Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2562
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
9 กรกฏาคม 2562
 
All Blogs
 

ความอร่อยทั้งหมด ของทริปแรกในปี 2019 ส่วนสอง (จบ)

หลังจากใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนเขียนในส่วนแรกจบ ก็มาต่อกันที่ส่วนที่ 2
ความทรงจำเรื่องอาหารของทริปนี้ต่อดีกว่าเนอะ
(หมายเหตุ : ช่วงที่เราไป เรทที่แรกเป็น USD 1 = 31.42 และ 1 บาท = 0.027 won ค่ะ)

     เริ่มต้นความอร่อยเลยดีกว่า 450

 
259 15 มิถุนายน 2562 / สถานที่ : บนเครื่องบิน (NYC-ICN) / เวลา XXX (จำไม่ได้ 555)

      คุณแอร์เริ่มแจกอาหารมื้อแรกแล้วค่ะ มื้อนี้เราไม่หลับด้วย เลยได้เลือกเมนูของตัวเองบ้าง สายการบินเกาหลี เราก็ต้องเลือกเมนูเกาหลีที่เราชอบเนอะ

  • เราเลือกเป็นบิบิมบับเนื้อ (Bibimbap) หรือข้าวยำเกาหลีมาค่ะ แต่เรากินเนื้อไม่ได้ใช่ม๊า แล้วทำไมสั่งเมนูนี้มา เพราะ 1 เราชอบเมนูนี้ 2 อีกตัวเลือกเป็นเนื้อผัดเผ็ดค่ะ เราคิดว่าอย่างน้อยเมนูนี้ตักเนื้อออกเราก็มีผักให้กินเยอะกว่า เลยสั่งเค้ามา
  • สายการบินไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ ข้าวร้อนๆ ผักเยอะๆ คลุกโคชูจัง (ที่น่าจะผสมมาเป็นน้ำยำแล้ว) โรยปลาข้าวสารแห้ง ฟินมากกกก ถ้าไม่เกรงใจก็อยากจะสั่งอีกชามค่ะ 555

  • แน่นอนว่าเค้ามีวิธีกินให้อร่อย แนะนำมาด้วยเหมือนเดิมค่ะ น่ารักเนอะ 51


259 15 / 16 มิถุนายน 2562 / สถานที่ : บนเครื่องบิน (NYC-ICN) / เวลา XXX (จำไม่ได้ 555)

      ได้เวลาอาหารว่าง คุณแอร์มาเดินเสริฟอีกครั้ง ได้เป็นแซนวิชมา ซึ่งไม่ประทับใจเลย เพราะขนมปังทั้งแข็ง ทั้งร่วน ยิ่งเสริฟมาเย็นๆ ยิ่งไม่อร่อย ชีสแข็งๆ แฮมจืดๆ กัดไปได้คำเดียวก็ห่อกลับ แล้วเก็บใส่กระเป๋าหน้าไว้ เผื่อหิวมากๆ เอามากินใหม่อาจจะอร่อย 555
      มื้อสุดท้ายบนเครื่องก่อนแลนด์เราไม่ได้รับค่ะ เพราะปฏิเสธไป แล้วดูหนังต่อ แต่คุณแอร์เค้าตกใจ แล้วดูร้อนรนมาก สังเกตมาหลายรอบแล้วค่ะ แอร์สายนี้ เวลาผู้โดยสารไม่รับอาหาร เค้าจะดูกระวนกระวาย แล้วพยายามมาถามตลอดว่าจะเอานู่นนี่นั่นแทนมั้ย ทำให้เรารู้สึกดีนะ แบบเค้าดูแลเราดีจัง เป็นห่วงเราจังเลย สุดท้ายเลยขอชาร้อนไปแก้วนึง ก็ตามมาอีกว่าชาใส่นมมั้ยคะ หรือเอาถั่ว เอาอะไรมั้ย ต้องปฏิเสธไปจริงจัง พร้อมยิ้มกว้างๆส่งไป และบอกว่า "เควนชันนาาาาาาา" (ไม่เป็นไร ภาษาเกาหลีค่ะ) คุณเค้าถึงได้ยิ้ม และเดินไปเอาชามาให้ 555



259 16 มิถุนายน 2562 / สถานที่ : Kyosu Kopchang at Hong Dae / เวลา 19:50

      ในที่สุดก็ถึงเกาหลี หลังจากเอาของไปเก็บแล้ว ก็เดินออกมาหาของกินกันค่ะ เราจองที่พักแถวฮงแด เดินมานิดนึงก็เข้าตลาดละ มีของให้กินเยอะมาก แต่เราได้ตั้งเป้าหมายจากที่ไทยแล้วว่า จะต้องมากินไส้ย่างให้ได้ ก็หารีวีวเรื่อยๆก็เจอร้านนี้ แล้วมุ่งตรงมาร้านนี้กันทันทีค่ะ
      คุณป้าพนักงานพูดอิ๊งไม่ค่อยได้ เลยใช้สกิลลูกผสม ใช้อิ๊ง ปนเกา ผสมภาษามือ ก็สั่งชุดไส้หมูไปสำหรับ 3 ที่ ขอข้าว 3 ถ้วย และโซจูได้ค่ะ 555
  • ตามสเต็ปเลย เค้าเอาเครื่องเคียงมาเสริฟก่อน ก็มีกิมจิผักกาด ผ้าขี้ริ้วลวก ซุปสาหร่าย และผักสดค่ะ
  • ที่ร้านจะทำมาเราประมาณนึง แล้วมาเสริฟแบบนี้เลยค่ะ กระทะหินร้อนๆ โปะชีสลงไป รอชีสละลายนิดนึงพอเยิ้มๆ ก็ลงมือกินได้เลยค่ะ
  • ไส้ไม่เหม็นคาวเลย สุกกำลังดี เคี้ยวหนึบๆ ไม่เหนียว บางชิ้นที่นาบกระทะนานๆ ก็จะกรอบๆ อร่อยไปอีกแบบค่ะ รสเผ็ดๆ เค็มๆ กำลังดี กรึ๊บโซจูตาม ก็จะได้ความหวานนิดๆ แบบ... น้ำลายจะไหล 555 อ่อ มื้อนี้ราคาไม่แรงค่ะ 37,000 won ค่าไส้คนละ 10,000 วอน ค่าข้าวถ้วยละ 1,000 วอน ค่าโซจูอีก 4,000 วอน เบาๆ


