สวัสดีครับ แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ในตอนที่ 3 ของเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน โอว มันยอดมากนี้ นายฮกหลง อยากขอให้แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 30 กว่าๆ ขึ้นไป นั่งไทม์แมชชีน ย้อนเวลากลับไปเมื่อสักตอนอายุประมาณ 7-8 ขวบ ตอนที่กรุงเทพฯ ยังรถไม่เยอะนัก อากาศไม่ร้อนตับแตกเหมือนปัจจุบัน แล้วแฟนๆ จะเห็นภาพที่ฮกหลง จะนำเที่ยวนี้ได้ชัดเจน เพราะเราจะไปเริ่มต้นเที่ยวกันที่ Sweets tour by bicycle อีกหนึ่งสุดยอดกิมมิกที่ชาวเราคณะทัวร์ทริปฮอกไกโด ลงความเห็นกันว่า เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ ที่เป็นที่จดจำของชาวคณะเรา

อันเนื่องจากเมือง Obihiro ที่พวกเรากำลังท่องเที่ยวอยู่นี้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงขึ้นชื่อลือชา เรื่องขนมอร่อยลิ้นจนเป็นที่เลื่องลือ และมีร้านรวงต่างๆ ที่ขายขนมน่าตาน่ารักน่ากินมากกว่า 30 ร้าน ไอ้ครั้นจะให้นักท่องเที่ยวแค่นั่งรถชิมขนมแสนอร่อยเหล่านี้ มันก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ ไป ทางเมือง Obihiro จึงได้จัดทริปปั่นจักรยานทัวร์เลือกซื้อขนมนี้ขึ้น เพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับนักท่องเที่ยว

โดยการจะเริ่ม Sweets tour by bicycle นี้ คุณต้องไปเริ่มขอเช่าจักรยานที่ Obihiro Tourism and convention bureau บนชั้น 2 ของ Esta Obihiro east JR. Obihiro Station โดยอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 100 เยน ต่อ 1 ชั่วโมง แต่หากคุณเลือกที่จะเสียเพิ่มอีก 500 เยน คุณจะได้รับแผนที่ แนะนำเส้นทางพร้อมคูปองที่จะสามารถนำไปแลกขนมจากร้านที่ร่วมรายการทัวร์ขนมอิ่มท้องนี้ได้ 5 ร้าน

ซึ่งฮกหลง แนะนำว่ายอมเสียไปเหอะอีกแค่ 500 เยน เพราะนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ท่านๆ จะไปรู้เส้นทาง และจะรู้ได้ไงว่าร้านไหนมีขนมที่เราอยากกิน หากไม่มีอะไรใช้นำทาง จริงไหม แถมยังจะได้รู้สึกไปกับการปั่นจักรยานตามลายแทงขนมหวานในแผนที่อีกด้วย ส่วนรถจักรยานที่มีให้เลือกก็มีทั้งแบบธรรมดาและแบบออโต้ ซึ่งฮกหลง แนะนำอีกเช่นกันว่า เลือกแบบออโต้จะดีกว่า เพราะปั่นสนุกไม่เหนื่อย ขี่ไปเพลินๆ จนไพล่คิดไปถึงวันคืนเก่าๆ เมื่อสมัยเป็นเด็ก ปั่นจักรยานไปกับแก๊งเพื่อนๆ อย่างที่บอกไว้ตอนต้นจริง ๆ และก็จริงอย่างที่ใครๆ ว่ากันไว้ การขี่จักรยานในญี่ปุ่นมีเสน่ห์ล้นเหลือจริงๆ เพราะเลนขี่จักรยานกว้างขวาง ไม่มีสิ่งกีดขวาง เป็นอุปสรรคที่ทำให้เราต้องลงมายกจักรยานเป็นช่วงๆ เหมือนในกรุงเทพฯจริงๆ แถมอากาศก็ดี เย็นๆ ปั่นไปเรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ และไม่มีอันตรายจากรถที่จะมาเฉี่ยวชน ก็คิดดูเอาแล้วกันว่า พี่เอี้ยะ จากกรุงเทพธุรกิจ ที่ขี่จักรยานไม่เป็นและกฎหมายญี่ปุ่นห้ามนั่งซ้อน พี่แกเลยใช้วิธีเข็นรถจักรยานตามคณะพวกเรา รวมถึง น้องแป้งโกะ นักร้องสาวแสนสวย ที่ขี่จักรยานไม่ค่อยจะแข็งนัก เมื่อจบกิจกรรมยังติดใจ ร้องขออยากจะขี่รอบเมืองกินขนมกันอีกสักรอบ หากว่าไม่ติดปัญหาเรื่องเวลา ที่ค่อนข้างจำกัดกันซะก่อน

