมนี้ ฉันตัดสินใจยกเลิก นัดทั้งหมดตามตลาดนัดทันที แม้ตุ๊จะเสียดายเงินค่าเช่า ค่ามัดจำ แต่เห็นการมุ่งมั่นของฉันก็คงคร้านจะเถียง

ฉันนั่งเล่นนอนเล่น พักผ่อนจากการไปตะเวณตามตลาดนัด ยอมรับตรงๆคือ ฉันเหนื่อย เบื่อที่ต้องเก็บของไป เก็บของกลับ เราตั้งใจไปแนะนำสินค้า แต่เรากลับวุ่นวายขายของจนลืมหนทางตนเอง สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับฉันคือ ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ คุณค่าของผลิตภัณฑ์ ทำอย่างไร ฉันจึงจะแตกต่างจากพวกเขาได้

แล้วเทพีแห่งโชคก็มายืนเคียงข้างฉันอีกครั้ง ขณะที่ตุ๊กำลังเครียดกับค่าใช้จ่าย ยอดขายที่ขาดหายไปจากการออกตลาดของเรา ฉันก็ได้รับโทรศัพท์อีกครั้ง ขณะที่กำลังขับรถกลับบ้าน

"สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อเอ๋ พอดีเห็นโฆษณาในอินเตอร์เน็ตของพี่ พี่เป็นโรงงานหรือเปล่าคะ"
"มีอะไรให้ช่วยคะ" ฉันถาม
"เอ๋อยู่จันท์ เห็นพี่ทำโรงงานน้ำผลไม้ พอดีเอ๋มีน้ำมังคุดเพียวเร่เหลือจากส่งออก ไม่ทราบพี่สนใจไหมคะ" คุณเอ๋ผู้ลึกลับตอบ
"น้ำมังคุดเหรอคะ" ฉันถาม หัวสมองคิดว่า น้ำมังคุดเพียวเร่มันหน้าตาเป็นอย่างไร ครั้นจะทำโง่ๆเซ่อๆ คงไม่ได้การ
"ค่ะ น้ำมังคุดของเอ๋หอมหวานมากค่ะ แช่แข็งถังละ50โล มีทั้งหมด 12 ตัน ถ้าพี่เอาหมด เดี๋ยวเอ๋คิดราคาพิเศษให้"

12ตัน ! ฉันอดหัวเราะไม่ได้ "พี่จะเอาไปทำอะไรหมดคะ 12 ตันเนี่ย". แค่ฟักข้าว 10 ตันที่นอนรทในตู้แช่ห้องเย็นยังไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเลย แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ฉันคุยต่อไปเรื่อยๆ

"ก็ทำน้ำมังคุดขายสิพี่ น้ำมังคุดเค้าขายกันขวดสองสามร้อย อันนี้ออร์เดอร์เมกาเหลือ ขายให้พี่ถูกๆเลย"

"ทำน้ำมังคุดเหรอ". ฉันเริ่มเห็นบางอย่างที่จะเป็นคำตอบให้ฉันได้ และแทบปฏิเสธไม่ได้เลยกับราคาและข้อเสนอของเธอ "พี่เอาไปขายก่อน แบ่งจ่ายให้เอ๋สามงวด แต่ต้องรับของไปเลยนะ เพราะเอ๋ทนแบกค่าห้องเย็นไม่ไหวแล้ว"

ฉันลืมตัวไปกับราคาและข้อเสนอ จนเผลอตอบตกลงโดยไม่ได้ปรึกษาหุ้นส่วนผู้น่ารัก หวังว่าเธอคงจะเห็นด้วยกับฉันนะ ฉันภาวนาในใจ

เย็นนั้นขณะกำลังกินข้าวเย็น ฉันก็เริ่มอารัมภบท "ตุ๊เคยกินน้ำมังคุดไหม"
"ไม่่นะ แต่เคยเห็นว่าขายดีมากที่แคนาดา ตุ๊ยังเคยคิดจะขายเลย มันเป็นขายตรง" ตุ๊ตอบพลางตักอาหารเข้าปากพลาง"ทำไมเหรอ?"