259 16 มิถุนายน 2562 / สถานที่ : Churo 101 at Hong Dae / เวลาน่าจะสัก 3 ทุ่มได้ค่ะ

      ปิดท้ายวันด้วยของหวาน เกาหลีเค้าฮิตชูโรสกันมาสักพักละ เราเองก็อกหักจากชูโรสที่นิวยอร์คมา ต้องมาหารักใหม่ที่นี่แหล่ะค่ะ ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้เยอะ แต่...

  • กัดเข้าไปคำแรก... อร่อยอ่ะ คือ มันดีย์ เราสั่งเป็น Oreo Churro Ice-Cream (4,500 won) ยังไงดีอ่ะ ประทับใจในความกรอบนอกนุ่มใน ที่สมกับเป็นชูโรสจริงๆ แล้วเค้าคลุกโอริโอ้บดมาแบบเคลือบทั่ว ได้รสโอริโอ้เต็มๆ แล้วชูโรสอุ่นๆ มาเจอไอศกรีมซอร์ฟเสริฟ รสวนิลลาเย็นๆ มันดีจริงๆอ่ะ ดีจริงๆนะ!


259 17 มิถุนายน 2562 / สถานที่ : Kimbab Mok Neun at Hong Dae / เวลา 09:15 น.

      มื้อเช้าเราหาร้านที่เปิดแถวๆที่พัก ที่คิดว่าน่ากินนะ แล้วก็เข้าไปกันเลยค่ะ จริงๆหลังจากจบชูโรสเมื่อคืน เราก็คุยกันว่า "มื้อต่อจากไหน เจอร้านไหน อยากกิน ก็เข้าไปกินเลยดีกว่า ไม่ตามรีวิวไปละ" ก็มาเจอร้านนี้ค่ะ
      ตอนแรกยังไม่เห็นลูกค้า เราก็ไม่แน่ใจว่าเค้าเปิดร้านรึยัง เลยขุดสกิลๆ งูๆ ปลาๆ ตัวเองมาใช้อีกรอบ "ชอกีโยยยยยยยยยยย" คุณลุงเจ้าของร้านก็สวยมาทันที "เนนนนนนนนนนนนน" เอาละไม่รู้ว่าจะถามว่าร้านเปิดรึยังยังไง เลยใช้ท่าการตักข้าวเข้าปาก แล้วชี้เข้าไปในร้านเอา คุณลุงเข้าใจอ่ะ! ซึ้ง คุณลุงกวักมือเรียกให้เข้าไปนั่ง แล้วเอาเมนูมาให้ จากนั้นก็หายไปหลังร้านเลย
      ทุกคนให้เราตัดสินใจเลือกเมนู เราเลยเลือกเมนู ที่เคยเห็นเด็กๆในรายการ The Return of Superman กินมา เพราะคิดว่าน่าจะอร่อยแหล่ะ แถมไม่เผ็ด ตรงตามที่ทุกคนรีเควสเลย ว่ามื้อเช้าขอเบาๆ ไม่เผ็ด รสไม่จัด จริงๆตอนนั้นคิดไม่ได้เลยว่า ร้านคุณลุงเค้าเน้นคิมบับ ทำไมไม่สั่งคิมบับนะเรา...
  • หลังจากเรียกคุณลุง มาสั่งอาหาร คุณลุงหายไปสักพัก ก็กลับมาพร้อม 2 เมนูที่สั่งไป
  • เมนูแรกฝั่งซ้ายมือ คงกุกซู เป็นก๋วยเตี๋ยวที่เส้นเหมือนเส้นหมี่ขาวบ้านเรา (เราว่าเส้นนุ่มกว่า และใหญ่กว่านิดนึง) ในซุปถั่วเหลือง เสริฟแบบเย็นมา รสชาติน้ำซุป คือ น้ำเต้าหู้ไม่หวานบ้านเราเลยค่ะ แล้วข้นนึดนึง ติดจืด ถ้าอยากเพิ่มรสชาติ ก็เติมเกลือที่คุณลุงให้มาลงไป ก็ได้รสชาติที่เราว่ากำลังดีเลยนะมา
  • เมนูที่สอง ต๊อกมันดูกุก เป็นซุปต๊อกใส่เกี๊ยวหมู คุณลุงสไลด์แป้งต๊อกมาเป็นชิ้ยพอดีๆ ไม่หนา ไม่บางเกินไป ต้มสุกกำลังนุ่มๆ หนึบๆ น้ำซุปหอม เข้มข้น ซดชืนใจ มีไข่เป็นสายๆเพิ่มรสหวานๆ นวลๆ ให้ซุป ตัวเกี๊ยวไส้อร่อย แป้งไม่หนา ต้มมาแล้วแป้งยังไม่เละ อ่อ ชามนี้เสริฟร้อนมาค่ะ
  • ราคาทั้งหมดอยู่ที่ 12,000 won อย่างละ 6,000 ค่ะ


