บล็อคนี้เป็นบล็อคทืี่ลงความบ้าหนังแอนิเมะทางฝั่งตะวันตก จำพวกแอนิเมะจาก Pixar , Disney และ DreamWork เป็นหลัก ไม่อยากนับจากฝั่งญี่ป่นเพราะขี้เกียจตาม
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
(วิจารณ์) Tron Legacy : นี่คือสุดยอดหนังไซไฟร์ลํ้ายุค






Free TextEditor

แค่ผมเห็นตัวอย่างหนังผมก็อยากดูแล้ว และเมื่อหนังฉาย ก็ได้มีกระแสมาสองแบบเช่นเดียวกับหนังทุกเรื่องที่เข้าฉาย ประมาณว่า หนังโคตรสนุกเลย หรือ เฉยๆ งั้นๆ แต่ในฐานะที่ผมดูเอา "ความบันเทิง" เป็นหลัก และตัวหนังเองดิสนีย์ก็ทำด้วย ผมจึงไม่คิดหรอกว่าดิสนีย์จะทำหนังออกมาห่วย ขนาดเรื่องศึกพ่อมดถล่มโลก รายได้ไม่สูง คะแนนไม่เท่าไหร่ แต่ผมว่ายังสนุกเลย ดังนั้นแล้วจึงไม่ลังเลเลยที่จะดูระบบ 3D ครับ (แหงหละ ทีวีที่บ้านมันไม่มีสามมมิตินี่ฝ่า T^T)

หมายเหตุ - หนังเรื่อง Tron นั้นภาคแรกผมไม่ได้ดู แต่ได้ไปลองเล่นเกม Tron revolution รอบสื่อของ C2Vision มาแล้ว ทำให้ผมพอเข้าใจถึงโลกในภาพยนต์ได้บ้าง ข้อมูลที่ผมจะวิจารณ์นั้นจะเป็นไปตามความเข้าใจของผม ดังนั้นแฟนๆ ภาพยนต์ ท้วงติงได้ถ้าข้อมูลที่ผมเข้าใจผิดพลาดนะครับ

เนื้อเรื่อง

เรื่อง ราวของพ่อของแซมกับลูกเขา พ่อของเขาเป็นนักพัฒนาโปรแกรมที่จะสร้างโลกคอมพิวเตอร์ขึ้นมา โดยสัญญาว่าจะพาลูกชาย (ที่ตอนนั้นอายุราวๆ 7 ขวบมั้ง) ไปในโลกคอมพิวเตอร์ด้วย แต่แล้วพ่อของเขาก็หายตัวไป ด้วยการที่พ่อของเขาเป็นคนสำคัญของบริษัท Encom ที่ผลิตซอฟแวร์เกมขายมากมาย จึงทำให้เหล่าผู้บริหารฉกตำแหน่งอำนาจบริหารบริษัท จนกว่าแซม ลูกชายของเขาจะโตขึ้นและรับสืบทอดกิจการนี้

20 ปีต่อมา ลุงของแซม ได้บอกว่าพ่อของเขาส่งข้อความมาทางเพจเจอร์ (ซึ่งสมัยนี้มันคงไม่มีใครใช้แล้วแหละ) และสัญญาณนี้มาจากศูนย์เกม ที่ทำงานเก่าของพ่อเขา และเบอร์นั้นไม่ได้ใช้งานมาตั้ง 20 ปี แซมจึงเข้าไปสำรวจดู เขาค้นพบห้องทำงานลับหลังตู้เกม Tron และก็ลองกดปุ่มปี๊บๆ ปุ้บๆ บรู้มมมมม ! เป็นโกโกครั้น (ไม่ใช่ละ) ปรากฎว่าเขาเข้ามาในโลกคอมพิวเตอร์ที่พ่อสร้างขึ้น

แซมถูกโปรแกรมใน นั้นจับตัวไปและบังคับให้แข่งขันเกมอันตราย จนกระทั่งพวกโปรแกรมรู้ว่า แซมไมใช่โปรแกรม และได้นำตัวไปหาผู้นำของพวกมัน ซึ่งมีหน้าตาเหมือนพ่อของเขาเป๊ะ เมื่อ 20 ปีก่อน แต่มันก็บอกเลยว่า "I am not your Father Sam" และก็ได้นำแซมเข้าสู่เกมอันตราย และแล้ว โปรแกรม "ควอร่า" ก็ได้มาช่วยเขา

