พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
22 กันยายน 2556
 
All Blogs
 
ปากประตูนรก หลุมไฟขนาดใหญ่ในประเทศเติร์กเมนิสถาน เดอร์วาเซ (Derwaze)

ปากประตูนรก

เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานข่าวเรื่องหลุมไฟขนาดใหญ่ในประเทศเติร์กเมนิสถาน ชาวบ้านเรียกมันว่า เดอร์วาเซ (Derwaze) อันกินความได้ว่ามันคือประตูสู่นรกภูมิ เรื่องเริ่มจากในปี ค.ศ.1971 ขณะที่มีการขุดเจาะหาก๊าซธรรมชาติ คณะสำรวจพบว่าด้านใต้นั้นเป็นโพรงและมีกลิ่นก๊าซรุนแรง พวกเขาพากันละทิ้งมันเนื่องจากเกรงอันตราย จุดไฟเผาหลุมโดยหวังว่าเพียงไม่กี่วันมันจะมอดหมด แต่หาไม่ จนวันนี้มันยังคงโชติช่วงไม่ถดถอย ราวกับเป็นปากทางสู่ดินแดนอันน่ากลัวอย่างนรก!

นรกภูมินั้นชาวพุทธรู้จักกันดี ใน ไตรภูมิพระร่วง อันเก่าแก่ได้บรรยายภาพของนรกไว้ ว่าเป็นดินแดนหนึ่งที่ลึกลงใต้ผืนดินของชมพูทวีป ประกอบด้วย มหานรก 8 ขุม ยมโลกนรก 320 ขุม
อุสสทนรก อีก 128 ขุม และ โลกันตนรก ซึ่งเป็นขุมที่ใหญ่ที่สุด มืดมนไร้แสง

สมเด็จพระสันตะปาปา ปิอุสที่ 10 เคยตรัสว่า “นรกเป็นรัฐชั่วร้าย พวกที่อยู่ในรัฐนี้จะถูกกีดกันจากสายตาของพระเจ้าชั่วนิรันดร และอยู่ในความน่ากลัวทุกข์ทรมาน” จึงไม่ใช่เป็นแค่ดินแดนหรือขุมเท่านั้น แต่มันคือ “รัฐ”

ปากปล่องภูเขาไฟมาซายา

ปากปล่องภูเขาไฟมาซายา


ใจกลางสาธารณรัฐนิการากัว ห่างเมืองหลวงมานากัวไปเพียง 12 ไมล์ มีภูเขาไฟชื่อ มาซายา (Volcan Masaya) แต่หลายศตวรรษมาแล้วที่มันถูกเรียกขานโดยคนท้องถิ่นว่า ลา โบคา เดล อินฟีโน (La boca del infierno) นับพันปีมาแล้วที่ภูเขาไฟนี้ปะทุปล่อยเถ้าควันขึ้นฟ้าสูงหลายไมล์ รวมทั้งก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ในปัจจุบันที่ริมขอบภูเขาไฟถูกจัดทำทางเดินเพื่อเที่ยวชม ทว่าในอดีต ชนพื้นเมืองเชื่อว่ามันคือปากประตูโลกกับนรก ณ จุดนี้เองที่สามารถสื่อสารติดต่อกับอีกภพได้ ทั้งวิญญาณของผู้คนและเทพเจ้า พวกเขาจะโยนคนลงปล่องภูเขาที่มีลาวาร้อนเหลวเดือดดาลเบื้องล่าง เพื่อประกอบพิธีกรรมบูชายัญ

 

ปี ค.ศ.1524 นักบวชคาธอลิกจากสเปนเดินทางมาดูมาซายาด้วยตนเอง เมื่อแรกเห็นก็ตกใจ และตั้งชื่อให้ทันทีว่า ‘ประตูสู่นรก’ เนื่องจากที่นี่ตรงกับในคำพยากรณ์ในพันธสัญญาใหม่ ที่อธิบายถึงนรกว่าเป็นดินแดนที่ไฟลุกโหมในหลุมลึกที่ไม่มีจุดจบ และพ่นควันตลบกลบแสงตะวัน ในไบเบิ้ลกล่าวชัดเจนว่า นรกถูกตระเตรียมไว้สำหรับปีศาจ ยมทูต ซาตาน คณะบาทหลวงนำไม้กางเขนปักลงปากปล่อง มันตั้งอยู่เรื่อยมาอีกตลอดห้าร้อยปีจนเกิดการปะทุครั้งใหม่จึงหายไป

