เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
12 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
คำถามที่อยากเล่าต่อ

คำถามที่อยากเล่าต่อ

วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของฉัน สิ่งแรกที่ตั้งใจทำคือโดดงาน ไม่ทำงาน ปล่อยตัวเองว่างเปล่าลื่นไหลไปกับความสบาย ตั้งใจว่าจะไปสปาแถวบ่อน้ำแร่ให้สบาย เพราะมีคนบอกฉันว่า วันก่อนวันเกิดปีนี้ ฉันต้องทำตัวมีความสุขสบาย แล้วจะสุขทั้งปีพูดอย่างนี้ ไม่ทำไม่ได้แล้วเราพวกเชื่อไสยศาสตร์เข้าเส้น

แต่พอมานั่งคิดๆ จริงๆฉันเองก็สุขทุกขณะอยู่แล้ว งานที่ทำก็สนุกทุกวันจนนึกแต่ว่า เราทำงานหรือเล่นกันแน่หว่า คือมันดูเล่นไปมาชอบกล แต่ไม่รู้ผลมันออกเป็นตัวเป็นตนได้ยังไง คนถามฉันว่าทำได้ยังไงคิดได้ยังไง ถ้าตอบว่าไม่รู้ คงจะกวนยวนไปหน่อย ฉันก็ออกแนวไสยศาสตร์เข้าใส่เลย
"ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เหมือนมีคนมาบอกให้ทำแบบนี้ พูดแล้วขนลุก" เอิ่ม! แฮ่ม.ตอนนั้นกำลังนึกอยากเข้าห้องน้ำพอดีค่ะ

บางคำถามก็หาคำตอบไม่ได้ เพราะการคิด การทำงานครีเอทีฟ มันบอกไม่ได้ว่าเอามาจากตรงไหน แต่มันเป็นการรวบรวมเอาสิ่งที่เราเห็น เราศึกษา เราฟัง มาย่อยรวมผสมกาลเวลาตกตะกอน เป็นงานขึ้นมา

ฉันเชื่อว่าทุกอย่างคือศิลปะ life is arts! Health is arts and arts is arts.

คำถามบางคำถามจึงไม่มีคำตอบ แต่อย่างวันนี้ฉันได้รับคำถามจากผู้อ่าน ซึ่งนานมากแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกับผู้อ่าน ในฐานะผู้เขียนเลย ความรู้สึกเก่าๆอบอุ่นระหว่างผู้เขียนกับผู้อ่านกลับมาอีกครั้ง ราวกับเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นหนึ่งและผู้อ่านของฉันถามมาดังนี้ค่ะ

ติดตามผลงานจาก Bloggang คะ เสียดายจังคะ เรื่องราวหยุดอยู่วันที่ 2 กันยายน 2555 เขียนเรื่องราวได้สนุกมากๆคะ อยากอ่านต่อมากๆ จริงๆอ่านทบทวนมาสามรอบแล้ว เพราะอ่านแล้วรู้สึกถึงทุกความรู้สึกเลย อ่านแล้วเลยลองไปหาซื้อน้ำฟักข้าวเลย แต่รสชาติไม่ถูกใจเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวจะไปหาซื้อน้ำฟักข้าวของพี่ทานดูคะ ขอถามนิดนึงนะคะ ขอเสียมารยาท อยากทราบว่าหมดเงินลงทุนตอนโรงงานที่โรงรถไปเท่าไหร่หรอคะ แล้วได้ซื้อเครื่องเล็กๆ ของพี่ที่เขาไม่ขายให้หรือเปล่าคะ พอดีแอบงงๆตรงที่วันซื้อเครื่องจักร กับ วันสร้างโรงงานในตู้คอนเทรนเนอร์นะคะ ไม่ทราบว่า หลังจากวันที่ได้ไปแสดงงานสินค้าบอลลูน งานแรกแล้ว ระบายสินค้ายังไงต่อหรอคะ แล้วรู้กระบวนการผลิต วันหมดอายุที่เท่าไหร่ได้อย่างไรคะ แล้วพัฒนาสินค้าต่อได้อย่างไร โตเร็วมากๆคะ ขอโทษที่ถามนอกเหนือจากตัวสินค้านะคะ พอดีอ่านแล้วรู้สึกเป็นแรงบันดาลใจดี เป็นกำลังใจให้คะ ปล. พึ่งเรียนจบป.ตรีมาได้ไม่กี่วัน พอมาอ่านเรื่องนี้แล้วเป็นแรงบันดาลใจมากคะ ขอโทษด้วยนะคะ ถ้ารบกวนหรือทำให้รำคาญคะ