แซมจะเจอพ่อของเขารึไม่ เกิดอะไรขึ้นในโลกคอมพิวเตอร์ที่พ่อของเขาสร้างขึ้น และเขาจะออกมาได้รึไม่ ติดตามได้ในโรงภาพยนต์ไม่ทุกสาขา

-------------

หมายเหตุก่อนเริ่มวิจารณ์ (ไม่สปอยเนื้อเรื่องทั้งหมด แต่เป็นข้อมูลของหนัง เวลาไปดูจะได้เข้าใจครับ)

- โลกคอมพิวเตอร์ในภาพยนต์นั้น ไม่ใช่อีกมิติ ไม่ใช่โลกคู่ขนาน ไม่ใช่โลกอนาคต แต่เป็นโลกคอมพิวเตอร์ที่คล้ายๆ กับมิติเวอร์ชั่ว (ดึงจิตตัวเองเข้าไปในโลกคอมพิวเตอร์ แต่ร่างเนื้อยังอยู่ข้างนอก) เพียงแต่ในโลกของ tron นั้น ร่างเนื้อดึงเข้าไปด้วยครับ โดยเวลาในโลกนั้น 1 ชั่วโมงจะเท่ากับ 1 นาทีในโลกของเรา (มั้ง)
- โปรแกรมที่ผมว่านี่ก็คือ โปรแกรมจริงๆ แต่ในโลกนั้น โปรแกรมจะมีรูปร่างเป็นคนครับ และสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับโปรแกรมอื่นได้ด้วย และควบคุมด้วยระบบ AI ที่สามารถคิดได้ด้วยตนเอง (ตรงนี้ใครรู้เรื่องหุ่นยนต์หรือเล่นเกมบ่อยๆ คงรู้) โดยโปรแกรมแต่ละโปรแกรมจะมีความฉลาด ความคิด ความสามารถมากน้อยแค่ไหนอยู่ที่โปรแกรมและหน่วยความจำ ยิ่งมีหน่วยความจำเยอะ ก็จะมีพื้นที่เก็บข้อมูล (ความทรงจำและประสบการณ์) มากขึ้น ก็เท่ากับฉลาดขึ้นอะไรทำนองนี้นะครับ
- ดิสต์ที่เอามาขว้างๆ กันในหนังนั้นนอกจากจะเป็นอาวุธแล้ว ยังเป็นที่เก็บพื้นที่ด้วย เอาง่ายๆ ทั้งความทรงจำ รูปร่าง หรือโค้ดโปรแกรม (เทียบกับร่างกายก็คืออวัยวะ) จะถูกเก็บไว้ในนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

เอาหละ ขอเริ่มวิจารณ์เลยละกัน

มา ดูกันที่เนื้อเรื่องก่อนละกัน ซึ่งอันนี้ผมเรียนให้ทราบตรงๆ เลยว่าเนื้อเรื่องดำเนินสไตล์ดิสนีย์เลยครับ ก็คือ เป็นเนื้อเรื่องธีมผจญภัย ร่วมกันค้นหาคำตอบ สอดแทรกด้วยสาระและความเร้าใจจากฉากแอ็คชั่น รวมไปถึงฉากไม่มีความรุนแรงเหมาะกับเด็กๆ แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องนี้ยังเอาใจคอภาพยนต์ผู้ใหญ่อย่างพวกเราด้วย

ถ้าถามโดยส่วนตัว ผมแล้ว ว่าพล็อตเรื่องใหม่ไหม เดาง่ายไหม เดาตอนจบง่ายไหม อันนี้ผมไม่ขอตอบ เพราะทุกครั้งที่ผมไปดูหนัง ผมไม่เคยเดาตอนจบ ไม่เคยคิดไปเลยว่าฉากต่อไปเนื้อเรื่องจะเป็นยังไง เพราะผมดูความสนุก ไม่ใช่ไปดูเพื่อจับผิด แต่ถ้าถามผมว่ามีฉากหักมุมหรือที่ผมคิดไม่ถึงไหม ก็ต้องบอกว่ามีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย ซึ่งสำหรับผมแล้ว เนื้อหาของหนังเรื่องนี้มีมากกว่าที่ผมคาดคิดเอาไว้เยอะ มั่ก