"คือฉันมาคิดว่าแทนที่เราจะทำน้ำฟักข้าวผสมเสาวรสที่มีคนขายเยอะแยะ เราน่าจะเอาฟักข้าวผสมอย่างอื่น เช่น มังคุด เพราะน้ำมังคุดคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายมากเหมือนน้ำฟักข้าว อีกทั้งสรรพคุณมังคุดก็ป้องกันมะเร็ง ฟักข้าวก็ป้องกันมะเร็ง สองประสาน บางคนก็ไม่กินมังคุดอย่างเดียวเพราะมังคุดมีฤทธิ์เย็น ถ้าผสมฟักข้าวก็มีความสมดุลพอดี". ฉันทำท่าเป็นผู้ทรงความรู้ จริงๆแล้ว ไม่ได้รู้อะไรเล้ย ลูกมั่วเยอะกว่า

ตุ๊ปรบมือฉาด "เยี่ยมเลย แล้วไม่มีใครทำด้วย ถ้าเราทำก็จะเป็นเจ้าแรกเจ้าเดียว" ตุ๊ยิ้มกริ่ม สีหน้าเหมือนพิชิตรางวัลอะไรสักอย่างมา แล้วพลันเธอก็ไต่ลงมาจากสวรรค์ด้วยสีหน้าเสียดาย เมื่อนึกขึ้นได้ว่า "แล้วเราจะเอามังคุดที่ไหน ทำน้ำมังคุดทำไงก็ไม่รู้"

ถึงเวลาต้องพานางฟ้าตุ๊ขึ้นสวรรค์อีกครั้ง "เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เค้าจัดการเรียบร้อยแล้ว น้ำมังคุดเพียวๆ ไม่มีเม็ด ไม่มีเปลือก ไม่ต้องเสียเวลาหาหนทางคิดให้เปลืองเวลา แถมใช้ก่อนจ่ายทีหลังกำลังจะเดินทางมาหาเราที่เชียงใหม่ในวันจันทร์ที่จะถึง" ฉันทำเสียงเนิบๆ

"นี่สั่งไว้แล้วค่อยมาบอกใช่ไหม" เธอชี้นิ้วมาทางฉัน "สังหรณ์ใจอะไรไม่มีผิดเลย ให้ตายเหอะ" ตุ๊พูด"ฉันรู้ตั้งแต่เห็นแววตาเธอตอนที่บอกสรรพคุณมังคุดแล้ว ว่าแต่เธอสั่งมากี่ร้อยโลละทีนี้"

"ก็.พอใช้ทั้งปีละ ลองคิดดูสิว่าภ้าเราเกิดขายดีแล้ว ตอนนั้นไม่ใช่หน้ามังคุด เราจะทำยังไง แมคโครก็ไม่มีมังคุดแช่แข็งนะ" ฉันยกแม่น้ำสายที่ห้า "เราทำสินค้าฤดูกาล เราก็ต้องวางแผนทั้งปี"

ตุ๊พยักหน้าหงึกๆ"เหรอ ตกลงเธอสั่งมาเท่าไหร่ละ". เพื่อนฉันคนนี้กัดไม่ปล่อยจริงๆ

"ก็ฉันคิดว่าเราน่าจะใช้เดือนละตัน ปีนึงก็น่าจะสักสิบถึงสิบสองตัน" เสียงฉันอ้อมแอ้มในลำคอ

"สิบตัน" ตุ๊แทบหล่นเก้าอี้ "ริสา เธอลองคิดดูสิว่า ทุกวันนี้ เราขายได้มากน้อยแค่ไหน เราจะใช้ยังไงหมดสิบตัน แล้วยังจะฟักข้าว เราต้องจ่ายค่าห้องเย็นทุกเดือนๆ"

"เชื่อสิ ฉันสังหรณ์ใจว่า นี่จะเป็นก้าวใหม่ของเรา เราจะต้องขายดีแน่ เราคงคอนเซปต์เดิมคือ ธรรมชาติล้วนไม่ปรุงแต่ง" ฉันบรรยายถึงเรื่องหยินหยาง

"พอได้แล้ว" ตุ๊ยกมือขึ้นสองมืออย่างกับจราจร "ฉันโอเคตั้งแต่แรกแล้ว" ตุ๊เฉลย หัวเราะที่เอาชนะฉันได้ แต่สุดท้าย ฉันขอบอกว่า มันคือ ชัยชนะของเราและชัยชนะมวลหมู่มนุษยชาติ เพราะเป็นความบังเอิญอันเหลือเชื่อที่ มังคุดกับฟักข้าวกลายเป็นส่วนผสมที่ดีเยี่ยม ทั้งจากธาตุฤทธิ์ของมันที่เป็นร้อนเย็นอย่างสมดุล ทั้งยังมีปฏิกิริยาเกื้อกูลกันราวเนื้อคู่ที่พลัดพรากจากกันได้กลับมาพบกัน


Create Date : 15 กรกฎาคม 2556
Last Update : 15 กรกฎาคม 2556 16:11:13 น. 0 comments
Counter : 327 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.