BlogGang.com : : venfaa - สถูปบ้านนางสุชาดา 2

Group Blog

All Blogs

สถูปบ้านนางสุชาดา 2

มองไปรอบ ๆ สถูปนี้มีอะไรบ้าง

สถูปนี้แวดล้อมด้วยหมู่บ้าน มีต้นตาล และลานนวดข้าว

ลานนวดข้าวนี้เมื่อ 20 ปีก่อน ก็เป็นอย่างนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลงไปเลย

คาดว่าเมื่อ 100 ปีก่อนก็คงจะเป็นอย่างนี้เหมือนกัน

ที่นี่บางสิ่งบางอย่างยังคงเหมือนสมัยพุทธกาลเสียด้วยซ้ำ

การนวดข้าวเขาจะใช้วิธีดั้งเดิมก็คือ มัดต้นข้าวที่เก็บเกี่ยวมาเป็นมัดใหญ่ ๆ

แล้วจับฟาดบนตะแกรงหรือคานอะไรสักอย่างที่ไม่สูงจากพื้นดินมากนัก

ที่เห็นยืนรุมทำอะไรกันอยู่นั่นแหละ

เพื่อให้เมล็ดข้าวตกลงมาที่ดิน บางบ้านก็ใช้วัวเดินเหยียบไปเหยียบมา

เพื่อให้เมล็ดข้าวหลุดจากรวง จากนั้นก็ใช้พัดลมที่หมุดด้วยมือ

โดยมีกลไกสำหรับเพิ่มรอบทำให้พัดลมหมุนเร็วกว่ารอบที่คนหมุน

แต่ปัจจุบันบางบ้านให้เครื่องยนต์เข้ามาช่วย

เอาข้าวที่หลุดจากรวงแล้วแต่ยังมีเศษฟางเล็กน้อย

มาเทหน้าพัดลม เศษฟางจะถูกลมพัดไป

เหลือแต่เมล็ดข้าวตกอยู่ที่พื้นเป็นอันเสร็จ

เท่าที่เห็นบางบ้าน เอาข้าวเปลือกไปต้มในน้ำร้อนก่อน

แล้วจึงเอาไปตากแดดให้แห้ง

แล้วเอาไปสีเป็นข้าวสาร จากนั้นก็เอามาหุงกินกัน

ทำให้ข้าวนั้นนุ่มอร่อย

มองสูงขึ้นไปจากมุมนี้เองก็จะเห็นเทือกเขาดงคสิริ

ที่มหาบุรุษประทับบำเพ็ญทุกรกิริยา อยู่ไกล ๆ

มองมาทางซ้ายอีกนิดก็จะเป็นโรงเรียนของเด็กเล็ก

ถัดไปอีกทางซ้ายของภาพ ก็เป็นโรงเรียนของเด็กโตหน่อย

มีป้ายที่พยายามเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน

และภาษาไทยหรือว่าภาษาลาวก็ไม่ทราบ

อ่านว่า โรงเรียนสยาตา โรงเรียนเด็ก ฟรีสำหรับ เด็กยากจน

จริง ๆ น่าจะเป็น โรงเรียนสุชาดา แต่ว่าภาษาฮินดีเขาออกเสียงต่างออกไป

เป็นสยาตา คงจะเพี้ยนออกไปตามระยะเวลาที่เปลี่ยนไป

มีป้ายที่เป็นภาษาอังกฤษ

แปลว่า กองทุนสวัสดิการสำหรับเด็ก ศากยะ สุชาดา

ก็เพื่อเรียกเงินบริจาคสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมชมสถูปบ้านนางสุชาดานี้

ลองขึ้นไปดูโรงเรียนนี้สักหน่อยว่าเป็นอย่างไร

เดินเข้าไปในประตูก็จะมีสำนักงานหรือว่าห้องพักครู

ด้านในก็จะเป็นห้องพักคงจะมีการทำอาหารเลี้ยงเด็กนักเรียนด้วย

เหลือบไปเห็นเตาสำหรับหุงต้ม มีลักษณะคล้ายกับเตาอั้งโล่ของไทย

บางบ้านก็จะมีเตาอีกลักษณะหนึ่งปั้นด้วยดินเหมือนกันแต่มี 2 รู

ก่อไฟครั้งเดียว ด้านหนึ่งปิ้งโรตี อีกด้านหนึ่งใช้ต้มแกงที่เอาไว้กินกับโรตี

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ชั้นบนสุดเป็นห้องเรียน ซึ่งก็จะมีนักเรียนนั่งเรียนกันประมาณ 20 คน

