สมานฉันท์...ความรู้......ฟื้นฟูสติปัญญา
 
"โรงเรียนแห่งความรัก หรือ ดวงใจ" ฉบับที่ 2

คำสอนที่ประทับใจ

ความกตัญญูกตเวที(ไม่ว่าจะเพื่อผู้มีพระคุณ เพื่อประเทศชาติ พระศาสนา ฯลฯ) เป็นสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้ชีวิตของเราสมบูรณ์ คนเราเกิดมาย่อมต้องมีผู้เลี้ยงดู อุปการะ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็น พ่อแม่ พี่น้องหรือใครก็ตาม การแสดงความกตัญญูกตเวทีจะเชื่อมโยงเป็นลูกโซ่ที่มิมีที่สุดของปลายแห่งโซ่นั้นเลย ถ้าคนเราระลึกได้ในธรรมข้อนี้และปฏิบัติ สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องร้อยความรักใคร่เอ็นดู เกื้อกูลต่อกันจากสองเป็นสามเป็นสี่ทวีคูณ หาที่สุดมิได้

  • สิ่งที่ลูกหลานมิควรลืม คือ ชาติกำเนิดของตัวเอง เราต้องให้ลูกรู้ว่าลูกเป็นใคร ควรจะดำเนินตนอย่างไรให้เหมาะสมแห่งชาติกำเนิดของตน การสื่อสารสัมพันธในแวดวงพี่น้องได้รับการถ่ายทอดให้รู้จักนับเนื่องในญาติ แสดงสัมมาคารวะซึ่งกันและกัน มีความผูกพันกลมเกลียวในหมู่ญาติพี่น้องที่จะต้องผูกพันรักใคร่กลมเกลียว เคารพนับถือ แสดงคารวะในฐานะอันควร ช่วยเหลือเกื้อหนุนกันในทุกเมื่อ ทุกข์หรือสุขถือคุณค่าแห่งความเป็นคนเหนือสิ่งอื่นใด อุ้มชูเลี้ยงดูอุปการะลูกหลานญาติมิตรในคราวจำเป็น และตั้งมั่นในการสนับสนุนจุนเจือนั้นด้วยเหตุผลที่เขาเหล่านั้นจะดำเนินชีวิตต่อไปในแนวทางที่ชอบที่ควร

บั้นปลายของชีวิตของคนที่ล่วงเข้าปัจฉิมวัยนั้นอาจจะแตกต่างกันตามแนวทางแห่งชีวิต บางคนมีโอกาสดีได้อยู่ในความสงบชีวิตเพียบพร้อมด้วยลูกหลาน ไม่ต้องอนาทรร้อนใจ แต่บางคนต้องดิ้นรนวิตกกังวลในชีวิตข้างหน้าที่ดูว่างเปล่าเพราะขาดที่พึ่งทางโลกและทางธรรม สิ่งเหล่านี้ถ้าคนที่วัยยังไม่ถึงอาจจะไม่ใส่ใจและไม่คิดวางแผนล่วงหน้าเพื่อทำชีวิตของตนให้ดำเนินไปสมดังปรารถนา เราควรมีความรอบคอบในภาวะที่จะมาถึงตนเองในวันข้างหน้า เตรียมตัว เตรียมใจ และจัดการทุกอย่างชนิดค่อยเป็นค่อยไป ใช้ความรู้ สติ และการฟังมามากทำให้เรามีความคิดก้าวไปกับสมัยได้ การได้รู้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงนับจากความรุ่งเรืองสูงสุด และผันแปรถอยลงตามลำดับ ควรมีกาลกิริยาที่สงบ ยอมรับและวางตัวให้ตามสมัย การพูดจาสนทนากับผู้อื่นในปัญหาของคนในปัจจุบันทำให้เรารู้เท่าทัน และสามารถให้คำแนะนำได้ดี ไม่สะดุ้งตกใจกับกิริยาวาจาที่ล้ำหน้าของคนสมัยใหม่ พยายามช่วยตนเองให้มากที่สุด ทำกิจวัตรประจำวันเป็นตารางกำหนดเวลาสม่ำเสมอ เช่น การบุญการกุศล เข้าวัด ฟังธรรมะ มีความไม่ประมาท มีความรอบคอบ และรู้จักใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

