ตีความหนัง...ตีความชีวิต
สารบัญภาพยนตร์
จัดอันดับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2012
ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์(แยกตามลัทธิ)
ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์(ตาม ค.ศ.)
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
14 มีนาคม 2555

ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์: ลัทธิ Caligarism

ยุคหนังเงียบ 1895-1927

Caligarism


Caligarism ใช้รูปแบบศิลปะเต็มขั้น ทำฉากให้ดูเพี้ยนบิดเบี้ยว ใช้มุมมองของการถ่ายภาพที่ผิดปกติพิสดาร มีการประดิษฐ์จัดแสงเทียมให้ดูมีบรรยากาศเฉกเช่นฝันร้าย ภาพยนตร์ของ Robert Wiene เรื่อง The Cabinet Of Dr. Caligari (1919) ถูกจัดเป็นเครื่องหมายการค้าของภาพยนตร์เยอรมันในช่วงทศวรรษที่ 1920 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้รับการยกย่องและถูกนำไปเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์แนวแฟนตาซีสยองขวัญ (Horror Fantasy) หรือ ภาพยนตร์เงา (Shadow Film)

ผู้กำกับคนสำคัญ

Robert Wiene (1873-1938)
Paul Wegner (1874-1948)
Paul Leni (1885-1929)
FW Murnau (1889-1931)
James Whale (1889-1957)
Fritz Lang (1890-1976)

รูปแบบการนำเสนอ

1. ประดิษฐ์ขึ้นและไม่เป็นไปตามธรรมชาติ
2. การบิดเบือนรูปทรงต่างๆ
3. มีบรรยากาศเฉกเช่นความฝัน
4. มักมีสถานการณ์ที่มีภัยอันตราย
5. เน้นการจัดแสงให้เกิดเงา

รายละเอียด


Caligari (Werner Krauss) เป็นคนที่มีบุคลิกที่แปลกประหลาด สวมแว่น และจัดการแสดงนิทรรศการนำเสนอต่อหน้าฝูงชนด้วยคนละเมอเดินผู้ซึ่งเหมือนผีดิบ ชื่อ Cesare (Conrad Veidt) เขาสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับอนาคตได้อย่างแม่นยำ

ในระหว่างนั้นเอง Caligari สะกดจิต Cesare ผู้ซึ่งหลับใหลอยู่ในกล่องคล้ายโลงศพ เพื่อให้ไปฆ่าแฟนสาวของพระเอกหนุ่ม (Friedrich Feher) และยังเป็นฆาตกรฆ่าคนอีกด้วย



บทภาพยนตร์เรื่อง The Cabinet Of Dr. Caligari ถูกเขียนขึ้นโดย Carl Mayer และ Hans Janowitz(1919) ซึ่งตั้งใจอุปมาอุปไมยกับเหตุการณ์ของสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งตัวละคร Caligari เสมือนเป็นตัวแทนของรัฐบาล ที่คอยสะกดจิตให้ประชาชนคล้อยตามเหมือนคนละเมอเดินแล้วนำพาพวกเขาเข้าสู่สงครามอย่างยินยอมโดยไม่มีท่าทีแห่งการขัดขืนแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ตอนจบของภาพยนตร์ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสุดท้าย Caligari แท้จริงแล้วเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลบ้า ซึ่งพระเอกของเรื่องนั้นกลับเป็นคนป่วยซะเอง และเรื่องราวน่ากลัวเหล่านั้นเกิดจากการจินตนาการของเขาเองทั้งหมดทั้งสิ้น



นักสังคมวิทยาชาวเยอรมัน Siegfried Kracauer ได้เขียนหนังสือเรื่อง From Caligari to Hitler (1947) ซึ่งมีอิทธิพลต่อการศึกษาภาพยนตร์เยอรมันในช่วงปี ค.ศ. 1919 ถึง 1933 เป็นต้นมา โดยมักนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับคนบ้าหรือคนวิกลจริต

โดยภาพยนตร์ The Cabinet Of Dr. Caligari (1919) นั้นช่วยให้ผู้ชมได้หลบหลีกความตึงเครียดจากโลกแห่งความจริงในเรื่องการเมืองของฮิตเลอร์

ในขณะที่เรื่องราวเนื้อเรื่องนั้นได้ช่วยเปิดเผยให้เห็นถึงความบ้าและวิกลจริตที่มีอยู่เป็นปกติวิสัยในอำนาจของชนชั้นการปกครอง แม้ในตอนจบ Caligari จะกลายเป็นบุคคลที่น่าสรรเสริญ และตัดสินคนที่เป็นปรปักษ์ต่อเขาว่าเป็นคนบ้า แต่ก็เกิดการผลิตในแนวทางแบบนี้คล้ายคลึงกัน จนเกิดเป็นธรรมเนียมปฎิบัติในวิธีการแบบ Caligari เป็นต้นมา


ดาวน์โหลดหนังสือ(ภาษาอังกฤษ)