สิ่ง ที่เป็นไฮไลท์เด่นของเรื่องนี้ก็คือฉากกราฟฟิกเอฟเฟคต่างๆ ที่ทำออกมาสวยงาม สมจริง ภาพไหลลื่นและคมชัด ซึ่งพอผมไปดูแล้วผมก็ต้องยอมรับว่า จากที่โฆษณาบอกว่ามันเป็นเทคโนโลยีใหม่อะไรนั้นคงเป็นเรื่องจริง มันอาจไม่เป็นการปฏิวัติวงการภาพยนต์เหมือน AVATAR แต่ฉากหลายๆ ฉาก ผมดูแล้วรู้สึกว่ามันเนียนจนผมแยกไม่ออกเลยว่า ตกลงแล้วอันไหน CG อันไหนคนแสดงจริง เหมือนกันว่ามันกลมกลืนได้อย่างลงตัวและไม่มีสะดุด ไม่มีติดขัด บางฉากอาจมีบ้าง แต่ถ้าไม่สังเกตดีจริงๆ ก็คงไม่เห็นด้วยซํ้า มันอาจเป็นหนังที่ผสมผสานระหว่างคนแสดงและเอฟเฟคได้สวยงามลงตัวที่สุดเรื่อง หนึ่ง

ระบบเสียงก็ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างของหนังเรื่องนี้ ขอแยกออกเป็น 2 ส่วนนั้นก็คือเสียงประกอบและเสียงเพลงในหนัง มาดูเสียงประกอบกันก่อน ที่มีหลายกระทู้บอกว่าระบบเสียงเรื่องนี้ดีมาก มันดังเข้มข้นจนเก้าอี้ในโรงสั่นเลยนั้น อันนี้ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ระบบเสียงประกอบทำออกมาได้เร้าอารมณ์และสะใจมากๆ ไม่ทำให้อารมณ์เราตกค้าง และสะกดอารมณ์เราให้จดจ่อกับหนังเลย โดยปกติ ผมไปดูหนัง ช่วงที่หนังจะมีเสียงเงียบ มักจะได้ยินเสียงคนดูออดแอดหรือเสียงกรุบๆ จากการกินอะไรสักอย่างดังมาตลอด แต่เรื่องนี้ ปรากฎว่าทั้งโรง เงียบกริบ แม้แต่ผมเองก็ยังลืมไปเลยว่ามือซ้ายของผมเอาจับกระเป๋าเอาไว้อยู่ เพราะตอนนั้นผมโดนหนังสะกดให้ผมตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ และมีไม่กี่เรื่องที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ได้

และมาดูเรื่องเพลงประกอบ กัน ถ้าจะเทียบกับหนังเรื่องอื่น ผมนับถือนาร์เนีย , The Load of the Ring หรือ Harry potter อะไรแบบนี้ที่ทำให้เสียงเพลงประกอบสามารถตรึงตราแล่นโลดในหัวได้แม้แต่การดู ครั้งแรก (ซึ่งเจ้าชายเปอร์เซียเกือบแล้วแหละ) และหนังเรื่องนี้เพลงประกอบทำออกมาได้ไพเราะและมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างมาก มันเข้ากับฉากบรรยากาศของหนังได้ไม่มีคำว่า "ไม่เข้ากัน" เลยแม้แต่น้อย เพลงยังติดตรึงตราในหัวของคนดู และยิ่งทำให้สะกดอารมณ์คนดูให้มากขึ้นไปอีก และไม่แน่ เพลงประกอบของหนังเนื่องนี้อาจเข้าไปฝังหัวของเด็กๆ และทำให้เสียงเพลงนั้นโลดแล่นจนกลายเป็นหนังในดวงใจของพวกเขาตอนโตขึ้น เช่นเดียวกับหนังหลายเรื่องที่พวกเราชื่นชอบในวัยเด็กครับ

การเข้า ถึงบทบาทของนักแสดงนั้น ถ้าเป็นบทเด่นๆ ทำออกมาได้ดี แต่ทั้งนี้พอดีผมใส่แว่น 3D ด้วย เลยอาจมองเห็นไม่ชัดบางฉาก แต่นักแสดงบทเด่นหลายคนทำออกมาได้ดีมาก เข้าถึงอารมณ์ได้ดีกว่าหนังหลายเรื่อง แต่ตัวประกอบหรือบทรองบางคนผมว่ายังเข้าถึงอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ใช่บทเด่นอยู่แล้ว ผมจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก

เอฟเฟคต่างๆ ของหนังเรื่องนี้ถ้าคุณคิดว่ามันจะออกแนวกราฟฟิกคอมพิวเตอร์อย่างเดียวคิด ผิดได้เลยครับ เพราะว่ามันมีทั้งเอฟเฟคแสง เงา ควัน และอีกหลายอย่างมาผสมรวมโรงกัน เอาง่ายๆ ถ้าคุณดูหนังที่ตัวละครเข้าไปในโลกคอมพิวเตอร์โดยที่เข้าไปเฉพาะจิต แต่ร่างเนื้อยังอยู่โลกภายนอก เอฟเฟคต่างๆ ในนั้นก็จะไม่ได้สมจริงอะไรนัก มันก็ยังเป็น "ของที่ถูกสร้างขึ้น" แต่สำหรับเรื่อง Tron ไม่ใช่ ตัวเอกของเราหลุดเข้าไปในโลกคอมพิวเตอร์ทั้งตัวเลย เอฟเฟคต่างๆ จึงไม่ได้แค่สวยงามแบบในโลกคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่สวยงามระดับ "สมจริง" และ "เป็นอีกโลกๆ หนึ่ง" ไปเลย และด้วยความสมจริงแบบเนี่ยแหละ มันจะทำให้คุณอาจเผลอคิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกคอมพิวเตอร์ก็ได้

ที นี้มาดูระบบ 3D กัน ถ้าถามผมว่าเรื่องนี้สามมิติไหม ต้องขอเรียนตามตรงเลยว่า มันไม่ได้พุ่งทะลุทิ่มตามากมายหรอกครับ และก็ไม่ได้มีมิติที่สุดยอดเหมือนเรื่อง Avatar ด้วย แต่โดยรวมแล้วผมถือว่า ยังดีกว่าหนังสามมิติหลายเรื่องที่ทำออกมาแล้วระบบสามมิติธรรมดามาก (ไม่อยากเอ่ยชื่อเรื่อง กลัวโดนแฟนหนังเอาตุ๊กตาสาปแช่งตอกตะปูอัดผม) แต่อันนี้บอกเลยดีกว่าว่า ตอนต้นเรื่องนั้น หนังบอกมาเลยว่าทั้งเรื่องจะมีทั้ง 2D และ 3D ปะปนกันไป ตามเจตนารมณ์ของผู้สร้าง ซึ่งอารมณ์แนวนี้ผมบอกได้เลยว่ามีความคล้ายคลึงกับหนังเรื่อง Spy Kids 3D : GameOver ก็คือ ช่วงแรกๆ ยังไม่มีระบบ 3D อะไรเท่าไหร่ แต่พอเริ่มเข้าสู่เนื้อเรื่อง ก็จะ 3D ทันที เพียงแต่ในหนังไม่ได้มีการบอกว่าต้องเอาแว่นใส่ตอนไหน เอาออกตอนไหน ดังนั้น ใส่เถอะครับ เดี๋ยวจะคว้าใส่ไม่ทัน

ดังนั้นแล้ว ระบบสามมิติในเรื่องนี้เป็นยังไง โดยมากแล้วจะมีประมาณ 3 รูปแบบหลักๆ รูปแบบแรกก็คือธรรมดา เหมือนหนังสามมิติทั่วไป ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แบบที่ 2 ก็คือมีมีติให้เราเห็นแยกถึงความนูนความลึก ตรงส่วนนี้ยอมรับว่าตัวหนังทำออกมาได้ดี ซึ่งทำให้เราเข้าถึงโลกของหนังมากขึ้น แต่บางฉากก็ไม่ได้ลึกนูนอะไรนัก อาจทำให้เราสับสนความลึกนูนบ้างก็มี และแบบที่ 3 ก็คือ ฉากพุ่งทะลุออกมาจากจอ ตรงนี้มีครับ โดยเฉพาะตอนแอ็คชั่นแทบทุกฉาก จะมีฉากพุ่งทะลุออกมาให้เห็นแน่นอน มันอาจไม่ได้พุ่งออกมาจนน่าหวาดเสียว แต่พุ่งออกมาสวยงามและไม่เน้นปวดตามากมากกว่า

และจุดสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ผมชื่นชมก็คือ สาระในเรื่องที่ทำออกมาสอนและสะกิตใจเราหลายอย่าง ตรงนี้ถ้าผมบอกมันจะเป็นการสปอยเนื้อหา แต่ถ้าพาเด็กๆ ไปดูด้วย และถ้าเขาตั้งใจดูจริง รับรองว่าเขาได้สาระไปอย่างมากมายตามสไตล์ของดิสนีย์เลยครับ

