Nobody + SomeBody = All About mE
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
21 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
เกาหลีมีดีตรงไหน? : แม่หนู ๆ แล้วเสื้อหล่ะ?

เวลา 05.30 น. ผมกัปตันแจ๊คขอนำท่านสู่สนามบินนานาชาติอินชอน......เสียงหล่อทุ้มฟังนุ่มนวลของคุณกัปตันกล่าวต้อนรับและขอบคุณลูกค้าของสายการบินยาวเยียดเหมือนชาตินี้ทั้งชาติจะไม่สามารถทดแทนบุญคุณในครั้งนี้ได้หมด ฉันกับเพื่อนหันมองหน้ากันและยิ้มกว้างจนลืมเก๊กสวย (เพราะที่จริงเราสวยทุกเวลาและทุกสถานการณ์อยู่แล้ว อืม์...ประมาณว่าฉันสวยไม่แคร์สื่ออ่ะค่ะ) มันเป็นเอามาก

ล้อเจ้าจำปียักษ์สัมผัสรันเวย์สนามบินอย่างนิ่มนวลแทบจะไม่รู้สึกถึงแรกกระแทก ที่แน่ ๆ มันไม่ได้ทำให้ผมที่ดัดหยิกแบบคุณป้าข้างบ้านของฉันเสียรูปทรงไปแม้สักนิด! ฮือ ๆ ฉันจะดีใจหรือเสียใจในความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยตัวเองของฉันกันแน่น่ะ? แล้วความโกลาหลวุ่นวายเหมือนกับเราเดือนอยู่แถวสะพานปลาหรือตลาดสดที่ขายส่งประมาณนั้นเมื่อเจ้าไฟแดง ๆ ที่มีรูปเข็มขัดดับลง เพื่อนร่วมทางลุกขึ้นและเริ่มตระเตรียมข้าวของที่นำขึ้นมาด้วย มีแต่ฉันกับเพื่อนที่ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจด้วยท่าแมวเหมียว (คนสวยทำอะไรก็ดูดีเสมอแหละ โฮะๆๆๆๆ)

หืมม์? คิ้วเรียวที่เขียนอย่างประณีตของฉันด้วยดินสอเขียนคิ้วคุณภาพสูงแต่ราคาต่ำมากขมวดมุ่นเมื่อรู้สึกถึงแรงสัมผัสที่ไม่เบามือนักมาสะกิดหยิก ๆ อยู่ที่ไหล่แสนบอบบางภายใต้เสื้อคอปาดสีแดงแขนห้าส่วนเนื้อดีราคาไม่แพงแต่มีแบรนด์ของฉัน ตามมาด้วยเสียงพูดเป็นภาษาเกาหลีดัง ๆ แล้วมีคนรอบข้างหันมองฉันกับเพื่อนเป็นตาเดียวกัน!

โอ๊ะโอ ๆ ๆ เปล่าน่ะค๊าทุกท่านขา...ดั้นสองคนมิได้ทำอะไรที่เป็นการสร้างความขุ่นเคืองใจให้คุณลุงที่กำลังพูดเสียงดังพร้อมสะกิด(ไม่เลิก)ที่ไหล่ดั้นเลยสักนิดน่ะค๊า ฉันเริ่มใจไม่ดีแล้วหันไปยิ้ม(ที่คิดว่าสวยมาก)ให้คุณลุงคนนั้น คุณลุงยิ้มตอบแต่ยังคงสะกิดและชี้มาที่ฉันอยู่ดี แต่ครั้งนี้เมื่อฉันหันไปหาคุณลงเต็มตัวและเห็นอาการชี้มือชี้ไม้ของคุณลุงแล้วฉันเลยถึงบางอ้อ!

คุณลุง: นี่แม่หนูคนสวย....แล้วเสื้อกันหนาวของแม่หนูล่ะ?
ฉัน: (ยิ้มหวาน) มีค่ะแต่อยู่ในกระเป๋า
คุณลุง: (ยิ้มตอบพร้อมจับเนื้อผ้าของเสื้อสีแดงตัวสวยของฉัน) เสื้อของแม่หนูคนสวยบางมากน่ะเนี่ยะ
ฉัน: (ยิ้มหวาน) ค่ะทราบค่ะแต่มันก็อุ่นน่ะค่ะ
คุณลุง: ข้างนอกน่ะมันหนาวมาก ๆ น่ะ แม่หนูคนสวยต้องสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น ๆ น่ะ
ฉัน: (ยิ้มหวานพร้อมพยักหน้าหงึกหงักยืนยันการเข้าใจ) ค่ะทราบแล้วค่ะแต่หนูมีเสื้ออยู่ในกระเป๋า ขอบคุณที่เป็นห่วงน่ะค่ะ (ยิ้มอีกทีแล้วหันหลังเพื่อเดินออกจากเครื่อง) หงึ? ทำไมคุณลุงยังสะกิดฉันอีกฟร่ะ?
คุณลุง: นี่ ๆ อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวลงไปด้วยน่ะข้างนอกน่ะหนาวมาก ๆ น่ะ เสื้อผ้าของแม่หนูคนสวยน่ะเอาไม่อยู่หรอกเนื้อมันบางไป นี่ ๆ ต้องใส่เสื้อกันหนาวแบบของลุงนี่น่ะ (คุณลุงพูดเสียงดังฉะฉานพร้อมรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรมาก ๆ แล้วโชว์เสื้อกันหนาวสีดำตัวใหญ่ที่ดูแล้วรู้สึกอุ่นขึ้นมาเลยให้ฉันดู)
ฉัน: ขอบคุณค่ะแต่หนูมีเสื้อกันหนาวอยู่ในกระเป๋าค่ะ
คุณลุง: ใช่ ๆ อย่าลืมใส่เสื้อกันหนาวน่ะมันหนาวมากน่ะ (ยิ้มให้อีกครั้งพร้อมมองมาสายตาเป็นห่วง)