ในยุคกลาง ชาวคริสต์เชื่อว่าซาตานได้ก่อกบฏต่อต้านพระเจ้า จึงถูกจับโยนลงจากสวรรค์ ลงสู่ใต้โลกผ่านรอยแยกขนาดใหญ่ สู่หลุมที่ลึกลงไปใต้ผืนโลก และนักบวชต่างย้ำเชื่อหนักหนาว่า ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาคือดินแดนปีศาจที่ปกครองโดยซาตาน

ความเชื่อเรื่องประตูแห่งความตายนี้มีมาก่อนหน้าและยาวนานเกือบ 4,000 ปี ชาวสุเมเรียนก็เชื่อเรื่องดินแดนการทรมานใต้พิภพ ในบันทึกกรีกโบราณก็มีการเล่าถึงเหวลึกที่วิญญาณจะหล่นร่วงไปโดยใช้เวลานับปีก็ยังไม่ถึงพื้น

ในศตวรรษที่ 7 นักบวชชาวสเปนอ้างว่าถูกปีศาจนำไปยังทะเลสาบไฟ และเขาหนีมันรอดมาได้ด้วยการนั่งเคารพวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ศตวรรษที่ 12 มีเรื่องราวกระจายไปทั่วว่า นักรบชาวไอริชตายแล้วฟื้น เขาบอกกับผู้คนว่าระหว่างนั้นเขาพบเห็นเหตุการณ์มากมายในนรก และเช่นกัน ในปี 1930 แม่ชีชาวโปแลนด์ชื่อ โฟตินา อ้างว่าเทวดาพาตัวเธอไปท่องนรก และเธอได้เห็นภาพการทรมาน 7 ชนิดที่รอคอยลงทัณฑ์ผู้คน เส้นทางสู่นรก แน่นอนว่ามันย่อมเปล่าเปลี่ยวและลึกลับ ผู้คนมักหายสาปสูญ ไม่มีใครได้ย้อนกลับในเส้นทางเดิม ไม่พลัดหลงก็ถูกนำมาเพื่อพิธีการต่างๆในสมัยโบราณ

ดังเต ผู้พรรณาถึงแดนนรก

ดังเต ผู้พรรณาถึงแดนนรก


เธซิอุสวีรบุรุษแห่งกรีก ต้องสูญเสียความทรงจำ เป็นเวลานานถึง 4 ปีที่เขาถูกจับและทรมานโดยงูยักษ์ขณะลงสู่โลกใต้พื้นพิภพ

 

จากบันทึกของชาวเมโสโมเตเมียยุคแรก เส้นทางสู่นรกนั้นจะเต็มไปด้วยภูเขา แม่น้ำ และก่อนถึงประตูจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่สำหรับชาวอียิปต์ มันน่ากลัวกว่านั้น ระหว่างทางสู่นรกเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด ภูตผีปีศาจ วิญญาณที่หลงทาง หลุมพรางนานา ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ดวงวิญญาณรอดพ้นสิ่งเหล่านั้นได้คือ อัมดูอัต (Amduat) ซึ่งเขียนขึ้นเพื่อเป็นคู่มือสำหรับการนำทาง ที่อีโมรี ยูนิเวอร์ซิตี้ มีการเก็บรักษาคัมภีร์อัมดูอัตอายุราว 3,000 ปี คัมภีร์มีคาถาที่จะทำให้ดวงวิญญาณผ่านพ้นสิ่งต่างๆไปได้ เมื่อไปถึงยังประตูและไม่อาจบอกคาถาที่ถูกต้องได้ วิญญาณจะติดค้างที่ประตูแห่งนั้นตลอดกาล

ความเชื่อเหล่านี้ถูกตอกย้ำอีกครั้งโดยสาวกของพระเยซู ตามพระคัมภีร์ที่ว่าพระองค์ได้ลงสู่ฮาเดสเพื่อช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณ ในพันธสัญญาใหม่กล่าวว่า ในขณะที่พระองค์สิ้นพระชนม์ไป 3 วันก่อนจะฟื้น พวกเขาเชื่อว่าเวลาดังกล่าวนั้นพระองค์เสด็จไปยังยมโลก และนำผู้ที่ศรัทธากลับขึ้นสู่โลกมนุษย์

ภาพเขียนยุคกลาง มักมีภาพของพระองค์ฟื้นจากความตายและปรากฏตัวที่หน้าถ้ำหรือปากประตูที่ไหนสักแห่ง ทำลายความเชื่อเดิมๆของมนุษย์ที่ว่าไม่มีใครสามารถรอดจากที่แห่งนั้นมาได้ ในตำนานกรีก ออฟีอุส เดินทางลงไปขุมนรกอเวจีเพื่อช่วยเหลือภรรยานาน 9 วัน เมื่อยังไม่กลับมา น้องชายของเขาก็ตามลงไปช่วย แน่นอนว่าทั้ง 3 ไม่มีใครกลับขึ้นมาได้อีก