เอาหละ เอ่ยถึงตัวหนังมาเยอะ ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย อำดับแรกก็คือ เนื้อเรื่องนั้นยังไม่ใช่ของสดใหม่ ยังไม่มีอะไรแตกต่างจากหนังเรื่องอื่น แต่ที่ตรึงตรากว่าก็คือการสะกดอารมณ์คนดูให้เข้าไปในโลกของหนังเนี่ยแหละที่ สุดยอด

ประการที่สองก็คือ ตัวหนังยาว 2 ชั่วโมง ไม่ได้ดำเนินเร็วไปหรือช้าไปก็จริง แต่กว่าครึ่งเรื่อง ดันมีฉากคุยกันซะส่วนใหญ่ แถมประมาณ 10 % ของหนังมีการพูดคุยถึงศัพท์ในโลกของ Tron ซึ่งคนดูภาคแรกอย่างผมฟังแล้วไม่เข้าใจ และนั่นอาจทำให้คนดูเบื่อได้ แต่ทั้งนี้ถ้าถามว่ามันน่าเบื่อไหม สำหรับผู้ใหญ่อย่างพวกเราคงไม่หรอกครับ เพราะว่าแค่เอฟเฟคหนัง และฉากต่างๆ ยังดึงดูดเราให้มองตลอดเวลาได้บ้าง แต่เด็กๆ นี่สิ คงไม่ดูกันหรอกถ้าไม่ใช่คอหนังจริงๆ แล้วจะทำให้เด็กมีสิทธิหันหน้าหนีมองไปทางอื่นหรือไม่นั้น ผมไม่อาจบอกได้ แต่พอฟันธงได้ว่าถ้าเด็กไม่ใช่คอหนังจริงๆ คงไม่ดูแน่ๆ ครับ

และ ประการที่สามก็คือ ตัวหนังไม่ได้ถ่ายทอดความเป็นอยู่ในโลกของ Tron ได้หมด 100 % พอเข้าใจว่าหนังมันยาวแค่นี้คงไม่สามารถเล่าได้หมด แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีการอธิบายบ้างว่า ไอ้การเรียกมอเตอร์ไซด์แสง มันทำงานยังไง หรือ ทำไมขว้างดิสไปแล้วถึงโจมตีโปรแกรมได้ เพราะนั่นมันจะทำให้คนดูเข้าใจในโลกของ Tron ได้มากขึ้นครับ

ตอบโจทย์
1. หนังสนุกไหม
ตอบ - ถ้าคาดหวังมากเดินไป คุณอาจดูไม่สนุกนะครับบอกตรงๆ ตัวหนังทำออกมาอลังการงานสร้างเน้นถล่มเอฟเฟคไม่ยั้งก็จริง แค่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรสูงสุดอย่างที่หลายคนคาดหวัง แต่ถ้าดูเอาสนุกละก็ สนุกแน่นอนครับ

2. ไม่ใช่คอหนัง ดูรู้เรื่องไหม
ตอบ - ต้องตั้งใจดูครับ ถ้าคุณเอาแต่มองบ้าง ไม่มองบ้าง โอเค คุณอาจดูเอาสนุก อืม ฉากสวยดีนะ จบข่าว ก็จะได้อรรถรสในการดูหนังไม่หมด และคุณจะคิดว่ามันคือหนังธรรมดาเรื่องหนึ่งในทันที

3. ความเหมาะสมในการดู
ตอบ - ถ้าจะดูเอามันส์ ก็ดูได้ ถ้าจะดูเอาสาระ ก็ได้ด้วย แต่ถ้ามาดูเพราะคาดหวังในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ต้องหักมุมหรือสดใหม่ หรือแม้แต่การคาดหวังเรื่องระบบสามมิติ ตรงนี้อย่าไปดูเลยครับ เพราะคุณอาจเสียอารมณ์เปล่าๆ เพราะหนังกี่เรื่องๆ ทำออกมา ก็ไม่มีคำว่าพอใจหรอกครับ

4. เด็กๆ ดูได้ไหม
ตอบ- ก็ต้องแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือแบบแรก เด็กที่ไม่ใช่คอหนัง ดูเอาผ่านๆ ก็อาจดูสนุก ดูได้ และรู้เรื่องในหนังจึ๋งนึง และอีกแบบก็คือเด็กที่สนใจดูหนังและสนุกไปกับมัน ตรงนี้รับรองเด็กได้สาระเต็มๆ ครับ

