จะขอพูดถึงความมหัศจรรย์ของดอกบัว 1 ก้าน 3 ดอก
(๑) แต่นี้ไปจักกล่าวด้วยเรื่องตั้งภัททกัลป์
เป็นกาลอันบังเกิดแห่งพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
มีพระกกุสนธ์เป็นต้น และมีพระศรีอริยเมตตไตย์เป็นที่สุด
ในพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์นี้
นักปราชญ์ผู้ประกอบไปด้วยคัมภีรปัญญา
จึงกดหมายว่า ตั้งแต่ไฟไหม้กัลป์ก่อนกัลป์นี้ไป
ตั้งแต่ชั้นอาภัสสราลงมาภายต่ำว่างเปล่าเป็นอากาศอยู่หาที่สุดมิได้
แล้วก็มีมหาเมฆตั้งขึ้น ฝนก็ตกลงมาเพื่อจักให้บริบูรณ์นี้ไซร้
ตกลงมาทีแรกเป็นเม็ดละเอียดประดุจน้ำค้าง แล้วโตขึ้นๆ
เท่าปลายข้าวเท่าเม็ดข้าวสาร และเม็ดถั่วเขียว
เท่าลูกพุทราและมะขามป้อม และโตเท่าลูกน้ำเต้าและลูกฟักเขียว
ทวีขึ้นไปทุกทีๆ โตถึงครึ่งโยชน์และสองโยชน์
ตลอดถึงพันโยชน์ ตกเต็มทั่วไปในแสนโกฏิจักรวาล
ตามเขตที่ไฟไหม้นั้น น้ำก็ท่วมขึ้นไปถึงชั้นอาภัสสราโพ้น
ฝนนั้นจึงหาย ส่วนใต้น้ำนั้นลมพัดดันไว้ทางด้านขวาง
ครั้นลมหายแล้วน้ำก็เป็นแท่งประดุจดังเอาใบบัวห่อน้ำไว้ ฉะนั้น
เมื่อลมกระทำให้เป็นก้อนเป็นแท่งแล้วก็แตกลงโดยลำดับกัน
ถึงที่พรหมอยู่เมื่อก่อนก็บังเกิดเป็นภูมิขึ้น
เพื่อให้เป็นที่เกิดแห่งพรหมทั้งหลายที่เกิดมาภายหลัง
เป็นชั้นๆ ลงมาถึงชั้นกามาวจรภูมิ แต่ก่อนนั้นลมมีกำลังยิ่งนัก
พัดน้ำให้แขวนอยู่เหมือนดังปิดปากธรรมกรกนั้นแล
ผิว่าน้ำภายบนนั้นเกิดเป็นรสหวานแล้วก็แห้งเกิดเป็นแผ่นดินลอยอยู่ภายบนน้ำ
ประดุจดังดอกบัวอันลอยอยู่เหนือผิวน้ำ
จึงได้เรียกว่าแผ่นดินและแผ่นดินนั้นมีวรรณะและมีรสหอมยิ่งนัก
เป็นแผ่นประดุจดังน้ำข้าวต้มอันอยู่ภายบนฉะนั้น
ในที่ประดิษฐานแห่งไม้มหาโพธิแต่ก่อนนั้น
ครั้นมาถึงกาลสมัยที่ไฟไหม้ล้างกัลป์นี้ ใ
นที่นั้นก็ฉิบหายภายหลังที่สุด เมื่อจะตั้งกัลป์ก็ตั้งขึ้น ณ ที่นั้นก่อนไซร้
ในที่นี่จักกล่าวด้วยนิมิตอันพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
จักมาบังเกิดและบ่มิได้มาบังเกิดในกัลป์ทั้งหลาย
ให้พึงรู้ดังนี้ว่า ยังมีกอบัวกอหนึ่งบังเกิดขึ้นในที่โพธิบัลลังก์
แห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายมีเที่ยงแท้
ผิว่าพระพุทธเจ้าบ่มิได้มาบังเกิดในกัลป์ในกัลป์นั้น
กอบัวกอนั้นก็หาดอกบ่มิได้
ผิว่าพระพุทธเจ้าจักมาบังเกิดในกัลป์นั้น
พระองค์หนึ่งหรือสอง สาม สี่ ห้า พระองค์ก็ดี
บัวกอนั้น ก็มีดอกๆ หนึ่งหรือสอง สาม สี่ ห้า ดอกตามพระพุทธเจ้า
ที่จะลงมาบังเกิดน้อยและมาก อันนี้เป็นธรรมดา
และในกัลป์หนึ่งจะมากกว่า ๕ พระองค์ไป ก็ยังไม่ปรากฏ
ดอกบัวนั้นแม้ว่าจะมีดอกหนึ่ง หรือสอง สาม สี่ ห้า
ดอกก็ตาม ย่อมมีก้านๆ เดียวเท่านั้น
จะมีหลายก้านอย่างดอกบัวธรรมดานี้หามิได้แล
เหตุว่าพรหมทั้งหลายที่อยู่ในชั้นสุทธาวาสโน้น
เขาเจรจากันว่า ดูราชาวเราทั้งหลาย ใ
นกัลป์นี้จะมีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดกี่พระองค์
หรือว่าไม่มีมาบังเกิด แม้แต่พระองค์เดียวประการใด
มาเราทั้งหลายจงพากันลงไปดูนิมิตแห่งดอกปทุมนั้นก่อน
ว่าแล้วก็พากันลงมาสู่ที่อันพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
จักได้มาตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ
ถ้าในกัลป์ใดไม่มีพระพุทธเจ้าลงมาบังเกิด
ก็เห็นแต่กอบัวเปล่ามิได้เห็นดอกบัว
เมื่อเป็นเช่นนั้นพรหมทั้งหลายก็บังเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก
จึงเจรจากันว่า ดูราชาวเราทั้งหลาย
มนุษยโลกทั้งหลายอันมาเกิดในกัลป์นี้
จักมืดมัวหลงจากการทำบุญให้ทาน
อันเป็นคลองแหงพระนิพพาน
ครั้นว่าจุติจากชาติอันเป็นมนุษย์นี้แล้ว
ก็จักไปจมอยู่ในจตุราบาย ส่วนพรหมโลกนั้นเล่า
ก็จักเปล่าเสียจากพรหมทั้งหลาย