ขอย่อยเป็นข้อนะคะ
1. ซื้อเครื่องจักรกับสร้างโรงงาน
2.หมดเงินไปกับโรงงานที่โรงรถเท่าไหร่
3.หลังจากขายของครั้งแรกที่งานบอลลูน ขายต่อยังไง
4.กระบวนการผลิต วันหมดอายุรู้ได้ยังไง
5.พัฒนาสินค้าต่ออย่างไรโตเร็วมาก

5 คำถามที่คำตอบอาจยาวมาก ขอแบ่งตอบนะคะ เริ่มจากข้อหนึ่ง (เอิ่ม...ความรู้สึกเหมือนไปสอบสัมภาษณ์เข้าโครงการนักบินอวกาศเลยค่ะ ตื่นเต้น)
ต้องขอบอกก่อนค่ะตัวฉันเองนั้นเป็นพวกใจร้อน นึกอยากจะทำอะไร ทำเลยโดยไม่ไตร่ตรองรอบคอบ เริ่มตั้งแต่คิดว่าอยากจะปลูกฟักข้าว ก็จ้างคนมาไถ โดยไม่วางแผน สุดท้ายเสียเงินเปล่า แต่ใช่ว่าจะรู้จักจำนะคะ พอคิดว่าเอาละฉันจะสร้างโรงงานเล็กๆของตัวเอง ฉันก็อ่านๆเกี่ยวกับเครื่องจักร วิธีการผลิต แล้วสั่งซื้อเลยค่ะ วางมัดจำไว้ตอนนั้นราวๆ 5000 บาท แต่บอกเขาว่ายังไม่รับของ ขอฝากไว้สักสามเดือน คืออันที่จริงแล้ว ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหนเลยฝากไว้ก่อน เขาก็เร่งทุกเดือนเพราะชิ้นมันใหญ่ เขาต้องการพื้นที่และต้องการเงินที่เหลือทั้งหมด

แต่จนแล้วจนรอดยังไม่มีที่ลงเลย หลังจากตะเวณหาที่ที่จะทำโรงงานเล็กๆในกรุงเทพฯ ไม่มีตรงไหนเหมาะสมจะเป็นโรงงานในฝันเลยค่ะ ไม่อยู่แออัด ก็ไกลซะจนแค่นึกยังท้อ แล้วเราก็เลยคิดว่า เอาวะ สร้างโรงเองในพื้นที่ที่เรามี
ตุ๊มีที่ดินพร้อมบ้านนก (แบบบ้านยังกะให้นกอยู่ฉันเลยเรียกว่บ้านเนก) อยู่อยุธยา เราไปดูแล้วชอบใจมาก ที่เราเองแค่ 85 วา แต่ทั้งโครงการ 200 ไร่ เป็นคลองที่ผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา ปลูกบัวหลากสีสวยงาม กว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ส่วนที่เหลือ ไม่มีคนมาอยู่ ฟังดูช่างเพอร์เฟคเลิศเลอยิ่ง เราสองคนไม่รอช้าเช่นเคย จ้างคนมาตัดต้นไม้ถางที่เพื่อสร้างโรงงาน จากนั้นเรียกผู้รับเหมามาตีราคา เขียนแบบแปลน ตกลงสร้าง ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงเดือนเดียว เราตกลงกับผู้รับเหมาว่าจะเริ่มสร้างวันที่ 2 พฤศจิกายน เพราะช่วงปลายตุลาคม ฉันต้องออกงานBIG & BIH.

วันที่ตกลงกับผู้รับเหมาคือวันสุดท้ายที่เราเห็นภูมิทัศน์แสนสวยนั้น เพราะหลังจากวันนั้นอยุธยาน้ำท่วมและพื้นที่เราท่วมสูงถึงสองเมตร

ฉันไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันยังอยากสร้างโรงงานต่อ เพราะดูเหมือนจะติดขัดไปหมด คนขายเครื่องจักรเราก็เข้าใจเมื่อฉันโทรไปเล่าสถานการณ์ ฉันเองยังออกปากให้เขาขายให้คนอื่นไป แต่เขาก็บอกว่า รอฉันก่่อน