5. สามมิติ ปวดตาไหม และควรดูไหม
ตอบ - ไม่นะครับ ระบบสามมิติไม่ได้ทำออกมาทรมานคนดูขนาดนั้น ยกเว้นคุณดูระบบสามมิติไม่ได้จริงๆ อันนี้อย่าดูเลยดีกว่า แต่แนะนำควรดูระบบสามมิติ เพราะภาพสวยๆ งามๆ เยอะมาก แต่คุณจะไม่ได้เห็นได้ดูแบบธรรมดา

6. ความคุ้มค่าในการซื้อแผ่น
ตอบ - ถ้ามีงบ แนะนำบลูเรย์ครับ เพราะภาพในโลกของ Tron นั้น สวย คมชัดเอามากๆ และยังมีอีกหลายรายละเอียดที่คุณสามารถกวาดตามองได้ และยิ่งไปกว่านั้น ถ้า Disney ทำระบบเสียง 7.1 ออกมา รับรองว่าได้ดูสะใจยกบ้าน เพราะระบบเสียงในเรื่องนี้อลังการมาก ถ้าคุณซื้อ VCD มาดู คุณอาจไม่สามารถสัมผัสถึงความสุดยอดของหนังเรื่องนี้ได้ทั้งหมด และอาจมองว่า "หนังมันก็งั้นๆ" ไปก็ได้ แน่นอนว่า DVD ก็สามารถทำให้คุณเข้าถึงอารมณ์ได้เช่นกันครับ

7. ความเหมาะสมในการดูซํ้า
ตอบ - ในการดูซํ้านั้น ถ้าไม่ดูซํ้าตามสนองตัณหาและความอยากตนเอง (เพราะติดหนังไปแล้ว) ก็จะดูซํ้าเพื่อกวาดตาเก็บรายละเอียดได้ครับ อันนี้ผมพูดส่วนตัวนะ ถ้าคุณซื้อบลูเรย์มาดู จะมองเห็นชัดกว่าดูแบบสามมิติด้วยซํ้า แต่ถ้าบ้านของคุณมีทีวีสามมิติก็อีกเรื่อง นอกนั้นการเอามาดูซํ้ามากๆ อาจทำให้คุณง่วงนอน เพราะครึ่งหนึ่งของหนังมีฉากคุยกัน อาจทำให้หนังตาปริบๆ ได้ครับ

8. ดูในโรงดีไหม
ตอบ - ถ้าไม่กะดูระบบสามมิติ ยังไงก็แนะนำไปดูในโรง ความยาวของหนังคือ 2 ชั่วโมงโดยประมาณ (อาจกว่านิดๆ) และเมเจอร์ก็ไม่ได้บวกราคาเพิ่ม ก็คิดว่าน่าจะไปดูแล้ว และที่แนะนำเพราะระบบเสียงทำออกมาสุดยอด และสามารถสะกดอารมณ์คนดูได้ดีมาก (ยกเว้นคุณจะดูแบบไม่ตั้งใจหรือดูคนข้างๆ ทำอะไรกันแทน) เชื่อเถอะ ผมฟันธงเลยว่ากว่าครึ่งที่มาอ่านบทความนี้ ที่บ้านไม่ได้มีระบบโฮมเธียเตอร์ระดับ HD หรอก ความสนุกสุดยอดในการดูหนังที่มีเสียงอลังการแบบนี้ต้องไปที่โรงหนังอย่าง เดียวครับ

9. มันคือหนังยอดเยี่ยมใช่ไหม
ตอบ - ยังไม่ใช่ ความยอดเยี่ยมของเอฟเฟคยังไม่เทียบเท่า Avatar เนื้อเรื่องก็ไม่ได้แปลกใหม่ และหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ปฏิวัติวงการหนังอะไรมากมาย แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังเรื่องนี้ก็คือ ธีมของเรื่องอยู่ในโลกของ Tron โลกของคอมพิวเตอร์ที่คุณจะไม่ได้เห็นจากหนังเรื่องอื่นๆ และเป็นเอกลักษณ์ที่คุณจะจดจำมันเอาไว้ ในหนังที่มีชื่อว่า Tron Legacy ครับ

