ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
18 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
ลิงกับนกขมิ้น

กุฏิทูสกชาดก ว่าด้วยลิงกับนกขมิ้น
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ ภิกษุหนุ่มผู้เผาบรรณศาลาของพระมหากัสสปเถระ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้

ในกรุงราชคฤห์ มีพระ ๒ รูปเป็นผู้อุปัฏฐากพระมหากัสสปเถระผู้อาศัยอยู่ในถ้ำปิปผลิ.ภิกษุ ๒ รูปนั้น รูปหนึ่งกระทำการปฏิบัติต่อท่านพระมหาเถระโดยเคารพ ส่วนอีกรูปหนึ่งเป็นคนมักตู่เอากิจที่พระอีกรูปหนึ่งกระทำเป็นเสมือนหนึ่งว่าตนเป็นผู้กระทำเอง เมื่อภิกษุผู้ปฏิบัติต่อพระเถระโดยอาการอันเคารพนั้นตั้งน้ำบ้วนปากเพื่อถวายพระมหาเถระเป็นต้น ภิกษุขี้ตู่รูปนั้นก็จะไปยังสำนักของพระเถระ ไหว้แล้วกล่าวว่า ท่านขอรับ น้ำ กระผมตั้งไว้แล้ว ขอท่านจงล้างหน้าเถิดขอรับ เมื่อภิกษุรูปแรกนั้นลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ปัดกวาดบริเวณกุฏิไว้แล้ว ในเวลาพระเถระออกมา ภิกษุขี้ตู่รูปนั้นก็จะทำอย่างโน้นอย่างนี้ไปมา ทำทีเสมือนว่าบริเวณนั้นทั้งสิ้นตนเป็นผู้ปัดกวาดไว้ ภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยวัตรจึงคิดจะทำให้กรรมของพระหัวดื้อนี้ปรากฏต่อพระเถระ

เมื่อภิกษุขี้ตู่นั้นฉันแล้วหลับอยู่นั้น ภิกษุรูปแรกจึงต้มน้ำเพื่อถวายพระเถระสำหรับอาบแล้ว ก็ตักใส่ในหม้อใบหนึ่ง ตั้งไว้หลังซุ้ม แต่เหลือน้ำไว้ในหม้อต้มน้ำประมาณกระบวยหนึ่ง แล้วตั้งไว้ให้เดือดพลุ่งเป็นไออยู่.

ภิกษุนี้ตื่นขึ้น เห็นไอพลุ่งออกจากหม้อต้มน้ำ จึงคิดว่า น้ำที่ภิกษุนั้นต้มแล้วคงไว้ในซุ้ม จึงรีบไปเรียนพระเถระว่า “น้ำกระผมตั้งไว้ในซุ้มแล้วขอรับ นิมนต์ท่านสรงเถิด” แล้วเข้าไปในซุ้มพร้อมกับพระเถระ พระเถระเมื่อไม่เห็นน้ำ จึงถามว่า“น้ำอยู่ที่ไหน? คุณ” ภิกษุหนุ่มไปยังโรงต้มน้ำ จ้วงกระบวยลงในภาชนะที่มีไอน้ำพลุ่งอยู่ เมื่อกระบวยกระทบพื้นภาชนะเปล่าที่ไม่มีน้ำก็มีเสียงดังเหมือนเสียงระฆัง ตั้งแต่นั้นมาภิกษุนั้นจึงมีชื่อว่า อุฬุงกสัททกะ พระภิกษุนั้นเมื่อพบว่าหม้อน้ำนั้นไม่มีน้ำ จึงโพนทะนาว่า “ขอท่านจงดูกรรมของภิกษุหัวดื้อเธอยกภาชนะเปล่าขึ้นตั้งไว้บนเตา แล้วไปไหนเสีย? กระผมเรียนด้วยเข้าใจว่าน้ำมีอยู่ในซุ้ม” แล้วก็ได้ถือหม้อน้ำไปยังท่าน้ำ.