สำหรับร้านและขนมน่ากินๆ เหล่านี้แฟนๆ ไทยรัฐก็รับประทานผ่านสายตากันไปก่อนแล้วกันนะครับ เห็นแล้วคงคิดเหมือนฮกหลงว่า มันน่ากินจุงเบย อ่อ เกือบลืมบอกไป กิจกรรมนี้ พวกเราได้ออกรายงานข่าว ของ NHK ฮอกไกโด ซะด้วยสิ โกอินเตอร์แท้ๆ

จากนั้น คณะของเราก็ได้เดินทางไปต่อไปที่ Tokachi Millennium Forest เมืองชิมิสุ ซึ่งฮกหลงไม่รู้จะจำกัดความเรียกมันว่ากระไรดี อันเนื่องจากจะว่าเป็นป่าก็ไม่ใช่ จะสวนดอกไม้ก็ไม่เชิง หรือจะเป็นฟาร์มปศุสัตว์ ก็น่าจะใช่อีก งั้นก็ขอเหมาๆ เรียกไปว่าเป็นป่า ของ MR.Katsuhiko Hayashi ก็แล้วกัน โดยป่าแห่งนี้ กินพื้นที่ประมาณ 4 ล้านตารางเมตร และเป็น 1 ใน 7 สถานที่ท่องเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ที่ได้รับการโปรโมตว่า นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด

โดยผืนป่าแห่งนี้ มองไปทางใดก็มีแต่สีเขียวและความชุ่มชื่น รวมทั้งอากาศก็เย็นๆ สบายๆ หากใครไปแล้วน่าจะติดใจได้ไม่ยาก และที่ฮกหลก ชื่นชอบก็คือแนวคิดในการจัดวางพื้นที่มีการแยกส่วนชัดเจน ว่า ต้องนี้ไว้โชว์เลี้ยงแกะ ตรงนี้เป็นพื้นที่สวนดอกไม้ เอาไว้โชว์นักท่องเที่ยว ตรงนี้เป็นผืนหน้าที่ตัดแนวเขามีหมอกจางๆ เกาะอยู่บริเวณยอดเขาฮิดากะ เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามขณะรับประทานอาหาร และสิ่งไว้ใช้สำหรับเจ้าสิ่งพิเศษ ที่เป็นจุดขายของที่นี่ คือ SEGWAY พาหนะที่คล้ายๆ จักรยาน ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เอาไว้สร้างความเพลิดเพลินให้กับนักท่องเที่ยวทั้งหลาย ซึ่งหากใครมาเที่ยวที่นี่ ก็ควรที่จะลองขับขี่เจ้านี่ดู เพราะถึงแม้ตอนแรกๆ ที่ลอง อาจจะหวาดเสียวว่าจะล้มหน้าล้มหลังไปบ้าง แต่เมื่อคล่องแล้วฮกหลง เองก็ยังติดใจ บังคับเจ้า SEGWAY วิ่งรอบทุ่งหญ้าที่สวยงาม นี้ดื่มด่ำไอดิน กลิ่นหญ้า เสียงร้องของหรีดหริ่งเรไร และรับโอโซนเก็บกักไว้กับทุกอณูของร่างกาย มิให้ขาดตกบกพร่อง เพราะนานๆ จะได้เจออากาศบริสุทธิ์แบบนี้สักที

นอกจากนี้ Tokachi Millennium Forest ยังมีไฮไลต์สำคัญ อีกอย่างคือ Rose garden ที่จะเต็มไปด้วยกุหลาบนานาชนิดเรียงรายล่อลวงสายตานักท่องเที่ยว แต่ให้เสียดายว่าช่วงที่ฮกหลงไปนั้น เจ้ากุหลาบเหล่านั้น มันยังไม่ได้โตเต็มที่ จึงไม่สามารถถ่ายรูปมาให้แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ได้ชื่มชมกันได้ และ Meadow garden หรือเป็นสวนที่ถูกจัดเลียนแบบทุ่งหญ้า ฝีมือนักออกแบบระดับโลก MR.Dan Pearson จนได้รับการโหวตให้เป็น The most beautiful of all the entries and the best example of the garden designs in the 21st Century

อย่างไรก็ดี หากแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ อยากจะมาท่องเที่ยวที่นี่ ต้องบอกไว้สักนิดว่า จะเปิดรับนักท่องเที่ยว Tokachi Millennium Forest เพียงช่วงระยะปลายเดือนเมษายน ถึงช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน เท่านั้น เพราะหลังจากนั้นหิมะจะสูงท่วมหัว หมดสิทธิเที่ยวแน่นอน