  • พวกเราจงจำคำพูดของครูที่พูดไว้ “เด็กนครราชสีมาหรือเด็กพระนคร ถึงจะอยู่ที่ไหนก็บ้านของเราทั้งนั้น ประเทศไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะเเบ่งเเยกไม่ได้ ชาวบ้านทุกคนย่อมเป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกันทั้งสิ้น ฉะนั้นทุกคนจะต้องเคารพรักใคร่ซึ่งกันเเละกัน ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดเห็นว่าเขามิใช่คนไทยเเล้วกระทำมิชอบต่อเพื่อนนักเรียนใหม่นี้ ผู้นั้นไม่ควรค่าที่จะเงยหน้าขึ้นมองดูธงไตรรงค์ร่วมกับพวกเราเลย”

    • "พวกเธอรังแกคนที่ไม่มีความผิด รังแกคนที่น่าสงสาร รักแกคนที่อ่อนแอ ผู้ไม่มีโอกาสป้องกันตัว การกระทำของพวกเธอเลวมาก เป็นการกระทำที่มนุษย์ถือว่าน่าอับอายที่สุด เป็นการกระทำของคนขี้ขลาด”

    ในเวลาตอนเข้าไปโรงเรียน เจ้าจงนึกดังนี้ว่า ภายในจังหวัดที่เราอยู่นี้มีเด็กเป็นจำนวนหลายแสนคนกำลังไปเรียนหนังสือเหมือนกับเจ้า และในเวลาเดียวกันนี้ ประเทศต่างๆ ในโลก เด็กเป็นจำนวนตั้งหลายสิบล้านคนก็กำลังไปโรงเรียน นับแต่ไซบีเลียซึ่งเต็มไปด้วยน้ำแข็งจนถึงมลายู มีเด็กนับล้านต่างหอบหนังสือไปเรียนหนังสือเช่นเดียวกัน เจ้าลองคิดคำนึกถึงหมู่คณะ ซึ่งสำเร็จขึ้นด้วยเด็กอันเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนตั้งร้อยๆ ภาษา และคำนึงถึงการเคลื่อนไหวของหมู่คณะใหญ่นี้ ซึ่งเจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งด้วยและเจ้าจงจำไว้ว่า ถ้าการเคลื่อนไหวนี้ได้หยุดชะงักลงทันใด มนุษย์ก็จะถอยกลับไปสู่สภาพอันป่าเถื่อนเช่นเดิม การเคลื่อนไหวนี้เป็นการก้าวหน้าของโลก เป็นความหวังและเป็นเกียรติต่อตนเอง ครอบครัว ประเทศชาติ

    • จงมานะเถิด เจ้าคือ ทหาร คนหนึ่งในกองทัพใหญ่นี้ หนังสือของเจ้าก็คือ อาวุธ ชั้นของเจ้าก็คือ กองทหารกองหนึ่ง โลกนี้ก็คือ สนามรบ ชัยชนะ คือ ความเจริญของมนุษย์ ประเสริฐ เจ้าอย่าเป็นทหารขี้ขลาด !