นักบวชชาวสเปนปักไม้กางเขนที่มาซายา

นักบวชชาวสเปนปักไม้กางเขนที่มาซายา


ทางตอนเกือบใต้สุดของประเทศกรีซ บนชายฝั่งของดินแดนคาบสมุทรเพโลโพนีซุส (Peloponnesus) เฮอร์คิวลิสได้เคยพบถ้ำที่นำไปยังโลกใต้พิภพ นักวิชาการกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า ณ บริเวณนั้นอาจนำไปสู่การไขกุญแจเรื่องของฮาเดส ซึ่งในตำนานนั้นกล่าวว่ามีแม่น้ำกว้างใหญ่หลายสายอยู่ใต้แผ่นดินที่ไหลไปสู่โลกแห่งความตาย

 

แม่น้ำลึกลับในตำนานนั้นมีอยู่หลายสาย แม่น้ำ แอคคิรอน ซึ่งแปลว่านรกหรือสายน้ำแห่งความเศร้า มีแม่น้ำโคไซตัสหรือเสียงครวญร่ำไห้แห่งสายน้ำ เพลการ์ตอน หรือแม่น้ำแห่งไฟ และอีกมากมายหลายชื่อที่บ่งบอกว่านำทางไปสู่ความทุกข์ทรมาณ มันจะไหลเข้าสู่ปลายทางเดียวกัน นั่นคือ ฮาเดส

บันทึกของศาสนาอิสลามฉบับหนึ่ง พระมูฮัมหมัด กล่าวเตือนผู้ทำบาป ถึงพิษจากงูใหญ่ที่จะเผาไหม้ร่างไปนาน 40 ปี และร้อนกว่าไฟบนโลกถึง 69 เท่า ภาพของนรกภูมิในลัทธิโซโรแอสเทรียน ที่มีอายุ 1,500 ปี กล่าวถึงการทรมานที่น่ากลัว และระบุว่าเวลาที่นั่น 3 วันเท่ากับเวลา 9,000 ปีของโลกมนุษย์

ด้านอารายธรรมกรีกนั้นเชื่อว่า กษัตริย์ ไมนอส เป็นผู้ตัดสินดวงวิญญาณ และส่งคนชั่วร้ายลงสู่ทาร์ทารัส สำหรับชาวมุสลิมนั้นก็มีภาพความเชื่อคล้ายกันจนทุกวันนี้ คนชั่วจะหล่นจากสะพานแคบๆไปในหลุมแห่งไฟ

ภาพการทรมานในนรก เขียนขึ้นในศตวรรษที่ 16

ภาพการทรมานในนรก เขียนขึ้นในศตวรรษที่ 16


งานเขียนชิ้นหนึ่งที่ถูกเขียนขึ้นราวปี ค.ศ. 1300 จินตนาการถึงนรกที่แจ่มชัด โดย ดังเต อลิเกียอาริ (Dante Alighieri) เขาเป็นรัฐบุรุษ กวีผู้ยิ่งใหญ่ เขาถูกจับในสงครามที่ฟลอเรนซ์ ถูกเนรเทศจากบ้านเกิด เขาเขียนมหากาพย์ฉบับหนึ่งชื่อว่า Commedai แบ่งออกเป็นสามภาค มีภาคหนึ่งที่ชื่อ ดิ อินเฟอร์โน บรรยายเล่าเรื่องราวการเดินสู่นรกอันสยดสยอง ผู้คนจะถูกต้ม เผา และทิ่มแทง อธิบายรายละเอียดว่านรกภูมิมี 9 ขุม การทรมานจะขยับความรุนแรงลงไปเรื่อยตามความชั่วช้าของผู้คน คนผิดในกามจะถูกพายุลมพัดร่างไม่หยุดหย่อน คนตะกละจะติดในหลุมโคลนของสิ่งโสโครกตลอดกาล ขโมยจะถูกโจมตีจากงู คนนอกรีตจะถูกโจมตีจากดวงไฟตกจากฟากฟ้า หรือไม่ก็จมในน้ำเดือด และเขาบอกว่า ดวงวิญญาณจะมีสติรับรู้การลงทัณฑ์อย่างนั้นไปตลอดกาล การเดินทางเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ไปสิ้นสุดที่วันอีสเตอร์

 