จากความสดชื่นของผืนป่า ชาวทริปของเรา ก็ได้นั่งรถขึ้นหุบเขา ไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป ที่พวกเราลงความเห็นว่า ที่คือสุดยอดไฮไลต์ประจำทริปฮอกไกโดครั้งนี้ ที่นี่ก็คือ โรงแรม Hoshino resort Tomamu ที่มีสัญลักษณ์โดดเด่นคือ 2 ตึกคู่แฝดที่มีสีสันมองไกลๆ คล้ายลูกอม ฝีมือการออกแบบของ สถาปนิก Klein Dytham และในปี 2013 ยังได้ประกาศนียบัตรชนะเลิศการบริการยอดเยี่ยม อีกด้วย โดยที่นี่ มีบริการหลากหลายเอาไว้บริการนักท่องเที่ยวในทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนาว หรือ ฤดูร้อน แต่เนื่องจากฮกหลงไปเที่ยวฤดูร้อน เพราะฉะนั้นจะขอนำเที่ยวแต่เฉพาะสถานที่น่าจดจำ ในช่วงฤดูร้อนของ Hoshino resort Tomamu ก็แล้วกัน โดยที่นี่ในช่วงฤดูร้อน มีจุดขายคือทะเลหมอกที่แสนงดงาม สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สถานที่เล่นล่องแก่ง และสนามกอล์ฟขนาดใหญ่และสวยงาม เอาไว้ให้คอยบริการ

โดย MR.Satoshi Nagai หนุ่มสุดหล่อ ซึ่งสาวๆ ประจำทริปของเรา ตั้งชื่อเล่นให้ว่า พ่อหนุ่มแสนดี เนื่องจากหมอยิ้มง่าย และให้การดูแลและบริการพวกเราเป็นอย่างดี ใครไปที่นี่โดยเฉพาะสาวๆ ควรเรียกหาหนุ่มคนนี้ไว้ น่าจะดี เพราะบริการสุดประทับใจล้นเหลือ เล่าว่า Hoshino resort Tomamu เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ของญี่ปุ่น มีห้องพักรวมตึกคู่แฝด 4 ตึก คือ The Tower และ Risonare Tomamu มีทั้งสิ้น 813 ห้อง โดยในช่วงไฮซีซั่น จะเป็นเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม ราคาห้องพักจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 หมื่นเยน ส่วนช่วงโลว์ซีซั่น จะเป็นเดือนมีนาคมและเดือนตุลาคม ราคาห้องพักจะอยู่ที่ประมาณ 8-9 พันเยน เท่านั้น หากผู้ใดสนใจลองไปดูกันได้ที่ snowtomamu.jp/summer/en/hotels/

โดยภายในโรงแรมนี้ มีจุดสุดโรแมนติกสำหรับคู่รัก ที่หากใครมีสตางค์สักหน่อย ฮกหลง แนะนำให้มาลองแต่งงานกันที่นี่ น่าจะโรแมนติกสุดประมาณ เพราะทางโรงแรม ได้บรรจงสร้างเอาไว้เป็นอย่างดี โดยมันถูกซุกซ่อนเอาไว้ ใกล้ๆ กับตึกคู่ The Tower ซึ่งเป็นที่พัก เมื่อเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน คุณจะพบกับสิ่งนี้.... (ไม่ต้องบรรยายดูรูปเอาแล้วกันว่าสวยแค่ไหน)

โดย Satoshisan บอกว่าหากเป็นช่วงฤดูหนาวหิมะ จะจับน้ำเป็นน้ำแข็ง และบริเวณต้นไม้ด้านนอกจะขาวโพลน สวยงามมาก สำหรับค่าบริการ ที่ทางโรงแรมคิดสำหรับการแต่งงานหนึ่งคู่ นั้น คิดราคาเพียง 1 ล้านเยน เท่านั้น จึงไม่แปลกที่แต่ละปี จะมีคู่รักมาสละโสดกับสถานที่โรแมนติกนี้ ถึง 400 คู่ต่อปี

ขอบคุณรูปบางส่วนจากความอนุเคราะห์ของ พี่นก นิตยสารไฮโซปาร์ตี้ พี่บู จากเว็บไซต์ marumura.com พี่ลุย พี่เอ๋ หรือแม่ประนอม จาก pantip.com ด้วยนะครับ

ติดตาม ฮอกไกโดหน้าร้อน โอว มันโดนมาก ตอนสุดท้าย พรุ่งนี้

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ 149,375 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ของอำเภอบ้านโคก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ได้รับการประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อปี 2537 ลักษณะภูมิ