259 17 มิถุนายน 2562 / สถานที่ : Gwangjang Market at Jung No / เวลา ช่วงสายๆ

      จู่ๆมาโผล่ที่ตลาดกวังจังได้ไงก็ไม่รู้ค่ะ แล้วเพิ่งรู้ตอนกลับมา เพราะไปเล่าให้เพื่อนฟัง + ดูสารคดี Street Food ใน Netflix ว่าที่ไปกินมาอ่ะ เค้าเรียกตลาดกวังจัง!!!
      คือ จุดประสงค์ตอนแรก จะไปเดินตลาดของเล่นที่ทงแดมุนค่ะ แต่หาไม่เจอ เดินวกไปวนมา ก็ไปโผล่อีกสถานีนึง คือ จองโน แล้วเจอตลาดเลยไปเดินดูสักหน่อยว่าเค้าขายอะไรกัน พอเห็นของกินก็แวะเลยค่ะ 555
  • ในตลาดก็จะเต็มไปด้วยร้านประมาณนี้ค่ะ ขาย ต๊อกบกกี้ / ซุนแด (ไส้กรอกเลือด+เครื่องใน) / ออมุก / ของทอด / พาจอน / จ๊กบัล (ขาหมู) / ทัคบัล (ตีนไก่ผัดซอส) / คิมบับ / มันดู / บิบิมบับ / ก๋วยเตี๋ยวต่างๆ คือ ของเยอะมาก ใครอยากซื้อพวกเครื่องเคียงของเกาหลี ที่นี่ก็มีขายค่ะ ร้าน(น่าจะ)ดังด้วย เพราะลง Netflix 555
  • เดินๆไป อาจุมม่า ออมม่า ทั้งหลาย ก็จะตะโกนเรียก พร้อมกวักไม้กวักมือ เชื้อเชิญเราให้เข้าร้านเค้า เราก็เลือกไปนั่งร้านนึงที่ดูไม่มีคน... ทำไมเลือกร้านที่ไม่มีคน ก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันค่ะ 79

  • ร้านที่เราเลือก ก็จะมีทั้ง (เรียงจากรูปบน ซ้ายไปขวานะคะ) คิมบับ / ทัคบัล / ออมุก / มันดู / ซันนักจี / จ๊กบัล
  • และก็มีเครื่องดื่มทั้งน้ำอัดลม เบียร์ และโซจูค่ะ

  • ด้วยความที่อยากลองหลายๆร้าน เลยสั่งมาแค่ 2 อย่างค่ะ มีซันนักจี (หมึกดิบ) กับ ออมุก (ปลาแผ่น หรือ Fish Cake)
  • ซันนักจี คุณป้าเค้าขายตัวละ 15,000 won คุณป้าจะหยิบหมึกขึ้นมาโชว์ตัว ให้เราถ่ายรูปให้หนำใจ แล้วก็เอาไปสับๆๆๆๆๆ ใส่จาน ราดโคชูจัง โปะสาหร่าย โรยงา เสริฟ!!!
  • รสเค้าก็เหมือนซาชิมิหมึกเลยนะคะ แค่จะมีความดึ๊บๆ หยุบหยับๆ ระหว่างที่เคี้ยว อร่อยดีค่ะ สายหมึกน่าจะชอบ เพราะเราก็ชอบ 555
  • ออมุก ก็เหมือนเต้าหู้ปลาบ้านเรา แต่ของเค้าจะทำเป็นแผ่นบางๆ ยาวๆ ขดๆแล้วเสียบไม้ต้ม คุณป้าขาย 3,000 won / ชาม เท่าที่ดูตอนคุณป้าเค้ารูดออกจากไม้ แล้วตัดให้พอดีคำมาให้ มี 2 ไม้นะคะ

  • เดินถัดมาอีกหน่อยก็จะเป็นโซนร้านบิบิมบับ แต่ละร้านก็จะวางผักเรียงราย สีสันสวยงาม ดึงดูดให้เราเข้าไปนั่ง
  • เราเลือกร้านนี้เพราะมีป้ายโชว์ว่ามีดารา รายการต่างๆมาถ่าย ของคุณป้าน่าจะมีดีอะไรล่ะนะ ก็นั่งเลย แล้วคุณป้าก็จัดแจงเปิดพัดลมอัดเราทันที


  • เราเลือกสั่งเป็น บิบิมบับกับทัคบัลไป อย่างละ 1 ชุด แอบมีขอเพิ่มถั่วงอก คุณป้าก็ใส่มาให้อีก 1 กำโบ้มๆ
  • ทัคบัล ตีนไก่ผัดซอส ร้านคุณป้าเลาะกระดูก เหลือแต่ส่วนเนื้อ หนัง มาให้เรากินได้อย่างสบายใจ รสไม่เผ็ดมาก กินได้เพลินๆ แต่ถ้ามีกระดูกให้เราดูดน่าจะฟินกว่านี้ 555 จานนี้ราคา 10,000 won
  • บิบิมบับ ขอสารภาพว่าไม่รู้เลยว่าคุณป้าแกใส่อะไรมาให้บ้าง แกตักข้าวร้อนๆใส่ชาม แล้วก็ขย้ำผักโปะลงมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็อร่อยนะคะ อร่อยมากด้วย ไม่รู้ทำไม ผักที่เกาหลีถึงได้หวานๆ กรอบๆ อร่อยแปลกๆ เมนูนี้ราคา 5,000 won ค่ะ
  • คุณป้าแกตักน้ำซุปมาให้ซดระหว่างกินข้าวยำไปด้วย ทำให้เพิ่งรู้ว่าร้านนี้ขายก๋วยเตี๋ยวด้วยเหมือนกัน 555 น้ำซุปสำหรับกินกับข้าวของคุณป้า เค็มมิโซะนำมาเลย แล้วก็มีผักอะไรสักอย่างใส่มาด้วย นอกจากสาหร่าย แต่ร้านนี้ทำเรากระหายน้ำหนักมาก คิดว่าน่าจะมาจากอาหารทั้ง 3 จาน ที่มีเครื่องปรุงรสจัดๆ เข้มๆ


259 17 มิถุนายน 2562 / สถานที่ : Majang Meat Market at Majang / เวลา 14:25 น.