    แม่เจ้านั้นนะอาจจะยอมเสียสละความสุขซึ่งจะได้รับในปีหนึ่ง เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเจ้าชั่วโมงหนึ่ง และยอมเสียสละชีวิตของตนเพื่อแลกกับชีวิตของเจ้าได้ทุกเมื่อเจียวนะ นี่แนะประเสริฐ เจ้าจงจำไว้ว่า ในชีวิตของเจ้านั้นเป็นธรรมดาที่จะต้องได้รับความยากลำบากต่างๆ แต่ความยากลำบากที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ การเป็นกำพร้าแม่ ต่อไปเมื่อเจ้าโตขึ้นได้ชิมรสความยากลำบากของมนุษย์โดยประการต่างๆแล้ว ก็คงจะมีเวลาหนึ่งที่เจ้าจะคิดถึงแม่ของเจ้าตั้งหลายพันครั้ง อยากจะได้ฟังเสียงแม่ของเจ้าอีกสักครั้งหนึ่ง อยากจะให้ศีรษะของเจาได้หนุนตักแม่ของเจ้าสักนาทีหนึ่ง แล้วร้องไห้อย่างเด็กๆ เพื่อจะได้รับคำปลอบโยนจากแม่ของเจ้าอีก ในขณะนั้นแหละ…ถ้าเจ้าได้คิดถึงเรื่องที่เจ้าได้ทำความลำบากให้แก่แม่เจ้าซึ่งล่วงลับไปแล้วนั้น เจ้าจะต้องร้องไห้นึกถึงแม่ของเจ้า ประเสริฐเอ๋ย…เจ้าจะต้องรู้ว่าความรักที่แม่มีต่อลูกนั้น เป็นยอดแห่งความรักของเหล่ามนุษย์ ผู้ที่ทำลายความรักนี้จะเป็นผู้ที่เคราะห์ร้ายที่สุด

    • ทันใดนั้น เสนาะวิ่งมาพูดกับ พนิช เบาๆ ว่า “ วิ่งเข้าไปรับสารภาพเสียเร็วๆ คนที่ปล่อยให้คนอื่นถูกจับโดยไม่มีความผิดนั้นคือ คนขี้ขลาด “ “ ผมขอโทษ ผมไม่ได้เจตนาเลย “ พนิช พูดด้วยเสียงที่เกือบจะไม่ได้ยิน และกล่าวซ้ำอยู่ดังนั้น เด็กคนนี้มีความกล้าหาญพอที่จะเข้ามาสารภาพผิดด้วยตนเอง

    “อย่าเลี้ยงงูริษยา งูนี้มันจะกินสมองของเธอและทำลายหัวใจของเธอ “

    • ขอให้เธอเอาใจใส่ในวิชาเลขคณิตให้มากเพราะเป็นวิชาที่เธออ่อนจะต้องหมั่นเรียนให้จงดี ความลำบากมีเฉพาะในตอนต้นเท่านั้น สิ่งที่ทำไม่ได้นั้นไม่มีเลย ที่ว่าทำไม่ได้นั้นก็คือใช้ความพยายามไม่เพียงพอเท่านั้นเอง”• การที่จะทำให้เพื่อนทุกคนชอบเธอนั้นไม่ยาก และการมีเพื่อนชอบหรือรักเธอมากๆ จะทำให้เธอมีความสุขยิ่งขึ้นอีกด้วย

    ลูกของแม่ จงจำไว้เถิดว่า กรรม (กรรม = การกระทำ) อันกระทำไว้ด้วยดี ความรักใคร่เอ็นดูทั้งหลายซึ่งมีต่อเจ้า กรรมอันงามที่เจ้าได้ประกอบไว้กับญาติและพ่อของเจ้าตลอดจน ความคิด ความหวังดีของเจ้าเหล่านี้ ล้วนเป็นบันไดที่จะนำเจ้าไปสู่โลกนั้น เคราะห์กรรมอันร้ายแรงก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพยุงเจ้าขึ้นไปถึงโลกนั้น ความโศกจะเป็นสิ่งบรรเทาความบาป เหมือนกับน้ำตาที่ช่วยล้างสนิมให้หลุดจากหัวใจของเจ้า จงวางกฏประจำใจไว้ว่า ทุกๆ วันจะต้องทำตัวให้ดีให้น่ารักขึ้นกว่าวันก่อนเสมอ ทุกๆ เช้าที่เข้าตื่นขึ้น ต้องระลึกไว้เสมอว่า “วันนี้เราจะต้องกระทำสิ่งที่มีมโนธรรม เราจะทำสิ่งที่พ่อแม่พอใจ จะต้องทำสิ่งที่เพื่อน ครู และพี่น้องพอใจให้เราทำ” และจะต้องพยายามกระทำให้ใจกล้าแข็ง ตั้งปณิธานไว้ในใจเสมอว่า “ เรา จะประกอบแต่ความดี สุภาพ กล้าหาญ อ่อนโยน ซื่อสัตย์ พยายามประกอบกรรมดี เพื่อเวลาที่แม่จูบเราทุกคืน เราจะได้กล่าวกับแม่ได้ว่า “ แม่จ๋า… การจูบคืนนี้ยอดเยี่ยมและมีค่ากว่าคืนก่อน “ เมื่อไปอยู่ในโลกหน้า เจ้าจะต้องเป็น ด.ช. ประเสริฐ ที่สะอาด บริสุทธิ์ดังฑูตสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด จะต้องระลึกไว้ในใจดังนี้ อย่าลืมเสียเป็นอันขาด