ฝ่ายภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยวัตรจึงนำเอาน้ำมาจากหลังซุ้มแล้วตั้งไว้ในซุ้ม.พระเถระเห็นดังนั้นจึงพิจารณาดูก็รู้ว่า “ภิกษุอุฬุงกสัททกะนั้น ชอบกระทำกิจที่ตนไม่ได้ทำ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้กระทำเอง” ท่านจึงได้ให้โอวาทแก่พระอุฬุงกสัททกะผู้มานั่งอุปัฏฐากในเวลาเย็นถึงความไม่ควรของความประพฤติของภิกษุนั้น
ภิกษุนั้นโกรธ แล้วในวันรุ่งขึ้นจึงไม่เข้าไปบิณฑบาตกับพระเถระ เมื่อพระเถระไปแล้ว ภิกษุนั้นไปสู่ตระกูลอุปัฏฐากของพระเถระ เมื่อถูกอุปัฏฐากถามถึงพระเถระ พระอุฬุงกสัททกะจึงบอกว่าพระเถระนั่งอยู่ในวิหาร นั่นแหละ เพราะไม่ผาสุก เมื่อเขากล่าวว่า ได้อะไรจึงจะควรขอรับ จึงกล่าวว่า ท่านจงให้สิ่งนี้และสิ่งนี้ แล้วถือเอาสิ่งที่อุปัฏฐากถวายพระเถระนั้นไปยังที่ชอบใจของตน ฉันแล้วจึงได้ไปยังวิหาร

ในวันรุ่งขึ้น พระเถระไปสู่ตระกูลอุปัฏฐากนั้น, เมื่อพวกอุปัฏฐากกล่าวว่า “ได้ยินว่า ความไม่ผาสุกเกิดแก่ท่าน’ จึงจัดแจงอาหารส่งไปตามที่ภิกษุหนุ่มแจ้ง ความผาสุกเกิดแก่ท่านแล้วหรือ?” พระเถระได้ฟังก็นิ่งเสีย, ครั้นเมื่อพระเถระไปสู่วิหารแล้ว จึงกล่าวกับภิกษุหนุ่มนั้นผู้มาอุปัฏฐากในเวลาเย็น ว่า “การกระทำของเธอเมื่อวานนี้ เป็นการกระทำที่ไม่สมควรแก่บรรพชิตทั้งหลาย”

ภิกษุนั้นโกรธแล้วผูกอาฆาตในพระเถระในวันรุ่งขึ้น เมื่อพระเถระเข้าไปสู่บ้าน ส่วนตนพักอยู่ในวิหาร จึงจับท่อนไม้ ทุบวัตถุทั้งหลาย มีภาชนะสำหรับใช้สอยเป็นต้น แล้วจุดไฟที่บรรณศาลาของพระเถระ สิ่งใดไฟไม่ไหม้ก็เอาพลองทุบทำลายสิ่งนั้นแล้วหนีออกไป พระอุฬุงกสัททกะนั้น ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นเหมือนดังเปรต ผอมโซ ครั้นตายแล้วก็ได้บังเกิดในอเวจี

เรื่องที่พระอุฬุงกสัททกะนั้นกระทำได้ปรากฏไปในท่ามกลางมหาชน ครั้งนั้น ภิกษุพวกหนึ่งจากกรุงราชคฤห์มานครสาวัตถี แล้วไปยังสำนักของพระศาสดา ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ พระศาสดาทรงกระทำปฏิสันถารกับภิกษุเหล่านั้นแล้วตรัสถามว่า พวกเธอมาแต่ไหน ?

ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า มาจากกรุงราชคฤห์ พระเจ้าข้า

พระศาสดาตรัสถามว่า ใครเป็นอาจารย์ให้โอวาทในที่นั้น

ภิกษุเหล่านั้น กราบทูลว่า พระมหากัสสปเถระ พระเจ้าข้า

พระศาสดาตรัสถามว่า กัสสปเป็นสุขสบายดีหรือ

ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า พระเจ้าข้า พระเถระเป็นสุขสบายดี แต่สัทธิวิหาริกของท่านโกรธในโอวาทที่ ท่านให้ แม้เมื่อพระเถระเข้าไปเพื่อบิณฑบาต ก็ถือไม้ค้อนทุบภาชนะ เครื่องใช้ทั้งหลาย เผาบรรณศาลาของพระเถระ แล้วหลบหนีไป