      หลังจากกินจุบจิบที่ตลาดกวังจังแล้ว เราก็ตามหาตลาดของเล่นเจอ เลยเดินย่อยอาหารกันอยู่สักพัก ก็ออกเดินทางมาที่สถานีมาจัง เพื่อหาข้าวกลางวันทานค่ะ
      ตลาดนี้ เรารู้จักจากการดูรายการ The Return of Superman เช่นเคยค่ะ คุณพ่อแซม พาน้องวิลเลียม น้องเบนท์ลีย์ มาช้อปปิ้งเนื้อ และย่างทานกันในตลาดเลย เราเห็นแล้วแบบว๊าวอ่ะ ยิ่งไปค้นข้อมูลเพิ่มยิ่งรู้ว่านอกจากเนื้อสดแล้ว เค้ามีพวกเนื้อ Dry Aged ด้วย ไม่พอเค้ามี Water Aged มันน่าสนใจเลยเสนอคนอื่นๆไป แล้วก็พาทุกคนมาค่ะ แม้ตัวเองจะไม่กินเนื้อก็ตาม 555
  • ระหว่างทางจะมีสติ๊กเกอร์แปะอยู่เรื่อยๆว่าอีกกี่ร้อยเมตร จะถึงตลาด ก็สามารถเดินตามป้ายไปได้เลยค่ะ
  • พอเราเดินมาถึงทางเข้าหน้าตลาด ก็จะมีป้ายชื่อตลาด พร้อมน้องวัวตัวโตๆ และกลิ่นคาวของเลือด และเนื้อพุ่งมาปะทะ แต่เดินไปเดินมาก็ไม่ได้ไม่เหม็นขนาดนั้นนะคะ หรือจมูกเราชินไปแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ
  • เค้าจะมีแยกเป็นโซนเนื้อวัว (โกกิ) เนื้อหมู (เทวนจี) ให้นะคะ บางร้านก็จะเนื้อทั้ง 2 อย่าง


  • เรามาหยุดกันที่ร้านนี้ค่ะ เค้าก็จะมีป้ายบอกเลยว่าร้านเค้าขายเนื้อส่วนไหนบ้าง ส่วนราคา เค้าก็จะเขียนใส่กระดาษให้เราดูก่อนว่าขายตามน้ำหนักเท่านี้ๆนะ ถ้าเราโอเคก็สั่งเลยค่ะ
  • หลังจากเราสั่งแล้ว ทางร้านจะหั่นเนื้อชั่งให้เราดูต่อหน้าเลย แล้วเราก็ขอให้เค้าสไลด์เป็นชิ้นๆพอดีคำให้ด้วยเลยค่ะ
  • แล้วเค้าก็จะให้เลือกว่าเรา อยากได้เตาแบบไหน ใช้ถ่าน หรือใช้แก๊ส เราก็เลือกถ่าน จะได้มีกลิ่นหอมๆติดหมูมา
  • ได้เนื้อมาแล้ว เค้าก็จะพาเรามาร้านย่าง ที่คิดว่าน่าจะเป็นพันธมิตรกันค่ะ ที่ร้านเนื้อเค้าใจดีแถมเนื้อวัวมาให้ด้วย 1 กล่อง (1 กล่องโฟมเล็กๆ ด้านบนนั่นแหล่ะค่ะ)
  • เนื้อที่เลือกมา ก็มี หมูสามชั้น สันคอหมู เนื้อวัวส่วน Tenderloin แล้วที่แถมมาเป็นเนื้อส่วน Brisket
  • ก็จะมีค่าใช้เตาของร้านอยู่ที่คนละ 6,000 won สั่งโซจู เกรฟฟุตมาอีกขวดก็ 4,000 won โค้กกับสไปรท์ อย่างละ 2,000 won เนื้อวัว+เนื้อหมู 9,000 won รวม 23,000 won ค่ะ

  • คุณป้าแกเข้าใจว่านายผญ.เราที่มาด้วยเป็นคนจีนค่ะ มาถึงก็ใส่ภาษาจีนเต็มที่ โชคดีที่นายเราได้ภาษาจีน เลยคุยกันรู้เรื่อง แต่คุณป้าไม่ได้บอกว่าทำไมเปลี่ยนจากตะแกรงย่าง เป็นถาดแบบนี้ให้ (อาจจะกลัวเนื้อตกรึป่าวนะ)
  • เครื่องเคียง จะเป็นต้นหอมราดโคชูจังกับหัวหอมซีอิ๊ว และผักสดค่ะ น้ำจิ้มก็เป็นเกลือกับอะไรไม่รู้เหมือนกันที่เป็นสีส้มๆ แต่กระเทียมหนักมาก
  • สรุป เนื้ออร่อย นุ่มมาก (นายบอกมา) หมูก็อร่อยค่ะ แค่แตะเกลือนิดนึง หรือห่อผักเพิ่ม ก็อร่อย แบบไม่ต้องปรุง หรือจิ้มอะไรเพิ่มเลย เนื้อเค้าสดจริงๆ


259 17 มิถุนายน 2562 / สถานที่ : Cafe Layered at Anguk / เวลา 16:00 น.

      ท้องอิ่ม ก็เดินทางกันต่อค่ะ บ่ายๆคนวัยทำงานก็จะอยากได้กาแฟเนอะ จริงๆที่มาสถานีอันกุก คือ จะมาร้าน Onion ที่เพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่อันกุกค่ะ แต่คนแน่นมาก ด้วยร้านแต่งแบบ ฮันอก (บ้านเกาหลีโบราณ) เราเลยถอยทัพ แล้วกลับไปหาร้านที่เราเดินผ่านมา และคิดว่าน่าสนใจ