    • เมื่อผ่านหรือสวนกับคนที่พิการต้องหลีกทางให้ ไม่ว่าผู้ที่เราเห็นนั้น จะเป็นคนตาบอด เด็กหลังโกง เด็กกำพร้าหรือเด็กที่ถูกละทิ้ง จะต้องนึกเสียว่าผู้ที่ผ่านไปเมื่อขณะนี้นั้นไม่ใช่อื่นไกล คือ เพื่อนมนุษย์ผู้ที่เคราะห์ร้าย และ ถ้าเห็นคนที่ทุพพลภาพจนน่าเกลียดและน่าหัวเราะ จงทำเป็นมองไม่เห็นเสีย ตามถนนหรือทางเดินถ้าเห็นบุหรี่หรือไม้ขีดไฟที่ยังไม่ดับก็จะต้องเหยียบให้ดับ เพราะถ้าไม่ดับเสียมันก็อาจจะเกิดเป็นเรื่องใหญ่จนทำลายชิวิตและบ้านเรือนได้ ถ้ามีคนมาถามทางต่อเราจะต้องบอกด้วยความเต็มใจจนเขาเข้าใจชัด อย่าเที่ยวมองเที่ยวหัวเราะใครๆ ไม่จำเป็นก็อย่าวิ่งอย่าตะโกน รวมความได้ว่า แม้อยู่ตามถนน ก็ต้องทำตนให้เรียบร้อย ระดับการศึกษาของพลเมืองนั้นจะเห็นได้ก็จากการบำเพ็ญตนของคนเดินตามถนน ตามถนนถ้ามีการกระทำที่ไม่ดี ในบ้านก็ต้องมีการกระทำที่ไม่ดีด้วยเป็นแน่

    “ เธอเป็นผู้กล้าหาญมาก ผู้ที่ช่วยชีวิตแม่เธอให้ฟื้นขึ้นมาได้นั้น ก็คือตัวเธอนั่นเอง !”

    • ในโลกนี้แม้จะมีความเป็นห่วงความทุกข์ความลำบากสักเพียงใดก็ตาม ถ้าพ่อได้เห็นเจ้าอยู่ข้าง ๆ แล้วก็จะลืมความเป็นห่วงทุกข์ยากนั้นไปหมด ทั้งนี้ก็เพื่อหาความรักจากตัวเจ้า เพื่อแสวงหาความปลอบโยนจากเจ้า ฉะนั้นถ้าเจ้าแสดงความไม่พอใจหรือหน้าเบื่อหน่ายต่อพ่อ เจ้าจะทำให้พ่อเจ้าขาดความรักของเจ้าไปแล้ว พ่อเจ้าจะเศร้าโศกสักเพียงใด ประเสริฐ จงอย่าทำใจของเจ้าให้สกปรกด้วยความอกตัญญูแม้เจ้าจะเป็นนักปราชญ์ที่สามารถ ก็ยังไม่พอที่จะตอบแทนความยากลำบากที่พ่อเจ้าได้ฟูกฟักเข้ามา และยิ่งกว่านี้ชีวิตของมนุษย์นั้นเมื่อไรจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่คาดคะเนไม่ได้ พ่อเจ้าอาจจะตายไปในระหว่างที่เจ้ายังมีอายุน้อยอยู่ซึ่งอาจจะเป็นภายในสามปีสองปี หรืออาจจะเป็นพรุ่งนี้ก็เป็นได้เหมือนกัน ประเสริฐ ลูกรักของแม่ ถ้าพ่อเจ้าตายไปจริง ๆ แล้ว แม่จะต้องสวมเครื่องแต่งตัวไว้ทุกข์ ในบ้านก็จะเงียบเหงาเศร้าโสกและวังเวงเหมือนกับบ้านที่ไม่มีใครอยู่ เร็ว เจ้าจงไปหาพ่อในห้องทำงานของพ่อเจ้าแล้วเดินเข้าไปเงียบ ๆ ฟุบศีรษะลงบนตักของพ่อเจ้า ขอให้พ่อเจ้าอภัยต่อเจ้าและให้เจ้าอวยพรแก่พร

