|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ไปเที่ยวสวนสัตว์กันต่อนะ - ดูเค้าเลี้ยงปลาในสวนสัตว์เชียงใหม่อควาเรียม
หลังจากยืนชื่นชมความน่ารัก และตากแอร์พอสมควร เรามุ่งหน้าไปยังเป้าหมายต่อไป "สวนสัตว์เชียงใหม่อคาเรียม" เดินจากโซนแพนด้าขึ้นไปด้านหลัง จะถึงบริเวณอ่างเก็บน้ำซึ่งเป็นที่ตั้งของอควาเรียม เค้าจัดสร้างได้อลังการเหมือนกันนะ
ตัวอาคารดูจากด้านหน้าเหมือนไม่ใหญ่มาก แต่เดินข้างในได้เป็นชั่วโมงๆ เลยนะ ช่วงนี้เสียค่าบัตรแค่ 190 บาทเอง (ไม่ได้จ่ายเองอีกแล้วแหละ อิอิ)แต่ถือว่าถูกมากนะสำหรับอควาเรียมใหญ่ขนาดนี้ จำได้ว่า ถ้าไปดูทีต่างประเทศต้องจ่ายมากกว่านี้อีกเยอะเลยล่ะ
ที่นี่เค้าจัดแบ่งออกเป็นโซนๆ ตามระบบนิเวศน์ ป่า น้ำจืด ชายทะเล น้ำลึก ทำนองนี้ ด่านแรกคือสัตว์น้ำบนดอย ซึ่งตั้งแต่เรียนมา ยังไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ เลย แถมเจ้าตัวนี้ยิ่งหายากขึ้นไปอีกเพราะว่าเป็นสัตว์เผือก เค้าคือ ตัวซาลาแมนเดอร์เผือก หรือ ตัวออดข้างแก้ม เคยเห็นแต่ในตำรากับวีดีโอ คราวนี้ได้เห็นของจริงแล้ว
ส่วนตัวนี้ เพ่งแล้วเพ่งอีกว่าเค้าอยู่ตรงไหน พอดีเค้าไม่ลืมตาน่ะ ถ้าลืมตา จะเห็นตาสีแดงตัดกับตัวสีเขียว จำชื่อไม่ได้แล้วล่ะ ตัวเค้ากลืนไปกับใบไมเลยนะ
ไฮไลต์ของอควาเรียมจริงๆ ไม่ได้อยู่ตรงตู้กระจกทั้งหลายด้านหน้า แต่ว่าคืออุโมงค์น้ำขนาดยาวมาก เค้าว่ายาวที่สุดในเอเซีย (ตอนนี้) เดินตามเข้าอุโมงค์มาเลย
คาดหวังว่าจะเห็นปลาตัวโตๆ มาต้อนรับ แต่เจอเจ้านี่เลย น้องตะพาบนอนอย่างสบายอารมณ์อยู่บนหัวเราเลยน่ะ
อุโมงค์น้ำส่วนแรกเป็นส่วนของปลาน้ำจืด มีแต่ปลาตัวโตๆ ที่คุ้นๆ ลิ้นทั้งนั้นเลย ไม่รู้บาปมั้ยนะ แต่เวลาเดินผ่าน จะนึกถึงแต่เมนูต่างๆ เช่น ปลาแรดสามรส เชิงปลาลากรายทอดกรอบ เอ...หรือตุ๋นตะพาบ ตอนนี้สภาพน้ำใสขึ้นมากเลยล่ะ ปลาน้ำจืดตัวโตๆ เต็มไปหมดเลย
บรรดาปลาตัวโตๆ ว่ายน้ำกันอย่างสบายใจ เค้าจัดสภาพแวดล้อมภายในให้เหมือนกับอยู่ในป่า ใต้หนองน้ำเลย น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา
การจัดไฟในอุโมงค์ทำได้สวยมากเลยล่ะ แสงไฟเวลาส่องผ่านน้ำ มันดูระยิบระยับสวยมากๆ นี่มันในอควาเรียมจริงๆ เหรอเนี่ย ให้บรรยากาศเหมือนกับตอนไปดำน้ำเลย
เราไปถึงช่วงที่เค้าให้อาหารปลาน้ำจืดพอดี คือประมาณ 10.30น. เลยได้ดูนักดำน้ำลงไปให้อาหารปลาน้ำจืด ส่วนปลาน้ำเค็มจะประมาณ 11.00น. คือยืนดูเค้าให้อาหารปลาที่อุโมงค์ปลาน้ำจืดเสร็จ เดินต่อไปเรื่อยๆ ก้อจะทันดูการให้อาหารปลาทะเลต่อในอุโมงค์ปลาทะเลพอดี
พอหมดโซนปลาน้ำจืด ออกมาจะมาเจอบริเวณบ่อปลาทะเลขนาดใหญ่ มีฉลามเสือดาวตั้งหลายตัว (ลูกฉลามน่ะ) ว่ายวนไปวนมา บางตัวขึ้นมาอ้อนคนดูถึงผิวน้ำเลยล่ะ คนดูแลบอกว่า "ลูบหัวได้นะครับ"
เอ่อ...ให้ลูบหัวฉลามเสือดาวนี่นะ ไม่ได้กลัวเค้ากัดหรอกนะ แต่ว่าไม่อยากให้เชื้อโรคที่มือไปสัมผัสเค้ามากกว่า เดี๋ยวติดเชื้อตายไป บาปเปล่าๆ