ตอนนั้นทุกอย่างโกลาหล ฉันเองต้องเตรียมตัวออกงานแสดงสินค้า อีกทั้งต้องเฝ้าระวังน้ำท่วม ตกลงปีนั้น ออร์เดอร์น้อยลง และโรงผลิตฉันน้ำท่วมขังเป็นเดือน ฉันตัดสินใจบอกยกเลิกออร์เดอร์ทั้งหมด ป่วยการที่จะยื้อเพราะข่าวต่างๆก็ออกมาว่า น้ำก้อนมหึมากำลังจะมา ไหนๆก็ท่วมแล้ว ฉันเลยตัดสินใจพาแม่หนีน้ำท่วมมาบ้านเชียงใหม่ หลังจากมองหาบ้านที่ใกล้กว่านั้น ไม่ว่าเขาใหญ่ หัวหิน ทุกที่ราคาสูงแล้วไม่รู้จะอยู่นานแค่ไหน เราเองก็มีบ้านที่เชียงใหม่ ไกลหน่อยแต่ไม่เสียค่าใช้จ่าย เราทั้งบ้านก็อพยพมาเชียงใหม่ เดี๋ยวนี้ใครถามฉันว่า ย้ายมาเชียงใหม่ได้ยังไง ฉันก็มีคำตอบว่าโดนน้ำพัดมา จนมาติดเชียงใหม่นี่ละ

กลับมาเรื่องเครื่อง หลังจากตัดสินใจว่าจะทำที่เชียงใหม่ ตุ๊เองก็เช่นเคย ตามใจฉันตลอดๆ การที่จะมารื้อสร้างนู้นนี้นั้นในบ้านของครอบครัว ฉันก็เกรงใจพี่น้องคนอื่นๆ ทั้งที่ไม่มีใครว่าเลยหากจะทำ เราเลยไปดูๆว่าจะมีอะไรทำได้บ้าง ก็ไปเจอโรงงานต่อตู้คอนเทนเนอร์เป็นบ้าน เป็นออฟฟิศ ฉันเลยสั่งทำ 1ตู้ ราคาแพงเอาการค่ะ สำหรับตู้เล็กๆ 75000 บาท และให้ส่งเครื่องพาสเจอร์ไรส์มาเลย

เราได้ใช้ผลิตแค่ครั้งเดียว เพราะตอนที่รู้ว่ามีงานบอลลูน เราเหลือเวลาเพียงไม่กี่วัน ฉันยังไม่มีสูตร ไม่มีฟักข้าว ไม่มีอะไรสักอย่าง ก็เช่นเคยค่ะ ถามคน หาในเนต ฉันซื้อฟักข้าวแห้ง กิโลกรัมละ2500 จากคุณเอ(นี่เป็นจุดที่ทำให้เราซื้อขายกันเป็นสิบตันต่อมา) ฉันนึกสูตรเองว่าควรมีหวานเปรี้ยวโดยไม่ต้องเติมน้ำตาล จึงไปหาซื้อสัปรด เสาวรส มา ยืมเครื่องแยกกากของคุณเจ้าของร้านตู้คอนเทนเนอร์ เพราะไปซื้อที่ร้านขายเครื่องอุตสาหกรรม คุยกันบังเอิญว่าพี่เจ้าของร้านเป็นนักอ่านที่เคยอ่านนิยายฉัน เค้าก็ไม่ขายให้ด้วยเหตุผลว่า
"เชียงใหม่เมืองปราบเซียน คนกรุงเทพฯมาลงทุนเจ๊งกลับไปเยอะ ค้าขายในเชียงใหม่ไม่ง่ายหรอก อย่าซื้อเลย ลองทำดูก่อน น้ำผลไม้คนขายเยอะมาก จวดลาก10 บาทก็มี คุณริสากลับไปเขียนหนังสือดีกว่า ค้าขายเชียงใหม่ไม่ง่ายเลย"

เป็นคุณทำไงละคะ ก็เค้าหวังดีแล้วจะให้ฉันดึงดันจะเอาให้ได้เหรอ พี่เขายังแนะนำฉันไปไหว้ อนุเสาวรีย์สามกษัตริย์ ครูบาฯ นั่นจึงทำให้ฉันดีหน้ามึน ยืมเครื่องแยกกากที่ตาเหลือบไปเห็นในครัวคุณอุ๋ม เจ้าของโรงงานผลิตตู้คอนเทนเนอร์แวบหนึ่ง ทราบทีหลังว่าเขาเคยทำน้ำผลไม้ขายแต่ขาดทุน เอาละ วัตถุดิบมีพร้อมแม้จะยังไม่มีสูตร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญคือ ขวดที่ใส่