หมายเหตุ: คงสงสัยกันใช่มั้ยว่าทำไมฉันกับคุณลุงถึงได้คุยกันได้เป็นวรรคเป็นเวณ ทั้ง ๆ ที่ฉันพูดภาษาไทยและคุณลุงก็คุยกับฉันเป็นภาษาเกาหลี หึ ๆ ๆ ก็เพราะว่าฉันน่ะ.....เอ่อ.....คือฉันแปลจากความเข้าใจของตัวเองว่าลักษณะท่าทางชี้ไม้ชี้มือและท่าทางประกอบพร้อมรอยยิ้มของคุณลุงน่ะมันน่าจะประมาณบทสนทนาข้างบนนั่นแหละฉันก็เลยคุยกับคุณลุงไปเรื่อย....

ก็เขาบอกว่ารอยยิ้มเป็นมิตรภาพของทุกคนไม่ว่าจะแตกต่างกันอย่างไรเพียงยิ้มเดียวก็ทำให้คนที่ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันมาก่อนกลายมาเป็นมิตรและอีกหลายสถานะ(ในทางที่ดี)ได้! เออแหะ....ฉันเพิ่งจะรู้นี่แหละว่ายิ้มเนี่ยะมันดีกว่าคำพูดสวยหรูเสียอีกแต่มันต้องเป็นยิ้มที่ออกมาจากจิตใจที่ดีงามและหวังดีน่ะมันถึงจะทำให้คนที่ได้รับรอยยิ้มเข้าใจนัยของยิ้มนั้น

แล้วคุณลุงก็เดินมาตบไหล่ฉันเหมือนฉันเป็นหนุ่มน้อยที่ทำอะไรถูกใจลุงเขาเข้าก่อนจะยิ้มอย่างเป็นมิตรแล้วเดินตามแถวที่รอออกจากเครื่องไป ฉันมองตามหลังคุณลุงที่สวมหมวกไหมพรหมและแบกเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ออกไปตาปริบ ๆ หันมองมาทางเพื่อนสาวสวยประหาญของฉันแล้วหัวเราะกันกับความน่ารักของคนเกาหลีที่เป็นความประทับใจแรกของฉันกับเพื่อนในการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่นี้

เฮ้อ....รู้สึกดีจังที่ยังไม่ทันได้เข้าประเทศแต่กลับได้รับมิตรภาพและความหวังดีจากคนของที่นี่แล้ว ฉันกับเพื่อนเลยตระหนักในอีกข้อหนึ่งคือ ภาษาไม่ใช่อุปสรรคในการสื่อสารกันแล้วหละฉะนั้นฉันกับเพื่อนจะใช้ภาษาสากลอีกหนึ่งภาษา(ที่ไม่ใช่เสียงเพลง เพราะเสียงเพลงถือเป็นอีกหนึ่งภาษาที่เป็นภาษาสากลของโลกน่ะ) นั่นกือคือภาษาสากลที่เรารู้จักกันในนานของ ‘รอยยิ้ม’

ฉันกับเพื่อนเดินต่อแถวออกจากเจ้าจำปียักษ์ตามกลุ่มคนที่เข้าแถวกันไป ในใจรู้สึกอิ่ม(แต่ไม่ใช่เพราะข้าวห่อใบบัวที่ฉันเผลอใจฟาดซะเรียบ) ฉันยิ้มอย่างไม่รู้ตัวในใจก็คิดว่า.....เวลาที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติที่เมืองไทย....เขาเหล่านั้นจะรู้สึกเหมือนฉันหรือเปล่าน่ะ? เขาจะรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับอยู่ในบ้านของตัวเองหรือเปล่าน่ะ? แล้วเขาจะรู้สึกว่า ‘สยามเมืองยิ้ม’ ก็ยังคงเป็น ‘สยามเมืองยิ้ม’ อยู่ในทุกที่ของเมืองไทย! กลับไปคราวนี้ฉันจะยิ้มแฉ่งให้กับทุกคนเลยล่ะ!



Create Date : 21 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2551 10:58:51 น. 1 comments
Counter : 664 Pageviews.

 
แวะมาส่งยิ้มสยาม


โดย: Zantha วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:45:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฟองแชมเปญ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




I want to be.....SomeBody สวัสดีค่า ^^
ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่บ้านหลังเล็ก ๆ ของเราน๊า
เราชื่อแอน น่ารักเหมือนในรูปข้างล่างนี่แหละ =_='
ยินดีกับทุกคอมเม้นท์ และจะยิ่งดีใจมากขึ้นถ้าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราที่เอามาแบ่งปันสามารถเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากเพื่อน ๆ ได้ แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว >.<
: Users Online
ส่งอีเมล์
Friends' blogs
[Add ฟองแชมเปญ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.