มีตู้แสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลายชนิดที่เคยเห็นตอนไปดำน้ำสิมิลันปีก่อน ได้แต่หวังว่าคงเป็นพันธุ์ที่เค้าเพาะเลี้ยงได้นะ อย่าง halequin shrimp หรือกุ้งตัวตลก
เวลาดูเดินอควาเรียมต้องทำใจเหมือนกัน พยายามไม่คิดว่า เค้าได้สัตว์พวกนี้มาจากทะเลได้อย่างไร หรือว่า สัตว์พวกนี้จะมีอายุอยู่ได้นานขนาดไหน
เดินต่อๆๆๆ เรากำลังจะเข้าสู่อุโมงค์น้ำช่วงที่สอง ปลาทะเลเค้าให้อาหารตอน 11 โมงจ้ะ แต่ละตัวแย่งกันดุเดือดมาก เรียกว่า ลูกฉลามครีบดำ ไม่กล้าว่ายเข้ามาใกล้เลยล่ะ มีแต่พวกปลาฉลามเสือดาว ว่ายมาออดอ้วนนักดำน้ำ
เอาใจหรือเปล่า ดูนี่ละกัน เลี้ยงดูกันดีสุดๆ เลยนะ ป้อนอาหารถึงปากเชียวแหล่ะ
พวกปลาที่ปากอยู่ด้านล่างนี่คงเสียเปรียบปลาที่ปากอยู่ด้านหน้ามั้ง เลยต้องป้อนกัน อย่างเจ้ากระเบนตัวใหญ่นี่ ปากเค้าอยู่ด้านล่าง ก้อเลยต้องป้อนกันถึงปากเลยล่ะ
อาหารปลามีทั้งกุ้ง ปลาตัวน้อยๆ ปลาหมึก ได้เห็นอย่างนึงว่า ปลากระเบนไม่กินหางกุ้ง แน่ะ เลือกกินด้วยแฮะ พอกุ้งเข้าปาก เคี้ยวๆๆ แล้วก้อคายหางกุ้งออกมาโชว์ด้วยล่ะ
จริงแล้วอุโมงค์ปลาทะเลไม่ได้ยาวมากหรอก แต่ว่า อยู่นานมาก เพราะว่าเค้าให้อาหารปลา ยืนดูปลาเพลินไปเลยแหล่ะ นี่เป็นสัตว์ทะเลอีกคู่หนึ่งที่เราฝันว่าจะได้เห็นของจริงเวลาไปดำน้ำ แต่ไม่เคยมีบุญ คือ หอยงวงช้าง ได้เห็นตัวเป็นๆ คราวนี้ รู้สึกทึ่งมากๆ กับการลอยตัวของเค้า ทำได้ไงเนี่ย
พอสุดทางเดิน เราจะถูกบังคับให้เดินผ่านบริเวณขายของที่ระลึก เพราะว่ามันเป็นทางผ่านไปยังทางออกเวลาเดินต้องใจแข็งไว้ เพราะว่าตุ๊กตาแต่ละตัว ออกแบบมาได้น่ารักมากๆ โดยเฉพาะเจ้าตัวที่เป็นสัญญลักษณ์ของอควาเรียม ปลาการ์ตูนในเสื้อสีน้ำเงินน่ะ ที่จริงมีของที่ระลึกเยอะมาก ทั้งพวงกุญแจ แก้วน้ำ ปากกา หมวก ฯลฯ แต่ไม่รู้จะซื้อไปฝากใคร เลยได้แต่หมวกมาใบนึงแทน
พอออกจากอควาเรียม เรากับแขกของเราคุยกันว่าจะไปกรงหมีโคอาล่าไหม ต้องเดินจากอควาเรียมขึ้นไปอีกหน่อยนึง เนื่องจากว่าแก่แล้ว หมดแรง เดินมาครึ่งวันแล้ว อยากนั่งดูโน่นนี่ให้สบายๆ มั่งเลยตกลงว่าจะไปขึ้นโมโนเรล แทน สถานีที่ใกล้ที่สุดคือตรงก่อนจะถึงกรงแพนด้า
ค่าขึ้นโมโนเรลราคา 70 บาท จอดสี่สถานี แต่เรากะว่าไม่ลงจนกว่าจะวนรอบนึงแล้วไปลงตรงสถานีที่ 1 ซึ่งใกล้กับทางออกมากที่สุด สามารถซื้อตั๋วได้ตรงด้านล่างของสถานีแล้วเดินบันไดขึ้นไป บันไดที่ขึ้นไปโมโนเรลนี่สูงใช้ได้เลยนะ เล่นเอาเหนื่อย เชียวแหละ ภายในรถโมโนเรลสะอาดสะอ้านเย็นสบายดี
แต่เป็นครั้งแรกนะ ที่เห็นรถติดแอร์แบบแอร์บ้านน่ะ อย่างนึงที่รู้สึกว่าสิ้นเปลืองมากคือ เวลาเค้าจอดสถานี จะต้องเปิดประตูทุกบาน ทำให้อากาศที่เย็นสบายในรถ ออกไปข้างนอกหมดเลย แล้วแอร์ต้องทำงานใหม่ เสียดายพลังงานจัง
รถไฟจะวิ่งผานไปยังลานกิจกรรมที่มีแสดงโชว์ของสัตว์ กรงนกขนาด 6 ไร่ (ขอไม่เดินละกัน) ส่วนจัดแสดงแมวน้ำ และส่วนแสดงนกเพนกวินซึ่งปิดปรับปรุงอยู่ และจุดที่ลึกที่สุดคือส่วนจัดแสดงกวางชนิดต่างๆ ที่อยู่ตามสันเขาชันๆ ด้านใน ไม่ค่อยเห็นคนเดินสักเท่าไรเลย ถึงเดินมา จะเห็นกวางหรือเปล่าก้อไม่รู้ เขามันชันมากๆ เลย