พระศาสดาได้ทรงสดับดังนั้นจึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย การเที่ยวไป ผู้เดียวเท่านั้นแห่งกัสสป ประเสริฐกว่าการเที่ยวไปกับคนพาลเห็นปานนี้ แล้วตรัสพระคาถาในพระธรรมบทนี้ว่า :

บุคคลเมื่อจะเที่ยวไป ถ้าไม่ประสบคนที่ดีกว่า หรือคนเช่นกับตน
พึงทำการเที่ยวไปผู้เดียวให้มั่นไว้

เพราะความเป็นสหายในคนพาลย่อมไม่มี

ก็แหละ ครั้นตรัสคาถานี้แล้ว จึงตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นมาตรัสอีกว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เป็นผู้ประทุษร้ายกุฎีในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน ก็ได้เป็นผู้ประทุษร้ายกุฎีมาแล้วเหมือนกัน และย่อมโกรธผู้ให้โอวาทแต่ในบัดนี้เท่านั้น ก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน ก็โกรธแล้วเหมือนกัน ครั้นเมื่อภิกษุเหล่านั้นทูลอาราธนาแล้ว จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ใน พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดนกขมิ้น เจริญวัยแล้ว กระทำรังให้แน่นหนามั่นคง ฝนรั่วรดไม่ได้เป็นที่ชอบใจของตน อยู่ในหิมวันต ประเทศ ครั้งนั้น ลิงตัวหนึ่ง เมื่อฝนตกไม่ขาดเม็ดในฤดูฝน ถูกความหนาวบีบคั้น นั่งกัดฟันอยู่ในที่ไม่ไกลพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เห็นลิงนั้นลำบากอยู่อย่างนั้น เมื่อจะเจรจากับลิงนั้น จึงกล่าว คาถาที่ ๑ ว่า :

[๕๘๒] ดูกรวานร ศีรษะ มือ และเท้าของท่านเหมือนของมนุษย์ เออก็ เพราะ
เหตุไรหนอ ท่านจึงไม่มีเรือนอยู่?

วานรได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :

[๕๘๓] ดูกรนกขมิ้น ศีรษะ มือ และเท้าของเราเหมือนของมนุษย์ก็จริง แต่
ปัญญาที่บัณฑิตกล่าวว่า ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์ ของเราไม่มี.

พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าว ๒ คาถานอกนี้ว่า :

[๕๘๔] ผู้มีจิตไม่มั่นคง มีจิตกลับกลอก มักประทุษร้ายมิตร มีปกติไม่ยั่งยืน
เป็นนิจ ย่อมไม่มีความสุข.

[๕๘๕] ท่านจงกระทำอานุภาพ เปลี่ยนปกติเดิมเสียเถิด ดูกรวานร ท่านจง
กระทำกระท่อมไว้เป็นเครื่องป้องกันความหนาว และลมเถิด.

ลิงคิดว่า เจ้านกนี้บริภาษเรา เพราะตัวเองจับอยู่ในที่ที่ฝนไม่รั่วรด เราจักไม่ให้มันจับอยู่ในรังนี้ ลำดับนั้น มันมีความประสงค์จะจับพระโพธิสัตว์ จึงโลดแล่นมา พระโพธิสัตว์จึงบินไปในที่อื่น ลิงจึงทำลายรังกระทำให้ละเอียดเป็นจุรณวิจุรณ แล้วหลีกไป

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า ลิงในครั้งนั้น ได้เป็นภิกษุผู้เผากุฎีในครั้งนี้ ส่วนนกขมิ้นในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล

ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
https://abhinop.blogspot.com
https://abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.




Create Date : 18 สิงหาคม 2554
Last Update : 22 มีนาคม 2564 15:57:57 น. 2 comments
Counter : 2633 Pageviews.

 
$$@@@@@@@@$$$$$$*****†&&&&&&


โดย: มิ้น IP: 1.47.198.19 วันที่: 13 มิถุนายน 2558 เวลา:10:28:52 น.  

 
ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
//abhinop.blogspot.com
//abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.


โดย: ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก วันที่: 22 มีนาคม 2564 เวลา:16:11:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.