  • ร้านนี้ เป็นร้านเล็กๆ ป้ายไม่โดดเด่นสะดุดตา แต่เราจะสะดุดตากับสีเหลืองอ่อนๆ และกระจกที่มองทะลุเข้าไปเห็นคนนั่งเต็มร้าน คิวไม่ยาวค่ะ แต่พื้นที่ในร้านแคบมาก เป็นโต๊ะเล็กๆ เก้าอี้เล็กๆ นั่งหลังเกือบชนกัน
  • ทางร้านเค้าเขียนว่าเน้นขนมอบของอังกฤษ พวกสโคน พัฟ เค้กต่างๆ และเป็นสูตรโฮมเมด
  • ขนมวางเรียงราย ชวนให้น้ำลายไหล เราสามารถคีบใส่จาน แล้วเดินไปจ่ายเงิน พร้อมสั่งเครื่องดื่มที่เคาต์เตอร์ได้เลยค่ะ
  • แต่อนนี่ ไม่ถนัดภาษาอังกฤษแบบอังกฤษนะคะ ถ้าเราจะพูดชื่อเมนู ไม่ใช้วิธีจิ้ม ต้องออกเสียงแบบเกาหลี! ซึ่งก็สนุกไปอีกแบบค่ะ เช่น เราสั่งชาส้ม ด้วยความที่เพิ่งกลับจากเมกาเนาะ สำเนียงยังเป๊ะอยู่ ก็มั่นใจมาที่จะสั่งไปว่า "Orange Iced Tea" แต่เมื่ออนนี่ไม่เข้าใจ เราก็ต้องออกเสียงเกาสไตล์ว่า "ออ-เรน-จึ-ไอ-ซึ-ฉะ จูเซโย" ก็ได้รอยยิ้มหวานๆจากอนนี่กลับมา 1 กระบุง 555

  • เราขอโชว์แค่ที่เราสั่งมาของเรานะคะ ซึ่งเราใจอ่อนกับของหวานเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพวกเค้กต่างๆ
  • เค้กชิ้นที่มีแครอทแปะอยู่ ก็คือ Carrot Cake (7,000 won) ค่ะ 555 เนื้อเค้กดูร่วนๆ แต่ร่วนกำลังดี และชุ่มฉ่ำอย่างบอกไม่ถูก หอมกลิ่นซินนามอนเบาๆ หวานกำลังดี ตัวครีมน่าจะเป็นครีมชีส เพราะมีรสเปรี้ยวบางๆ
  • เราชอบชิ้นนี้เป็นพิเศษค่ะ Banana Mud Pie (7,000 won) เป็นพายช็อคโกแล็ตที่อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกก แป้งพายแบบแป้งพายที่เป็นชั้นๆ บางๆ กรอบๆ เป็นฐาน แล้วมีมูสช็อคโกแล็ตที่เข้มข้นช็อคโกแล็ต ขมๆ หวานๆ เนื้อแน่นๆ ละลายในปาก แทรกกล้วหอมหั่นแว่น โรยด้วยผงช็อคโกแล็ต กับครีมที่เบาๆ หวานเบาๆ ไม่ทำให้ขนมชิ้นนี้เลี่ยนเลยค่ะ
  • เมนูเจ้าปัญหา 555 Fresh Orange Iced Tea (6,500 won) เป็นชาส้ม ที่ใช้น้ำส้มคั้นสด มาเป็นเนื้อเลยค่ะ จะอยู่ชั้นล่างสุด แล้วเทชาไว้ด้านบน โฟลตด้วยส้มเกล็ดหิมะ ลองชิมแบบไม่คนก่อน ก็ได้รสชาติที่เปรี้ยว ฝาด ระเบิดอยู่ในปาก พอคนแล้วรสชาติก็กลมกลืนกันมากค่ะ สดชื่นมากกๆ หอมชาด้วย แถมไม่หวาน แบบเน้นน้ำเชื่อมเลย


259 17 มิถุนายน 2562 / สถานที่ : Solgaheon at Gyeongbokgung / เวลา 18:20 น.

      อิ่มของหวานแล้ว เราก็พาทุกคนไปผ่อนคลายความเหนื่อยล้าทั้งจากการทำงาน และการเดินทางที่เหน็ดเหนื่อย ร้านนี้เราเจอในบล็อคที่แนะนำที่เที่ยวเกาหลี (จำไม่ได้จริงๆค่ะ ว่าของที่ไหน ต้องขอโทษด้วยนะคะ) และเราชอบอะไรที่โบราณๆ แบบนี้อยู่แล้ว ก็แอบใส่ไปในตาราง แล้วมัดมือชกพาทุกคนไป
      ที่ร้านจะอยู่ในซอยเล็กๆ ในบรรยากาศเงียบสงบ เป็นบ้านเกาหลีโบราณ ที่นอกจากจะเป็นร้านชาสมุนไพรแล้ว ยังมีอาหารเพื่อสุขภาพขาย และมีสปาเท้าด้วย ที่สำคัญเค้าเป็นคลีนิคหมอแผนโบราณด้วยค่ะ เราคิดว่าเข้ามาจะเจอคุณลุง หรือคุณป้า ผิดเลยค่ะ เจอคนรุ่นราวเดียวกับเรา (20+) เป็นคนบริการทั้งหมด ตั้งแต่แนะนำ ทำสปา ชงชา เก็บเงิน แบบเก่งมากกกก