ตอนนั้นโรงงานผลิตขวดเพ็ตเกือบทุกโรงหยุดผลิตเพราะสถานการณ์น้ำท่วม ถ้าโรงงานไม่ท่วม คนส่งวัตถุดิบก็ท่วม ฉันต้องหาโรงงานอย่างหนักแล้วคงต้องหาทางภาคเหนือ เชียงใหม่มีโรงงานหนึ่งซี่งผลิตเต็มเหนี่ยวแทรกงานไม่ได้ จนในที่สุด ฉันได้โรงงานเชียงรายที่มีแบบเดียว ไม่เอาก็ต้องเอา สั่งทำฟิล์มหดรัดขวดที่เป็นฉลาก ต้องสั่งขั้นต่ำ50000 ชิ้น ฉันก็กัดฟันเอา ก็ทำไงได้ มีคนทำให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่ปรากฏว่าแบบฉลากแบบบล็อกกว่าจะเสร็จก็คงไม่ทันงานบอลลูน ฉันจึงใส่ขวดเปล่าแบบไม่มีฉลาก แล้วต้องสั่งทำแท็กห้อยคอขวดพร้อมโบรชัวร์แทน เมื่อคิดรวมๆ วัตถุดิบ อุปกรณ์ที่ใช้ในตอนเริ่มต้น

วัตถุดิบ ฟักข้าวแห้ง 5 กก. 7500
ค่าเครื่อง. 85000
ค่าตู้คอนเทนเนอร์ 75000
ค่สตู้แช่ 25000
ค่าขวดบวกฉลาก 25000
ค่าสิ่งพิมพ์ 13500

ราวๆ 300,000
ทั้งหมดที่กล่าวมา กลายเป็นเหลือใช้ในที่สุด ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังวันหลัง เพราะเครื่องพาสเจอร์ไรส์ก็ไม่ได้ทำแล้วในตอนหลัง ขวดพลาสติคก็ไม่ใช้ โบรชัวร์ป้ายห้อยคอขวดก็เลยไม่ใช้ตามไปด้วย ยิ่งตู้คอนเทนเนอร์ยิ่งไม่ได้เนื่องจาก อย.บอกว่าแคบและไม่มีทางออกสองทาง พูดง่ายๆไม่ผ่านอย. แม้ตู้คอนเทนเนอร์จะสวยหรูแค่ไหน อย.ก็ไม่ชอบ เราเลยต้องต่อเติมโรงรถเป็นโรงงานค่ะ

ความสนุกมันเริ่มต้นตั้งแต่ การทำน้ำขาย ทุลักทุเลมากค่ะ ฉันไม่รู้ว่าอะไรควรเป็นเท่าไหร่ เพราะยังไม่มีโอกาสลองทำสูตรที่แน่นอน ทำทีแรกก็ขายเลย ทั้งแยกกากสัปรด ทั้งแยกกากเสาวรสก็เป็นงานหินแล้วสำหรับมือใหม่ ครัวเละเทะมาก ตู้ก็ยังไม่เสร็จ ฉันเลยย้ายไปทำโรงรถแล้วตัดสินใจประกอบเครื่องที่โรงรถ ซี่งการทำที่โรงรถเป็นอะไรที่ความทรงจำคลาสสิคมากสำหรับฉัน เนื่องจากบริษัท แอปเปิ้ลก็มีจุดกำเนิดที่โรงรถ เราเองก็เช่นกันแอบหวังว่าฉันคงได้สักครึ่งของพี่จ๊อบส์ สตีผ จ๊อบส์เคยบอกว่า เมื่อเรามายืนอยู่ในจุดนี้ ลองต่อดอตจุดสำคัญในชีวิตเรา เราจะรู้ว่าทุกอย่างถูกขีดเส้นทางให้เราเดินมาถึงตรงนี้ ฉันว่านี่คือเส้นทางฉัน

