|
ลิงหลอกเจ้า
กาฬพาหุชาดก ว่าด้วยลิงหลอกเจ้า พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร ทรงปรารภ พระเทวทัตผู้เสื่อมลาภสักการะ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
แท้จริง เมื่อพระเทวทัตผูกความโกรธในพระตถาคต แล้วจ้างนายขมังธนูเพื่อลอบปลงพระชนม์พระศาสดา โทษผิดของพระเทวทัตนั้น ได้ปรากฏเพราะปล่อยช้างนาฬาคิรี ลำดับนั้น คนทั้งหลายจึงพากัน เลิกธุวภัตเป็นต้น ที่เริ่มตั้งไว้แก่เธอเสีย แม้พระราชาก็ไม่ทรงเหลียวแลพระเทวทัตนั้น พระเทวทัตนั้นเสื่อมลาภสักการะจึงเที่ยวขอในสกุลทั้งหลายบริโภคอยู่
ภิกษุทั้งหลายจึงนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า อาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัตคิดว่า จักยังลาภสักการะให้เกิดขึ้น แม้แต่ลาภสักการะที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่อาจทำให้มั่นคง พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า มิใช่บัดนี้เท่านั้น ภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน เทวทัตนี้ก็ได้เป็นผู้เสื่อมลาภสักการะ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าธนัญชัยครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นวานรเผือกชื่อราธะ มีบริวารมาก มีร่างกายบริบูรณ์ ส่วนวานรน้องชายของพระโพธิสัตว์นั้น ชื่อโปฏฐปาทะ พรานผู้หนึ่งจับวานรพี่น้องทั้งสองนั้นได้ จึงนำไปถวายพระเจ้าพาราณสี พระราชาโปรดให้ใส่วานรทั้งสองนั้นไว้ในกรงทอง ให้ บริโภคข้าวตอกคลุกน้ำผึ้ง ให้ดื่มน้ำเจือด้วยน้ำตาลกรวดปรนนิบัติ เลี้ยงดูอยู่ สักการะได้มีอย่างมากมาย วานรทั้งสองนั้นได้เป็นผู้ถึง ความเป็นผู้เลิศด้วยลาภและยศ
ต่อมา พรานป่าคนหนึ่ง ได้นำเอา วานรดำใหญ่ตัวหนึ่ง ชื่อกาฬพาหุ มาถวายพระราชา วานรกาฬพาหุ นั้นมาทีหลัง จึงได้มีลาภสักการะมากกว่า ลาภสักการะของวานรเผือกทั้งสองก็เสื่อมถอยไป พระโพธิสัตว์มิได้พูดอะไรเลย เพราะประกอบด้วยลักษณะแห่งผู้คงที่ แต่วานรน้องชาย เพราะไม่มีลักษณะแห่งผู้คงที่ จึงทนดูสักการะของกาฬพาหุวานรไม่ได้ ได้พูดกะพี่ชายว่า ข้าแต่พี่ เมื่อก่อนในราชสกุลนี้ ย่อมให้ของกินมีรสดีเป็นต้นแก่พวกเรา แต่บัดนี้พวกเราไม่ได้ เขานำไปให้เจ้าลิงกาฬพาหุเท่านั้น พวกเราเมื่อไม่ได้ลาภสักการะจากสำนักของพระเจ้าธนัญชัย จักทำอะไรอยู่ ณ สถานที่นี้ มาเถิดพี่ พวกเราไปอยู่ป่าเถิด เมื่อจะเจรจากับวานรพี่ชาย นั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :
[๖๑๔] ในกาลก่อน เราได้ข้าวและน้ำอันใด จากสำนักพระราชา มาบัดนี้ ข้าว และน้ำนั้น มาขึ้นอยู่กับสาขมฤคหมด ดูกรพี่ราธะ บัดนี้ เราเป็นผู้อัน พระเจ้าธนญชัยไม่สักการะแล้ว พากันกลับไปป่าตามเดิมเถิด.
วานรราธะได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :
[๖๑๕] ดูกรน้องโปฏฐปาทะ ธรรมในหมู่มนุษย์เหล่านี้ คือ ลาภ ความเสื่อม ลาภ ยศ ความเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุขและทุกข์ เป็นของไม่เที่ยง เจ้าอย่าเศร้าโศกเสียใจไปเลย จะเศร้าโศกเสียใจไปทำไม?
วานรโปฏฐปาทะได้ฟังดังนั้น เมื่อไม่อาจทำความริษยาในลิงกาฬพาหุให้หายไปได้ จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :
[๖๑๖] ดูกรพี่ราธะ คุณพี่เป็นบัณฑิตแท้ ย่อมรู้ถึงผลประโยชน์ทั้งหลายที่ยังไม่ มาถึง ทำอย่างไรหนอ เราจะได้เห็นสาขมฤคผู้ลามก ถูกเขาขับไล่ออก จากราชสกุล.
วานรราธะได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :
[๖๑๗] ลิงกาฬพาหุ กระดิกหู และกลอกหน้ากลอกตา ทำให้พระราชกุมารทรง หวาดเสียวพระทัยอยู่เสมอๆ มันจะทำตัวของมันเองให้จำต้องห่างไกล จากข้าวและน้ำ.
ฝ่ายลิงกาฬพาหุ พอล่วงไป ๒ - ๓ วันเท่านั้น ก็ทำกระดิกหู เป็นต้นต่อหน้าพระราชกุมารทั้งหลาย ทำให้พระราชกุมารทั้งหลายกลัว พระราชกุมารทั้งหลายเหล่านั้นตระหนกตกพระทัยกลัว ต่างทรงส่งเสียงร้อง พระราชาตรัสถามว่า นี่อะไรกัน ? ได้ทรงสดับเรื่องราวนั้นแล้วรับสั่งว่า จงไล่มันออกไป แล้วให้ไล่ลิงกาฬพาหุนั้น ออกไป ลาภสักการะของวานรขาวทั้งสองก็ได้เป็นปกติตามเดิมอีก พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า ลิงกาฬพาหุในครั้งนั้น ได้เป็นพระเทวทัต วานรโปฏฐปาทะในครั้งนั้น ได้เป็นพระอานนท์ ส่วนวานรราธะในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล
Create Date : 18 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 22 มีนาคม 2564 15:52:48 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1420 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ฟ้า IP: 182.93.201.203 วันที่: 28 สิงหาคม 2556 เวลา:13:41:34 น. |
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|