  • บรรยากาศภายนอก และภายในร้านค่ะ จะเน้นเป็นไม้สีอ่อนๆ เดินเข้ามาจะมีกลิ่นไม้ กลิ่นสมุนไพรโชยมาเบาๆ
  • โซนสปา หรือแช่เท้าในน้ำสมุนไพร จะอยู่ที่ชานเรือนด้านนอกค่ะ มีแค่ 4 ที่เท่านั้น ตอนที่ไปนี่ลูกค้าก่อนหน้าเพิ่งกลับมา กลุ่มเราเลยครองร้านกันอย่างสบายใจ
  • ก่อนจะแช่เท้า เค้าจะถามว่าเราอยากแช่แบบสูตรร้อน หรือสูตรเย็น ซึ่งจะต่างกันตรงที่สูตรร้อนช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้า สูตรเย็นช่วยฟื้นฟูความเจ็บป่วย เค้าจะให้เราแช่ 20 นาที ก็จะเสร็จสิ้นพิธีการสปาค่ะ
  • ไม่รู้ว่าเพราะน้ำร้อนๆ และสมุนไพรด้วยรึป่าว ทำให้เรารู้สึกตัวเบา ระหว่างที่แช่ก็เหงือซึมออกมา เหมือนร่างกายขับสารออกมาผ่านเหงือ ทั้งๆที่ลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา แต่รู้สึกดีจริงๆค่ะ ในราคาไม่แพงด้วยคนละ 10,000 won เองค่ะ
  • เราสั่งชาสมุนไพรมาทาน ระหว่างแช่เท้าด้วยค่ะ ทางร้านก็จะมีแบบทั้งเซ็ตพร้อมขนมแบบนี้ และแบบชาอย่างเดียว สรรพคุณของชาแต่ละตัวจะมีบอกไว้ในเมนู หรือถามทางร้านเพิ่มได้ค่ะ
  • ของเราสั่งเป็นชาที่ชื่อว่า Saenggi Tea สรรพคุณของตัวนี้ คือ บรรเทาความเหนื่อยล้า และช่วยเพิ่มพลังกลับคืนมา 
  • ขนมในเซ็ตที่เค้าให้มา จะมี (เรียงจากบน) เมล็ดฟักทองอบ พุทราอบแห้ง ยักกวา แล้วนายก็สอนว่า ถ้าอยากเพิ่มความหวานให้ชา ที่จีนเค้าจะเอาพุทราใส่ลงไป ชาก็จะหวานขึ้น เซ็ทนี้ราคา 10,000 won ถ้าอยากได้แบบเย็นต้องจ่ายเพิ่มอีก 1,000 won ค่ะ


259 18 มิถุนายน 2562 / สถานที่ : จำไม่ได้ at Samseong dong / เวลา 13:00 น.

      วันนี้มาตอบสนองความติ่งของตัวเอง ด้วยการพาทุกคนมา Coex Mall ค่ะ หลังจากช้อปกระจายแล้ว เราก็หาร้านที่อยู่ละแวกนั้น ก็เจอร้านอาหารเกาหลีร้านนึงอยู่ในละแวกออฟฟิศสำนักงานในย่านนั้น พอได้เป้าหมายเราก็เดินมาทาง Trade Tower แล้วก็ข้ามถนนเลยค่ะ ร้านจะอยู่ในซอยติดกับมินิมาร์ทเลยค่ะ
  • เมนูแรกที่สั่งไป คือ บุลจูกุมมีจองชิก หรือหมึกผัดเผ็ดค่ะ สั่งมาสำหรับ 2 ที่ ก็ได้ประมาณนี้
  • หมึกสดๆ หนวดใหญ่ๆ กรึบๆ หนึบๆ ผัดมารสเข้มข้น เผ็ดพอดีๆ นอกจากหมึก ก็ใส่ผักพวกกะหล่ำ หอม แครอท ผัดมาด้วยค่ะ กินคลุกข้าวก็อร่อย

  • ตอนแรกเราไม่รู้ว่าถ้าสั่งหมึกไปจะมีข้าวมาให้อยู่แล้ว เลยสั่งข้าวไปเพิ่ม แต่คุณป้าก็ดีมากค่ะ บอกว่ามีข้าวอยู่แล้วนะ ไม่ต้องสั่งๆ
  • ข้าวที่มาเสริฟก็เป็นเหมือนข้าวยำ มีผักกับกิมจิมะละกอ (หรือไชเท้านี่แหล่ะค่ะ ไม่แน่ใจ) ใส่มาในชาม แล้วเอาข้าวโปะลงไป คลุกๆ กินเปล่าๆก็อร่อย กินกับหมึกผัดเผ็ดก็เข้ากันได้ดี ทำให้เราไม่เบื่อที่จะกินคำต่อไปเลย
  • จานสุดท้ายที่มาเสริฟ เป็นมันดูค่ะ ตัวไส้อร่อยอยู่ค่ะ แต่แป้งหนาไปนิดนึง แล้วมาลูกใหญ่มาก แบบกินลูกเดียวบางคนก็จอดเลย แต่เสียดายอ่ะ เราก็ต้องกินให้หมด เดี๋ยวคุณป้าเสียใจ 555
       มื้อนี้ก็เป็นมื้อสุดท้ายที่เกาหลีแล้วค่ะ หลังจากนี้เราก็ไปขึ้นเครื่อง แล้วเราดันไม่รับอาหารบนเครื่อง แล้วก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์ค่ะ มีผู้โดยสารที่นั่งอยู่หน้าเราถัดไป 4 ที่นั่ง ป่วยหนักจนต้องประกาศหาคุณหมอ แล้วสุดท้ายกัปตันตัดสินใจนำเครื่องลงที่ฮ่องกง เพื่อส่งผู้โดยสารท่านนั้นไปรักษา เล่นเอาใจหายใจคว่ำเลยค่ะ แต่นับถือคุณแอร์ทุกคนเลย เราว่าเค้ากังวลกันมากเลยนะคะ แต่ก็ยังทำหน้าที่ต่อไป และให้ความช่วยเหลือ ผู้โดยสารทุกคนเต็มที่ ควบคุมสถานการณ์ได้ดีมากด้วยค่ะ


