ขณะนั้น บาตรดินอันเป็นทิพย์
ซึ่งฆฏิการพรหมถวายแต่วันแรกทรงบรรพชา
เกิดอันตรธานหายไปจากที่นั้น
พระมหาบุรุษก็ทรงเหยียดพระหัตถ์ออกรับ
แล้วทอดพระเนตรดูนางสุชาดา แสดงให้นางรู้ชัดว่า
พระองค์ไม่มีบาตรจะถ่ายใส่ข้าวปายาสไว้
นางสุชาดาทราบชัดโดยพระอาการ ก็กราบทูลว่า
หม่อมฉันขอถวายทั้งถาด พระองค์มีพระประสงค์ประการใด
โปรดนำไปตามพระหฤทัยเถิด แล้วถวายอภิวาททูลอีกว่า
ความปรารถนาของหม่อมฉันสำเร็จฉันใด
ขอสิ่งซึ่งพระหฤทัยของพระองค์ประสงค์จงสำเร็จฉันนั้นเถิด
แล้วนางก็ก้มลงกราบ ถวายบังคมลา
กลับเรือนด้วยความสุขใจเป็นล้นพ้น
ส่วนพระมหาบุรุษ เสด็จลุกจากที่ประทับ
ทรงถือถาดข้าวปายาส เสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
ประทับบ่ายพระพักตรสู่บุรพาทิศแล้ว
ทรงปั้นข้าวปายาสเป็นปั้น ๆ ได้ ๔๙ ปั้น
เสวยจนหมด แล้วทรงถือถาดลงสู่แม่น้ำ
ทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า
ถ้าอาตมาจะได้ตรัสแก่พระปรมาภิเสกสัมโพธิญาณแล้ว
ขอให้ถาดนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป
แล้วทรงลอยถาดทองนั้นลงในแม่น้ำเนรัญชรา
ขณะนั้นอานุภาพพระบารมีของพระองค์ซึ่งทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้ว
ได้แสดงให้เห็นอัศจรรย์
ถาดทองนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำเนรัญชราขึ้นไปประมาณ ๑ เส้น
แล้วถาดทองนั้นก็จมลงตรงนาคภพพิมาน แห่งพญากาฬนาคราช
ครั้นพระมหาบุรุษได้ทอดพระเนตรเห็นเป็นนิมิตอันดีเช่นนั้น
ก็เพิ่มความแน่พระทัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า
โดยหาความสงสัยมิได้ ก็ทรงโสมนัสเสด็จมายังสาลวัน
ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประทับพักที่ภายใต้ร่มไม้สาลพฤกษ์
พอเวลาสายันห์ตะวันบ่าย ก็เสด็จออกจากหมู่ไม้สาละ ที่พักกลางวัน
เสด็จดำเนินไปสู่ควงไม้อสัตถะโพธิพฤกษ์มณฑล
พบโสตถิยะพราหมณ์ในระหว่างทาง
โสถิยะพราหมณ์เลื่อมใส น้อมถวายหญ้าคา ๘ กำ
พระมหาบุรุษรับหญ้าคาแล้ว เสด็จไปร่มไม้อสัตถะนั้น
ณ ด้านปราจีนทิศ ทรงอธิษฐานว่า
ถ้าอาตมาจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
ขอจงเกิดเป็นรัตนบัลลังก์แก้วขึ้นรองรับพระสัพพัญญุตญาณในที่นี้
ทันใดนั้น บัลลังก์แก้วอันวิจิตรงามตะการ
ก็บรรดาลผุดขึ้นสมดังพระทัยประสงค์ ควรจะอัศจรรย์ยิ่งนัก
เรื่องราวต่อไปขอให้ย้อนกลับไปอ่านกระทู้
พุทธประวัติที่เกี่ยวกับการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ในคืนวันวิสาขมาส 1
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=venfaa&month=26-01-2013&group=3&gblog=4