นอกห้องเรียนก็ยังมีอีกคลาสหนึ่ง คงจะเรียนคนละชั้นกันนักเรียนข้างใน

ไม่รู้ว่าข้างนอกหรือข้างในเรียนสูงกว่ากัน

นักเรียนพวกนี้มาเรียนบ้างไม่มาบ้าง

แล้วแต่สะดวก เนื้อหาการเรียนก็คงจะเรียนเพื่อให้อ่านออกเขียนได้เท่านั้น

อาจจะมีประวัติศาสตร์บ้าง คณิตศาสตร์บ้าง

เรียนวิชาที่มีความจำเป็นพื้นฐานเท่านั้น

ไม่ได้เรียนเพื่อกะว่าจะไปสอบอะไร

ถ้าจะเรียนอย่างนั้นก็จะเป็นนักเรียนที่มาจากบ้านที่มีฐานะดีสักหน่อย

จะไปเข้าเรียนโรงเรียนประจำตำบล ซึ่งก็มีอยู่บ้างแต่ไม่ใช่ที่นี่

ที่นี่เป็นโรงเรียนที่เกิดจากคนหนุ่มที่มีการศึกษา

ฐานะทางบ้านดีพอควร เลี้ยงตัวได้อยู่แล้ว

จึงคิดอยากจะช่วยสังคมขึ้นมา

คนนี้เป็นครูที่สอนอยู่ที่นี่จริง ๆ ขอเน้นว่า จริง ๆ

เพราะว่าที่มาเรี่ยไรบางคนก็แอบอ้างมาไม่รู้ว่าเอาเงินไปใช้ที่ไหน

ภาพนี้เป็นครูกับเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่ดูจากการแต่งตัว

เหมือนว่าจะมีฐานะสักหน่อย

เขาก็คิดจะทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง จึงตั้งโรงเรียนขึ้นมา

แต่ทำไปทำมากลับได้เงินบริจาคจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนไทย

เลยสบายกันทั้งครูและนักเรียน แต่ช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยวก็คงจะลำบากหน่อย

ผมก็ไปเจาะรายละเอียดมาโรงเรียนหนึ่งที่นาลันทา

แต่จะขอเอาไว้เล่าตอนที่ไปถึงนาลันทา

เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กยากจนตัวอย่างโดยคนที่มีใจเป็นกุศล

อยากจะพัฒนาเด็กให้มีการศึกษา เพื่อเป็นกำลังของประเทศต่อไป

เด็กส่วนใหญ่ในประเทศนี้ โดยเฉพาะเมืองที่อยู่ในชนบท

ส่วนใหญ่จะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ คนไทยที่ไปพุทธคยามาแล้วอาจจะ

มีความคิดว่าเศรษฐกิจก็ดูไม่เลวร้ายเท่าไหร่

ก็เพราะว่าที่คยานี่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของอินเดีย

มีนักท่องเที่ยวหมุนเวียนกันมาไหว้พระที่นี่ สัปดาห์ละเกือบ 2,000 คน

ความเจริญก็เลยมีมาก เพราะว่านักท่องเที่ยวเอาเงินมาใช้จ่ายนั่นเอง

คุณภาพชีวิตที่คยานี้จึงดูดีหน่อย

แต่ถ้าเป็นเมืองอื่น ๆ อย่างเช่น สาวัตถี กุสินารา ไวสาลี เหล่านี้

เราจะเห็นความแตกต่างจากคยาได้อย่างชัดเจน

เด็กส่วนใหญ่ที่นี่สุขภาพไม่ดี ไม่มียารักษาโรค

ต้องอยู่กันแบบพอเพียง เนื้อตัวสกปรก ในภาพคงจะเห็นว่ามีน้ำมูกเกรอะกรัง

พ่อแม่ก็ไม่ค่อยจะดูแล แถมยังปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ

ให้นอนตากยุง อยู่กับดินกินกับทราย

เขาบอกว่าไม่งั้นเด็กจะอยู่ในประเทศนี้ไม่ได้

ยังไม่นับพวกที่เกิดมาแล้วเป็นโรคที่ประเทศอื่นไม่ค่อยมีกันเพราะมีวัคซีน

แต่ที่นี่ไม่มี จึงเห็นเด็กเป็นโปลิโอ ตาบอด พิการส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

คนไทยไปเห็นแล้วก็จะอดสงสารไม่ได้แจกเงินกันน่าดู

จะว่าไปแล้วพวกเขาก็ดูน่าสงสารจริง ๆ นั่นแหละ

ประเทศนี้ไม่มีการคุมกำเนิด เป็นการผิดคำสอนของศาสนาฮินดู

ลูกเด็กเล็กแดงจึงวิ่งเล่นกันเต็มบ้านเต็มเมือง

Create Date : 23 พฤษภาคม 2556

Last Update : 23 พฤษภาคม 2556 20:24:22 น.

0 comments

Counter : 1837 Pageviews.

venfaa

Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์

Rss Feed

Smember

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

นกเทพย่อมมีบารมีของเทพ
สายลมอ่อนๆ เบาสบาย
มือพัดไปมา จิตตรองกลยุทธ์
วางแผนจัดการได้ทุกเรื่องในโลก

venfaa

Friends' blogs

Webmaster - BlogGang

[Add venfaa's blog to your web]

Links

BlogGang.com