259 รวมมิตรของจุบจิบที่ซื้อมากินเล่นระหว่างมื้อ
  • Poland Spring Sparkling Water Lime : สปาร์คกิ้ง กลิ่นมะนาว ใครติดน้ำอัดลม แล้วอยากลด ละ เลิก พวกสปาร์คกิ้งกลิ่นต่างๆ เราว่าก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยค่ะ
  • Snow Cone (USD 3) : เรียกว่าน้ำแข็งไสก็ได้เนอะ จะมีขายตามรถไอติมในเซ็นทรัลพาร์คเลยค่ะ อันนี้แข็งจนไม่สามารถใช้ฟันเฉาะหรือขูดได้ ต้องดูดๆเอา 71
    เป็นรสแอปเปิ้ล เลมอน สตรอเบอร์รีค่ะ แต่กลิ่นแบบเชอร์รีในสเวนเซนเด่นมาก แถมหวานแสบคอ สุดท้ายต้องตัดใจทิ้งค่ะ กินต่อไม่ไหวจริงๆ
  • อีกความฝันนึง คือ การลองน้ำผลไม้ ตามรถฟู้ดทรัคในเมกาค่ะ เวลาเราดูหนัง ดูซีรี่ส์ ก็จะมีพวกตัวละครที่ทำพวกนี้เนอะ อันนี้ก็จัดไปแก้วนึงค่ะ เป็นเลมอน แอปเปิ้ลปั่น (USD 9) สรุปมันเจือจางมาก เหมือนเค้าใส่น้ำเปล่าลงไปผสมด้วย แถมราคาสูงนะเราว่า เฮ้อ...
  • บราวนี่จากร้าน Fat Witch ค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ Chelsea Market แต่ที่ร้านบอกว่ายินดีส่งทั่วอเมริกาน๊าาาา ราคาชิ้นละ USD 2.99 เราซื้อมา 2 รส คือ Dark กับ Caramel
  • ตัวดาร์คเราให้นายฝรั่งไป แค่วางลงบนมือ นายก็พูดเลยว่า "นี่เป็นบราวนี่ที่ดี" เพราะเค้าหนักค่ะ บ่งบอกถึงความแน่นของเนื้อบราวนี่นั่นเอง
  • บราวนี่ คาราเมล ทางร้านไม่ได้ทำคาราเมลเป็นชั้นๆโปะมา หรือผสมคาราเมลลงไปนะคะ ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่ามันคาราเมลยังไง จนคำที่สอง ถึงได้เอ๊ะ มันมีความกรุบกรอบจากไหนนะ พอพลิกมาด้านล่างถึงได้เห็นว่า เค้าเคลือบคาราเมลมาบางมาก และทำเป็นกรอบๆ ซึ่งอร่อยมากค่ะ
  • ถ้ามีโค้ก เป๊ปซี่ ดร.เป๊ปเปอร์ วางอยู่ตรงหน้าแล้วให้เลือก เราเลือก Dr.Pepper (USD 2) ค่ะ ทั้งที่เป็นน้ำโคล่าเหมือนกัน แต่โดยส่วนตัวเราว่ายี่ห้อนี้จะมีกลิ่นแบบเชอร์รีเบาๆ แล้วได้รสผสมระหว่างโคล่ากับรูทเบียร์ดีค่ะ 555
  • สตรอเบอร์รีที่ Star ค่ะ แพ็คนี้ USD 3 ลูกโตๆ ฉ่ำๆ หวานอมเปรี้ยว มันดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อยากขนกลับมาเลยค่ะ
จริงๆมีอีกแต่ไม่ได้ถ่ายมา เอาแค่นี้พอนะเรา 67 


150 ขอปิดท้ายด้วยขนมที่เราซื้อกลับมาจาก Star นะคะ คือ มีแต่คนบ่นว่าซื้อกลับมาทำไม แต่ เฮ้ ที่ไทยไม่มีรสแบบนี้น๊าาาาาาาาา (เราชอบไปซื้อขนมที่ไม่มีในไทย หรือมีก็ไม่มีรสนี้ขายค่ะ)
  • เป็นโอรีโอ้ที่แยกตัวคุ้กกี้กับครีมมาให้ จะกินคุ้กกี้ป่าวๆก็ตามสบาย เอาไปทำขนมก็ดี ไม่ต้องห่วงเรื่องเปื้อนครีมอีกต่อไป หรือใครชอบกินครีม ก็ตักกินได้เลยแบบจุใจ
  • ใน 1 กล่อง มีมาให้ 12 แพ็คย่อยค่ะ ราคา USD 5.49 อยากให้เอาตัวนี้มาขายมากเลย มันดีจริงๆค่ะ
  • นอกจากโอรีโอ้แล้ว ริทซ์ เค้าก็ทำแยกออกมาเหมือนกันค่ะ ตัวนี้ก็ฟินไม่ต่างกัน ราคาเท่าโอรีโอ้ค่ะ
  • คุ้กกี้ชิพอะฮอยยยย มีใครชอบยี่ห้อนี้เหมือนเรามาก อันนี้เป็นรสช็อโกแล็ต Reeses ค่ะ ราคา USD 2.50 จริงๆเราซื้อรส S'Mores กลับมาด้วย ซึ่งดีต่อใจไม่แพ้กันค่ะ


  • เราเป็นแฟนโอรีโอ้ค่ะ 555 ซื้อขนมกลับมาก็เน้นแต่โอรีโอ้ เรียงจากบน รสพิตตาชิโอ / รสเค้กแครอท / รสมินท์เคลือบช็อค จริงๆกวาดมาเยอะกว่านี้ แต่ลงแค่นี้พอ 555 ใครสายมินท์เราแนะนำนะ คนไม่ชอบก็กินได้ เพราะเค้าทำมินท์มากลิ่นไม่แรง ไม่เย็นมากค่ะ อ่อ อันนี้แพ็คละ USD 2.99 ค่ะ
  • ปีที่แล้วเราซื้อรสโค้กและเชอร์รี่กลับมา ปีนี้ไม่มีขายแล้วเสียดายมาก เพราะเปิดฝามากลิ่นโค้ก กลิ่นเชอร์รี่จะปะทะมาอย่างจัง แล้วมีความซ่าๆเหมือนเวลาเราดื่มโค้ก ไม่รู้ว่าเค้าทำยังไงเหมือนกันค่ะ

  • ใครเป็นสายกัมมี่แบบเรา น่าจะรู้จัก 2 ยี่ห้อนี้ดี จริงๆมีซาวแพชรสเผ็ดด้วย แต่เราไม่ได้ถ่ายมาอีกแล้ว 555 อันนี้กล่องละ USD 1 เหรียญค่ะ เป็นกล่องใหญ่ไซส์ประมาณ A5 ค่ะ