แต่เดิมนั้นผู้ที่จะได้เป็นผู้กำกับเรื่องนี้คือ Fritz Lang แต่เขาได้ปฏิเสธแล้วหันไปทำเรื่อง Dr Mabuse,The Gambler (1922) แทน ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวหน้าแก็งค์อาชญากร ผู้สร้างอาณาจักรสังคมนอกกฎหมายขึ้นเพื่อตั้งใจยึดครองทั้งโลกให้เป็นของเขาทั้งหมด ซึ่งมีบุคลิกลักษณะนิสัยคล้ายๆกับตัวละคร Caligari มาก แล้วเกิดการตีความอีกด้วยว่านี่คือ ฮิตเลอร์ นั่นเอง



แม้ว่าจะถือว่า Caligari เป็นต้นแบบของภาพยนตร์ลัทธิ Expressionism ที่แท้จริง แต่ Caligari ก็มีความแตกต่างจากภาพยนตร์ในแนวทาง Expressionist ทั่วๆไป เพราะว่า ภาพยนตร์แนวนี้จะเน้นไปในการประดิษฐ์ประดอยจนดูไม่เป็นไปตามธรรมชาติ อีกทั้งการถ่ายทำจะเกิดขึ้นภายในสตูดิโอทั้งหมด ฉากทั้งหมดจะถูกเคลือบสีและถูกออกแบบให้เป็นฉากที่เป็นเส้นเฉียงทแยงมุมผสมกับมุมมองที่ทำให้ดูเพี้ยนแปลกประหลาดจากรูปร่างความเป็นจริง



โทนลักษณะของการตกแต่งในลัทธินี้นั้นครอบคลุมตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงการแต่งหน้าโดยจะให้ความสำคัญไปกับการแสดงของตัวละครที่ไม่ต่างไปจากการแสดงในคณะละครสัตว์หรือการแสดงตลกชั้นต่ำ (Low Farce) โดยการมีรูปร่างสูงและผอมของนักแสดง Conrad Veidt บวกกับการเป็นบุคคลที่มีท่วงท่าการแสดงที่โดดเด่นและสง่างามที่สุดในแบบ Expressionism จึงทำให้เขาเป็นนักแสดงที่ชื่อเสียงในระดับประเทศ และเขามักจะได้เล่นภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่ได้รับอิทธิพลโดยตรงมาจากเรื่อง Caligari เช่นงานของผู้กำกับ Paul Leni เรื่อง Waxworks (1924)





อาจเป็นไปได้ว่าภาพยนตร์ที่ได้รับอิทธิพลทางอ้อมไปจากลัทธินี้เต็มๆก็เห็นจะเป็นภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในฮอลลีวู้ดที่ Universal Studio ช่วงทศวรรษที่ 1930 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพยนตร์เรื่อง Frankenstein (1931) และ The Bride of Frankenstein (1935) ของผู้กำกับ James Whale



เรื่อง Caligali ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจโดยตรงต่อผู้กำกับ Tim Burton ในการสร้าง Johnny Depp ในเรื่อง Edward Scissorhands (1990) ให้ดูเหมือนคนละเมอเดิน ซึ่งเป็นบทบาทโด่งดังของ Veidt ในเรื่อง Caligari อีกด้วย



งานอื่นๆที่น่าสนใจ

The Golem (1920) Paul Wegner,Carl Boese
The Gambler (1922) Fritz Lang
Nosferatu (1922) FW Murnau
Frankenstein (1931) James Whale
M (1931) Fritz Lang
The Bride of Frankenstein (1935) James Whale
Edward Scissorhands (1990) Tim Burton


ชม The Cabinet Of Dr. Caligari


รูปแบบที่มีความสัมพันธ์

Expressionism ; Avant-Gardism; Horrorism ; Film Noirism

รูปแบบที่ต่างกันสุดขั้ว

Realism ; Italian Neo-Realism ; Costume Romanticism ; Classicism ; Utopianism



อ่านลัทธิอื่นๆได้ที่:สารบัญประวัติศาสตร์ภาพยนตร์

อ่านวิจารณ์หนังได้ที่:สารบัญภาพยนตร์




 

Create Date : 14 มีนาคม 2555
0 comments
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2556 18:00:24 น.
Counter : 3544 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


A-Bellamy
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ย้ายบล็อกแล้วนะครับ ติดตามกันต่อได้ที่ http://www.A-Bellamy.com ครับ

พูดคุยเรื่องหนังกันได้ที่Facebook

สนุกกับการอ่านบล็อกนะครับ


บทความล่าสุด
Jack the Giant Slayer (2013)
The Tree of Life(2011)
Iron Man (2013)
ลัทธิ Constructivism
คู่กรรม(2013)
Stoker(2013)
Amour(2012)
Silver Linings Playbook(2012)
Zero Dark Thirty(2012)
Les Misérables(2012)


บทความแนะนำ
จัดอันดับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2012
ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์(แยกตามลัทธิ)
ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์(ตาม ค.ศ.)
สารบัญภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

[Add A-Bellamy's blog to your web]