คะแนน - 8.9 / 10.00
อยู่ในระดับที่ - ดีมาก ควรไปดูในโรงภาพยนต์

เหตุที่ตัดคะแนน
- ฉากคุยมีเยอะ ถึงจะมีฉากเอฟเฟคมาช่วย แต่เด็กๆ หรือคนที่ไม่ค่อยชอบดูหนังอาจเกลียดหรือไม่ดูได้
- ตัวหนังน่าจะอธิบายถึงที่มาที่ไปของโลกคอมพิวเตอร์ให้มากกว่านี้ อย่าลืมว่าคนดูหลายคนไม่ได้ดูภาคแรกกันมานะ โดยเฉพาะในเมื่อแม้แต่ VDO ยังไม่เห็นจะมีขาย
- ไม่ได้บอกข้อมูลเชิงลึกของหนังมากมาย ทำให้อาจต้องไปสืบค้นหาเอง เช่น ซื้อเกม Tron Revolution มาเล่น เพื่อเข้าใจถึงข้อมูลหนังได้มากขึ้น
- ฉากสะเทือนอารมณ์ยังไม่สามารถถึงอารมณ์ออกมาได้มากพอ สำหรับคนบ้างานตายด้านอย่างผม
- นักแสดงที่ไม่ได้เล่นบทเด่นบางคนเข้าถึงอารมณ์ได้ไม่ดีพอ ทำให้พอเวลากวาดตามองเพื่อเก็บรายละเอียดแล้วรู้สึกแหม่งๆ

และ สุดท้ายนี้ขอเตือนพวกชอบดูแผ่นผีหรือโหลดบิทไว้นะครับ คุณจะไม่มีทางสัมผัสความสุดยอดของหนังระดับเกรด A ได้ถ้าคุณแอบดูผิดกฎหมาย อยากดูหนังเกรด C หรือเกรด A เลือกเอาครับ ไม่อยากดู 3D ไปดูวันพุธหน้า 60 บาทก็ยังได้ เพราะหนังเรื่องนี้ เด่นทั้งภาพ เสียงและสาระ เป็นหนังอีกเรื่องของ Disney ที่ผมคารวะว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยม และเมื่อแผ่นออก ผมสอยบลูเรย์แน่นอน

ปล. ในตัวอย่างหนัง ช่วงนี้จะมีหนัง 3D น่าดูอยู่แค่สองเรื่องนะครับ เรื่องนึงก็คือโยกี้แบร์ มีฉากพุ่งทะลุจอมากกว่าที่คิด และหนังเรื่องที่คนสำรวจอุโมงค์แล้วปากทางเข้าถล่ม เป็นผลงานของป๋าเจมส์ คาเมรอน ฉายกุมภาโดยประมาณ เป็นระบบสามมิติแบบเดียวกับ Avatar ครับ
ปล.2 ใครดูหนังแล้วสนใจเกม Tron ตอนนี้มีขายแล้ว 499 บาทนะครับ อันนี้บทความรีวิวเกมครับ >> //www.g-genius.com/reviewgame/Tron/t1.html


Create Date : 26 ธันวาคม 2553
Last Update : 26 ธันวาคม 2553 17:05:14 น. 5 comments
Counter : 4567 Pageviews.

 
ชอบครับ โดยเฉพาะดนตรีประกอบ ไฮเทคและอลังการเข้ากับตัวหนังมากๆ


โดย: Nanatakara วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:18:50:52 น.  

 



แวะมาทักทายค่ะ


โดย: deeplove วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:19:37:56 น.  

 
วิจารณ์เป็นเนื้อเป็นหนังมากๆๆๆๆ
กะว่าสิ้นปีจะไปดู เลยมาเก็บตกข้อมูลไว้ก่อน
ขอบคุณค่ะ


โดย: bluejazz7 IP: 113.53.64.180 วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:22:50:25 น.  

 
ถ้าอย่างนั้น สงสัยอย่างหนึ่งว่า แล้วร่างเนื้อของนางเอกมาได้ยังไง


โดย: วิษวะ IP: 110.77.193.147 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:9:31:10 น.  

 
มันเป็นเรื่องการสู้กันของระบบปฏิบัติการ

DOS = tron = ระบบที่ตายไปแล้ว
WINDOW = clu
Linux = พวกเดียวกะนางเอง ชื่ออะไรจำไม่ได้


โดย: Hoono IP: 223.205.241.254 วันที่: 11 มีนาคม 2561 เวลา:11:52:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Parnkung
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Parnkung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.