ตอนนั่งรถไฟนี่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะแบตกล้องหมดพอดี แต่ได้ภาพเมืองเชียงใหม่ที่มองจากมุมสูงบริเวณส่วนจัดแสดงกวางที่อยู่ด้านในสุดมาให้ดู ว่าเมืองเชียงใหม่ใต smog มันเป็นแบบนี้ ถ้าอากาศดีๆ วิวคงสวยมากเลย
รถไฟโมโนเรลวนครบรอบนึงประมาณ 15 นาทีได้มั้ง นั่งตากแอร์สบายๆ แป๊บเดียวเกือบรอบสวนสัตว์แล้ว แถมยังได้เห็นวิวมุมสูงอีก
ไปสวนสัตว์เชียงใหม่คราวนี้ จำของเดิมไม่ได้เลย เปลี่ยนไปมากเหลือเกินระบบจัดการเค้าดีขึ้นเยอะ สะอาดสะอ้าน จัดแต่งภูมิทัศน์สวยงาม ต้นไม้ร่มรื่น ดอกไม้สวยๆ เต็มเลย เทียบกับค่าตั๋วที่ต้องจ่าย ไม่แพงเลยค่ะ
ว่างๆ คงต้องหาข้ออ้างต้องไปอีก ยังไม่ได้ดูแสดงแมวน้ำ กับเพนกวินแล้วก้อโคอาล่าเลย แต่ว่าต้องรอตอนลูกแพนด้าเกิดก่อนนะ สู้ๆ นะจ้ะหลินฮุ่ย
Create Date : 20 มีนาคม 2552 |
Last Update : 20 มีนาคม 2552 11:12:21 น. |
|
22 comments
|
Counter : 10481 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:12:50:38 น. |
|
โดย: Yoawarat วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:0:05:25 น. |
|
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:0:28:18 น. |
|
โดย: veerar วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:0:38:55 น. |
|
โดย: FeeL100% วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:5:18:20 น. |
|
โดย: mafelda วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:8:57:26 น. |
|
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:8:57:57 น. |
|
โดย: yoja วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:9:49:51 น. |
|
โดย: Takaw วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:12:37:39 น. |
|
โดย: plely วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:12:40:08 น. |
|
โดย: joblovenuk วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:12:42:15 น. |
|
โดย: soponkub วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:14:42:10 น. |
|
โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:17:09:18 น. |
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:20:05:28 น. |
|
โดย: chyanan IP: 58.9.73.118 วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:20:28:19 น. |
|
โดย: attractions (loveyoupantip ) วันที่: 7 สิงหาคม 2554 เวลา:9:54:42 น. |
|
โดย: Lewishic IP: 51.210.176.129 วันที่: 17 เมษายน 2567 เวลา:2:59:15 น. |
|
| |
|
AjN_O |
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ยินดีต้อนรับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ ถ้าคุณเข้ามาที่นี้ แปลว่าคุณชอบกินและเที่ยวเหมือนกับเรา ข้อความต่างๆ ที่อยู่บน blog เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ได้ทำเพื่อโปรโมทในเชิงการค้า ส่วนภาพถ่ายก็มาจากฝีมือของเราเอง สวยมั่งไม่สวยมั่ง ชื่นชมกันได้ตามสะดวกนะคะ
|
|
|
|