งานเริ่มบ่ายโมง แต่สินค้าเรายังไม่ลงขวดเลย ครั้นพอทำเสร็จแถมของก็ร้อนอีกต่างหาก ลองนึกภาพน้ำผลไม้ที่ควรจะเย็นฉ่ำชื่นใจ แต่กลับร้อนอย่างกับน้ำร้อน รสชาติก็ชิมไม่รู้เรื่อง ได้สักร้อยขวดก็ถูกโทรตามยิกๆ เนื่องจากจะมีเสด็จ ร้านทุกร้านต้องพร้อม เราเป็นตัวแถมที่ดันไปอยู่ตรงกลางไข่แดง ก็ยังไม่เสนอหน้าอีก ฉันจึงบอกให้ตุ๊เอาร้อยขวดไปยืนร่วมพิธีก่อน ส่วนฉันส่งตุ๊เข้าที่ก็จะกลับมาทำต่อ ลูกน้องหนึ่งคนของเราก็ทำงานไป ฉันหาน้ำแข็งแช่ไม่ได้จำเป็นต้องไปเหมาในเซเว่น เพื่อคูลดาว์นน้ำฟักข้าว ค่าน้ำแข็งก็หมดไปหลายตังค์ขณะที่ตุ๊ยังขายไม่ได้สักขวด

ฉันบรรจุเสร็จทั้งหมดได้ประมาณ 500 ขวด เลยทำเย็นๆใจกะแบ่งไปหน้าร้านอีก100ขวด ที่เหลือเก็บเข้าตู้แช่ เตรียมขายพรุ่งนี้ ตุ๊โทรมาถามว่า ฉันอยู่ไหน ของหมดแล้วรีบเอามาเติม ฉันจึงรีบย้อนไปเออีกสี่ร้อยขวด ของเราที่เอาไปก็หมดอย่างรวดเร็ว แล้ววันแรกของการขาย เราจบแบบแฮปปี้เอนด์ดิ้ง ของหมดก่อนเวลางาน อ้อ ฉันลืมเล่าไปว่า ด้วยความที่กลัวน้ำตัวเองขายไม่ออกฉันเลยสั่งขนมปังเจ้าโปรดของฉันที่กรุงเทพฯมาขายด้วย หวังว่ากลิ่นขนมปังจะดึงดูดผู้คนเข้ามาแล้วซื้อน้ำฉันไปด้วย ว่าไปแล้วแผนนี้ก็ได้ผลไม่น้อย เรานับเงินกันมือสั่น วันแรกขายได้หมื่นกว่าบาท ดีใจยิ่งกว่าได้ออร์เดอร์สักล้านก็ไม่ปานทั้งที่ทุนกำไรค่าแรงรวมอยู่ในนี้หมด

ของที่คิดว่าเตรียมไว้ขายหลายวันก็หมดในวันเดียว หลังเลิกงานคืนนั้น เราก็ไปตลาดผลไม้หาซื้อวัตถุดิบมาเพิ่ม แต่สิ่งที่ฉันไม่เคยคิดถึงมาก่อนนั่นคือฤดูกาลของผลไม้ ฉันหาเสาวรสไม่ได้เพราะไม่ใช่หน้ามัน ไอ้ที่ซื้อมาคราวก่อนก็ลอตสุดท้ายแล้ว ทีนี้ไก่ตาตื่นเป็นยังไง คุณคงนึกภาพฉันออก

พรุ่งนี้ต้องมีของขาย ฉันปลอบใจตุ๊ที่หน้าเสีย ขณะที่ปลอบใจตัวเองด้วย

แล้วฉันก็พบทางออกที่สวยงาม



Create Date : 12 กรกฎาคม 2556
Last Update : 12 กรกฎาคม 2556 16:23:31 น. 2 comments
Counter : 533 Pageviews.

 
โอวสุดยอดมากๆคะ หนูเป็นคนเขียนคำถามเข้าไปถามพี่เอง ขอบคุณมากนะคะที่ตอบคำถาม ยินดีด้วยกับความสำเร็จนะคะ เป็นไอดอลในใจคนใหม่เลย ^^


โดย: Nan IP: 125.24.66.50 วันที่: 14 กรกฎาคม 2556 เวลา:13:13:49 น.  

 
ขอบคุณค่ะ หวังว่าคงช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้ได้นะคะ การได้เขียนทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาก็มีประโยชน์สำหรับพี่มากค่ะ เพราะพี่ได้นึกไปถึงเคล็ดลับอันหนึ่งในการผลิต เมื่อนึกขึ้นได้ ลองนำกลับมาทำใหม่ ก็ได้ผลลัพธ์สุดยอดเลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


โดย: ริสานิสาท (สาวช่างถาม ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2556 เวลา:16:03:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.