    บุคคลแรกที่ขอขอบคุณ คือคุณครู ครูที่รักและกรุณาเรา สิ่งที่ข้าพเจ้ารู้ในบัดนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ครูสอนให้ด้วยเต็มกำลังทั้งกายและใจ ต่อจากนั้นขอขอบคุณประดิษฐ์ รักธรรม ผู้ซึ่งอนุเคราะห์อธิบายเรื่องต่าง ๆ นานาได้เข้าใจให้ผ่านความลำบากต่างๆ ไปได้ และทำให้การทดลองได้ผล อีกคนหนึ่งคือ เดช เขาได้ทำตัวอย่างให้เห็นว่า “ความพยายามนำมาซึ่งความสำเร็จ” เสนาะ นิยมธรรม เพื่อนสนิทผู้ย้อมน้ำใจเราให้มีความกรุณาและดีงาม อั๋น ถนัดการช่าง และอรรถ เกียรติขจร ซึ่งทำตัวอย่างแก่ความกล้าหาญและอดทนต่อความยากลำบาก และความรักในการงานขอขอบคุณเพื่อนที่ไม่ได้กล่าวนามาแล้ว ตลอดถึงที่ไม่ได้กล่าว ผู้ที่ข้าพเจ้าขอขอบคุณเหนือผู้อื่น คือ คุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นครูคนแรกที่สุดของข้าพเจ้า ได้ให้คำปรึกษาอันฉลาด และคำสอนในทุกเรื่องที่ควรรู้ ได้ปลดบังความทุกข์และความลำบากไว้ เพื่อให้ข้าพเจ้าได้เรียนไปเพื่อความสะดวกและให้ความเป็นอยู่อย่างเต็มไปด้วยความร่าเริง อีกคนหนึ่งคือ คุณแม่ผู้เมตตาและรักข้าพเจ้า คุณแม่เป็นผู้ที่ข้าพเจ้ารักมากที่สุด เป็นทูตสวรรค์ที่เฝ้าพิทักษ์ข้าพเจ้าถือเอาความสุขของข้าพเจ้าเป็นความสุขของแกด้วย และถือเอาความเศร้าโศกของข้าพเจ้าเป็นความเศร้าโศกของท่าด้วย ได้เรียนร่วมกันได้ทำงานร่วมกันกับข้าพเจ้าเสมอมา มือหนึ่งศีรษะ อีกมือหนึ่งชี้ทางสวรรค์ โอ้คุณแม่ ลูกขอกราบลงกับฝ่าเท้าของคุณแม่เหมือนดังเกลือกกลิ้งอยู่กับฝ่าเท้าของคุณแม่มาแล้วในวัยเยาว์ ลูกขอขอบพระคุณในความรักและความเสียสละซึ่งซาบซึ้งอยู่ในอกของลูกมาตลอด 13 ปีนี้





Create Date : 29 มีนาคม 2550
Last Update : 10 เมษายน 2550 11:43:43 น. 0 comments
Counter : 214 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

yui_tongthai
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add yui_tongthai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com