ประติมากรระดับโลกอย่าง โอกุสต์ โรแด็ง ได้สร้างงานชิ้นหนึ่ง เป็นบานประตูนรก บานประตูนั้นฉายภาพของนรกโลกันต์แจ่มชัดโดยไม่ต้องจินตนาการ

ที่ไอร์แลนด์ ในทะเลสาบห่างไกลที่ชื่อ ล็อค เดิร์ค มีเกาะเล็กๆ ที่รู้จักกันในนามที่ชำระบาปของ เซนต์แพททริค บนเกาะมีโพรงถ้ำที่ผู้คนเชื่อว่ามันเป็นประตูสู่นรก

ทุกๆหน้าร้อน ผู้คนจะมานับพันเพื่อเข้าร่วมพิธีกรรมซึ่งมีมานับพันปี พวกเขาจะอดอาหาร อดหลับอดนอนข้ามวันข้ามคืน พากันร้องเพลงและสวดขอพร ตำนานเล่าว่า เซ็นต์แพททริคพยายามที่จะเปลี่ยนใจพวกนอกรีต เขาจึงบอกแก่พระเจ้า และพระองค์ก็ได้ชี้ช่องทางสู่ขุมนรก เพื่อที่ผู้คนจะได้เชื่อว่าพระเจ้านั้นมีอยู่จริง

ในศตวรรษที่ 12 มีเรื่องราวว่าอัศวินผู้หนึ่งได้ลงไปสู่นรกภูมิ ผ่านสถานที่ชำระบาปแห่งนี้ และได้เห็นหม้อต้มน้ำที่เดือดพล่าน และกองทัพของซาตาน ทุกวันนี้ทางเข้าถ้ำได้สูญหายไปแล้ว สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป หอระฆังถูกสร้างขึ้นแทนถ้ำแห่งนั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ เชื่อว่าถ้าใครมาที่ร่วมแสวงบุญที่นี่ 3 ครั้ง เขาจะไม่มีวันตกนรก

ภาพนรกจากหนังสือ Commedai ของดังเต

ภาพนรกจากหนังสือ Commedai ของดังเต


ประตูสู่นรกอีกบานอยู่ที่กันดารที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

 

มีภูเขาไฟที่มอดแล้วแห่งหนึ่งในประเทศเอธิโอเปีย ภูเขาไฟ เอทตา อาเล เป็นที่รู้จักกันในนาม หลุมที่นรกสร้างขึ้น รอบๆบริเวณนั้นไร้ร้างสิ่งมีชีวิต คนพื้นเมืองจะเตือนเราว่า อย่าไปเหยียบที่แห่งนั้นเชียว มันเต็มไปด้วยวิญญาณร้าย ด้วยความร้อนกว่า 2,000 องศา ปากปล่องจึงทำให้รู้สึกว่าเข้าใกล้นรกโลกันต์เหลือเกิน กำมะถันอวลตลบคลุมบรรยากาศ

ที่ไอซ์แลนด์ก็มีเช่นกัน

เมื่อปี ค.ศ. 2010 ที่ภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ปะทุขึ้น ส่งควันและเถ้าลาวาคลุมเกือบทั่วภูมิภาคยุโรป คนในยุคกลางเชื่อว่าห่างจากจุดนั้นไปราว 30 ไมล์ มีประตูสู่นรกอีกแห่งหนึ่ง การปะทุรุนแรงที่ภูเขา  เฮลกา ในปี ค.ศ.1104 นั้น เถ้าลาวาปกคลุมทั่วยุโรป กำแพงนรกได้พังทลายลงในความคิดพวกเขา และปีศาจได้ออกจากประตูนรกมาเพื่อทำลายมวลมนุษย์

ไม่มีใครรู้ว่าลึกลงไปราว 5,000 กิโลเมตร จากพื้นโลกมันมีความลับอะไรซุกซ่อนอยู่กันแน่ ทว่าในจินตนาการเรากลับเห็นภาพการลงทัณฑ์ อันแสนทรมาน ไฟแผดเผาดวงวิญญาณ และเหล่าซาตาน ความมืดมิด สัตว์ร้าย ทุกสิ่งอย่างดูโหดร้ายเกินกว่าจะมีความต้องการที่ใครจะลงไป...

หรือว่าแท้จริงแล้วมันไม่มีอะไรอยู่เลย นอกจากความร้อนเกือบ 6,000 องศาเซลเซียส.

โดย  “Time Machine”
ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน






Create Date : 22 กันยายน 2556
Last Update : 22 กันยายน 2556 2:19:10 น. 0 comments
Counter : 3022 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.