      ปิดท้ายด้วย ของ 3 อย่างที่เราประทับใจมากกกกกกก ชิ้นนึงจาก Star เมกาเช่นเคย และก็จาก MoMA นิวยอร์ค อีกชิ้นจากร้านขายของในพระราชวังเคียงบอกกุงค่ะ

141 ชิ้นแรก : Tide to go

  • ใครเป็นสายกินแล้วชอบเลอะเสื้อบ้างคะ เราเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ กินอะไรก็จะกระเด็นบ้างล่ะ ทำช้อนตกแล้วกับข้าวกระเด็นมาก็บ่อย แล้วล้างก็ไม่ค่อยออกเนอะ
  • เราไปเจอตัวนี้มา ไม่รู้ในไทยมีแบบนี้มั้ยนะคะ เป็นปากกาลบพวกคราบต่างๆค่ะ ใน 1 แพ็ค มี 3 แท่ง ราคา USD 6.99 ค่ะ


  • ลองเล่นให้ดูค่ะ ใช้ผ้าเช็ดแว่นที่เค้าแถมมาเอาไฮไลท์ป้ายลงไป
  • ปากกาให้กดจนน้ำยาออกมาค่ะ แล้ววนๆตรงคราบ (เคยลองถูขึ้นลง คราบออกน้อยกว่า ถูวนๆค่ะ)
  • ลอยก็จะค่อยๆจางหายไปค่ะ แต่แห้งไวมากนะคะ ก็เหมาะกับเราดีค่ะ เวลาต้องไปประชุมต่อ หรือเจอผู้ใหญ่ ก็จะได้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปปปปป
141 ชิ้นสอง : Lumio



  • ด้วยความที่ตอนสมัยเรียนอยู่ประมาณปี 2 ปี 3 เคยได้ทำโปรเจ็ควิชาการตลาด ที่อาจารย์ให้หาของที่ไม่ได้นำเข้ามาขายในไทย แล้วเราต้องนำเข้ามา จะทำการตลาดยังไง
  • เซิร์ชไปเซิร์ชมา เพราะความชอบหนังสือ + อยากได้โคมไฟใหม่ ผสมคำไปมา ก็เจอ 'Lumio' Lamp Book เข้าค่ะ
  • ก็เลยเอาไปเสนอในกลุ่ม และก็ทำงานส่งกันไป แต่เหมือนเก็บกดมาตั้งแต่ตอนนั้นที่ไม่สามารถกดสั่งซื้อได้ เพราะไม่มีชิปปิ้งมาไทย พอไปเจอก็เลยซื้อติดมือกลับมา รู้สึกชีวิตคอมพลีทไปอีก 1 อย่าง 555
  • ราคาก็เบาๆค่ะ... เบากระเป๋านะคะ ที่ซื้อมาเป็น Lumio Mini USD 150 (ถ้าเป็นเล่มใหญ่จะ USD 200 เข้าไปดูเล่นๆในเว็บนี้ได้ค่ะ https://shop.hellolumio.com/#
  • ลูมิโอะเนี่ยไม่ต้องใส่ถ่านนะคะ เราชาร์จเอาค่ะ คือ แกะตรงสันสีส้ม (เป็นแม่เหล็ก) ออก ก็จะเจอสายชาร์จ แล้วเราก็เสียบชาร์จได้เลย
  • แสงจะออกมาตอนเราเปิดค่ะ เหมือนเปิดหน้าหนังสือเลย แถมเปิดจนปกติดกันได้ด้วยค่ะ
  • วัสดุจะเป็นกระดาษค่ะ แต่แข็งแรงอยู่นะคะ ปกก็แข็งแรงมากๆ เอามาแต่งบ้านก็สวย จะพกไปไหนมาไหนก็สะดวก เพราะไม่หนักมากค่ะ
141 ชิ้นสุดท้าย : Korean Traditional Tea

  • เป็นชาธรรมดานี่แหล่ะค่ะ แต่ไม่มีคาเฟอีน เราซื้อเพราะโดนแพ็คเก็จตก น่ารักอ่ะ แล้วดูเป็นเรื่องราว ว่า เนี่ย เรามาวังเค้านะ แล้วซื้อชา ที่เป็นประตูวัง มีภูเขา มีตำหนัก มีนางสนมต่างๆ เห็นแล้วใจบางเลยค่ะ
  • ใน 1 กล่อง มีชาอยู่ 10 ถุง 5 กลิ่นด้วยกันค่ะ เป็น Chrysanthemum Flower Tea / Mulberry Leaf Tea / Hydrangea Leaf Tea / Green Tea / Buckwheat Tea


  • หยิบออกจากกล่อง ก็จะมีชื่อกลิ่น ชื่อรสบอกอยู่หน้ากล่อง ทั้งภาษาอังกฤษ และเกาหลี พร้อมบอกว่าให้ชงกี่นาที
  • พอแกะมา ก็เจอข้อความที่บอกเล่าถึงชาตัวนี้ ได้อย่างเข้าใจง่าย
  • จริงๆ ชาเนี่ยเราเฉยๆ แต่แพ็คเกจสร้างความประทับใจให้เรามากกกกกกกกกก
      จบบันทึกนี้ตรงนี้แล้วค่ะ บ๊ายบายยยยยยย


 
 




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2562
0 comments
Last Update : 18 กรกฎาคม 2562 16:41:20 น.
Counter : 914 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


สมาชิกหมายเลข 4091112
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




- เป็นผู้หญิงตัวกลมๆ ที่กินอะไรก็อร่อย แต่ช่วงหลังๆกินจุได้ไม่เท่าเดิม
- เป็นคนที่พยายามมองโลกในแง่ดี อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ จะได้ยิ้มเยอะๆ คิ้วผูกเป็นโบว์น้อยๆ
- ชอบหาของอร่อย แต่ก็ขี้เกียจออกไปไหน นานๆทีเลยจะมีทริปที 555
New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 4091112's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.